โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล 156

Now you are reading โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล Chapter 156 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

RC:บทที่ 156 วิวัฒนาการ

ในยามนี้ ร่างของมังกรทองนั้นช่างแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง ทั้งรูปร่างภายนอกและความสง่า

 

แต่ก่อน ร่างของมันนั้นหนาไปทุกสัดส่วน ภายนอกเป็นแค่ตัวนิ่มขยายใหญ่แล้วก็มีปีกคู่หนึ่งบนหลัง

และปีกคู่นั้นก็ทำได้แค่ร่อนไปมา ใช้บินได้มากกว่าสิบเมตรโดยไม่ต้องมีตัวช่วยใดๆ

 

แต่ทว่าในตอนนี้ สีทองที่มีแต่เดิมของมังกรทองนั้นกลับเปลี่ยนเป็นสีทองขาว ทุกสัดส่วนบนร่างของมันนั้นดูโปร่งใสเล็กน้อย รวมถึงร่างกายที่ใหญ่ขึ้นหลายเท่า

เดิมทีนั้น ขนาดตัวของมันก็พอๆกับเสี่ยวเฮย แต่อาจจะสูงมากกว่าหนึ่งเมตรและยาวมากกว่าสามเมตร แต่ว่าในขณะนี้ ตัวของมันนั้นเท่ายักษ์ ขนาดเกือบจะเท่าๆกันกับร่างของราชาหมาป่าขาว

 

สูงขึ้นปีกสามเมตร ยาวขึ้นไปอีกเจ็ดหรือแปดเมตรพร้อมกับปีกที่สยายออกยาวเกือบสิบเมตร

หลิน เฟิงที่อยู่อยู่ข้างใต้มันนั้นก็รู้สึกได้ถึงความใหญ่โตของมันที่ขนาดบดบังพระอาทิตย์ได้เลยทีเดียว

จากตัวนิ่มตัวเดิมกลายเป็นมังกรยักษ์ มันได้ปลุกสายเลือดของมังกรตะวันตกขึ้นมาแล้วจึงวิวัฒนาการเป็นมังกรทอง จนตอนนี้ หลิน เฟิงเองก็ยังไม่มีชื่อในหัว

 

ทีแรกนั้น ตัวนิ่มเป็นเหมือนสิ่งที่คล้ายกับลูกบอล จนมันกลายมาเป็นตัวนิ่มที่มีเขางอก แล้วจากนั้นจึงวิวัฒนาการเป็นมังกรทองที่มีร่างกายสีทองปกคลุมไปทุกสัดส่วน ในตอนนี้มันจึงทั้งดูดีและน่าเกรงขามมากกว่าเดิมเสียอีก

 

ทันทีที่หลิน เฟิงปล่อยมันออกมา มันก็ส่งเสียงคำรามลั่นไปทั่วฟ้า พร้อมกับมังกรดำ และดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้นึกกลัวมังกรดำอีกต่อไปแล้ว

นับตั้งแต่วิวัฒนาการขึ้นมานั้น ตัวนิ่มก็มักจะถูกมังกรดำข่มไว้เสมอเพราะเลือดที่ไม่บริสุทธิ์ของมัน แต่ทว่าในยามนี้ ในที่สุดมันก็ลอยขึ้นมาเหนือคิ้วของมังกรดำแล้วอีกทั้งยังท้าสู้กับมังกรดำต่ออีกด้วย

แต่เพราะหลิน เฟิงอยู่ตรงนี้ จึงดูเหมือนว่ามังกรดำนั้นไม่อยากที่จะต่อสู้ด้วย

 

ในตอนนี้ หลิน เฟิงได้แต่มองมันโดยที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร

“เสี่ยวเจี๋ย ตัวนายดูโตขึ้นหน่อยแล้วนะ” หลิน เฟิงว่าขึ้น พลางตบต้นขาล่างของมัน

“โฮก นายท่าน ข้าเองก็ไม่ได้อยากแสดงออกว่าไม่พอใจที่มังกรดำมาข่มเหงข้าหรอกนะ แต่นายท่านก็เห็นว่าครั้งก่อนเจ้านี่มันมันเฉิดฉายมากแค่ไหน ส่วนข้าเองก็ไม่มีความสามารถที่จะปลดปล่อยแรงกดดันของเชื้อสายมังกรได้ แต่ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แน่นอนเลย ข้าพร้อมลงสนามแล้ว” มังกรทองกล่าวขึ้น

“แล้วตอนนี้นายเป็นสัตว์วิญญาณแบบไหนกัน ฉันยังไม่เคยเห็นนายในรูปสลักแบบไหนของจีนเลยนะ” หลิน เฟิงว่าขึ้นอย่างฉงน

“ข้าเป็นมังกรแห่งแสงแล้วตอนนี้ คุณลักษณะของข้า วิวัฒนาการจากดินเป็นแสง และนี่ก็คือคุณสมบัติของสายเลือดของข้า ในที่สุดก็ตื่นขึ้นแล้ว” มังกรแห่งแสงสว่างกล่าวขึ้น

“มังกรแห่งแสงงั้นหรือ โอเค งั้นฉันจะเรียกนายว่าเสี่ยวกวง” หลิน เฟิงพูดขึ้น

“น่าแปลกนะที่เจ้าพวกนั้นวิวัฒนาการเป็นสัตว์วิญญาณระดับกลางหมดแล้ว แต่ทำไมพลังเจ้ายังอยู่แค่ระดับCขั้นสุดยอดกันล่ะ” ราชาหมาป่าถามขึ้น

 

ราชาหมาป่าได้ข้ามขั้นวิวัฒนาการกลายเป็นสุนัขซิริอุสจันทรากังวาล แต่หลิน เฟิงยังคงเรียกเขาว่าราชาหมาป่าขาวอยู่เลย

“ถ้าอย่างงั้น  เสี่ยวเฮย คงเป็นเพราะเสี่ยวเฮยยังเป็นสัตว์วิญญาณระดับCอยู่ และผมก็หลับไปตั้งสามวัน แถมพลังของแก่นวิญญาณอันนี้ก็หายไปตั้งครึ่งหนึ่ง” หลิน เฟิงหยิบแก่นวิญญาณออกมาจากแหวนมิติก่อนจะเห็นว่าแสงสว่างนั้นริบหรี่เต็มทน

 

หลิน เฟิงต้องการที่จะเก็บแก่นอันนี้ไว้ให้กับเสี่ยวเฮย แต่ตอนนี้มันกลับหายไปตั้งครึ่งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเสี่ยวเฮยจะวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์วิญญาณระดับกลางได้หรือไม่

 

เสี่ยวเฮยเองไม่มีสายเลือดใดๆเลย ก็แค่สุนัขพันทางสีดำทั่วๆไปตัวหนึ่ง นี่ถ้าหลิน เฟิงไม่นำน้ำยาวิวัฒนาการให้มันกินล่ะก็ มันก็คงเป็นสุนัขพันธุ์ทางตัวสีดำไปชั่วชีวิตเพราะไม่มีสายเลือดเฉกเช่นสัตว์วิญญาณตัวอื่นๆเลย

 

หลังจากที่หลิน เฟิงนำแก่นวิญญาณออกมานั้น เขาจึงเรียกเสี่ยว เฮยขึ้นมาในทันที ในตอนนี้เอง เสี่ยว เฮยที่อยู่ในแปลงดอกไม้ของหลิน เฟิงและมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องและกันไม่ให้สัตว์วิญญาณตัวอื่นๆและสัตว์ป่าตัวอื่นๆเข้ามากินองุ่นหรือทำอันตรายพวกไก่นั้น

เมื่อได้ยินหลินเฟิงเรียก ไม่นานเสี่ยวเฮยก็วิ่งมาหาเขา

“เสี่ยวเฮย นี่คือแก่นวิญญาณที่จะเอามาให้นาย แต่โชคร้ายจริงๆที่พลังวิญญาณของมันเหลือแค่ครึ่งเดียว ฉันไม่รู้ว่านี่พอจะทำให้นายพัฒนาไปอีกขั้นได้ไหม” หลิน เฟิงเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด

 

เสี่ยวเฮยเป็นสัตว์ตัวแรกที่ติดตามหลิน เฟิง แต่ว่าในตอนนี้ ขณะที่สัตว์วิญญาณตัวอื่นๆนั้นวิวัฒนาการไปแล้ว แต่เสี่ยวเฮยยังคงอยู่กับที่ซึ่งนั่นทำให้หลิน เฟิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

“ขอบคุณ นายท่าน” เสี่ยว เฮยรู้สึกมีความสุขมากที่ได้แก่นวิญญาณจากมือของหลินเฟิง มันกลืนสิ่งนั้นลงไปในคอเพียงเฮือกเดียว ก่อนที่จะล้มฟุบหลับลึก

 

“ฉันก็หวังว่ามันจะก้าวไปสู่อีกขั้นได้นะ” หลิน เฟิงภาวนา

“ราชาหมาป่าขาว ยินดีกับความสำเร็จของนายที่ได้ก้าวไปเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงด้วย สิ่งนี้เทียบเท่ากับพลังระดับAเลยทีเดียว” หลิน เฟิงว่าขึ้น

 

“ฮ่าๆ ก็มีทั้งความขมขื่นและรื่มรมย์นั่นแหละ หลังจากที่ทรมานมาถึงสิบปี ในที่สุดก็ได้มาถึงจุดนี้เสียที ขอบใจสำหรับเรื่องนี้นะ นี่ถ้าไม่ใช่เจ้า ข้าก็คงไม่มีหวังอะไรในชีวิตอีกแล้ว” ราชาหมาป่าขาวเอ่ยขอบคุณจากใจจริง

 

“ฮ่าๆ ไม่ต้องขอบคุณหรอก อีกอย่าง ราชาหมาป่าขาว ฉันอาจจะต้องออกไปข้างนอกในอีกสองสามวัน แถมนายก็ได้เลื่อนขั้นเป็นสัตว์วิญญาณระดับสูงแล้ว แถมเสี่ยว เฮยก็หลับลึกอีกด้วย ความปลอดภัยของครอบครัวฉันอยู่ในมือนายแล้วนะ” หลิน เฟิงกล่าวขึ้น

“ไม่ต้องห่วงไป ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ ข้าไม่มีวันที่จะปล่อยให้ใครหรือแม้แต่สัตว์วิญญาณตัวไหนมาทำอันตรายครอบครัวเจ้าได้หรือทำลายข้าวของของเจ้าได้สักชิ้นเดียว” ราชาหมาป่าขาวให้สัญญา

 

“ขอบคุณนะ ถ้างั้นฉันไปก่อนล่ะ” เมื่อพูดจบ หลิน เฟิงจึงนำมังกรดำกับมังกรแห่งแสงเข้าไปตรงหว่างคิ้ว ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่อำเภอ

สิ่งที่หลิน เฟิงต้องทำก็คือการไปแจ้งข่าวกับพวกเขาก่อนที่องค์กรลึกลับนั่นจะเข้าโจมตีสถานีตำรวจ

เมื่อหลิน เฟิงไปถึงโดยการขี่มังกรแห่งแสงไป ความเร็วของมันนั้นไม่ได้ช้านักแต่ก็เรรวนไปมา เพราะมังกรแห่งแสงจัดว่าเป็นมังกรตะวันตก มันไม่สามารถบินได้โดยที่ไม่มีปีกเหมือนกับมังกรดำ

 

เมื่อไม่ได้ผล มันจึงกระพือปีกเพื่อที่จะบิน ดังนั้น ทุกครั้งที่มันกระพือปีกที่เหมือนไก่ของมันนั้น หลิน เฟิงจึงรู้สึกเหมือนตนกำลังโยกขึ้นโยกลง

แม้ว่าจะนั่งไม่สบาย แต่ก็ยังเร็วมากอยู่ อย่างน้อยก็เร็วกว่ารถของหลิน เฟิงหลายเท่านัก

 

ในเวลาไม่นาน หลิน เฟิงจึงมาถึงที่ศาลากลาง และเพราะนี่เป็นเวลากลางวัน หลิน เฟิงจึงควบคุมการบินของมังกรแสงให้อยู่ในระดับต่ำสุดๆ จนเกือบจะถึงพื้น ซึ่งทำยากอยู่พอสมควร

โชคยังดีที่ถนนที่หลิน เฟิงกำลังเดินทางอยู่นั้นตั้งอยู่ไกล จึงไม่มีใครพบเจอสิ่งนี้

 

หลังจากมาถึงศาลากลางแล้วนั้น หลิน เฟิงมีความรู้สึกที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ หลังจากการต่อสู้ครั้งล่าสุดกับตงฟางเสี่ยงที่นี่ เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน

 

แต่ก็ต้องขอบคุณการได้รับบาดเจ็บนั่นที่ทำให้หลิน เฟิงและซู หว่านเอ๋อร์นั้นได้พบเจอกันในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน

ในตอนนี้ หลิน เฟิงก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา

“เฮ้อ ไม่รู้ว่าหว่านเอ๋อร์จะกลับมาอีกเมื่อไหร่กันนะ” หลิน เฟิงถอนหายใจ

“ช่างเถอะ อย่ามัวคิดถึงเรื่องนั้นเลย ต้องไปทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน” หลิน เฟิงนึกถึงจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ขึ้นมาได้

หลิน เฟิงกำลังจะไปสถานีตำรวจประจำอำเภอ เพื่อที่จะบอกกับพวกเขาว่าสถานีตำรวจนั้นจะถูกปิดล้อมจากองค์กรลึกลับในวันพรุ่งนี้ โดยบอกว่ามีคนบางคนกำลังมา หลิน เฟิงเองก็จำไม่ค่อยได้มากนัก

ความเร็วของหลิน เฟิงอยู่ในระดับถึงขีดสุด และในไม่ช้าก็มาถึงสถานีตำรวจ ในเวลานี้ มีตำรวจสองนายยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู รวมถึงมีตัวอักษรสามตัวเหนือหัวตำรวจทั้งสองที่ยืนอยู่ว่าสถานีตำรวจ

“เยี่ยม นี่ไงล่ะ” หลิน เฟิงรู้สึกโล่งใจที่หาที่นี่จนพบ

“คุณจะมาทำอะไรครับ ที่นี่คือสถานีตำรวจ มีอะไรให้พวกผมรับใช้” เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าประตูหยุดหลิน เฟิงไว้ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“คือผมมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด