Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1636 –นิกายจันทรานิรันกาล

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1636 –นิกายจันทรานิรันกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AST
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับแฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
บทที่1636 –นิกายจันทรานิรันกาล
ในดินแดนแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยปราณที่บริสุทธิ์อย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าที่แห่งนี้เป็นที่รวบรวมเอาปราณทั้งหมดมาไว้ในทวีปแห่งนี้
หลังจากที่พวกเขาเขาสู่ดินแดนแห่งผู้ฝึกตนไม่นานมีกลุ่มคนนับสิบคนได้ปรากฏขึ้นไม่ห่างกับพวกเขามากนับ หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มที่หล่อเหล่ายืนอยู่
“ชาเอ๋อ!”เฟิงซี่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้น
“ท่านแม่ท่านพ่อ พวกท่านกลับมาแล้ว!”ชายหนุ่มตรงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันเขาได้พยักหน้าเพื่อแสดงความเคารพชิงสุ่ย เพราะเขารู้ดีว่าคนที่พ่อและแม่ของเขาพามาด้วยย้อมเป็นคนดีอย่างแน่นอน
หลังจากที่กอดแม่ของเขาเขาได้มองไปที่หยินเทียน พ่อของเขาหลังจากไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลานาน ในเวลานี้เขาสามารถสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของพ่อของเขาลดลงไปอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถบอกได้ว่าอาการบาดเจ็บของพ่อของเขาได้รับการรักษาแล้ว มันทำให้เขาได้แต่หลั่งน้ำตาออกมา
ในตอนนี้ดูเหมือนหยินเทียนจะรู้ว่าลูกของเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่เขาได้ยกมือขึ้นและตบไปที่ไหล่ของเขา
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เจ้าอย่าได้ร้องเลย ต้องขอบคุณพวกเขา พวกเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้ายังมีชีวิตอยู่ และมีโอกาสได้มาพบกับเจ้า มิฉะนั้นชะตากรรมเดียวที่รอข้าอยู่ก็คงเป็นความตาย แม้แต่แม่ของเจ้าก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้”
ในตอนนี้เองเฟิงซี่ได้จับไปมือลูกชายของเธอและกล่าวว่า“ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับพวกเขา นี่คือถานท่ายหลิงเหยียน นางเป็นน้องบุญธรรมของเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องดูแลนางให้ดี และคิดว่านางเป็นดังน้องสาวแท้ๆของเจ้า”
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเดิมทีข้านั้นอยากมีน้องสาวมาโดยตลอด และในตอนนี้ความปรารถนาของข้าได้รับการเติมเต็มแล้ว ต่อไปนี้น้องคือน้องสาวแท้ๆของข้า” ในเวลานี้เขาได้หยิบตราอันเล็กออกมาให้กับหลิงเหยียน
หลิงเหยียนไม่ได้รับมันไว้เธอส่ายหัว“ ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธีก็ได้”
หลังจากนั้นเฟิงซี่ก็ได้นัดมันลงมันลงในมือของหลิงเหยียนทันที“นี่คือตราสัญลักษณ์ของนิกายของข้า ทุกคนจาก ของข้า เมื่อได้เห็นมันพวกเขาจะพร้อมช่วยเจ้าทุกๆอย่างไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ตราสัญลักษณ์ที่ใช่สั่งผู้อื่น”
ในตอนนี้หลิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไปเธอได้แต่ขอบคุณออกมา จากนั้นเฟิงซี่ก็ยังคงแนะนำฉินชิงและชิงสุ่ยต่อไปเธอ แนะนำยังกล่าวต่ออีกว่าชิงสุ่ยเป็นสามีของทั้งสองและยังเป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของหยนิเทียนอีกด้วย
ในตอนนี้หยินชาได้มอบปลอกแขนมังกรคู่หนึ่งให้กับฉินชิงมันเป็นอาวุธระดับตำนานแน่นอน ในขั้นต้นฉินชิงปฏิเสธที่จะรับมัน แต่อีกแล้วก็เป็นครั้งที่เฟิงซี่ยัดมันลงไปในมือของเธอ
หยินชามองที่ชิงสุ่ยและยิ้มว่า“ น้องชาย ข้าไม่รู้ว่าข้าจะขอบคุณคุณได้อย่างไรดี ข้าไม่สามารถขอบเจ้าด้วยวาจาและก็ไม่สามารถขอบคุณด้วยสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ เอาเช่นนี้ ข้าสามารถมอบชีวิตของข้าให้เจ้าได้ หากเจ้าต้องการมันเจ้าก็สามารถนำมันไปได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตตราบใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะช่วยเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
หยินชาเป็นคนฉลาดเขารู้ดีว่าที่แม่ของเขารับภรรยาของชิงสุ่ยมาเป็นลูกบุญธรรมย่อมมีเหตุผล นอกจากนี้พ่อของเขาก็ได้เขาช่วยเอาไว้ เขาจึงสามารถบอกได้เลยว่าชายหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดออกมาในตอนแรกก็เป็นสิ่งที่มาจากใจของเขา
ในตอนนี้เฟิงซี่และหยินเทียนก็ได้ยิ้มออกมาพวกเขารู้ดีว่าลูกชายของพวกเขาฉลาดขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็อยากสร้างสัมผัสที่ดีกับชิงสุ่ยให้มากกว่านี้ ในทางกลับกันชิงสุ่ยก็คิดไว้แล้วว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามของก็ดีใจที่ได้สหายเพิ่มขึ้นมา
“เนื่องจากทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องมากพิธีอีกต่อไป เช่นเดียวกันท่านพี่ ในเมื่อท่านเป็นพี่ชายของภรรยาของข้า ข้าก็ถือว่าเป็นน้องเขยของท่าน อย่างได้มากพิธีอีกเลย” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“อ่อจริงๆสิมีอย่างหนึ่งที่ข้าคงยกให้เจ้าไม่ได้ นั้นก็คือภรรยาของข้า แต่หากเป็นสิ่งอื่นๆข้าสามารถแบ่งปั่นกับเจ้าได้ทั้งหมดเลย” ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม ราวกับเขารู้ว่าชิงสุ่ยมีนิสัยเจ้าชู้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยและหยินชาได้หัวเราะออกมาก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปข้างในนิกาย
นิกายจันทรานิรันกาลตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงใหญ่โดยมันได้ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของยอดเขา นอกจากนี้ยังมีบันไดที่ทอดยาวลงมาสู่ข้างล่างกว่าแสนขั้น แม้มันจะดูยิ่งใหญ่แต่ก็แฝงเอาไว้ซึ่งความธรรมดาม
นิกายจันทรานิรันกาล!
ชื่อของนิกายจันทรานิรันกาลมากจากภูเขาลูกนี้เนื่องจากมันเป็นภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่ ด้วยความสูงของมันที่มากกว่า 10000เมตร จึงทำให้ราวกับว่ามันอยู่ในเมฆหมอก เมื่อมองขึ้นจะพบว่าแสงของดวงอาทิตย์ได้ถูกกลบไปเกือบหมด จนเหลือแสงสีทองอ่อนๆคล้ายกับพระจันทร์ นี่คือที่มาของมัน
ในเวลานี้เฟิงซี่ได้นำชิงสุ่ยและภรรยาของเขาไปยังคฤหาสน์หลังเล็กๆที่สวยงามเพื่อรับรอพวกเขา โดนที่คฤหาสน์หลังเล็กๆนั้นเป็นคฤหาสน์แฝด ดังนั้นหลิงเหยียนและฉินชิงจึงได่ตัดสินใจพักอยู่ในคฤหาสน์ส่วนหลังและให่ชิงสุ่ยอยู่เพียงลำพังในคฤหาสน์หลังหน้า
ในตอนค่ำหยินชาได้เชิญพวกเขามาร่วมทานอาหารด้วยกันถึงอย่างไรก็ตามแม้เขาจะมีใบหน้าที่อ่อนโยนแต่จริงๆและเขามีอายุมากว่า200ปี ในความเป็นจริงตอนนี้เขามีอายุมากว่าปู่ของชิงสุ่ยเสียอีก
เขาเป็นหนึ่งคนที่มีพรสวรรค์อย่างมากและไม่มีใครในนิกายเทียบเขาได้เขาจึงเป็นหัวใจสำคัญของนิกาย จนทำให้นิกายอื่นๆหวาดกลัวและพยายามรอบสังหารเขา แต่โชคดีที่เขามีคามสามารถที่แข็งแกร่ง และมีโดยผู้อาวุโสของ นิกายคอยปกป้องอยู่จึงทำให้เขาสามารถรอดมาได้ แต่อย่างไรก็ตามมันทำให้เขาไม่กล้าไว้ใจใครง่ายๆและไม่ได้แต่งงานตอนนี้.ไอรีนโนเวล.
“ข้าขอดื่มให้น้องชิงสุ่ยแทบคำพูดขอบคุณในครั้งนี้”หยินชายกจอกเหล้าขึ้นดื่ม
นอกจากเฟิงซี่หยินเทียนแล้ว ยังมีชายชราอีกสองสามคนเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยพวกเขาเป็นแขกคนสำคัญและยังมีฐานะที่ค่อนข้างสูงในนิกาย เป็นเพราะมีพวกเขาคอยปกป้องหยินชาจึงสามารถรอดมาได้ในทุกวันนี้
ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้มากนักเหตุผลที่เขามาที่นี่เพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของหยินเทียนเท่านั้น เมื่อเขาฟื้นแล้ว เขาก็จะจากไปในทันที เขารู้สึกว่าสถานที่นี้ไม่ปลอดภัยอย่างมาก เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถควบคุมได้ แม้แต่ความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่ในตอนนี้มันก็ยังไม่เพียงพอ
อันที่จริงชิงสุ่ยคิดมาตลอดการเดินทางหากในตอนนั้นเฟิงซี่ไม่สามารถรับมืออสูรแก่งดายได้เขาจะทำอย่างไร แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ทักษะของเขาหลบหนีไปได้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถช่วยพวกเขาได้ทุกๆคน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขามาถึงนิกายแห่งนี้ มันยิ่งทำให้เขามั่นใจได้เลยว่าเขายังอ่อนแออย่างมาก
งานเลี้ยงได้กินเวลาจนถึงกลางคืนนี่ถือเป็นการเฉลิมฉลอง ให้กับหยินเทีบนและเฟิงซี่ที่ได้กลับมา หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็ได้แยกย้ายกลับไปที่ๆพักของตัวเอง
ระหว่างทางกลับไปยังที่พักท้องฟ้าก็มืดหมดแล้วหลังจากเดินทางที่ยาวไกล พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก ความอ่อนเพลียส่วนใหญ่เกิดมาจากความคิดของพวกเขา ด้วยความอ่อนเพลียฉินชิงได้ขอแยกตัวไปก่อน เหลือไว้เพียงชิงสุ่ยและหลิงเหยียน
ในเวลานี้ชิงสุ่ยและหลิงเหยียนได้เดินเล่นไปตามทางลาดที่ประดับด้วยหินอ่อน เมื่อเงาของแสงจันตกกระทบลงมา แสงสีเหลืองนวลอร่ามได้สาดเข้าใส่หลิงเหยียน มันทำให้ตอนี้เธอดูงาดงามอย่างมาก
“เจ้าโทษข้าหรือเปล่า” เธอพูดเบา ๆ ขณะเดิน
“ข้าจะโทษคุณได้อย่างไร” ชิงสุ่ยยิ้มและมองเธอ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอกำลังพยายามถามว่า เขาตำหนิเธอหรือไม่ที่เธอได้ตกลงเป็นลูกบุญธรรมของเฟิงซี่
“เจ้าจะตำหนิข้าหรอกหรือที่ได้ตกลงเป็นลูกบุญธรรมของท่านป้า?”เธอถามเบา ๆ
“ทำไมข้าต้องตำหนิเจ้าด้วยละ ในทางตรงกันข้ามข้ากลับมีความสุขเสียมากกว่า ทำไมเจ้าไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันหรอกรึ? หากเจ้าไม่สบายใจข้าบอกกับป้าเฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้” ชิงสุ่ยยยิ้มและพูด
”ข้ามีความสุขเป็นเพียงข้าฉันรู้สึกว่า ข้าได้ทำการตัดสินใจครั้งนี้โดยไม่ยอกเจ้าก่อน……” เธอพูดเบา ๆ
“คนโง่ ข้ามีความสุขตราบใดที่เจ้ามีความสุข อย่างคิดมากเลย” ชิงสุ่ยจับมือของเธอ แล้วเดินไปพร้อมกับเธอ
ในความเป็นจริงฉินชิงยังไม่ได้นอนแต่เธอแอบมองชิงสุ่ย และหลิงเหยียนจับมือกันผ่านทางหน้าต่างในตอนนี้ มีร่องรอยของความเศร้าโศกในดวงตาของเธอ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยิ้มออกมา นั้นเพราะนี่คือความสุขของคนที่เธอรัก
ความรักควรเห็นแก่ตัวไหม?หรือว่าควรเสียสละ ฉินชิงสับสนอย่างมาก เธอรู้จักชิงสุ่ยเป็นอย่างดี นอกจากนี้เธอยังตระหนักว่าในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถครอบครองชิงสุ่ยเอาไว้ได้พียงลำพัง แม้แต่เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
หลังจากนั้นไม่นานหลิงเหยียนได้เนกลับมาในเวลานี้ทั้งสองได้กล่าวทักทายกันและนั่งลงที่โต๊ะในห้องโถง ในเวลานี้ทั้งคู่ได้แบ่งปันความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันและกัน มันทำให้บรรยากาศในตอนนี้ ทำให้พวกเธอมีความสุขอย่างมาก
“พี่หลิงเหยียนท่าน เจอชิงสุ่ยได้อย่างไร แล้วพวกท่านคบหาด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้ว” อันที่จริงฉินชิงมักจะอยากรู้เรื่องนี้อยู่เสมอ เนื่องหลิงเหยียนเป็นผู้หญิงที่เย็นชาและสวยงาม ดังนั้นเธอจึงอยากรู้ว่าหลิงเหยียนตกหลุมรักชิงสุ่ยได้อย่างไร
เธอยิ้มแล้วพูดว่า“ข้าถูกวางยาพิษ และเขาก็ช่วยข้าเอาไว้ นั่นเป็นเหตุการณ์แรกที่ข้าเจอกับเขา ข้าก็ไม่ได้คาดหวัง ข้ากับเขาจะมาได้ไกลถึงขนาดนนี้”
เมื่อพูดถึงจุดนี้เธอดูเหมือนจะชวนให้นึกถึงอดีตเธอคิดถึงทุกอย่างๆที่เกิดขึ้น ความเศร้าโศกความเจ็บปวดเธอเหล่านั้นยังตราตรึงในใจของเธอ แต่สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำเช่นนั้น แต่สำหรับตอนนี้เธอค่อนข้างพอใจกับชีวิตปัจจุบันของเธอ
“แล้วน้องชิงละเจ้ารู้จักชิงสุ่ยได้อย่างไร” ในตอนนี้เธอต้องการเลี่ยงคำถามด้วยการถามกลับ
ในตอนนี้ทั้งคู่ได้เล่าถึงครั้งแรกที่พวกเธอได้พบเจอกับเขา…………….
“ท่านพี่หลิงเหยียนท่านเคยไปที่บ้านของชิงสุ่ยมาก่อนหรือไม่” ฉินชิงยิ้มและพูดว่า
“ไม่ แต่ข้าได้ยินมาว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านของเขามากมาย นอกจากนี้เขายังมีลูกน้อยอยู่แล้วเช่นเดียวกัน และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดคงโตเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว”เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“พี่หลิงเหยียนท่านสามารถบอกได้มั้ยว่า ข้าควรติดตามผู้ชายที่มีหญิงอื่นข้างกายมากมายเช่นนี้อีกต่อไปหรือข้าควรปล่อยเขาไป”
“ข้ารู้ดีว่าเจ้ากำลังคิดอะไร ในอดีตข้าเคยคิดเช่นนี้มาก่อน ผู้หญิงเราย้อมต้องการคนอยู่ข้างเราเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงไรก็ตาม บางครั้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีค่าอะไรมากมาย หากเทียบกับความรักที่เขามีให้เจ้า แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นๆแต่ถ้าเขายังรักเจ้าเหมือนดังเคย มันก็ไม่ได้แย่อะไรเลย บางครั้งชีวิตของเราก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราวาดฝันเอาไว้ สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือเขานั้นรักเขามากพอที่จะยอมให้เขารักคนอื่นหรือไม่มากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามสำหรับข้าแล้ว ข้ารักเขามากจนในเวลานี้ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ และต้องทำใจยอมรับมัน”เธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะยอมให้สามีของเธอไปมีคนอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเพราะเธอรักเขาเธอจึงยอม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1636 –นิกายจันทรานิรันกาล

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1636 –นิกายจันทรานิรันกาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AST
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับแฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
บทที่1636 –นิกายจันทรานิรันกาล
ในดินแดนแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยปราณที่บริสุทธิ์อย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าที่แห่งนี้เป็นที่รวบรวมเอาปราณทั้งหมดมาไว้ในทวีปแห่งนี้
หลังจากที่พวกเขาเขาสู่ดินแดนแห่งผู้ฝึกตนไม่นานมีกลุ่มคนนับสิบคนได้ปรากฏขึ้นไม่ห่างกับพวกเขามากนับ หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มที่หล่อเหล่ายืนอยู่
“ชาเอ๋อ!”เฟิงซี่ตะโกนออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้น
“ท่านแม่ท่านพ่อ พวกท่านกลับมาแล้ว!”ชายหนุ่มตรงเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ขณะเดียวกันเขาได้พยักหน้าเพื่อแสดงความเคารพชิงสุ่ย เพราะเขารู้ดีว่าคนที่พ่อและแม่ของเขาพามาด้วยย้อมเป็นคนดีอย่างแน่นอน
หลังจากที่กอดแม่ของเขาเขาได้มองไปที่หยินเทียน พ่อของเขาหลังจากไม่ได้พบเจอกันเป็นเวลานาน ในเวลานี้เขาสามารถสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของพ่อของเขาลดลงไปอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็สามารถบอกได้ว่าอาการบาดเจ็บของพ่อของเขาได้รับการรักษาแล้ว มันทำให้เขาได้แต่หลั่งน้ำตาออกมา
ในตอนนี้ดูเหมือนหยินเทียนจะรู้ว่าลูกของเขากำลังรู้สึกอะไรอยู่เขาได้ยกมือขึ้นและตบไปที่ไหล่ของเขา
“ทุกอย่างผ่านไปแล้ว เจ้าอย่าได้ร้องเลย ต้องขอบคุณพวกเขา พวกเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้ายังมีชีวิตอยู่ และมีโอกาสได้มาพบกับเจ้า มิฉะนั้นชะตากรรมเดียวที่รอข้าอยู่ก็คงเป็นความตาย แม้แต่แม่ของเจ้าก็ไม่สามารถแก้ไขมันได้”
ในตอนนี้เองเฟิงซี่ได้จับไปมือลูกชายของเธอและกล่าวว่า“ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับพวกเขา นี่คือถานท่ายหลิงเหยียน นางเป็นน้องบุญธรรมของเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าต้องดูแลนางให้ดี และคิดว่านางเป็นดังน้องสาวแท้ๆของเจ้า”
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเดิมทีข้านั้นอยากมีน้องสาวมาโดยตลอด และในตอนนี้ความปรารถนาของข้าได้รับการเติมเต็มแล้ว ต่อไปนี้น้องคือน้องสาวแท้ๆของข้า” ในเวลานี้เขาได้หยิบตราอันเล็กออกมาให้กับหลิงเหยียน
หลิงเหยียนไม่ได้รับมันไว้เธอส่ายหัว“ ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธีก็ได้”
หลังจากนั้นเฟิงซี่ก็ได้นัดมันลงมันลงในมือของหลิงเหยียนทันที“นี่คือตราสัญลักษณ์ของนิกายของข้า ทุกคนจาก ของข้า เมื่อได้เห็นมันพวกเขาจะพร้อมช่วยเจ้าทุกๆอย่างไม่ว่าเจ้าต้องการอะไร แต่ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ตราสัญลักษณ์ที่ใช่สั่งผู้อื่น”
ในตอนนี้หลิงเหยียนไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไปเธอได้แต่ขอบคุณออกมา จากนั้นเฟิงซี่ก็ยังคงแนะนำฉินชิงและชิงสุ่ยต่อไปเธอ แนะนำยังกล่าวต่ออีกว่าชิงสุ่ยเป็นสามีของทั้งสองและยังเป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บของหยนิเทียนอีกด้วย
ในตอนนี้หยินชาได้มอบปลอกแขนมังกรคู่หนึ่งให้กับฉินชิงมันเป็นอาวุธระดับตำนานแน่นอน ในขั้นต้นฉินชิงปฏิเสธที่จะรับมัน แต่อีกแล้วก็เป็นครั้งที่เฟิงซี่ยัดมันลงไปในมือของเธอ
หยินชามองที่ชิงสุ่ยและยิ้มว่า“ น้องชาย ข้าไม่รู้ว่าข้าจะขอบคุณคุณได้อย่างไรดี ข้าไม่สามารถขอบเจ้าด้วยวาจาและก็ไม่สามารถขอบคุณด้วยสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ เอาเช่นนี้ ข้าสามารถมอบชีวิตของข้าให้เจ้าได้ หากเจ้าต้องการมันเจ้าก็สามารถนำมันไปได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตตราบใดที่เจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะช่วยเจ้าโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
หยินชาเป็นคนฉลาดเขารู้ดีว่าที่แม่ของเขารับภรรยาของชิงสุ่ยมาเป็นลูกบุญธรรมย่อมมีเหตุผล นอกจากนี้พ่อของเขาก็ได้เขาช่วยเอาไว้ เขาจึงสามารถบอกได้เลยว่าชายหนุ่มผู้นี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาพูดออกมาในตอนแรกก็เป็นสิ่งที่มาจากใจของเขา
ในตอนนี้เฟิงซี่และหยินเทียนก็ได้ยิ้มออกมาพวกเขารู้ดีว่าลูกชายของพวกเขาฉลาดขนาดไหน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็อยากสร้างสัมผัสที่ดีกับชิงสุ่ยให้มากกว่านี้ ในทางกลับกันชิงสุ่ยก็คิดไว้แล้วว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามของก็ดีใจที่ได้สหายเพิ่มขึ้นมา
“เนื่องจากทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องมากพิธีอีกต่อไป เช่นเดียวกันท่านพี่ ในเมื่อท่านเป็นพี่ชายของภรรยาของข้า ข้าก็ถือว่าเป็นน้องเขยของท่าน อย่างได้มากพิธีอีกเลย” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“อ่อจริงๆสิมีอย่างหนึ่งที่ข้าคงยกให้เจ้าไม่ได้ นั้นก็คือภรรยาของข้า แต่หากเป็นสิ่งอื่นๆข้าสามารถแบ่งปั่นกับเจ้าได้ทั้งหมดเลย” ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม ราวกับเขารู้ว่าชิงสุ่ยมีนิสัยเจ้าชู้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยและหยินชาได้หัวเราะออกมาก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปข้างในนิกาย
นิกายจันทรานิรันกาลตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงใหญ่โดยมันได้ตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของยอดเขา นอกจากนี้ยังมีบันไดที่ทอดยาวลงมาสู่ข้างล่างกว่าแสนขั้น แม้มันจะดูยิ่งใหญ่แต่ก็แฝงเอาไว้ซึ่งความธรรมดาม
นิกายจันทรานิรันกาล!
ชื่อของนิกายจันทรานิรันกาลมากจากภูเขาลูกนี้เนื่องจากมันเป็นภูเขาลูกเดียวที่ตั้งอยู่ ด้วยความสูงของมันที่มากกว่า 10000เมตร จึงทำให้ราวกับว่ามันอยู่ในเมฆหมอก เมื่อมองขึ้นจะพบว่าแสงของดวงอาทิตย์ได้ถูกกลบไปเกือบหมด จนเหลือแสงสีทองอ่อนๆคล้ายกับพระจันทร์ นี่คือที่มาของมัน
ในเวลานี้เฟิงซี่ได้นำชิงสุ่ยและภรรยาของเขาไปยังคฤหาสน์หลังเล็กๆที่สวยงามเพื่อรับรอพวกเขา โดนที่คฤหาสน์หลังเล็กๆนั้นเป็นคฤหาสน์แฝด ดังนั้นหลิงเหยียนและฉินชิงจึงได่ตัดสินใจพักอยู่ในคฤหาสน์ส่วนหลังและให่ชิงสุ่ยอยู่เพียงลำพังในคฤหาสน์หลังหน้า
ในตอนค่ำหยินชาได้เชิญพวกเขามาร่วมทานอาหารด้วยกันถึงอย่างไรก็ตามแม้เขาจะมีใบหน้าที่อ่อนโยนแต่จริงๆและเขามีอายุมากว่า200ปี ในความเป็นจริงตอนนี้เขามีอายุมากว่าปู่ของชิงสุ่ยเสียอีก
เขาเป็นหนึ่งคนที่มีพรสวรรค์อย่างมากและไม่มีใครในนิกายเทียบเขาได้เขาจึงเป็นหัวใจสำคัญของนิกาย จนทำให้นิกายอื่นๆหวาดกลัวและพยายามรอบสังหารเขา แต่โชคดีที่เขามีคามสามารถที่แข็งแกร่ง และมีโดยผู้อาวุโสของ นิกายคอยปกป้องอยู่จึงทำให้เขาสามารถรอดมาได้ แต่อย่างไรก็ตามมันทำให้เขาไม่กล้าไว้ใจใครง่ายๆและไม่ได้แต่งงานตอนนี้.ไอรีนโนเวล.
“ข้าขอดื่มให้น้องชิงสุ่ยแทบคำพูดขอบคุณในครั้งนี้”หยินชายกจอกเหล้าขึ้นดื่ม
นอกจากเฟิงซี่หยินเทียนแล้ว ยังมีชายชราอีกสองสามคนเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยพวกเขาเป็นแขกคนสำคัญและยังมีฐานะที่ค่อนข้างสูงในนิกาย เป็นเพราะมีพวกเขาคอยปกป้องหยินชาจึงสามารถรอดมาได้ในทุกวันนี้
ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้มากนักเหตุผลที่เขามาที่นี่เพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของหยินเทียนเท่านั้น เมื่อเขาฟื้นแล้ว เขาก็จะจากไปในทันที เขารู้สึกว่าสถานที่นี้ไม่ปลอดภัยอย่างมาก เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่เขาสามารถควบคุมได้ แม้แต่ความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่ในตอนนี้มันก็ยังไม่เพียงพอ
อันที่จริงชิงสุ่ยคิดมาตลอดการเดินทางหากในตอนนั้นเฟิงซี่ไม่สามารถรับมืออสูรแก่งดายได้เขาจะทำอย่างไร แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ทักษะของเขาหลบหนีไปได้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถช่วยพวกเขาได้ทุกๆคน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขามาถึงนิกายแห่งนี้ มันยิ่งทำให้เขามั่นใจได้เลยว่าเขายังอ่อนแออย่างมาก
งานเลี้ยงได้กินเวลาจนถึงกลางคืนนี่ถือเป็นการเฉลิมฉลอง ให้กับหยินเทีบนและเฟิงซี่ที่ได้กลับมา หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็ได้แยกย้ายกลับไปที่ๆพักของตัวเอง
ระหว่างทางกลับไปยังที่พักท้องฟ้าก็มืดหมดแล้วหลังจากเดินทางที่ยาวไกล พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมาก ความอ่อนเพลียส่วนใหญ่เกิดมาจากความคิดของพวกเขา ด้วยความอ่อนเพลียฉินชิงได้ขอแยกตัวไปก่อน เหลือไว้เพียงชิงสุ่ยและหลิงเหยียน
ในเวลานี้ชิงสุ่ยและหลิงเหยียนได้เดินเล่นไปตามทางลาดที่ประดับด้วยหินอ่อน เมื่อเงาของแสงจันตกกระทบลงมา แสงสีเหลืองนวลอร่ามได้สาดเข้าใส่หลิงเหยียน มันทำให้ตอนี้เธอดูงาดงามอย่างมาก
“เจ้าโทษข้าหรือเปล่า” เธอพูดเบา ๆ ขณะเดิน
“ข้าจะโทษคุณได้อย่างไร” ชิงสุ่ยยิ้มและมองเธอ ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอกำลังพยายามถามว่า เขาตำหนิเธอหรือไม่ที่เธอได้ตกลงเป็นลูกบุญธรรมของเฟิงซี่
“เจ้าจะตำหนิข้าหรอกหรือที่ได้ตกลงเป็นลูกบุญธรรมของท่านป้า?”เธอถามเบา ๆ
“ทำไมข้าต้องตำหนิเจ้าด้วยละ ในทางตรงกันข้ามข้ากลับมีความสุขเสียมากกว่า ทำไมเจ้าไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันหรอกรึ? หากเจ้าไม่สบายใจข้าบอกกับป้าเฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้” ชิงสุ่ยยยิ้มและพูด
”ข้ามีความสุขเป็นเพียงข้าฉันรู้สึกว่า ข้าได้ทำการตัดสินใจครั้งนี้โดยไม่ยอกเจ้าก่อน……” เธอพูดเบา ๆ
“คนโง่ ข้ามีความสุขตราบใดที่เจ้ามีความสุข อย่างคิดมากเลย” ชิงสุ่ยจับมือของเธอ แล้วเดินไปพร้อมกับเธอ
ในความเป็นจริงฉินชิงยังไม่ได้นอนแต่เธอแอบมองชิงสุ่ย และหลิงเหยียนจับมือกันผ่านทางหน้าต่างในตอนนี้ มีร่องรอยของความเศร้าโศกในดวงตาของเธอ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยิ้มออกมา นั้นเพราะนี่คือความสุขของคนที่เธอรัก
ความรักควรเห็นแก่ตัวไหม?หรือว่าควรเสียสละ ฉินชิงสับสนอย่างมาก เธอรู้จักชิงสุ่ยเป็นอย่างดี นอกจากนี้เธอยังตระหนักว่าในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถครอบครองชิงสุ่ยเอาไว้ได้พียงลำพัง แม้แต่เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
หลังจากนั้นไม่นานหลิงเหยียนได้เนกลับมาในเวลานี้ทั้งสองได้กล่าวทักทายกันและนั่งลงที่โต๊ะในห้องโถง ในเวลานี้ทั้งคู่ได้แบ่งปันความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรต่อกันและกัน มันทำให้บรรยากาศในตอนนี้ ทำให้พวกเธอมีความสุขอย่างมาก
“พี่หลิงเหยียนท่าน เจอชิงสุ่ยได้อย่างไร แล้วพวกท่านคบหาด้วยกันมานานเท่าไหร่แล้ว” อันที่จริงฉินชิงมักจะอยากรู้เรื่องนี้อยู่เสมอ เนื่องหลิงเหยียนเป็นผู้หญิงที่เย็นชาและสวยงาม ดังนั้นเธอจึงอยากรู้ว่าหลิงเหยียนตกหลุมรักชิงสุ่ยได้อย่างไร
เธอยิ้มแล้วพูดว่า“ข้าถูกวางยาพิษ และเขาก็ช่วยข้าเอาไว้ นั่นเป็นเหตุการณ์แรกที่ข้าเจอกับเขา ข้าก็ไม่ได้คาดหวัง ข้ากับเขาจะมาได้ไกลถึงขนาดนนี้”
เมื่อพูดถึงจุดนี้เธอดูเหมือนจะชวนให้นึกถึงอดีตเธอคิดถึงทุกอย่างๆที่เกิดขึ้น ความเศร้าโศกความเจ็บปวดเธอเหล่านั้นยังตราตรึงในใจของเธอ แต่สิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำเช่นนั้น แต่สำหรับตอนนี้เธอค่อนข้างพอใจกับชีวิตปัจจุบันของเธอ
“แล้วน้องชิงละเจ้ารู้จักชิงสุ่ยได้อย่างไร” ในตอนนี้เธอต้องการเลี่ยงคำถามด้วยการถามกลับ
ในตอนนี้ทั้งคู่ได้เล่าถึงครั้งแรกที่พวกเธอได้พบเจอกับเขา…………….
“ท่านพี่หลิงเหยียนท่านเคยไปที่บ้านของชิงสุ่ยมาก่อนหรือไม่” ฉินชิงยิ้มและพูดว่า
“ไม่ แต่ข้าได้ยินมาว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านของเขามากมาย นอกจากนี้เขายังมีลูกน้อยอยู่แล้วเช่นเดียวกัน และตอนนี้พวกเขาทั้งหมดคงโตเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว”เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
“พี่หลิงเหยียนท่านสามารถบอกได้มั้ยว่า ข้าควรติดตามผู้ชายที่มีหญิงอื่นข้างกายมากมายเช่นนี้อีกต่อไปหรือข้าควรปล่อยเขาไป”
“ข้ารู้ดีว่าเจ้ากำลังคิดอะไร ในอดีตข้าเคยคิดเช่นนี้มาก่อน ผู้หญิงเราย้อมต้องการคนอยู่ข้างเราเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงไรก็ตาม บางครั้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีค่าอะไรมากมาย หากเทียบกับความรักที่เขามีให้เจ้า แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นๆแต่ถ้าเขายังรักเจ้าเหมือนดังเคย มันก็ไม่ได้แย่อะไรเลย บางครั้งชีวิตของเราก็ไม่ได้เป็นไปตามที่เราวาดฝันเอาไว้ สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือเขานั้นรักเขามากพอที่จะยอมให้เขารักคนอื่นหรือไม่มากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามสำหรับข้าแล้ว ข้ารักเขามากจนในเวลานี้ข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ และต้องทำใจยอมรับมัน”เธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะยอมให้สามีของเธอไปมีคนอื่นๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเพราะเธอรักเขาเธอจึงยอม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+