โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 211

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 211 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 211 ต้องหนีไปให้ถึงภูเขา

แต่ทว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้ากลับเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เพราะมังกรดำได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปลดปล่อยแรงกดดันของมังกรที่แท้จริงออกไป ในขณะที่พลังของงูหลามหินยักษ์นั้นมีน้อยกว่า 80% ผนวกกับแรงกดดันจากมังกรแห่งแสงแล้วนั้น พลังของงูหลามหินยักษ์ซึ่งเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงก็ยังแกร่งไม่เท่ากับพลังของสัตว์วิญญาณระดับกลางทั่วไปเลย

มังกรดำและมังกรแห่งแสงนั้นกำลังปะทะกับศัตรูสองสามคน ก่อนที่ร่างของพวกนั้นจะปลิวไปตามลมเพียงเล็กน้อย

ส่วนสุนัขนรกสองหัวเสี่ยวเฮยนั้นกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์วิญญาณเสือดาวอยู่เพียงลำพัง ตรงหน้าคือเสือดาวไฟที่มีคุณลักษณะของไฟ อีกทั้งความเร็วของมันนั้นก็มหาศาล

แต่อย่างไรก็ตาม สุนัขนรกสีดำนั้นมีถึงสองหัว สี่ตาและสี่หู การรับรู้ของมันนั้นทรงพลังมากเสียจนไม่ว่าเสือดาวไฟตัวนั้นจะเคลื่อนที่ได้เร็วแค่ไหน ก็ไม่สามารถหลบดวงตาทั้งสี่และหูทั้งสี่ของมันได้พ้น

ทั้งสองฝ่ายต่างไล่กวดวนกันไปมา

อีกฟากหนึ่งนั้น หลิน เฟิงกำลังเผชิญหน้ากับคนสี่คน ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ เขาต้องเลือกป้องกันตัวไม่ก็หลบไป ไม่งั้นก็จะถูกจัดการไม่ต่างจากกระสอบทราย

หลิน เฟิงถือใบมีดเงาเลือดก่อนจะใช้วิชาย่ำเงา ในบางครั้ง โล่หินขนาดยักษ์ก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าเขาเพื่อจะกันพลังที่คนโจมตีเข้ามา พลังของเขาถูกดูดไปอย่างรวดเร็วมาก และไม่นาน พลังที่เขาใช้ก็กินพลังไปมากกว่าครึ่ง

ตงฟาง เซียงและตงฟาง เย่วจิงตัดสินใจที่จะแอบโจมตีหลิน เฟิงอยู่ตลอด ในขณะที่ผู้มีพลังระดับ B ขั้นสูงสุดอีกสองคนนั้นเลือกที่จะโจมตีหลิน เฟิงและถูกสกัดด้วยโล่หินยักษ์อยู่ตลอด และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนั่นจะเป็นการดูดพลังของหลิน เฟิงได้มากทีเดียว

ในขณะที่ตงฟาง เซียงและตงฟาง เย่วจิงเข้าโจมตีอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น หลิน เฟิงก็เลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้มีพลังระดับ B ขั้นสูงสุดพวกนั้นพลางใช้โล่หินพวกนั้นเป็นที่กำบังเพื่อเป็นการบังคับให้พลังพวกนั้นย้อนกลับไปในตัว

ตงฟาง เย่วจิงถือว่าเป็นผู้ใช้พลังมาแต่เดิมและสัตว์คู่ใจของเขาก็คืองูหลามหินยักษ์ระดับสูง ด้วยเหตุนั้น พลังของมันจึงนับว่าทรงอานุภาพเป็นอย่างยิ่งหรือจะเรียกว่าแกร่งกล้าจนน่ากลัวก็ย่อมได้ แต่ทว่าสิ่งที่เป็นจุดอ่อนหลักๆเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือความเร็วของมันนั่นเองที่ไม่สามารถตามจับหลิน เฟิงไว้ได้ทันเลย

หลิน เฟิงคอยตามหนึ่งในผู้ใช้พลังระดับ B ขั้นสูงสุดอยู่ตลอด และแม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่นั่นก็ทำให้ตงฟาง เซียงและตงฟาง เย่วจิงไม่สามารถเอาชนะหลิน เฟิงได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม พละกำลังทางจิตวิญญาณของหลิน เฟิงนั้นมีมหาศาลรวมถึงพละกำลังทางกายภาพของเขาเองก็เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนล้น และเขาเองก็ไม่เคยได้ใช้วิชาย่ำเงาเป็นเวลานานเช่นนี้ด้วย

ในตอนนี้เอง หลิน เฟิงกำใบมีดเงาเลือดไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างนั้นกำแก่นวิญญาณของสัตว์วิญญาณเอาไว้ ในขณะที่ต่อสู้เขาก็คอยซึมซับพลังวิญญาณมาด้วย

หลิน เฟิงฟื้นพลังขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ผลข้างเคียงที่ตามมานั้นก็ไม่ใช่น้อยๆ ตอนอยู่ที่สถานีตำรวจ มังกรดำได้บอกกับเขาว่าถ้าเขาใช้พลังชีวิตสักหนึ่งหรือสองครั้งนั้นร่างกายจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าใช้ซ้ำๆล่ะก็ สิ่งนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงอันใหญ่หลวงขึ้น

แล้วในที่สุด ผลข้างเคียงก็ปรากฏขึ้น เลือดของหลิน เฟิงนั้นซึมออกมาตามรูขุมขนทั่วร่างกายซึ่งนี่เป็นสัญญาเตือนว่าร่างกายของเขานั้นรับไม่ไหวแล้ว

หลิน เฟิงทำได้เพียงแต่รอโอกาส เขาคอยเคลื่อนไหวกลับไปกลับมาเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ใช้ความเร็วให้น้อยลงกว่าเดิม แต่ไม่อยู่นิ่ง

ถ้ามีใครสังเกตถึงตำแหน่งของเขาล่ะก็ คนพวกนั้นอาจจะต้องรู้สึกแปลกใจเพราะหลิน เฟิงนั้นสู้ไปด้วย หลบไปด้วย จนตำแหน่งที่เขาอยู่นั้นเข้าใกล้ภูเขาข้างหลังเข้ามาทุกที

“เสียเวลาน่า ไปให้พ้นหน้าฉัน ตลอดกาลเลยละกัน ตามฉันมา วิชามวยไท่ชาน”

ตงฟาง เย่วจิงทำการโจมตีหลายครั้ง แต่หลิน เฟิงกลับหลบไปอยู่ข้างหลังพลังเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงทีและทำให้พลังที่เขาส่งมาย้อนกลับไปอีกด้วย ในตอนนี้ เขารู้สึกโกรธขึ้นมาในทันที ก่อนจะปล่อยพลังโจมตีอีกครั้ง ในขณะที่คนอื่นๆต่างถอนตัวออกมา

มีเพียงแค่ตงฟาง เซียงและตงฟาง เย่วจิงเท่านั้นที่โจมตีหลิน เฟิงอยู่ การโจมตีของตงฟาง เย่วจิงนั้นรุนแรงเทียบเท่ากับภูเขาไท่เลยทีเดียว หลิน เฟิงรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ราวกับไม่ใช่คนแต่เป็นภูเขาเคลื่อนที่ได้ที่มาจากอีกฝั่งหนึ่ง

“อสุนีบาต กรงเล็บพยัคฆ์”  ตงฟาง เซียงจัดการโจมตีเข้ามาจากอีกฝั่ง ถึงจะมาทีหลังแต่กลับรวดเร็วกว่าตงฟาง เย่วจิงเสียอีก

ดังนั้น หลิน เฟิงจึงทำได้แค่หลบหลีกสายฟ้าที่ผ่าลงมาของตงฟางเซียงเป็นอย่างแรก แต่ในขณะที่หลิน เฟิงหลบสายฟ้าและกรงเล็บพยัคฆ์ของตงฟางเซียงอยู่นั้น เขากลับไม่รู้เลยว่าหมัดหินผาขนาดยักษ์เข้ามาโจมตีเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

เมื่อเห็นแบบนี้ หลิน เฟิงจึงหันไปมองข้างหลัง แล้วเขาก็ตะโกนลั่น

“ใบมีดเงาเลือด” ในตอนนั้นเอง ใบมีดที่อยู่ในมือหลิน เฟิงก็ถูกเหวี่ยงออกไปในทันที ก่อนที่ใบมีดนั้นจะผ่าหมัดขนาดยักษ์นั้นลง

ฉัวะ

ทันทีที่สิ้นเสียงของใบมีด ร่างทั้งร่างของหลิน เฟิงก็กระตุกรัวก่อนจะสำลักเลือดออกมากลางอากาศ แต่ทว่าที่มุมปากของเขากลับเผยรอยยิ้มออกมา ตงฟางเซียงและตงฟางเย่วจิงนั้นต่างรู้สึกงุนงง

หลิน เฟิงนั้นใช้แรงของการโจมตีครั้งนี้พาตัวเองบินกระเด็นออกไป จนไปถึงร่างของหวัง หานและจื้อเฉิง พลันร่างของปีศาจต้นไม้ประหลาดนั้นก็งอกออกมาจากตรงกลางคิ้วของหลิน เฟิง ก่อนที่พวกมันจะมัดคนสองคนที่ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเข้าไว้ด้วยกัน

ข้างหลังพวกเขานั้น คือภูเขาที่พวกเขาต้องการที่จะหลบหนีไปในตอนแรก

“ทุกคน ไปกันเถอะ” หลิน เฟิงกล่าวกับสัตว์คู่ใจของเขา

เมื่อเห็นว่าหลิน เฟิงกำลังจะหลบหนี ร่างของสัตว์คู่ใจแต่ละตัวจึงเปลี่ยนเป็นแสงอย่างรวดเร็วก่อนจะบินกลับไปที่ตรงกลางคิ้วของหลิน เฟิง

“ฮ่าๆ ทุกคน ขอลาล่ะนะ ถ้าอยากจะล่าฉันต่อล่ะก็ ก็มาหาให้เจอให้ได้นะ ถ้าคิดว่ามีน้ำยาพอน่ะ” หลิน เฟิงมองไปยังตงฟางเซียงและตงฟาง เย่วจิง พลางยิ้ม โบกมือให้พวกเขากลางอากาศ

ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าหลิน เฟิงเป็นคนโง่เง่า โดนหนักขนาดนี้แต่ยังยิ้มได้ราวกับคนโง่

แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่ามีต้นไม้ประหลาดสองต้นลอยออกมาจากใจกลางคิ้วของหลิน เฟิง พวกเขาก็พาหวัง หานและจื้อเฉิงไป และสัตว์วิญญาณทั้งหลายที่หนีไปโดยไม่คิดสู้ ถึงตรงนั้นพวกเขาไม่เข้าใจเลย นี่หลิน เฟิงกับพวกกำลังจะหนีอย่างงั้นสิ

“ล่าพวกมัน ล่ามันมาให้ฉัน ล่าไปให้จนสุดขอบโลก เราต้องฆ่ามันให้ได้ในวันนี้” ตงฟางเซียงตะโกนลั่น

เป็นเรื่องน่าอายที่ปล่อยหลิน เฟิงให้หนีไปได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับตงฟาง เย่วจิงก็คือ เมื่อเขามองไปที่มือของตัวเอง ก็ปรากฏแผลขนาดใหญ่บนกำปั้นของเขา เลือดไหลออกมาเรื่อยๆ

กลายเป็นว่าตอนนี้มีดของหลิน เฟิงสร้างบาดแผลให้กับเขาเสียแล้ว นี่คือสิ่งที่หลิน เฟิงก็ยังไม่ได้แม้แต่จะคิด เพราะหลิน เฟิงไม่ได้คิดว่ามีดนี้จะสร้างบาดแผลให้เขาได้ หลิน เฟิงเพียงต้องการแค่จะใช้กริชสกัดกั้นการโจมตีจากเขาเพียงเท่านั้น

“เป็นกริชที่คมดีอะไรแบบนี้ ยอดเลย ต้องไปเอามันมาให้ได้ ทุกคน ไปล่าพวกมันกัน” ในตอนนั้นเอง ตงฟาง เซียงและตงฟาง เย่วจิง ที่หนึ่งในนั้นถูกความโลภบังตาเสียแล้ว โดยสิ่งที่เรียกว่าอาวุธจิตวิญญาณ

“นายน้อย นายท่านเย่วจิง หรือพวกนั้นจะเล่นอะไรสกปรกแล้วค่อยโจมตีกลับครับนี่” เมื่อเห็นว่าพวกหลิน เฟิงรีบไปที่ภูเขาลูกตรงหน้า ผู้ใช้พลังระดับ B ก็ว่าขึ้น

จริงๆแล้ว พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บหนักเพียงเล็กน้อยและไม่อยากจะไล่ตามต่อต่างหาก

“นายว่าไงนะ ลอบโจมตีกลับงั้นหรือ เกรงว่าจะไม่กล้าขนาดนั้นหรอกนะ ไร้สาระ เร็วเข้าเถอะ” ตงฟางเซียงว่าเสียงลั่นก่อนจะรีบไปต่อ

ตงฟาง เย่วจิงเองก็ร้อนใจยิ่งกว่าไม่ต่างกัน เขารีบวิ่งไปด้วยความกลัวว่าพวกนั้นจะหนีไปได้

ที่ภูเขาลูกดังกล่าว หลิน เฟิงกับคนอื่นๆเองก็พบสถานที่ที่จะเอาไว้ใช้หลบในที่สุด

“ออกมาเลย ต้นไม้ปีศาจ” แม้หลิน เฟิงจะได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ก็ยังยิ้มและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้

“ถ้าพวกนั้นยังกล้ามาถึงนี่ ที่นี่ก็จะกลายเป็นที่ฝังร่างของพวกมัน…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด