Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1653 – เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1653 - เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1653 – เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย

 

พิธีงานแต่งดําเนินไปอย่างราบรื่น ชิงสุยทําให้ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาไม่เกรงกลัวว่าจะมีคนมาทําลายงานของเขา และเมื่อเวลาผ่านไปแขกก็เริ่มกล่าวคําลาจาก

 

บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมมากเริ่มจากไปลง เหลือเพียงแต่คนใกล้ชิดที่อยู่ต่อ

 

สมาชิกตระกูลชิงนั่งร่วมโต๊ะกัน แม้ว่าปัจจุบันสมาชิกตระกูลชิงก็ยังไม่มากเทียบเท่าตะกูลอื่น แต่ปัจจุบันสมาชิกก็ยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงเด็กรุ่นเยาว์ที่มีพลังความสามารถ และมีโอกาสก้าวมาแทนที่ชิงสุ่ย

 

อีเย่เจี้ยนเก้อนั่งถัดจากชิงสุ่ย เธอยังคงรอยยิ้มแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก เขาและเธอจะรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวจากนี้และตลอดไป แม้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าพิธีการนี้สําคัญเพียงใด

 

หลายคนมักพูดว่าพิธีการไม่ใช่เรื่องสําคัญหากคนสองคนพอใจจะอยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีอะไรสําคัญอีกแล้ว

 

แน่นอนว่านี่ก็คือความจริงเช่นกัน แต่การแต่งงานโดยจัดพิธีการถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาว และถือเป็นการบอกต่อความสัมพันธ์นี้แก่ผู้อื่น

 

อีเยู่เจี้ยนเก้อยกน้ําชามอบให้กับชิงอีและเหยียนจงเยว่ ทุกอย่างเหมือนพิธีการในโลกที่แล้วของชิงสุย ในขณะเดียวกันชิงอี้ก็หยิบเอากําไรข้อมือมาสวมให้กับอีเยเจี้ยนเก้อ

 

” พี่ชิงสุ่ย ท่านนี้น่าอิจฉาจริงๆ” ชิงหยูหัวเราะเบาๆ

 

ชิงสุ่ยชอบความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดทุกคนคือพี่น้องกัน อะไรที่แบ่งปันกันได้เขาก็พร้อมที่จะมอบให้กับคนในตระกูล ซึ่งมันทําให้ความสัมพันธ์นี้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น และทุกคนต่างสามารถล้อเลียนซึ่งกันและกันได้

 

“ท่านพึ่งรู้เหรอว่าพี่ชายชิงสุ่ยเป็นคนน่าอิจฉาขนาดนี้? แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร เขาก็ยังเป็นพี่ชายของข้าและชอบมอบของขวัญให้กับข้ามาโดยตลอด” ชิงเปยกล่าวอย่างมีความสุข

 

เมื่อชิงสุยมองเห็นชิงเปยที่กําลังแสดงท่าทางกระดี้กระด้ามีความสุข เขาก็ยิ้มก่อนจะหยิบกระบี่ยาวและกระโปรงศึกจากดินแดนห้วงมิติออกมามอบให้กับเธอ พวกมันถูกบรรจุมาในกล่อง และฝักที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ซึ่งเขาเป็นคนจัดเตรียมเองและไม่ได้มีโอกาสที่จะมอบให้กับเธอ

 

ชิงสุ่ยจึงใช้โอกาสนี้ในการมอบของต่างๆให้กับผู้คนที่หลงเหลืออยู่

 

ทุกคนต่างมารวมตัวกันและเริ่มต้นบทสนทนาพูดคุยเรื่องราวที่น่าสนใจ ตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอกําลังมองดูลูกๆชิงสุ่ย เธอมองเห็นทั้งคนที่เธอเคยพบเจอรวมถึงเด็กๆที่เธอไม่เคยเจอไม่ว่าจะเป็นชิงเติงหรือชิงนิ้ว ซึ่งทั้งสองคนก็กําลังวิ่งเข้าหาเจี้ยนเก้อ

 

ชิงสุ่ยมองดูอีเย่เจี้ยนเก้อก่อนที่จะนึกย้อนกลับไปในวันที่เขาพาหลวนหลวนมาหาเธอ โชคชะตานําพาให้แต่ละคนได้ใกล้ชิดกัน

 

เมื่อเวลาล่วงเลยไป ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปทําหน้าที่ของตัวเอง ในขณะที่ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อก็ถึงเวลากลับเข้าสู่ห้องของคู่บ่าวสาว

 

อีเย่เจี้ยนเก้อจ้องมองชิงสุ่ยที่กําลังยิ้มแปลกๆจนเธออดถามไม่ได้ “รอยยิ้มของเจ้าช่างดูแปลกเหลือเกิน

 

“ตอนนี้ข้ามีลูกๆมากมาย และลูกๆของข้าก็โตมากพอแล้ว บางทีเมื่อข้าคิดถึงมันข้าก็รู้สึกเหมือนข้ากําลังฝันไป”ชิงสุยไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงคิดแบบนี้ ตัวของเขาเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เหมือนเวลามันผ่านไปเร็วจนเด็กๆเติบโต แต่คนที่เลี้ยงลูกๆกลับไม่ใช่เขา มันยิ่งทําให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นพ่อที่แย่ ไม่มีคุณสมบัติที่มากพอสําหรับลูกๆของเขา

 

“ทําไมเจ้ายังรู้สึกเช่นนี้ทั้งๆที่เจ้าต้องพยายามทําเพื่อลูกๆ?”อีเยเจี้ยนเก้อยิ้มก่อนจะกล่าวตําหนิชิงสุ่ย และรู้ว่าเขากําลังคิดอะไร

 

“ข้าไม่ได้อยู่ดูแลพวกเขาเลย สิ่งที่ข้าทํามันทําให้บรรดาแม่ๆของพวกต้องลําบาก บางครั้งข้าก็รู้สึกเหมือนเป็นหนี้ทุกคนแทน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างโศกเศร้า

 

บางครั้งเขาก็อยากจะหยุดทําในสิ่งที่เขากําลังจะทําและกลับมาอยู่บ้านให้นานขึ้น แต่มันยังมีสิ่งต่างๆมากมายที่เขาต้องจัดการ และบางทีเขาก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมสถานการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมได้

 

“แต่เจ้าก็เป็นแบบอย่างที่ดีสําหรับลูกๆของเจ้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ลูกๆของเจ้าต่างมีความรู้สึกที่พิเศษเมื่ออยู่กับเจ้า เจ้าคือพ่อที่ยอมเสียสละ และทุกคนก็รู้ดีว่าเจ้าเป็นอย่างไร บางทีพ่อที่ดีอาจไม่จําเป็นต้องอยู่ข้างพวกเขาตลอดเวลา” อีเยเจี้ยนเก้อมองดูชิงสุ่ยด้วยท่าทางอ่อนโยน

 

และเมื่อชิงสุยได้ฟังคําพูดของอีเยเจี้ยนเก้อ เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที

 

“ ในอนาคต เมื่อพวกเรามีลูกด้วยกัน พวกเราควรบอกเล่าเรื่องราวที่ทําให้พวกเราได้มาผ่าน พบกันให้ลูกๆได้ฟังหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะเอ่ยถาม

 

อีเย่เจี้ยนเก้อ ใบหน้าแดงกล่ํา “ใครจะไปมีลูกกับเจ้า”

เมื่อมองดูการแสดงออกที่เขินอายของเธอ ชิงสุ่ยก็อุ้มเธอขึ้นและกล่าวว่า “คืนวันแต่งงานคือคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิต เรามามีลูกกันเถอะ”

 

“เจ้าคนร้าย…”

เช้าวันถัดมา ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อต่างก็ตื่นในเวลาเช้าตรู่ อีเยเจี้ยนเก้อตื่นก่อนชิงสุ่ยและคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวคนอื่นได้มีโอกาสแซวเธอ

 

การอยู่บ้านในครั้งนี้ของชิงสุ่ยถือว่าไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป เขาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านยาวนานกว่า 20 วัน แน่นอนว่าเวลาที่ถูกใช้ไปไม่ได้มีอะไรที่ไร้ประโยชน์เลย เขาทําสิ่งต่างๆนานามากมาย แม้กระทั่งตอนกลางคืน เขายังได้ทําเรื่องที่สนุกสนานซึ่งมีส่วนช่วยประสานพลังร่างกายทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

 

ในวันนี้ชิงสุ่ยได้ช่วยบรรดาหญิงสาวเช่นเดียวกับเด็กๆรุ่นใหม่ในการปรับปรุงรากฐานพลัง

 

ส่วนเด็กรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลวนหลวนยังคงเป็นเด็กที่ทรงพลังที่สุดในหมวดหมู่เด็กรุ่นเดียวกัน แม้กระทั่งสัตว์อสูรของเธอก็ตาม

 

เฉินเองก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว เหตุผลที่เธอเดินทางมาก็คงเป็นเพราะตชิง ดูเหมือนเธอจะชื่นชอบในตัวเด็กน้อยอย่างชิงนิ้วมาก

 

เฉินและชิงสุยก็ผ่านพิธีงานแต่งงานเช่นกันหลังจากเสร็จพิธีเรื่องขององค์หญิงใหญ่ ตอนนี้ในหมู่หญิงสาวของเขา คงจะมีแต่ถานท่ายหลิงเยียนคนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงานกับชิงสุ่ย เพราะแม้แต่อวี่ลู่หยานก็ยังผ่านพิธีการแต่งงานมาแล้ว

 

ห่ายต่งชิงผู้หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ให้กําเนิดบุตร เธออยู่กับเฉินแทบจะตลอดเวลา จนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายบงกชเทวะ

 

ส่วนหยวนซู เธอยังคงพํานักอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชิงสุยยังคงคลุมเครือ พวกเขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเกือบเหมือนคนรัก อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจพูดคุยหรือตัดสินใจที่จะกินอยู่ร่วมกัน

 

ทั้งสองคนสามารถกอดและจูบกันได้เหมือนคนละ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าหยวนซูคิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรซะเวลาก็ยังมีมากมาย ชิงสุ่ยจึงต้องการให้เวลากับเธอ

 

เวลาเกือบ 1 เดือนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ครั้งที่แล้วที่เขากลับมาเขาได้มีเรื่องกับตระกูลน่าหลาน แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น

 

ภายใต้การช่วยเหลือของชิงสุ่ย ทุกคนในตระกูลชิงมีระดับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นไปอีก 1 ระดับ ส่วนทางด้านนิกายบงกชเทวะ สํานักสวรรค์เร้นลับ และเทือกเขาปูโถว ทั้งหมดยังคงสานสัมพันธ์กับตระกูลชิง แม้ว่าจะมีการข้องเกี่ยวกันเพียงแค่เล็กน้อย แต่บรรดาหญิงสาวของซิงสุยต่างก็มีสถานะสูงส่งเมื่ออยู่ตามนิกายเหล่านั้น

 

ติชิง หายตงชิงและเหวินเหวินอูซวงก็ยังถือเป็นคนของนิกายบงกชเทวะ สวนอีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังทะเลราชันย์ไม่เปลี่ยนแปลง

 

ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวอําลาคนในครอบครัว สําหรับ 1 เดือนที่ผ่านมา เฉิน องค์หญิงใหญ่และอีเยเจี้ยนเก้อใช้เวลาร่วมกันอยู่ในตระกูลชิง และได้สร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นที่พักและขยายที่ฝึกฝนของพวกเขา

 

เมื่อชิงสุ่ยจากไป บางส่วนก็เลือกที่จะอยู่ต่ออีกสักพักในขณะที่บางส่วนก็เลือกที่จะกลับไปยังที่ที่อยู่ของตน

 

เมื่อชิงสุ่ยและอีเเจี้ยนเก้อออกจากเมืองจักรพรรดิ เขาได้ใช้องสวรรค์ปัญจธาตุก่อนจะไปปรากฏตัวอยู่บริเวณในถ้ําศักดิ์สิทธิ์

 

ทันทีที่ม่หยุน ชิงเฉิงมองเห็น นทั้งสองกลับมาเธอก็รีบกลับทักทาย ” พวกเจ้าสองคนกลับมาแล้วเหรอ”

 

เจี้ยนเก้อยิ้มและจับมือมู่หยุนชิงเฉิง “พระราชวังทะเลราชันย์มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่?”

 

“ทุกอย่างยังคงปกติเรียบร้อยดี ดูเหมือนว่าทั้งสองอารมณ์ดีผิดปกตินะ” มู่หยุนชิงเฉิงจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะกล่าวกลับเจี้ยนเก้อ

 

“อืม ก็ไม่มีอะไรนิ ตอนที่พวกเรากลับไป พวกเรากลับไปจัดพิธีงานแต่งงานก็เท่านั้นเอง” ชิงสุ่ยยิ้มตอบ

 

“ข้าขอแสดงความยินดีด้วยนะเจี้ยนเก้อ ดูเหมือนพี่สาวคนนี้ควรจะมอบของขวัญอะไรสักอย่างแก่เจ้า” มู่หยุนชิงเฉิงตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างมีความสุข

 

ใบหน้าของเจี้ยนเก้อแดงกล่ํา ก่อนจะทิ้งชิงสุ่ยและมุ่งหน้าตรงไปห้องมู่หยุนซิงเฉิงเพื่อสนทนาเรื่องต่างๆ

 

หลังจากที่พักอยู่ได้อีกครึ่งวัน ชิงสุ่ยก็บอกลาพวกเธอและตรงไปยังหอคอยจักรพรรดิแห่งเมืองหลินหาย

 

ชิงสุยรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านของเขาอีกหลัง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไปกลับทั้ง 2 ที่บ่อยครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าอเหนียงก็เปรียบเสมือนพี่สาวของเขา

 

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่มีพลังแต่ชิงสุ่ยก็ได้มอบยาเม็ดเซียนเทียนให้แก่เธอจนเธอก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเชียนเทียนได้ มันอาจจะพูดว่าเธอไม่แข็งแกร่งแต่อย่างน้อยเธอก็สามารถปกป้องตัวเองได้เช่นกัน

 

ชิงสุ่ยมีความสัมพันธ์กับที่นี่เป็นพิเศษโดยเฉพาะความรู้สึกที่มีให้กับอวเหนียง

 

ถานท่ายหลิงเยียนอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับฉินชิง เธอเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูด

 

ชิงสุ่ยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าเธอมีความในใจจะพูด เขาจึงเดินไปถาม แล้วก็ได้รับคําตอบว่าเธอนั้นอยากกลับไปยังพระราชวังจอมอสูร

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1653 – เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1653 - เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1653 – เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย

 

พิธีงานแต่งดําเนินไปอย่างราบรื่น ชิงสุยทําให้ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาไม่เกรงกลัวว่าจะมีคนมาทําลายงานของเขา และเมื่อเวลาผ่านไปแขกก็เริ่มกล่าวคําลาจาก

 

บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมมากเริ่มจากไปลง เหลือเพียงแต่คนใกล้ชิดที่อยู่ต่อ

 

สมาชิกตระกูลชิงนั่งร่วมโต๊ะกัน แม้ว่าปัจจุบันสมาชิกตระกูลชิงก็ยังไม่มากเทียบเท่าตะกูลอื่น แต่ปัจจุบันสมาชิกก็ยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงเด็กรุ่นเยาว์ที่มีพลังความสามารถ และมีโอกาสก้าวมาแทนที่ชิงสุ่ย

 

อีเย่เจี้ยนเก้อนั่งถัดจากชิงสุ่ย เธอยังคงรอยยิ้มแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก เขาและเธอจะรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวจากนี้และตลอดไป แม้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าพิธีการนี้สําคัญเพียงใด

 

หลายคนมักพูดว่าพิธีการไม่ใช่เรื่องสําคัญหากคนสองคนพอใจจะอยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีอะไรสําคัญอีกแล้ว

 

แน่นอนว่านี่ก็คือความจริงเช่นกัน แต่การแต่งงานโดยจัดพิธีการถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาว และถือเป็นการบอกต่อความสัมพันธ์นี้แก่ผู้อื่น

 

อีเยู่เจี้ยนเก้อยกน้ําชามอบให้กับชิงอีและเหยียนจงเยว่ ทุกอย่างเหมือนพิธีการในโลกที่แล้วของชิงสุย ในขณะเดียวกันชิงอี้ก็หยิบเอากําไรข้อมือมาสวมให้กับอีเยเจี้ยนเก้อ

 

” พี่ชิงสุ่ย ท่านนี้น่าอิจฉาจริงๆ” ชิงหยูหัวเราะเบาๆ

 

ชิงสุ่ยชอบความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดทุกคนคือพี่น้องกัน อะไรที่แบ่งปันกันได้เขาก็พร้อมที่จะมอบให้กับคนในตระกูล ซึ่งมันทําให้ความสัมพันธ์นี้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น และทุกคนต่างสามารถล้อเลียนซึ่งกันและกันได้

 

“ท่านพึ่งรู้เหรอว่าพี่ชายชิงสุ่ยเป็นคนน่าอิจฉาขนาดนี้? แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร เขาก็ยังเป็นพี่ชายของข้าและชอบมอบของขวัญให้กับข้ามาโดยตลอด” ชิงเปยกล่าวอย่างมีความสุข

 

เมื่อชิงสุยมองเห็นชิงเปยที่กําลังแสดงท่าทางกระดี้กระด้ามีความสุข เขาก็ยิ้มก่อนจะหยิบกระบี่ยาวและกระโปรงศึกจากดินแดนห้วงมิติออกมามอบให้กับเธอ พวกมันถูกบรรจุมาในกล่อง และฝักที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ซึ่งเขาเป็นคนจัดเตรียมเองและไม่ได้มีโอกาสที่จะมอบให้กับเธอ

 

ชิงสุ่ยจึงใช้โอกาสนี้ในการมอบของต่างๆให้กับผู้คนที่หลงเหลืออยู่

 

ทุกคนต่างมารวมตัวกันและเริ่มต้นบทสนทนาพูดคุยเรื่องราวที่น่าสนใจ ตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอกําลังมองดูลูกๆชิงสุ่ย เธอมองเห็นทั้งคนที่เธอเคยพบเจอรวมถึงเด็กๆที่เธอไม่เคยเจอไม่ว่าจะเป็นชิงเติงหรือชิงนิ้ว ซึ่งทั้งสองคนก็กําลังวิ่งเข้าหาเจี้ยนเก้อ

 

ชิงสุ่ยมองดูอีเย่เจี้ยนเก้อก่อนที่จะนึกย้อนกลับไปในวันที่เขาพาหลวนหลวนมาหาเธอ โชคชะตานําพาให้แต่ละคนได้ใกล้ชิดกัน

 

เมื่อเวลาล่วงเลยไป ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปทําหน้าที่ของตัวเอง ในขณะที่ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อก็ถึงเวลากลับเข้าสู่ห้องของคู่บ่าวสาว

 

อีเย่เจี้ยนเก้อจ้องมองชิงสุ่ยที่กําลังยิ้มแปลกๆจนเธออดถามไม่ได้ “รอยยิ้มของเจ้าช่างดูแปลกเหลือเกิน

 

“ตอนนี้ข้ามีลูกๆมากมาย และลูกๆของข้าก็โตมากพอแล้ว บางทีเมื่อข้าคิดถึงมันข้าก็รู้สึกเหมือนข้ากําลังฝันไป”ชิงสุยไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงคิดแบบนี้ ตัวของเขาเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เหมือนเวลามันผ่านไปเร็วจนเด็กๆเติบโต แต่คนที่เลี้ยงลูกๆกลับไม่ใช่เขา มันยิ่งทําให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นพ่อที่แย่ ไม่มีคุณสมบัติที่มากพอสําหรับลูกๆของเขา

 

“ทําไมเจ้ายังรู้สึกเช่นนี้ทั้งๆที่เจ้าต้องพยายามทําเพื่อลูกๆ?”อีเยเจี้ยนเก้อยิ้มก่อนจะกล่าวตําหนิชิงสุ่ย และรู้ว่าเขากําลังคิดอะไร

 

“ข้าไม่ได้อยู่ดูแลพวกเขาเลย สิ่งที่ข้าทํามันทําให้บรรดาแม่ๆของพวกต้องลําบาก บางครั้งข้าก็รู้สึกเหมือนเป็นหนี้ทุกคนแทน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างโศกเศร้า

 

บางครั้งเขาก็อยากจะหยุดทําในสิ่งที่เขากําลังจะทําและกลับมาอยู่บ้านให้นานขึ้น แต่มันยังมีสิ่งต่างๆมากมายที่เขาต้องจัดการ และบางทีเขาก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมสถานการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมได้

 

“แต่เจ้าก็เป็นแบบอย่างที่ดีสําหรับลูกๆของเจ้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ลูกๆของเจ้าต่างมีความรู้สึกที่พิเศษเมื่ออยู่กับเจ้า เจ้าคือพ่อที่ยอมเสียสละ และทุกคนก็รู้ดีว่าเจ้าเป็นอย่างไร บางทีพ่อที่ดีอาจไม่จําเป็นต้องอยู่ข้างพวกเขาตลอดเวลา” อีเยเจี้ยนเก้อมองดูชิงสุ่ยด้วยท่าทางอ่อนโยน

 

และเมื่อชิงสุยได้ฟังคําพูดของอีเยเจี้ยนเก้อ เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที

 

“ ในอนาคต เมื่อพวกเรามีลูกด้วยกัน พวกเราควรบอกเล่าเรื่องราวที่ทําให้พวกเราได้มาผ่าน พบกันให้ลูกๆได้ฟังหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะเอ่ยถาม

 

อีเย่เจี้ยนเก้อ ใบหน้าแดงกล่ํา “ใครจะไปมีลูกกับเจ้า”

เมื่อมองดูการแสดงออกที่เขินอายของเธอ ชิงสุ่ยก็อุ้มเธอขึ้นและกล่าวว่า “คืนวันแต่งงานคือคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิต เรามามีลูกกันเถอะ”

 

“เจ้าคนร้าย…”

เช้าวันถัดมา ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อต่างก็ตื่นในเวลาเช้าตรู่ อีเยเจี้ยนเก้อตื่นก่อนชิงสุ่ยและคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวคนอื่นได้มีโอกาสแซวเธอ

 

การอยู่บ้านในครั้งนี้ของชิงสุ่ยถือว่าไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป เขาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านยาวนานกว่า 20 วัน แน่นอนว่าเวลาที่ถูกใช้ไปไม่ได้มีอะไรที่ไร้ประโยชน์เลย เขาทําสิ่งต่างๆนานามากมาย แม้กระทั่งตอนกลางคืน เขายังได้ทําเรื่องที่สนุกสนานซึ่งมีส่วนช่วยประสานพลังร่างกายทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

 

ในวันนี้ชิงสุ่ยได้ช่วยบรรดาหญิงสาวเช่นเดียวกับเด็กๆรุ่นใหม่ในการปรับปรุงรากฐานพลัง

 

ส่วนเด็กรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลวนหลวนยังคงเป็นเด็กที่ทรงพลังที่สุดในหมวดหมู่เด็กรุ่นเดียวกัน แม้กระทั่งสัตว์อสูรของเธอก็ตาม

 

เฉินเองก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว เหตุผลที่เธอเดินทางมาก็คงเป็นเพราะตชิง ดูเหมือนเธอจะชื่นชอบในตัวเด็กน้อยอย่างชิงนิ้วมาก

 

เฉินและชิงสุยก็ผ่านพิธีงานแต่งงานเช่นกันหลังจากเสร็จพิธีเรื่องขององค์หญิงใหญ่ ตอนนี้ในหมู่หญิงสาวของเขา คงจะมีแต่ถานท่ายหลิงเยียนคนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงานกับชิงสุ่ย เพราะแม้แต่อวี่ลู่หยานก็ยังผ่านพิธีการแต่งงานมาแล้ว

 

ห่ายต่งชิงผู้หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ให้กําเนิดบุตร เธออยู่กับเฉินแทบจะตลอดเวลา จนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายบงกชเทวะ

 

ส่วนหยวนซู เธอยังคงพํานักอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชิงสุยยังคงคลุมเครือ พวกเขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเกือบเหมือนคนรัก อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจพูดคุยหรือตัดสินใจที่จะกินอยู่ร่วมกัน

 

ทั้งสองคนสามารถกอดและจูบกันได้เหมือนคนละ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าหยวนซูคิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรซะเวลาก็ยังมีมากมาย ชิงสุ่ยจึงต้องการให้เวลากับเธอ

 

เวลาเกือบ 1 เดือนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ครั้งที่แล้วที่เขากลับมาเขาได้มีเรื่องกับตระกูลน่าหลาน แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น

 

ภายใต้การช่วยเหลือของชิงสุ่ย ทุกคนในตระกูลชิงมีระดับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นไปอีก 1 ระดับ ส่วนทางด้านนิกายบงกชเทวะ สํานักสวรรค์เร้นลับ และเทือกเขาปูโถว ทั้งหมดยังคงสานสัมพันธ์กับตระกูลชิง แม้ว่าจะมีการข้องเกี่ยวกันเพียงแค่เล็กน้อย แต่บรรดาหญิงสาวของซิงสุยต่างก็มีสถานะสูงส่งเมื่ออยู่ตามนิกายเหล่านั้น

 

ติชิง หายตงชิงและเหวินเหวินอูซวงก็ยังถือเป็นคนของนิกายบงกชเทวะ สวนอีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังทะเลราชันย์ไม่เปลี่ยนแปลง

 

ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวอําลาคนในครอบครัว สําหรับ 1 เดือนที่ผ่านมา เฉิน องค์หญิงใหญ่และอีเยเจี้ยนเก้อใช้เวลาร่วมกันอยู่ในตระกูลชิง และได้สร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นที่พักและขยายที่ฝึกฝนของพวกเขา

 

เมื่อชิงสุ่ยจากไป บางส่วนก็เลือกที่จะอยู่ต่ออีกสักพักในขณะที่บางส่วนก็เลือกที่จะกลับไปยังที่ที่อยู่ของตน

 

เมื่อชิงสุ่ยและอีเเจี้ยนเก้อออกจากเมืองจักรพรรดิ เขาได้ใช้องสวรรค์ปัญจธาตุก่อนจะไปปรากฏตัวอยู่บริเวณในถ้ําศักดิ์สิทธิ์

 

ทันทีที่ม่หยุน ชิงเฉิงมองเห็น นทั้งสองกลับมาเธอก็รีบกลับทักทาย ” พวกเจ้าสองคนกลับมาแล้วเหรอ”

 

เจี้ยนเก้อยิ้มและจับมือมู่หยุนชิงเฉิง “พระราชวังทะเลราชันย์มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่?”

 

“ทุกอย่างยังคงปกติเรียบร้อยดี ดูเหมือนว่าทั้งสองอารมณ์ดีผิดปกตินะ” มู่หยุนชิงเฉิงจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะกล่าวกลับเจี้ยนเก้อ

 

“อืม ก็ไม่มีอะไรนิ ตอนที่พวกเรากลับไป พวกเรากลับไปจัดพิธีงานแต่งงานก็เท่านั้นเอง” ชิงสุ่ยยิ้มตอบ

 

“ข้าขอแสดงความยินดีด้วยนะเจี้ยนเก้อ ดูเหมือนพี่สาวคนนี้ควรจะมอบของขวัญอะไรสักอย่างแก่เจ้า” มู่หยุนชิงเฉิงตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างมีความสุข

 

ใบหน้าของเจี้ยนเก้อแดงกล่ํา ก่อนจะทิ้งชิงสุ่ยและมุ่งหน้าตรงไปห้องมู่หยุนซิงเฉิงเพื่อสนทนาเรื่องต่างๆ

 

หลังจากที่พักอยู่ได้อีกครึ่งวัน ชิงสุ่ยก็บอกลาพวกเธอและตรงไปยังหอคอยจักรพรรดิแห่งเมืองหลินหาย

 

ชิงสุยรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านของเขาอีกหลัง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไปกลับทั้ง 2 ที่บ่อยครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าอเหนียงก็เปรียบเสมือนพี่สาวของเขา

 

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่มีพลังแต่ชิงสุ่ยก็ได้มอบยาเม็ดเซียนเทียนให้แก่เธอจนเธอก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเชียนเทียนได้ มันอาจจะพูดว่าเธอไม่แข็งแกร่งแต่อย่างน้อยเธอก็สามารถปกป้องตัวเองได้เช่นกัน

 

ชิงสุ่ยมีความสัมพันธ์กับที่นี่เป็นพิเศษโดยเฉพาะความรู้สึกที่มีให้กับอวเหนียง

 

ถานท่ายหลิงเยียนอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับฉินชิง เธอเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูด

 

ชิงสุ่ยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าเธอมีความในใจจะพูด เขาจึงเดินไปถาม แล้วก็ได้รับคําตอบว่าเธอนั้นอยากกลับไปยังพระราชวังจอมอสูร

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1653 – เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1653 - เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1653 – เหล่าหญิงสาวของชิงสุ่ย กลับสู่เมืองหลินห่าย

 

พิธีงานแต่งดําเนินไปอย่างราบรื่น ชิงสุยทําให้ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาไม่เกรงกลัวว่าจะมีคนมาทําลายงานของเขา และเมื่อเวลาผ่านไปแขกก็เริ่มกล่าวคําลาจาก

 

บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมมากเริ่มจากไปลง เหลือเพียงแต่คนใกล้ชิดที่อยู่ต่อ

 

สมาชิกตระกูลชิงนั่งร่วมโต๊ะกัน แม้ว่าปัจจุบันสมาชิกตระกูลชิงก็ยังไม่มากเทียบเท่าตะกูลอื่น แต่ปัจจุบันสมาชิกก็ยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงเด็กรุ่นเยาว์ที่มีพลังความสามารถ และมีโอกาสก้าวมาแทนที่ชิงสุ่ย

 

อีเย่เจี้ยนเก้อนั่งถัดจากชิงสุ่ย เธอยังคงรอยยิ้มแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก เขาและเธอจะรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวจากนี้และตลอดไป แม้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าพิธีการนี้สําคัญเพียงใด

 

หลายคนมักพูดว่าพิธีการไม่ใช่เรื่องสําคัญหากคนสองคนพอใจจะอยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีอะไรสําคัญอีกแล้ว

 

แน่นอนว่านี่ก็คือความจริงเช่นกัน แต่การแต่งงานโดยจัดพิธีการถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาว และถือเป็นการบอกต่อความสัมพันธ์นี้แก่ผู้อื่น

 

อีเยู่เจี้ยนเก้อยกน้ําชามอบให้กับชิงอีและเหยียนจงเยว่ ทุกอย่างเหมือนพิธีการในโลกที่แล้วของชิงสุย ในขณะเดียวกันชิงอี้ก็หยิบเอากําไรข้อมือมาสวมให้กับอีเยเจี้ยนเก้อ

 

” พี่ชิงสุ่ย ท่านนี้น่าอิจฉาจริงๆ” ชิงหยูหัวเราะเบาๆ

 

ชิงสุ่ยชอบความสัมพันธ์แบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดทุกคนคือพี่น้องกัน อะไรที่แบ่งปันกันได้เขาก็พร้อมที่จะมอบให้กับคนในตระกูล ซึ่งมันทําให้ความสัมพันธ์นี้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น และทุกคนต่างสามารถล้อเลียนซึ่งกันและกันได้

 

“ท่านพึ่งรู้เหรอว่าพี่ชายชิงสุ่ยเป็นคนน่าอิจฉาขนาดนี้? แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร เขาก็ยังเป็นพี่ชายของข้าและชอบมอบของขวัญให้กับข้ามาโดยตลอด” ชิงเปยกล่าวอย่างมีความสุข

 

เมื่อชิงสุยมองเห็นชิงเปยที่กําลังแสดงท่าทางกระดี้กระด้ามีความสุข เขาก็ยิ้มก่อนจะหยิบกระบี่ยาวและกระโปรงศึกจากดินแดนห้วงมิติออกมามอบให้กับเธอ พวกมันถูกบรรจุมาในกล่อง และฝักที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ซึ่งเขาเป็นคนจัดเตรียมเองและไม่ได้มีโอกาสที่จะมอบให้กับเธอ

 

ชิงสุ่ยจึงใช้โอกาสนี้ในการมอบของต่างๆให้กับผู้คนที่หลงเหลืออยู่

 

ทุกคนต่างมารวมตัวกันและเริ่มต้นบทสนทนาพูดคุยเรื่องราวที่น่าสนใจ ตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอกําลังมองดูลูกๆชิงสุ่ย เธอมองเห็นทั้งคนที่เธอเคยพบเจอรวมถึงเด็กๆที่เธอไม่เคยเจอไม่ว่าจะเป็นชิงเติงหรือชิงนิ้ว ซึ่งทั้งสองคนก็กําลังวิ่งเข้าหาเจี้ยนเก้อ

 

ชิงสุ่ยมองดูอีเย่เจี้ยนเก้อก่อนที่จะนึกย้อนกลับไปในวันที่เขาพาหลวนหลวนมาหาเธอ โชคชะตานําพาให้แต่ละคนได้ใกล้ชิดกัน

 

เมื่อเวลาล่วงเลยไป ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปทําหน้าที่ของตัวเอง ในขณะที่ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อก็ถึงเวลากลับเข้าสู่ห้องของคู่บ่าวสาว

 

อีเย่เจี้ยนเก้อจ้องมองชิงสุ่ยที่กําลังยิ้มแปลกๆจนเธออดถามไม่ได้ “รอยยิ้มของเจ้าช่างดูแปลกเหลือเกิน

 

“ตอนนี้ข้ามีลูกๆมากมาย และลูกๆของข้าก็โตมากพอแล้ว บางทีเมื่อข้าคิดถึงมันข้าก็รู้สึกเหมือนข้ากําลังฝันไป”ชิงสุยไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงคิดแบบนี้ ตัวของเขาเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เหมือนเวลามันผ่านไปเร็วจนเด็กๆเติบโต แต่คนที่เลี้ยงลูกๆกลับไม่ใช่เขา มันยิ่งทําให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นพ่อที่แย่ ไม่มีคุณสมบัติที่มากพอสําหรับลูกๆของเขา

 

“ทําไมเจ้ายังรู้สึกเช่นนี้ทั้งๆที่เจ้าต้องพยายามทําเพื่อลูกๆ?”อีเยเจี้ยนเก้อยิ้มก่อนจะกล่าวตําหนิชิงสุ่ย และรู้ว่าเขากําลังคิดอะไร

 

“ข้าไม่ได้อยู่ดูแลพวกเขาเลย สิ่งที่ข้าทํามันทําให้บรรดาแม่ๆของพวกต้องลําบาก บางครั้งข้าก็รู้สึกเหมือนเป็นหนี้ทุกคนแทน” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างโศกเศร้า

 

บางครั้งเขาก็อยากจะหยุดทําในสิ่งที่เขากําลังจะทําและกลับมาอยู่บ้านให้นานขึ้น แต่มันยังมีสิ่งต่างๆมากมายที่เขาต้องจัดการ และบางทีเขาก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมสถานการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมได้

 

“แต่เจ้าก็เป็นแบบอย่างที่ดีสําหรับลูกๆของเจ้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ลูกๆของเจ้าต่างมีความรู้สึกที่พิเศษเมื่ออยู่กับเจ้า เจ้าคือพ่อที่ยอมเสียสละ และทุกคนก็รู้ดีว่าเจ้าเป็นอย่างไร บางทีพ่อที่ดีอาจไม่จําเป็นต้องอยู่ข้างพวกเขาตลอดเวลา” อีเยเจี้ยนเก้อมองดูชิงสุ่ยด้วยท่าทางอ่อนโยน

 

และเมื่อชิงสุยได้ฟังคําพูดของอีเยเจี้ยนเก้อ เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที

 

“ ในอนาคต เมื่อพวกเรามีลูกด้วยกัน พวกเราควรบอกเล่าเรื่องราวที่ทําให้พวกเราได้มาผ่าน พบกันให้ลูกๆได้ฟังหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะเอ่ยถาม

 

อีเย่เจี้ยนเก้อ ใบหน้าแดงกล่ํา “ใครจะไปมีลูกกับเจ้า”

เมื่อมองดูการแสดงออกที่เขินอายของเธอ ชิงสุ่ยก็อุ้มเธอขึ้นและกล่าวว่า “คืนวันแต่งงานคือคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิต เรามามีลูกกันเถอะ”

 

“เจ้าคนร้าย…”

เช้าวันถัดมา ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อต่างก็ตื่นในเวลาเช้าตรู่ อีเยเจี้ยนเก้อตื่นก่อนชิงสุ่ยและคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวคนอื่นได้มีโอกาสแซวเธอ

 

การอยู่บ้านในครั้งนี้ของชิงสุ่ยถือว่าไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป เขาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านยาวนานกว่า 20 วัน แน่นอนว่าเวลาที่ถูกใช้ไปไม่ได้มีอะไรที่ไร้ประโยชน์เลย เขาทําสิ่งต่างๆนานามากมาย แม้กระทั่งตอนกลางคืน เขายังได้ทําเรื่องที่สนุกสนานซึ่งมีส่วนช่วยประสานพลังร่างกายทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

 

ในวันนี้ชิงสุ่ยได้ช่วยบรรดาหญิงสาวเช่นเดียวกับเด็กๆรุ่นใหม่ในการปรับปรุงรากฐานพลัง

 

ส่วนเด็กรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลวนหลวนยังคงเป็นเด็กที่ทรงพลังที่สุดในหมวดหมู่เด็กรุ่นเดียวกัน แม้กระทั่งสัตว์อสูรของเธอก็ตาม

 

เฉินเองก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราว เหตุผลที่เธอเดินทางมาก็คงเป็นเพราะตชิง ดูเหมือนเธอจะชื่นชอบในตัวเด็กน้อยอย่างชิงนิ้วมาก

 

เฉินและชิงสุยก็ผ่านพิธีงานแต่งงานเช่นกันหลังจากเสร็จพิธีเรื่องขององค์หญิงใหญ่ ตอนนี้ในหมู่หญิงสาวของเขา คงจะมีแต่ถานท่ายหลิงเยียนคนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงานกับชิงสุ่ย เพราะแม้แต่อวี่ลู่หยานก็ยังผ่านพิธีการแต่งงานมาแล้ว

 

ห่ายต่งชิงผู้หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ให้กําเนิดบุตร เธออยู่กับเฉินแทบจะตลอดเวลา จนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายบงกชเทวะ

 

ส่วนหยวนซู เธอยังคงพํานักอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชิงสุยยังคงคลุมเครือ พวกเขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเกือบเหมือนคนรัก อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจพูดคุยหรือตัดสินใจที่จะกินอยู่ร่วมกัน

 

ทั้งสองคนสามารถกอดและจูบกันได้เหมือนคนละ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าหยวนซูคิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรซะเวลาก็ยังมีมากมาย ชิงสุ่ยจึงต้องการให้เวลากับเธอ

 

เวลาเกือบ 1 เดือนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ครั้งที่แล้วที่เขากลับมาเขาได้มีเรื่องกับตระกูลน่าหลาน แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น

 

ภายใต้การช่วยเหลือของชิงสุ่ย ทุกคนในตระกูลชิงมีระดับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นไปอีก 1 ระดับ ส่วนทางด้านนิกายบงกชเทวะ สํานักสวรรค์เร้นลับ และเทือกเขาปูโถว ทั้งหมดยังคงสานสัมพันธ์กับตระกูลชิง แม้ว่าจะมีการข้องเกี่ยวกันเพียงแค่เล็กน้อย แต่บรรดาหญิงสาวของซิงสุยต่างก็มีสถานะสูงส่งเมื่ออยู่ตามนิกายเหล่านั้น

 

ติชิง หายตงชิงและเหวินเหวินอูซวงก็ยังถือเป็นคนของนิกายบงกชเทวะ สวนอีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังทะเลราชันย์ไม่เปลี่ยนแปลง

 

ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวอําลาคนในครอบครัว สําหรับ 1 เดือนที่ผ่านมา เฉิน องค์หญิงใหญ่และอีเยเจี้ยนเก้อใช้เวลาร่วมกันอยู่ในตระกูลชิง และได้สร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นที่พักและขยายที่ฝึกฝนของพวกเขา

 

เมื่อชิงสุ่ยจากไป บางส่วนก็เลือกที่จะอยู่ต่ออีกสักพักในขณะที่บางส่วนก็เลือกที่จะกลับไปยังที่ที่อยู่ของตน

 

เมื่อชิงสุ่ยและอีเเจี้ยนเก้อออกจากเมืองจักรพรรดิ เขาได้ใช้องสวรรค์ปัญจธาตุก่อนจะไปปรากฏตัวอยู่บริเวณในถ้ําศักดิ์สิทธิ์

 

ทันทีที่ม่หยุน ชิงเฉิงมองเห็น นทั้งสองกลับมาเธอก็รีบกลับทักทาย ” พวกเจ้าสองคนกลับมาแล้วเหรอ”

 

เจี้ยนเก้อยิ้มและจับมือมู่หยุนชิงเฉิง “พระราชวังทะเลราชันย์มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่?”

 

“ทุกอย่างยังคงปกติเรียบร้อยดี ดูเหมือนว่าทั้งสองอารมณ์ดีผิดปกตินะ” มู่หยุนชิงเฉิงจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะกล่าวกลับเจี้ยนเก้อ

 

“อืม ก็ไม่มีอะไรนิ ตอนที่พวกเรากลับไป พวกเรากลับไปจัดพิธีงานแต่งงานก็เท่านั้นเอง” ชิงสุ่ยยิ้มตอบ

 

“ข้าขอแสดงความยินดีด้วยนะเจี้ยนเก้อ ดูเหมือนพี่สาวคนนี้ควรจะมอบของขวัญอะไรสักอย่างแก่เจ้า” มู่หยุนชิงเฉิงตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างมีความสุข

 

ใบหน้าของเจี้ยนเก้อแดงกล่ํา ก่อนจะทิ้งชิงสุ่ยและมุ่งหน้าตรงไปห้องมู่หยุนซิงเฉิงเพื่อสนทนาเรื่องต่างๆ

 

หลังจากที่พักอยู่ได้อีกครึ่งวัน ชิงสุ่ยก็บอกลาพวกเธอและตรงไปยังหอคอยจักรพรรดิแห่งเมืองหลินหาย

 

ชิงสุยรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านของเขาอีกหลัง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไปกลับทั้ง 2 ที่บ่อยครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าอเหนียงก็เปรียบเสมือนพี่สาวของเขา

 

แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่มีพลังแต่ชิงสุ่ยก็ได้มอบยาเม็ดเซียนเทียนให้แก่เธอจนเธอก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเชียนเทียนได้ มันอาจจะพูดว่าเธอไม่แข็งแกร่งแต่อย่างน้อยเธอก็สามารถปกป้องตัวเองได้เช่นกัน

 

ชิงสุ่ยมีความสัมพันธ์กับที่นี่เป็นพิเศษโดยเฉพาะความรู้สึกที่มีให้กับอวเหนียง

 

ถานท่ายหลิงเยียนอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับฉินชิง เธอเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูด

 

ชิงสุ่ยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าเธอมีความในใจจะพูด เขาจึงเดินไปถาม แล้วก็ได้รับคําตอบว่าเธอนั้นอยากกลับไปยังพระราชวังจอมอสูร

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+