Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1644 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1644 - ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AST
บทที่1644 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ
เมื่อชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวทั้ง2 คนกำลังเป็นห่วงเขา เขาก็ยิ้มให้กับพวกนาง “ข้าหลับไปนานหรือไม่?”
ชิงสุ่ยถามออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
“49วัน 49 วันที่เจ้าได้หลับไป” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตา ช่วงเวลาที่ยากลำบากของนางได้ผ่านไปแล้ว
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นรอยเลือดบนร่างกายของเขาและยังได้กลิ่นฉุนของเลือดเขารีบลุกขึ้นมานั่งทันที “ข้าจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ถานท่ายหลิงเยียนประคองเขาขึ้นมาเบาๆและถามด้วยความกังวล “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยจับมือของนางเบาๆและพูดว่า“ข้าสบายดีตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ข้าได้ยกระดับขึ้นในตอนนี้!”
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีในตอนนี้และกล่าวกับถานท่ายหลิงเยียน เมื่อมองไปยังฉินชิงเขาก็ได้เห็นน้ำตาของนาง เขาจับมือของนางขึ้นมาเบาๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ถานท่ายหลิงเยียนไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร นางเจ้าใจเรื่องต่างๆมากมายในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้พูดคุยกับฉินชิงเรื่องของชิงสุ่ยมากมาย นอกจากนี้เรื่องอาการบาดเจ็บของชิงสุ่ยนั้นสำคัญกว่าสิ่งใดในตอนนี้
เมื่อชิงสุ่ยเปิดตาขึ้นมาก่อนหน้านี้เขาได้ยินสิ่งที่ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวก่อนหน้านี้: “เยียนเยียนน้อย แม้ว่าข้าจะขยับหรือพูดไม่ได้ก่อนหน้านี้แต่ข้าก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นภรรยาของข้า คำพูดพวกนั้นเป็นกำลังใจให้กับข้าอย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดพวกนี้ที่ทำให้ข้าหายดี”
ถานท่ายหลิงเยียนหน้าแดงไปในทันที ความเยือกเย็นของนางหายไปพร้อมกับความเขินอายที่เข้ามาทำให้ถานท่าย หลิงเยียนต้องก้มศีรษะลงพร้อมกับรอยยิ้ม
ต่อมานั้นเขาก็หันไปยิ้มกับฉินชิงก่อนที่จะตรงไปห้องอาบน้ำหลังจากที่เขาเข้าไปยังห้องอาบน้ำก็ได้ยินถานท่าย หลิงเยียนพูดว่า “ข้าจะวางเสื้อผ้าของเจ้าเอาไว้ให้ข้างนอก”
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงถานท่ายหลิงเยียนทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งภายในหัวใจ การมีใครซักคนที่รอคอยอยู่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง
“เจ้าอยากเข้ามาช่วยข้าอาบน้ำหรือไม่?”ชิงสุ่ยถามขึ้น
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆมีเพียงเสียงเท้าที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้นชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขารู้ว่านางไม่ได้โกรธอย่างแน่นอนและเพราะนางไม่ค่อยพูดอะไรเขาจึงจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดกับนางให้มากขึ้น
มีคนรออยู่จำนวนมากเมื่อชิงสุ่ยเดินออกมาก่อนหน้านี้กลิ่นอายที่ชิงสุ่ยปลดลป่อยออกมาทำให้คนจำนวนมากต้องตกตะลึง
ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยไม่เพียงแต่จะหายดีแต่พลังของเขาก็ทรงพลังมากขึ้นจนแม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่อาจตรวจสอบได้ พวกเขามองตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อและถามว่า “เจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?”
แม้ว่าพวกเขาจะถามขึ้นแต่คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ข้าไม่เพียงแต่รอดตายแต่กลับได้รับโชคดีจนสามารถยกระดับขึ้นได้”ชิงสุ่ยยิ้ม
“หลังจากที่รอดตายมาได้พลังของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหตุใดเจ้าจึงไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาในตอนนี้?” เฟิง ซี่ยิ้มขณะที่นางลูบศีรษะของชิงสุ่ย ความกังวลในสายตาของนางนั้นดูจริงใจและนับตั้งแต่ชิงสุ่ยหายเป็นปกตินางก็ดูมีความสุขมากกว่าผู้ใด หากเขาไม่ฟื้นขึ้นมานางคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา“Iตัวข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะพลังของข้าถึงเกณฑ์พอดี”
หยินเทียนกล่าวว่า“เจ้าควรได้รับการยกย่องจริงๆ ความก้าวหน้าแต่ละครั้งของเจ้านั้นล้วนยิ่งใหญ่ทุกครั้ง วันนี้ควรเป็นวันที่มีความสุขที่สุดเพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น น่ายินดีที่เจ้าได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงสุ่ย ข้าจะไปเตรียมอาหารให้เจ้าก่อน วันนี้ทุกๆคนมาฉลองด้วยกัน! ดูสิ ทุกๆคนกังวลจนดูผอมไปกันหมดแล้ว”
ชิงสุ่ยคำนับหยินเทียน“ท่านลุง ให้ข้าทำเอง ข้าหายดีแล้วพวกท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าทำเอง พวกท่านมาพร้อมหน้ากันที่นี่ในวันนี้ข้าจะทำอาหารให้สุดฝีมือ”
“ข้าจะช่วยเจ้าเองข้าอยากเห็นเจ้าทำอาหาร หวังว่าเจ้าจะยอมนะ!”
“หากท่านอยากเรียนรู้ข้าก็พร้อมจะสอนท่านเสมอ” ชิงสุ่ยไม่เคยปิดบังความมรู้สำหรับผู้ใดเพราะเขาเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการเรียนรู้จากผู้อื่น
“ท่านลุงข้าไม่อาจอยู่รักษาท่านไปได้ตลอด ดูเหมือนว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ของข้าต้องดูแลท่านให้ดี” ชิงสุ่ยหัวเราะให้กับหยินเทียน
“เจ้าหายดีแล้วนั้นก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรพวกเราทั้งหมดต่างก็เป็นห่วงเจ้า ยิ่ง 2 คนนี้แทบไม่ได้กินไม่ได้นอน” หยินเทียนอธิบาย
“ท่านลุงข้าได้รับความโชคดีในความโชคร้ายนี้ เราอย่ามาพิธีรีตองกันมากมายเลย ข้าไม่ใช่คนที่มากพิธีอะไร ข้าไม่ได้มีสหายมากนักแต่พวกท่านเป็นเหมือนครอบครัวของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวกับหยินเทียน
“พวกเราเองก็เช่นกันข้า หยินเทียน ได้มีมิตรสหายเพิ่มมากขึ้นแล้วในตอนนี้ พวกเราไม่ได้เป็นเพียงมิตรสหายแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” หยินเทียนมองไปยังชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนของเขา
ชิงสุ่ยไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารหยินเทียนก็ตามเขาไปด้วยเช่นกันเพราะห้องครัวมีขนาดใหญ่ เมื่อมีคนช่วยเหลืออาหารก็ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็ยังนำเหล้าดอกบ๊วยผลิบานและเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสือที่เก็บเอาไว้ออกมา พวกมันมีอายุ 1000 ปีหรือมากกว่านั้น.Aileen-novel.
เมื่อเปิดไหสุราออกมากลิ่นของมันก็หอมเย้ายวนไปไม่ด้อยกว่าอาหารเลยยิ่้งไปกว่านั้นกลิ่นของอาหารและสุรายังส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั่วทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ทำให้ทุกๆคนต้องน้ำลายไหลออกมา
หยินเทียนก็ได้รับเครื่องเทศที่ชิงสุ่ยมอบให้ก่อนหน้านี้แต่ทักษะการทำอาหารของเขานั้นด้อยกว่ามีอาหารอร่อยมากมายจากฝีมือของชิงสุ่ย
ที่สำคัญที่สุดคือสุราแม้แต่เฟิง ซี่ก็ยังชื่นชมอย่างมากมายและถามชิงสุ่ยว่าเอามาจากที่ใด
ถานท่ายหลิงเยียนนั้นมาอยู่ด้านซ้ายของชิงสุ่ยและฉินชิงอยู่ด้านขวา ชิงสุ่ยทานอาหารพร้อมกับพวกนางอย่างมีความสุข ผู้ที่มีความสุขที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมดคือชิงสุ่ย เขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและยังได้รับโชคดีจากโชคร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
พลังพื้นฐานในตอนนี้ของชิงสุ่ยนั้นอยู่ที่3200 เต๋าเพราะกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกตของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และช่วยเพิ่มพลังของทักษะให้แก่ชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าพลังอย่างปราณจักรพรรดินั้นไม่เกี่ยว รูปแบบและรัศมีแห่งเทพสงครามต่างก็เป็นข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยรู้ว่าพลัง3200 เต๋านั้นทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 ได้แต่เขายังไม่อาจฝ่าทัณฑ์สวรรค์พินาศได้ในตอนนี้ การทำลายและสร้างใหม่ในครั้งนี้ทำให้เกิดการพัฒนาและหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ทำให้เขาไปถึงชั้นที่ 9 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้
ชิงสุ่ยรู้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นมี9 ขั้นและขั้นนี้เป็นขั้นสุดท้ายแล้วแต่มันก็เป็นขั้นที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง จากนี้ไปชิงสุ่ยถือเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกๆมหาทวีป
หยินเทียนยืนและยกจอกสุราขึ้น“เรามาฉลองให้ชิงสุ่ยกันดีกว่าที่เขาหายดีและทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ชิงสุ่ยและทุกๆคนต่างก็ยืนขึ้นพร้อมกันจากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวอย่างยินดี“มาดื่มฉลองกันเถอะไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”
“ดื่ม!”
ในตอนนี้พวกเขาทานอาหารกันอย่างไม่รู้จักพอไม่ต้องพูดถึงชิงสุ่ยที่ทานอาหารทั้งโต๊ะนี้ไปจนหมดไม่มีเหลือ
เมื่อทุกๆคนทานอาหารเสร็จสิ้นพวกเขาก็ล่ำลากันในตอนนี้เหลือเพียงชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่และคอยทำความสะอาด
ชิงสุ่ยนอนลงไปบนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจและรู้สึกราวกับรอดชีวิตมาได้จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ความรู้สึกนี้รุนแรงอย่างยิ่งก่อนที่จะเดินไปหาหญิงสาวทั้ง 2 คน เขาจับมือของพวกนางคนละข้างและนั่งลง “ข้าคิดถึงเจ้าทั้ง 2 คนมาก ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องตายไปโดยที่ข้าก็ไม่รู้ตัว”
“เจ้าห้ามกล่าวอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้!”ฉินชิงบ่นทันที เพราะว่าชิงสุ่ยหายดีแล้วพวกนางจึงเริ่มเขินอายเล็กน้อย
“ชีวิตนั้นสั้นเหลือเกินดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความสุขในขณะที่ทำได้ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมา
“เจ้าจอมวายร้าย!”ถานท่าย หลิงเยียนส่ายศีรษะของนางเบาๆ
“เจ้าดูผอมลงไปมากจากก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของเจ้าก็ดูหลวมมากขึ้นในตอนนี้แต่ไม่ต้องกังวลไปเมื่อเจ้าตั้งครรภ์เจ้าก็จะกลับมาอวบอิ่มดังเดิม” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้ง 2 คนและยิ้มออกมา
“หยุดกล่าวไร้สาระ!”
หญิงสาวทั้ง2 คนรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งในตอนนี้
ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่ปกติอย่างยิ่งเขาไม่ได้กังวลว่าคำพูดของตนเองนั้นจะฟังดูไม่เหมาะสมหรือไม่
“โปรดให้เวลาข้าเสียหน่อยแล้วข้าจะยกระดับพลังให้แก่พวกเจ้าเอง” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างยินดี
ฉินชิงและถานท่าย หลิงเยียน รวมไปถึงอีเย่ เจี้ยนเก้อและอี่หวง กู่หวู๋พวกนางต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แมว่าจะอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่พวกนางก็ยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยต้องการให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะยังมียอดฝีมืออีกมากมายในโลกใบนี้
“พลังของพวกเรานั้นก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วแล้วหากเร่งมากไปกว่านี้รากฐานของพวกเราก็อาจจะไม่แข็งแรง” ฉินชิงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไปข้ามีทางแก้ไขอยู่ คืนนี้พวกเจ้าทั้ง 2 คนไปพักที่ห้องของข้าแล้วข้าจะนอนที่นี่ ตกลงไหม?” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกนางในตอนนี้ต้องอ่อนล้าอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธชิงสุ่ยยิ้มพร้อมกับจูงมือพวกนางไปที่ห้องของเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้ตามเข้าไปแต่ปิดประตูทันทีเตียงนอนในห้องนั้นเหมาะสำหรับนอน 2 คนแต่หากจะนอน 3 คนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะอึดอัดหน่อยเท่านั้น
ชิงสุ่ยนอนลงที่เก้าอี้นวมข้างนอกห้องในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเงียบสงบอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนนี้เขามีพลังจนรู้สึกปลอดภัยก่อนหน้านี้ด้วยความที่เขาอ่อนแอกว่าผู้อื่นทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าหลายคนและในตอนนี้หากชิงสุ่ยต้องต่อสู้กับหงหงอีกครั้ง เขาย่อมไม่อาจทำให้ชิงสุ่ยบาดเจ็บได้แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช้แม้แต่นิ้วเดียว ความแตกต่างระหว่างตอนนั้นและตอนนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างยิ่ง
พลังคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด!

AST
บทที่1644 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ
เมื่อชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวทั้ง2 คนกำลังเป็นห่วงเขา เขาก็ยิ้มให้กับพวกนาง “ข้าหลับไปนานหรือไม่?”
ชิงสุ่ยถามออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
“49วัน 49 วันที่เจ้าได้หลับไป” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตา ช่วงเวลาที่ยากลำบากของนางได้ผ่านไปแล้ว
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นรอยเลือดบนร่างกายของเขาและยังได้กลิ่นฉุนของเลือดเขารีบลุกขึ้นมานั่งทันที “ข้าจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ถานท่ายหลิงเยียนประคองเขาขึ้นมาเบาๆและถามด้วยความกังวล “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยจับมือของนางเบาๆและพูดว่า“ข้าสบายดีตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ข้าได้ยกระดับขึ้นในตอนนี้!”
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีในตอนนี้และกล่าวกับถานท่ายหลิงเยียน เมื่อมองไปยังฉินชิงเขาก็ได้เห็นน้ำตาของนาง เขาจับมือของนางขึ้นมาเบาๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ถานท่ายหลิงเยียนไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร นางเจ้าใจเรื่องต่างๆมากมายในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้พูดคุยกับฉินชิงเรื่องของชิงสุ่ยมากมาย นอกจากนี้เรื่องอาการบาดเจ็บของชิงสุ่ยนั้นสำคัญกว่าสิ่งใดในตอนนี้
เมื่อชิงสุ่ยเปิดตาขึ้นมาก่อนหน้านี้เขาได้ยินสิ่งที่ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวก่อนหน้านี้: “เยียนเยียนน้อย แม้ว่าข้าจะขยับหรือพูดไม่ได้ก่อนหน้านี้แต่ข้าก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นภรรยาของข้า คำพูดพวกนั้นเป็นกำลังใจให้กับข้าอย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดพวกนี้ที่ทำให้ข้าหายดี”
ถานท่ายหลิงเยียนหน้าแดงไปในทันที ความเยือกเย็นของนางหายไปพร้อมกับความเขินอายที่เข้ามาทำให้ถานท่าย หลิงเยียนต้องก้มศีรษะลงพร้อมกับรอยยิ้ม
ต่อมานั้นเขาก็หันไปยิ้มกับฉินชิงก่อนที่จะตรงไปห้องอาบน้ำหลังจากที่เขาเข้าไปยังห้องอาบน้ำก็ได้ยินถานท่าย หลิงเยียนพูดว่า “ข้าจะวางเสื้อผ้าของเจ้าเอาไว้ให้ข้างนอก”
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงถานท่ายหลิงเยียนทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งภายในหัวใจ การมีใครซักคนที่รอคอยอยู่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง
“เจ้าอยากเข้ามาช่วยข้าอาบน้ำหรือไม่?”ชิงสุ่ยถามขึ้น
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆมีเพียงเสียงเท้าที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้นชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขารู้ว่านางไม่ได้โกรธอย่างแน่นอนและเพราะนางไม่ค่อยพูดอะไรเขาจึงจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดกับนางให้มากขึ้น
มีคนรออยู่จำนวนมากเมื่อชิงสุ่ยเดินออกมาก่อนหน้านี้กลิ่นอายที่ชิงสุ่ยปลดลป่อยออกมาทำให้คนจำนวนมากต้องตกตะลึง
ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยไม่เพียงแต่จะหายดีแต่พลังของเขาก็ทรงพลังมากขึ้นจนแม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่อาจตรวจสอบได้ พวกเขามองตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อและถามว่า “เจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?”
แม้ว่าพวกเขาจะถามขึ้นแต่คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ข้าไม่เพียงแต่รอดตายแต่กลับได้รับโชคดีจนสามารถยกระดับขึ้นได้”ชิงสุ่ยยิ้ม
“หลังจากที่รอดตายมาได้พลังของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหตุใดเจ้าจึงไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาในตอนนี้?” เฟิง ซี่ยิ้มขณะที่นางลูบศีรษะของชิงสุ่ย ความกังวลในสายตาของนางนั้นดูจริงใจและนับตั้งแต่ชิงสุ่ยหายเป็นปกตินางก็ดูมีความสุขมากกว่าผู้ใด หากเขาไม่ฟื้นขึ้นมานางคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา“Iตัวข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะพลังของข้าถึงเกณฑ์พอดี”
หยินเทียนกล่าวว่า“เจ้าควรได้รับการยกย่องจริงๆ ความก้าวหน้าแต่ละครั้งของเจ้านั้นล้วนยิ่งใหญ่ทุกครั้ง วันนี้ควรเป็นวันที่มีความสุขที่สุดเพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น น่ายินดีที่เจ้าได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงสุ่ย ข้าจะไปเตรียมอาหารให้เจ้าก่อน วันนี้ทุกๆคนมาฉลองด้วยกัน! ดูสิ ทุกๆคนกังวลจนดูผอมไปกันหมดแล้ว”
ชิงสุ่ยคำนับหยินเทียน“ท่านลุง ให้ข้าทำเอง ข้าหายดีแล้วพวกท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าทำเอง พวกท่านมาพร้อมหน้ากันที่นี่ในวันนี้ข้าจะทำอาหารให้สุดฝีมือ”
“ข้าจะช่วยเจ้าเองข้าอยากเห็นเจ้าทำอาหาร หวังว่าเจ้าจะยอมนะ!”
“หากท่านอยากเรียนรู้ข้าก็พร้อมจะสอนท่านเสมอ” ชิงสุ่ยไม่เคยปิดบังความมรู้สำหรับผู้ใดเพราะเขาเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการเรียนรู้จากผู้อื่น
“ท่านลุงข้าไม่อาจอยู่รักษาท่านไปได้ตลอด ดูเหมือนว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ของข้าต้องดูแลท่านให้ดี” ชิงสุ่ยหัวเราะให้กับหยินเทียน
“เจ้าหายดีแล้วนั้นก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรพวกเราทั้งหมดต่างก็เป็นห่วงเจ้า ยิ่ง 2 คนนี้แทบไม่ได้กินไม่ได้นอน” หยินเทียนอธิบาย
“ท่านลุงข้าได้รับความโชคดีในความโชคร้ายนี้ เราอย่ามาพิธีรีตองกันมากมายเลย ข้าไม่ใช่คนที่มากพิธีอะไร ข้าไม่ได้มีสหายมากนักแต่พวกท่านเป็นเหมือนครอบครัวของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวกับหยินเทียน
“พวกเราเองก็เช่นกันข้า หยินเทียน ได้มีมิตรสหายเพิ่มมากขึ้นแล้วในตอนนี้ พวกเราไม่ได้เป็นเพียงมิตรสหายแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” หยินเทียนมองไปยังชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนของเขา
ชิงสุ่ยไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารหยินเทียนก็ตามเขาไปด้วยเช่นกันเพราะห้องครัวมีขนาดใหญ่ เมื่อมีคนช่วยเหลืออาหารก็ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็ยังนำเหล้าดอกบ๊วยผลิบานและเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสือที่เก็บเอาไว้ออกมา พวกมันมีอายุ 1000 ปีหรือมากกว่านั้น.Aileen-novel.
เมื่อเปิดไหสุราออกมากลิ่นของมันก็หอมเย้ายวนไปไม่ด้อยกว่าอาหารเลยยิ่้งไปกว่านั้นกลิ่นของอาหารและสุรายังส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั่วทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ทำให้ทุกๆคนต้องน้ำลายไหลออกมา
หยินเทียนก็ได้รับเครื่องเทศที่ชิงสุ่ยมอบให้ก่อนหน้านี้แต่ทักษะการทำอาหารของเขานั้นด้อยกว่ามีอาหารอร่อยมากมายจากฝีมือของชิงสุ่ย
ที่สำคัญที่สุดคือสุราแม้แต่เฟิง ซี่ก็ยังชื่นชมอย่างมากมายและถามชิงสุ่ยว่าเอามาจากที่ใด
ถานท่ายหลิงเยียนนั้นมาอยู่ด้านซ้ายของชิงสุ่ยและฉินชิงอยู่ด้านขวา ชิงสุ่ยทานอาหารพร้อมกับพวกนางอย่างมีความสุข ผู้ที่มีความสุขที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมดคือชิงสุ่ย เขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและยังได้รับโชคดีจากโชคร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
พลังพื้นฐานในตอนนี้ของชิงสุ่ยนั้นอยู่ที่3200 เต๋าเพราะกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกตของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และช่วยเพิ่มพลังของทักษะให้แก่ชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าพลังอย่างปราณจักรพรรดินั้นไม่เกี่ยว รูปแบบและรัศมีแห่งเทพสงครามต่างก็เป็นข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยรู้ว่าพลัง3200 เต๋านั้นทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 ได้แต่เขายังไม่อาจฝ่าทัณฑ์สวรรค์พินาศได้ในตอนนี้ การทำลายและสร้างใหม่ในครั้งนี้ทำให้เกิดการพัฒนาและหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ทำให้เขาไปถึงชั้นที่ 9 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้
ชิงสุ่ยรู้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นมี9 ขั้นและขั้นนี้เป็นขั้นสุดท้ายแล้วแต่มันก็เป็นขั้นที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง จากนี้ไปชิงสุ่ยถือเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกๆมหาทวีป
หยินเทียนยืนและยกจอกสุราขึ้น“เรามาฉลองให้ชิงสุ่ยกันดีกว่าที่เขาหายดีและทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ชิงสุ่ยและทุกๆคนต่างก็ยืนขึ้นพร้อมกันจากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวอย่างยินดี“มาดื่มฉลองกันเถอะไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”
“ดื่ม!”
ในตอนนี้พวกเขาทานอาหารกันอย่างไม่รู้จักพอไม่ต้องพูดถึงชิงสุ่ยที่ทานอาหารทั้งโต๊ะนี้ไปจนหมดไม่มีเหลือ
เมื่อทุกๆคนทานอาหารเสร็จสิ้นพวกเขาก็ล่ำลากันในตอนนี้เหลือเพียงชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่และคอยทำความสะอาด
ชิงสุ่ยนอนลงไปบนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจและรู้สึกราวกับรอดชีวิตมาได้จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ความรู้สึกนี้รุนแรงอย่างยิ่งก่อนที่จะเดินไปหาหญิงสาวทั้ง 2 คน เขาจับมือของพวกนางคนละข้างและนั่งลง “ข้าคิดถึงเจ้าทั้ง 2 คนมาก ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องตายไปโดยที่ข้าก็ไม่รู้ตัว”
“เจ้าห้ามกล่าวอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้!”ฉินชิงบ่นทันที เพราะว่าชิงสุ่ยหายดีแล้วพวกนางจึงเริ่มเขินอายเล็กน้อย
“ชีวิตนั้นสั้นเหลือเกินดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความสุขในขณะที่ทำได้ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมา
“เจ้าจอมวายร้าย!”ถานท่าย หลิงเยียนส่ายศีรษะของนางเบาๆ
“เจ้าดูผอมลงไปมากจากก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของเจ้าก็ดูหลวมมากขึ้นในตอนนี้แต่ไม่ต้องกังวลไปเมื่อเจ้าตั้งครรภ์เจ้าก็จะกลับมาอวบอิ่มดังเดิม” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้ง 2 คนและยิ้มออกมา
“หยุดกล่าวไร้สาระ!”
หญิงสาวทั้ง2 คนรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งในตอนนี้
ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่ปกติอย่างยิ่งเขาไม่ได้กังวลว่าคำพูดของตนเองนั้นจะฟังดูไม่เหมาะสมหรือไม่
“โปรดให้เวลาข้าเสียหน่อยแล้วข้าจะยกระดับพลังให้แก่พวกเจ้าเอง” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างยินดี
ฉินชิงและถานท่าย หลิงเยียน รวมไปถึงอีเย่ เจี้ยนเก้อและอี่หวง กู่หวู๋พวกนางต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แมว่าจะอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่พวกนางก็ยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยต้องการให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะยังมียอดฝีมืออีกมากมายในโลกใบนี้
“พลังของพวกเรานั้นก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วแล้วหากเร่งมากไปกว่านี้รากฐานของพวกเราก็อาจจะไม่แข็งแรง” ฉินชิงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไปข้ามีทางแก้ไขอยู่ คืนนี้พวกเจ้าทั้ง 2 คนไปพักที่ห้องของข้าแล้วข้าจะนอนที่นี่ ตกลงไหม?” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกนางในตอนนี้ต้องอ่อนล้าอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธชิงสุ่ยยิ้มพร้อมกับจูงมือพวกนางไปที่ห้องของเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้ตามเข้าไปแต่ปิดประตูทันทีเตียงนอนในห้องนั้นเหมาะสำหรับนอน 2 คนแต่หากจะนอน 3 คนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะอึดอัดหน่อยเท่านั้น
ชิงสุ่ยนอนลงที่เก้าอี้นวมข้างนอกห้องในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเงียบสงบอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนนี้เขามีพลังจนรู้สึกปลอดภัยก่อนหน้านี้ด้วยความที่เขาอ่อนแอกว่าผู้อื่นทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าหลายคนและในตอนนี้หากชิงสุ่ยต้องต่อสู้กับหงหงอีกครั้ง เขาย่อมไม่อาจทำให้ชิงสุ่ยบาดเจ็บได้แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช้แม้แต่นิ้วเดียว ความแตกต่างระหว่างตอนนั้นและตอนนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างยิ่ง
พลังคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล 1644 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ

Now you are reading Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล Chapter 1644 - ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AST
บทที่1644 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ
เมื่อชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวทั้ง2 คนกำลังเป็นห่วงเขา เขาก็ยิ้มให้กับพวกนาง “ข้าหลับไปนานหรือไม่?”
ชิงสุ่ยถามออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
“49วัน 49 วันที่เจ้าได้หลับไป” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตา ช่วงเวลาที่ยากลำบากของนางได้ผ่านไปแล้ว
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นรอยเลือดบนร่างกายของเขาและยังได้กลิ่นฉุนของเลือดเขารีบลุกขึ้นมานั่งทันที “ข้าจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ถานท่ายหลิงเยียนประคองเขาขึ้นมาเบาๆและถามด้วยความกังวล “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยจับมือของนางเบาๆและพูดว่า“ข้าสบายดีตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ข้าได้ยกระดับขึ้นในตอนนี้!”
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีในตอนนี้และกล่าวกับถานท่ายหลิงเยียน เมื่อมองไปยังฉินชิงเขาก็ได้เห็นน้ำตาของนาง เขาจับมือของนางขึ้นมาเบาๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ถานท่ายหลิงเยียนไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร นางเจ้าใจเรื่องต่างๆมากมายในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้พูดคุยกับฉินชิงเรื่องของชิงสุ่ยมากมาย นอกจากนี้เรื่องอาการบาดเจ็บของชิงสุ่ยนั้นสำคัญกว่าสิ่งใดในตอนนี้
เมื่อชิงสุ่ยเปิดตาขึ้นมาก่อนหน้านี้เขาได้ยินสิ่งที่ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวก่อนหน้านี้: “เยียนเยียนน้อย แม้ว่าข้าจะขยับหรือพูดไม่ได้ก่อนหน้านี้แต่ข้าก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นภรรยาของข้า คำพูดพวกนั้นเป็นกำลังใจให้กับข้าอย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดพวกนี้ที่ทำให้ข้าหายดี”
ถานท่ายหลิงเยียนหน้าแดงไปในทันที ความเยือกเย็นของนางหายไปพร้อมกับความเขินอายที่เข้ามาทำให้ถานท่าย หลิงเยียนต้องก้มศีรษะลงพร้อมกับรอยยิ้ม
ต่อมานั้นเขาก็หันไปยิ้มกับฉินชิงก่อนที่จะตรงไปห้องอาบน้ำหลังจากที่เขาเข้าไปยังห้องอาบน้ำก็ได้ยินถานท่าย หลิงเยียนพูดว่า “ข้าจะวางเสื้อผ้าของเจ้าเอาไว้ให้ข้างนอก”
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงถานท่ายหลิงเยียนทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งภายในหัวใจ การมีใครซักคนที่รอคอยอยู่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง
“เจ้าอยากเข้ามาช่วยข้าอาบน้ำหรือไม่?”ชิงสุ่ยถามขึ้น
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆมีเพียงเสียงเท้าที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้นชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขารู้ว่านางไม่ได้โกรธอย่างแน่นอนและเพราะนางไม่ค่อยพูดอะไรเขาจึงจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดกับนางให้มากขึ้น
มีคนรออยู่จำนวนมากเมื่อชิงสุ่ยเดินออกมาก่อนหน้านี้กลิ่นอายที่ชิงสุ่ยปลดลป่อยออกมาทำให้คนจำนวนมากต้องตกตะลึง
ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยไม่เพียงแต่จะหายดีแต่พลังของเขาก็ทรงพลังมากขึ้นจนแม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่อาจตรวจสอบได้ พวกเขามองตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อและถามว่า “เจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?”
แม้ว่าพวกเขาจะถามขึ้นแต่คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ข้าไม่เพียงแต่รอดตายแต่กลับได้รับโชคดีจนสามารถยกระดับขึ้นได้”ชิงสุ่ยยิ้ม
“หลังจากที่รอดตายมาได้พลังของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหตุใดเจ้าจึงไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาในตอนนี้?” เฟิง ซี่ยิ้มขณะที่นางลูบศีรษะของชิงสุ่ย ความกังวลในสายตาของนางนั้นดูจริงใจและนับตั้งแต่ชิงสุ่ยหายเป็นปกตินางก็ดูมีความสุขมากกว่าผู้ใด หากเขาไม่ฟื้นขึ้นมานางคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา“Iตัวข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะพลังของข้าถึงเกณฑ์พอดี”
หยินเทียนกล่าวว่า“เจ้าควรได้รับการยกย่องจริงๆ ความก้าวหน้าแต่ละครั้งของเจ้านั้นล้วนยิ่งใหญ่ทุกครั้ง วันนี้ควรเป็นวันที่มีความสุขที่สุดเพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น น่ายินดีที่เจ้าได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงสุ่ย ข้าจะไปเตรียมอาหารให้เจ้าก่อน วันนี้ทุกๆคนมาฉลองด้วยกัน! ดูสิ ทุกๆคนกังวลจนดูผอมไปกันหมดแล้ว”
ชิงสุ่ยคำนับหยินเทียน“ท่านลุง ให้ข้าทำเอง ข้าหายดีแล้วพวกท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าทำเอง พวกท่านมาพร้อมหน้ากันที่นี่ในวันนี้ข้าจะทำอาหารให้สุดฝีมือ”
“ข้าจะช่วยเจ้าเองข้าอยากเห็นเจ้าทำอาหาร หวังว่าเจ้าจะยอมนะ!”
“หากท่านอยากเรียนรู้ข้าก็พร้อมจะสอนท่านเสมอ” ชิงสุ่ยไม่เคยปิดบังความมรู้สำหรับผู้ใดเพราะเขาเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการเรียนรู้จากผู้อื่น
“ท่านลุงข้าไม่อาจอยู่รักษาท่านไปได้ตลอด ดูเหมือนว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ของข้าต้องดูแลท่านให้ดี” ชิงสุ่ยหัวเราะให้กับหยินเทียน
“เจ้าหายดีแล้วนั้นก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรพวกเราทั้งหมดต่างก็เป็นห่วงเจ้า ยิ่ง 2 คนนี้แทบไม่ได้กินไม่ได้นอน” หยินเทียนอธิบาย
“ท่านลุงข้าได้รับความโชคดีในความโชคร้ายนี้ เราอย่ามาพิธีรีตองกันมากมายเลย ข้าไม่ใช่คนที่มากพิธีอะไร ข้าไม่ได้มีสหายมากนักแต่พวกท่านเป็นเหมือนครอบครัวของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวกับหยินเทียน
“พวกเราเองก็เช่นกันข้า หยินเทียน ได้มีมิตรสหายเพิ่มมากขึ้นแล้วในตอนนี้ พวกเราไม่ได้เป็นเพียงมิตรสหายแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” หยินเทียนมองไปยังชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนของเขา
ชิงสุ่ยไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารหยินเทียนก็ตามเขาไปด้วยเช่นกันเพราะห้องครัวมีขนาดใหญ่ เมื่อมีคนช่วยเหลืออาหารก็ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็ยังนำเหล้าดอกบ๊วยผลิบานและเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสือที่เก็บเอาไว้ออกมา พวกมันมีอายุ 1000 ปีหรือมากกว่านั้น.Aileen-novel.
เมื่อเปิดไหสุราออกมากลิ่นของมันก็หอมเย้ายวนไปไม่ด้อยกว่าอาหารเลยยิ่้งไปกว่านั้นกลิ่นของอาหารและสุรายังส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั่วทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ทำให้ทุกๆคนต้องน้ำลายไหลออกมา
หยินเทียนก็ได้รับเครื่องเทศที่ชิงสุ่ยมอบให้ก่อนหน้านี้แต่ทักษะการทำอาหารของเขานั้นด้อยกว่ามีอาหารอร่อยมากมายจากฝีมือของชิงสุ่ย
ที่สำคัญที่สุดคือสุราแม้แต่เฟิง ซี่ก็ยังชื่นชมอย่างมากมายและถามชิงสุ่ยว่าเอามาจากที่ใด
ถานท่ายหลิงเยียนนั้นมาอยู่ด้านซ้ายของชิงสุ่ยและฉินชิงอยู่ด้านขวา ชิงสุ่ยทานอาหารพร้อมกับพวกนางอย่างมีความสุข ผู้ที่มีความสุขที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมดคือชิงสุ่ย เขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและยังได้รับโชคดีจากโชคร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
พลังพื้นฐานในตอนนี้ของชิงสุ่ยนั้นอยู่ที่3200 เต๋าเพราะกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกตของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และช่วยเพิ่มพลังของทักษะให้แก่ชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าพลังอย่างปราณจักรพรรดินั้นไม่เกี่ยว รูปแบบและรัศมีแห่งเทพสงครามต่างก็เป็นข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยรู้ว่าพลัง3200 เต๋านั้นทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 ได้แต่เขายังไม่อาจฝ่าทัณฑ์สวรรค์พินาศได้ในตอนนี้ การทำลายและสร้างใหม่ในครั้งนี้ทำให้เกิดการพัฒนาและหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ทำให้เขาไปถึงชั้นที่ 9 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้
ชิงสุ่ยรู้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นมี9 ขั้นและขั้นนี้เป็นขั้นสุดท้ายแล้วแต่มันก็เป็นขั้นที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง จากนี้ไปชิงสุ่ยถือเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกๆมหาทวีป
หยินเทียนยืนและยกจอกสุราขึ้น“เรามาฉลองให้ชิงสุ่ยกันดีกว่าที่เขาหายดีและทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ชิงสุ่ยและทุกๆคนต่างก็ยืนขึ้นพร้อมกันจากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวอย่างยินดี“มาดื่มฉลองกันเถอะไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”
“ดื่ม!”
ในตอนนี้พวกเขาทานอาหารกันอย่างไม่รู้จักพอไม่ต้องพูดถึงชิงสุ่ยที่ทานอาหารทั้งโต๊ะนี้ไปจนหมดไม่มีเหลือ
เมื่อทุกๆคนทานอาหารเสร็จสิ้นพวกเขาก็ล่ำลากันในตอนนี้เหลือเพียงชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่และคอยทำความสะอาด
ชิงสุ่ยนอนลงไปบนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจและรู้สึกราวกับรอดชีวิตมาได้จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ความรู้สึกนี้รุนแรงอย่างยิ่งก่อนที่จะเดินไปหาหญิงสาวทั้ง 2 คน เขาจับมือของพวกนางคนละข้างและนั่งลง “ข้าคิดถึงเจ้าทั้ง 2 คนมาก ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องตายไปโดยที่ข้าก็ไม่รู้ตัว”
“เจ้าห้ามกล่าวอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้!”ฉินชิงบ่นทันที เพราะว่าชิงสุ่ยหายดีแล้วพวกนางจึงเริ่มเขินอายเล็กน้อย
“ชีวิตนั้นสั้นเหลือเกินดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความสุขในขณะที่ทำได้ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมา
“เจ้าจอมวายร้าย!”ถานท่าย หลิงเยียนส่ายศีรษะของนางเบาๆ
“เจ้าดูผอมลงไปมากจากก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของเจ้าก็ดูหลวมมากขึ้นในตอนนี้แต่ไม่ต้องกังวลไปเมื่อเจ้าตั้งครรภ์เจ้าก็จะกลับมาอวบอิ่มดังเดิม” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้ง 2 คนและยิ้มออกมา
“หยุดกล่าวไร้สาระ!”
หญิงสาวทั้ง2 คนรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งในตอนนี้
ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่ปกติอย่างยิ่งเขาไม่ได้กังวลว่าคำพูดของตนเองนั้นจะฟังดูไม่เหมาะสมหรือไม่
“โปรดให้เวลาข้าเสียหน่อยแล้วข้าจะยกระดับพลังให้แก่พวกเจ้าเอง” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างยินดี
ฉินชิงและถานท่าย หลิงเยียน รวมไปถึงอีเย่ เจี้ยนเก้อและอี่หวง กู่หวู๋พวกนางต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แมว่าจะอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่พวกนางก็ยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยต้องการให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะยังมียอดฝีมืออีกมากมายในโลกใบนี้
“พลังของพวกเรานั้นก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วแล้วหากเร่งมากไปกว่านี้รากฐานของพวกเราก็อาจจะไม่แข็งแรง” ฉินชิงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไปข้ามีทางแก้ไขอยู่ คืนนี้พวกเจ้าทั้ง 2 คนไปพักที่ห้องของข้าแล้วข้าจะนอนที่นี่ ตกลงไหม?” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกนางในตอนนี้ต้องอ่อนล้าอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธชิงสุ่ยยิ้มพร้อมกับจูงมือพวกนางไปที่ห้องของเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้ตามเข้าไปแต่ปิดประตูทันทีเตียงนอนในห้องนั้นเหมาะสำหรับนอน 2 คนแต่หากจะนอน 3 คนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะอึดอัดหน่อยเท่านั้น
ชิงสุ่ยนอนลงที่เก้าอี้นวมข้างนอกห้องในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเงียบสงบอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนนี้เขามีพลังจนรู้สึกปลอดภัยก่อนหน้านี้ด้วยความที่เขาอ่อนแอกว่าผู้อื่นทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าหลายคนและในตอนนี้หากชิงสุ่ยต้องต่อสู้กับหงหงอีกครั้ง เขาย่อมไม่อาจทำให้ชิงสุ่ยบาดเจ็บได้แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช้แม้แต่นิ้วเดียว ความแตกต่างระหว่างตอนนั้นและตอนนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างยิ่ง
พลังคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด!

AST
บทที่1644 – ตื่นขึ้น เสื้อผ้าเริ่มหลวมแต่ก็ไม่ต้องเสียใจ
เมื่อชิงสุ่ยเห็นหญิงสาวทั้ง2 คนกำลังเป็นห่วงเขา เขาก็ยิ้มให้กับพวกนาง “ข้าหลับไปนานหรือไม่?”
ชิงสุ่ยถามออกมาเพราะเขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
“49วัน 49 วันที่เจ้าได้หลับไป” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตา ช่วงเวลาที่ยากลำบากของนางได้ผ่านไปแล้ว
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นรอยเลือดบนร่างกายของเขาและยังได้กลิ่นฉุนของเลือดเขารีบลุกขึ้นมานั่งทันที “ข้าจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ถานท่ายหลิงเยียนประคองเขาขึ้นมาเบาๆและถามด้วยความกังวล “เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?”
ชิงสุ่ยจับมือของนางเบาๆและพูดว่า“ข้าสบายดีตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน ข้าได้ยกระดับขึ้นในตอนนี้!”
ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีในตอนนี้และกล่าวกับถานท่ายหลิงเยียน เมื่อมองไปยังฉินชิงเขาก็ได้เห็นน้ำตาของนาง เขาจับมือของนางขึ้นมาเบาๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ถานท่ายหลิงเยียนไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร นางเจ้าใจเรื่องต่างๆมากมายในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังได้พูดคุยกับฉินชิงเรื่องของชิงสุ่ยมากมาย นอกจากนี้เรื่องอาการบาดเจ็บของชิงสุ่ยนั้นสำคัญกว่าสิ่งใดในตอนนี้
เมื่อชิงสุ่ยเปิดตาขึ้นมาก่อนหน้านี้เขาได้ยินสิ่งที่ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวก่อนหน้านี้: “เยียนเยียนน้อย แม้ว่าข้าจะขยับหรือพูดไม่ได้ก่อนหน้านี้แต่ข้าก็ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง เจ้าบอกว่าเจ้าจะเป็นภรรยาของข้า คำพูดพวกนั้นเป็นกำลังใจให้กับข้าอย่างแท้จริง บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดพวกนี้ที่ทำให้ข้าหายดี”
ถานท่ายหลิงเยียนหน้าแดงไปในทันที ความเยือกเย็นของนางหายไปพร้อมกับความเขินอายที่เข้ามาทำให้ถานท่าย หลิงเยียนต้องก้มศีรษะลงพร้อมกับรอยยิ้ม
ต่อมานั้นเขาก็หันไปยิ้มกับฉินชิงก่อนที่จะตรงไปห้องอาบน้ำหลังจากที่เขาเข้าไปยังห้องอาบน้ำก็ได้ยินถานท่าย หลิงเยียนพูดว่า “ข้าจะวางเสื้อผ้าของเจ้าเอาไว้ให้ข้างนอก”
ชิงสุ่ยได้ยินเสียงถานท่ายหลิงเยียนทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งภายในหัวใจ การมีใครซักคนที่รอคอยอยู่ทำให้เขามีความสุขอย่างยิ่ง
“เจ้าอยากเข้ามาช่วยข้าอาบน้ำหรือไม่?”ชิงสุ่ยถามขึ้น
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆมีเพียงเสียงเท้าที่เดินหนีไปอย่างรวดเร็วเท่านั้นชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขารู้ว่านางไม่ได้โกรธอย่างแน่นอนและเพราะนางไม่ค่อยพูดอะไรเขาจึงจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ในการใกล้ชิดกับนางให้มากขึ้น
มีคนรออยู่จำนวนมากเมื่อชิงสุ่ยเดินออกมาก่อนหน้านี้กลิ่นอายที่ชิงสุ่ยปลดลป่อยออกมาทำให้คนจำนวนมากต้องตกตะลึง
ดูเหมือนว่าชิงสุ่ยไม่เพียงแต่จะหายดีแต่พลังของเขาก็ทรงพลังมากขึ้นจนแม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่อาจตรวจสอบได้ พวกเขามองตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อและถามว่า “เจ้าได้เข้าสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ?”
แม้ว่าพวกเขาจะถามขึ้นแต่คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว
“ข้าไม่เพียงแต่รอดตายแต่กลับได้รับโชคดีจนสามารถยกระดับขึ้นได้”ชิงสุ่ยยิ้ม
“หลังจากที่รอดตายมาได้พลังของเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหตุใดเจ้าจึงไม่เปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาในตอนนี้?” เฟิง ซี่ยิ้มขณะที่นางลูบศีรษะของชิงสุ่ย ความกังวลในสายตาของนางนั้นดูจริงใจและนับตั้งแต่ชิงสุ่ยหายเป็นปกตินางก็ดูมีความสุขมากกว่าผู้ใด หากเขาไม่ฟื้นขึ้นมานางคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา“Iตัวข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีอาจเป็นเพราะพลังของข้าถึงเกณฑ์พอดี”
หยินเทียนกล่าวว่า“เจ้าควรได้รับการยกย่องจริงๆ ความก้าวหน้าแต่ละครั้งของเจ้านั้นล้วนยิ่งใหญ่ทุกครั้ง วันนี้ควรเป็นวันที่มีความสุขที่สุดเพราะสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น น่ายินดีที่เจ้าได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงสุ่ย ข้าจะไปเตรียมอาหารให้เจ้าก่อน วันนี้ทุกๆคนมาฉลองด้วยกัน! ดูสิ ทุกๆคนกังวลจนดูผอมไปกันหมดแล้ว”
ชิงสุ่ยคำนับหยินเทียน“ท่านลุง ให้ข้าทำเอง ข้าหายดีแล้วพวกท่านไม่ต้องกังวล ให้ข้าทำเอง พวกท่านมาพร้อมหน้ากันที่นี่ในวันนี้ข้าจะทำอาหารให้สุดฝีมือ”
“ข้าจะช่วยเจ้าเองข้าอยากเห็นเจ้าทำอาหาร หวังว่าเจ้าจะยอมนะ!”
“หากท่านอยากเรียนรู้ข้าก็พร้อมจะสอนท่านเสมอ” ชิงสุ่ยไม่เคยปิดบังความมรู้สำหรับผู้ใดเพราะเขาเองก็ได้รับประโยชน์มากมายจากการเรียนรู้จากผู้อื่น
“ท่านลุงข้าไม่อาจอยู่รักษาท่านไปได้ตลอด ดูเหมือนว่าช่วงเวลาหลังจากนี้ของข้าต้องดูแลท่านให้ดี” ชิงสุ่ยหัวเราะให้กับหยินเทียน
“เจ้าหายดีแล้วนั้นก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรพวกเราทั้งหมดต่างก็เป็นห่วงเจ้า ยิ่ง 2 คนนี้แทบไม่ได้กินไม่ได้นอน” หยินเทียนอธิบาย
“ท่านลุงข้าได้รับความโชคดีในความโชคร้ายนี้ เราอย่ามาพิธีรีตองกันมากมายเลย ข้าไม่ใช่คนที่มากพิธีอะไร ข้าไม่ได้มีสหายมากนักแต่พวกท่านเป็นเหมือนครอบครัวของข้า” ชิงสุ่ยกล่าวกับหยินเทียน
“พวกเราเองก็เช่นกันข้า หยินเทียน ได้มีมิตรสหายเพิ่มมากขึ้นแล้วในตอนนี้ พวกเราไม่ได้เป็นเพียงมิตรสหายแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน” หยินเทียนมองไปยังชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนของเขา
ชิงสุ่ยไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารหยินเทียนก็ตามเขาไปด้วยเช่นกันเพราะห้องครัวมีขนาดใหญ่ เมื่อมีคนช่วยเหลืออาหารก็ถูกจัดเตรียมขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็ยังนำเหล้าดอกบ๊วยผลิบานและเหล้าเชี่ยงชุนกระดูกเสือที่เก็บเอาไว้ออกมา พวกมันมีอายุ 1000 ปีหรือมากกว่านั้น.Aileen-novel.
เมื่อเปิดไหสุราออกมากลิ่นของมันก็หอมเย้ายวนไปไม่ด้อยกว่าอาหารเลยยิ่้งไปกว่านั้นกลิ่นของอาหารและสุรายังส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั่วทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ทำให้ทุกๆคนต้องน้ำลายไหลออกมา
หยินเทียนก็ได้รับเครื่องเทศที่ชิงสุ่ยมอบให้ก่อนหน้านี้แต่ทักษะการทำอาหารของเขานั้นด้อยกว่ามีอาหารอร่อยมากมายจากฝีมือของชิงสุ่ย
ที่สำคัญที่สุดคือสุราแม้แต่เฟิง ซี่ก็ยังชื่นชมอย่างมากมายและถามชิงสุ่ยว่าเอามาจากที่ใด
ถานท่ายหลิงเยียนนั้นมาอยู่ด้านซ้ายของชิงสุ่ยและฉินชิงอยู่ด้านขวา ชิงสุ่ยทานอาหารพร้อมกับพวกนางอย่างมีความสุข ผู้ที่มีความสุขที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมดคือชิงสุ่ย เขาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและยังได้รับโชคดีจากโชคร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้
พลังพื้นฐานในตอนนี้ของชิงสุ่ยนั้นอยู่ที่3200 เต๋าเพราะกลิ่นอายแห่งเทพมังกรมรกตของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และช่วยเพิ่มพลังของทักษะให้แก่ชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน แต่แน่นอนว่าพลังอย่างปราณจักรพรรดินั้นไม่เกี่ยว รูปแบบและรัศมีแห่งเทพสงครามต่างก็เป็นข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน
ชิงสุ่ยรู้ว่าพลัง3200 เต๋านั้นทำให้เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ 2 ได้แต่เขายังไม่อาจฝ่าทัณฑ์สวรรค์พินาศได้ในตอนนี้ การทำลายและสร้างใหม่ในครั้งนี้ทำให้เกิดการพัฒนาและหลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่ทำให้เขาไปถึงชั้นที่ 9 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลได้
ชิงสุ่ยรู้ว่าเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลนั้นมี9 ขั้นและขั้นนี้เป็นขั้นสุดท้ายแล้วแต่มันก็เป็นขั้นที่กว้างใหญ่อย่างยิ่ง จากนี้ไปชิงสุ่ยถือเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นในทุกๆมหาทวีป
หยินเทียนยืนและยกจอกสุราขึ้น“เรามาฉลองให้ชิงสุ่ยกันดีกว่าที่เขาหายดีและทรงพลังมากยิ่งขึ้น”
ชิงสุ่ยและทุกๆคนต่างก็ยืนขึ้นพร้อมกันจากนั้นชิงสุ่ยก็กล่าวอย่างยินดี“มาดื่มฉลองกันเถอะไม่ต้องมากพิธีไปหรอก”
“ดื่ม!”
ในตอนนี้พวกเขาทานอาหารกันอย่างไม่รู้จักพอไม่ต้องพูดถึงชิงสุ่ยที่ทานอาหารทั้งโต๊ะนี้ไปจนหมดไม่มีเหลือ
เมื่อทุกๆคนทานอาหารเสร็จสิ้นพวกเขาก็ล่ำลากันในตอนนี้เหลือเพียงชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้ง 2 คนเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่และคอยทำความสะอาด
ชิงสุ่ยนอนลงไปบนเก้าอี้นวมอย่างสบายใจและรู้สึกราวกับรอดชีวิตมาได้จากภัยพิบัติครั้งใหญ่ความรู้สึกนี้รุนแรงอย่างยิ่งก่อนที่จะเดินไปหาหญิงสาวทั้ง 2 คน เขาจับมือของพวกนางคนละข้างและนั่งลง “ข้าคิดถึงเจ้าทั้ง 2 คนมาก ข้ากลัวว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องตายไปโดยที่ข้าก็ไม่รู้ตัว”
“เจ้าห้ามกล่าวอะไรที่ไร้สาระเช่นนี้!”ฉินชิงบ่นทันที เพราะว่าชิงสุ่ยหายดีแล้วพวกนางจึงเริ่มเขินอายเล็กน้อย
“ชีวิตนั้นสั้นเหลือเกินดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างความสุขในขณะที่ทำได้ไม่อย่างนั้นแล้วเราอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมา
“เจ้าจอมวายร้าย!”ถานท่าย หลิงเยียนส่ายศีรษะของนางเบาๆ
“เจ้าดูผอมลงไปมากจากก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของเจ้าก็ดูหลวมมากขึ้นในตอนนี้แต่ไม่ต้องกังวลไปเมื่อเจ้าตั้งครรภ์เจ้าก็จะกลับมาอวบอิ่มดังเดิม” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้ง 2 คนและยิ้มออกมา
“หยุดกล่าวไร้สาระ!”
หญิงสาวทั้ง2 คนรู้สึกเขินอายอย่างยิ่งในตอนนี้
ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทีที่ปกติอย่างยิ่งเขาไม่ได้กังวลว่าคำพูดของตนเองนั้นจะฟังดูไม่เหมาะสมหรือไม่
“โปรดให้เวลาข้าเสียหน่อยแล้วข้าจะยกระดับพลังให้แก่พวกเจ้าเอง” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาอย่างยินดี
ฉินชิงและถานท่าย หลิงเยียน รวมไปถึงอีเย่ เจี้ยนเก้อและอี่หวง กู่หวู๋พวกนางต่างก็อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แมว่าจะอยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่พวกนางก็ยังถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยต้องการให้พวกนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะยังมียอดฝีมืออีกมากมายในโลกใบนี้
“พลังของพวกเรานั้นก็เพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็วแล้วหากเร่งมากไปกว่านี้รากฐานของพวกเราก็อาจจะไม่แข็งแรง” ฉินชิงกล่าว
“ไม่ต้องกังวลไปข้ามีทางแก้ไขอยู่ คืนนี้พวกเจ้าทั้ง 2 คนไปพักที่ห้องของข้าแล้วข้าจะนอนที่นี่ ตกลงไหม?” ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกนางในตอนนี้ต้องอ่อนล้าอย่างแน่นอน
หญิงสาวทั้งสองตกตะลึงแต่ก็ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธชิงสุ่ยยิ้มพร้อมกับจูงมือพวกนางไปที่ห้องของเขา
ชิงสุ่ยไม่ได้ตามเข้าไปแต่ปิดประตูทันทีเตียงนอนในห้องนั้นเหมาะสำหรับนอน 2 คนแต่หากจะนอน 3 คนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่มันอาจจะอึดอัดหน่อยเท่านั้น
ชิงสุ่ยนอนลงที่เก้าอี้นวมข้างนอกห้องในตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงความเงียบสงบอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนนี้เขามีพลังจนรู้สึกปลอดภัยก่อนหน้านี้ด้วยความที่เขาอ่อนแอกว่าผู้อื่นทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่าตัวเองนั้นด้อยกว่าหลายคนและในตอนนี้หากชิงสุ่ยต้องต่อสู้กับหงหงอีกครั้ง เขาย่อมไม่อาจทำให้ชิงสุ่ยบาดเจ็บได้แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ใช้แม้แต่นิ้วเดียว ความแตกต่างระหว่างตอนนั้นและตอนนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างยิ่ง
พลังคือสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+