ข้ามมิติมาทั้งที ก็กลายเป็นตัวร้ายลูกเศรษฐีผู้ร่ำรวยไปซะแล้ว 44

Now you are reading ข้ามมิติมาทั้งที ก็กลายเป็นตัวร้ายลูกเศรษฐีผู้ร่ำรวยไปซะแล้ว Chapter 44 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ติ๊ง โฮสต์ควบคุมเบื้องหลัง ย้ายตําแหน่งผู้สนับสนุนของฝ่ายตัวเอกไปยังตําแหน่งอื่น ได้รับแต้มตัวร้าย 300 แต้ม ออร่าตัวเอกฉู่ป๋าย -10 ออร่าตัวร้ายโฮสต์ +10!]

ในช่วงเย็นของชั่วโมงเรียนด้วยตัวเองหวังฮ่าวหลานได้รับข้อความนี้

มันทําให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

ตอนแรกเขาคิดว่าถังปิงหยุนจะใช้เวลาอีกสองสามวันในการพักฟิ้นก่อนจึงจะย้ายครูใหญ่ไปอยู่ตําแหน่งอื่น

เขาไม่คิดว่าถังปิงหยุนจะเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้

เธอรับปากเขาในตอนเย็น และมีคำสั่งย้ายครูใหญ่ในตอนเย็นทันที

เมื่อครูใหญ่ย้ายไป ฉู่ป๋ายก็สูญเสียตําแหน่งที่หลบภัยในโรงเรียน

ต่อจากนี้ถ้าจะจัดการกับฉู่ป๋ายในโรงเรียน ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น

  ——

ชั่วโมงเรียนด้วยตนเองภาคค่ำสิ้นสุดลง

ซูมู่หยานเข็นจักรยานไปที่ประตูโรงเรียน

ฉู่ป๋ายเดินตามหลังมา

หลังจากออกจากโรงเรียน ฉู่ป๋ายก็เตรียมตัวกลับบ้านกับซูมู่หยาน

แต่ทันใดนั้นฉู่ป๋ายก็ตระหนักได้ว่าซูมู่หยานไม่ได้มุ่งหน้าไปทางกลับบ้าน แต่มุ่งหน้าไปริมแม่น้ำใกล้โรงเรียนแทน

ฉู่ป๋ายรู้สึกแปลกใจ รีบตามไป

เขาติดตามซูมู่หยานมาถึงริมแม่น้ำ

มีชายคนหนึ่งรออยู่ที่รั้วหินริมแม่น้ำ

เขาคือหวังฮ่าวหลาน

ฉู่ป๋ายของขึ้น!

ซูมู่หยานไม่ยอมกลับบ้านตรงเวลา แต่กลับมาเดทกับหวังฮ่าวหลาน!

ช่างไร้ยางอายจริงๆ!

ฉู่ป๋ายอยากจะพุ่งเข้าไปล่มเดทของทั้งคู่

แต่เขายังคงอดทนไว้

พุ่งเข้าไปก่อกวน มันจะทําให้ซูมู่หยานไม่พอใจ

ไม่คุ้มกับสิ่งที่จะเสียไป

ฉู่ป๋ายคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพ่อซู

“ฮัลโหล ฉู่ป๋าย เกิดอะไรขึ้น?”

“ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว ซูมู่หยานไม่ได้กลับบ้าน แต่ไปพบหวังฮ่าวหลานที่ริมแม่น้ำ!”

“อะไรนะ?!” พ่อซูโกรธจัด

“มันน่านัก เจ้าต้องจับตาดูเขาให้ดีเพื่อไม่ให้เจ้าเด็กที่ชื่อหวังฮ่าวหลานนั่นพาหยานหยานไปที่อื่น ลุงจะมาเดี๋ยวนี้!”

ฉู่ป๋ายได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากปลายสาย

เห็นได้ชัดว่าพ่อซูร้อนใจและต้องออกเดินทางทันที

“วางใจได้ครับ ผมจะจับตาดูไว้!” ฉู่ป๋ายวางสายด้วยความดีใจ

พ่อของซูมู่หยานทำอาชีพอะไร ฉู่ป๋ายนั้นรู้ดี

เขาฝึกหมัดและเท้าของเขา

อีกสักพักพ่อของซูมู่หยานก็มาถึงและดูท่าว่าเขาจะต้องทุบตีหวังฮ่าวหลานอย่างแน่นอน

รุ่นที่สองที่ร่ำรวยอย่างหวังฮ่าวหลานที่มีแต่อ้าปากรอป้อนในมือก็ถือชุดรอคนแต่งให้ มันช่างอ่อนปวกเปียก จะไปทนหมัดของพ่อซูมู่หยานได้กี่หมัดกัน? (อ้าปากรอป้อนในมือก็ถือชุดรอคนแต่ง 衣来伸手,饭来张口 เป็นวลี ความหมายคร่าวๆ ว่า ทัศนคติในชีวิตของการไม่ออกแรงมุ่งแต่สนุกมีแต่เกียจคร้านและไม่ทำอะไรที่มีคุณประโยชน์ ) 

ฉู่ป๋ายอยากรู้อยากเห็นและตั้งตารอ

“อีกหน่อยคงได้ดูการแสดงสนุกๆ !”

“ฉู่ป๋าย เจ้ามาทำลับๆ ล่อๆ ที่นี่ทําไม?”

ขณะที่ฉู่ป๋ายกําลังจ้องมองหวังฮ่าวหลานและซูมู่หยาน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

ฉู่ป๋ายหันกลับไปมอง ปรากฏสีหน้าดูแคลนทันที

“ฟ่านเจี้ยน ข้ามาทำอะไรที่นี่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า ถ้ายังพูดพล่ามต่ออีกล่ะก็ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบตีเจ้าซะ!”

“ข้าไม่เชื่อ เจ้าลองตีข้าซะสิ!” ฟ่านเจี้ยนเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว

“เจ้า!”

ฉู่ป๋ายกําหมัดแน่น แต่ไม่นานก็ปล่อยมือ

เขาอยากจะทุบตีฟ่านเจี้ยนแต่ไม่กล้าแบกรับผลที่ตามมา

ครูใหญ่มาหาเขาตอนเย็น

ครูใหญ่บอกว่าเขาจะย้ายออกจากโรงเรียนมัธยมสุ่ยเจ๋อทันทีและจะไปเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนอื่น

หลังจากสูญเสียความคุ้มครองของครูใหญ่ฉู่ป๋ายก็จะถูกไล่ออก

“ขยะ ข้าว่าแล้วไงว่าเจ้าไม่กล้าแตะต้องข้า” ฟ่านเจี้ยนยิ้มอย่างภูมิใจ เขาสะบัดกระเป๋านักเรียนและขี่จักรยานจากไป

แต่เมื่อเขาสะบัดกระเป๋านักเรียน มีของหล่นออกมาจากกระเป๋า

ฟ่านเจี้ยนได้ขี่จักรยานออกไปแล้ว

และมัดของสิ่งนั้นก็ตกลงบนพื้นเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีใครที่อยู่รอบๆ เห็นมัน

ฉู่ป๋ายรีบไปหยิบมันขึ้นมาทันที

ของพวกนี้เป็นแบงค์สีแดงทั้งหมด ประมาณ 50,000 หยวน

“เป็นไปไม่ได้ที่ฟ่านเจี้ยนจะมีเงินได้มากมายขนาดนี้ ข้าว่าหวังฮ่าวหลานจะต้องให้รางวัลแก่มันอย่างแน่นอน นี่เป็นโชคลาภที่ไม่เป็นธรรม แต่ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว!”

ฉู่ป๋ายยัดแบงค์ปึกนี้ใส่กระเป๋านักเรียนของตนอย่างไม่ลังเล

เขาไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ในใจเขา

ฟ่านเจี้ยนได้ยั่วยุเขาและอดทนต่อการทุบตีมัน

ถือว่าเขาโชคดี

เงินก้อนนี้ถือว่าเป็นคำขอโทษของฟ่านเจี้ยนที่มีต่อตนก็แล้วกัน

อย่างไรก็ตาม ฟ่านเจี้ยนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเงินของเขาได้หายไป แม้ว่าเขาจะกลับมาดูแต่ก็พบว่ามันหายไปไหนก็ไม่รู้

 ——อากาศค่อนข้างร้อนและลมแรงจากแม่น้ำทําให้ผู้คนรู้สึกเย็นเป็นพิเศษ

ซูมู่หยานจอดรถจักรยานลง ในใจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะตรงกลับบ้านทันทีหลังชั่วโมงเรียนด้วยตนเอง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอไม่กลับบ้านตรงเวลาเพื่อไปเจอผู้ชายที่นัดไว้

เวลาเลิกเรียนภาคค่ำคือสามทุ่มครึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มสี่สิบแล้ว

เดิมทีซูมู่หยานไม่อยากมา แต่เธอแอบกลับมาอีกครั้งอย่างลับๆ

“นายเรียกฉันมาที่นี่ทําไม?” ซูมู่หยานถามอย่างระมัดระวัง

“ชานมไม่เลวเลย แต่หวานนิดเดียว” หวังฮ่าวหลานยิ้ม

“นายเรียกฉันมาเพื่อพูดเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะเหรอ?” ซูมู่หยานตะลึงงัน

“ใช่แล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่ามันคืออะไรล่ะ?”

“…” ซูมู่หยาน

“เอาล่ะ เลิกล้อเล่นละ ที่ฉันขอให้เธอมาที่นี่เพราะอยากให้ความกระจ่างแก่เธอ”

“นายรู้แล้ว เหวินจิงบอกนายเหรอ?”

“เธอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ”

“นี่ ฉันเกือบทะเลาะกับพ่อฉัน แต่ฉันก็บอกไปว่าฉันไม่ชอบนาย!” ซูมู่หยานเน้นย้ํา

“ฉันรู้ ฉันรู้” หวังฮ่าวหลานรู้ว่าเธอเป็นคนปากแข็ง แต่ก็ยังพูดออกมา

“นายเข้าใจก็ดีแล้ว” ซูมู่หยานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“โทรหาแม่เธอเถอะ บอกไปว่ามาเดินเล่นริมแม่น้ำกับเพื่อนร่วมชั้นชายแล้วให้แม่เธอมารับกลับ” หวังฮ่าวหลานส่งโทรศัพท์มือถือให้ซูมู่หยาน

“เดี๋ยวฉันปั่นจักรยานกลับเองก็ได้”

“ช่วงหลังเลิกเรียนมีนักเรียนเยอะมาก ถนนปลอดภัย เธอขี่จักรยานได้ไม่มีปัญหา แต่อีกไม่นานคนก็ไม่ค่อยมีแล้ว ปั่นจักรยานคนเดียวมันอันตรายนะ”

ได้ยินดังนั้น ซูมู่หยานก็เกิดความอบอุ่นขึ้นในใจ

เขาค่อนข้างจะแคร์ตนเอง

หวังฮ่าวหลานพูดติดตลกว่า “นอกจากนี้เคยคิดไหมว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ที่นี่ อยู่ด้วยกันกับฉันสองต่อสอง เธอไม่กลัวบ้างเหรอ? บอกให้แม่มารับแล้วไม่จําเป็นต้องกลัวที่จะอยู่กับฉันคนเดียว ”

ซูมู่หยานตะลึงงัน เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

หรือพูดให้ถูกคือเธอไม่ได้ระมัดระวังตัวกับหวังฮ่าวหลานเลย

“นายยังคิดดีอยู่นะ” ซูมู่หยานแค่นเสียงแต่ในใจอดคิดไม่ได้

ถ้าผู้หญิงคนไหนเป็นแฟนของผู้ชายคนนี้เธอคงจะมีความสุขมากเลยใช่ไหม?

เขาหล่อ, ครอบครัวร่ำรวย, เรียนเก่ง, ร้องเพลงเพราะ, ที่สําคัญคือระมัดระวังมากกับสาว ๆ, เอาใจใส่ผู้หญิงทําให้รู้สึกปลอดภัย

[ติ๊ง กระตุ้นหัวใจของหนึ่งในนางเอก ซูมู่หยาน ได้รับแต้มตัวร้าย 200 แต้ม] 

ซูมู่หยานรับโทรศัพท์มือถือของหวังฮ่าวหลานและโทรหาแม่ของเธอ

หลังจากโทรเสร็จ

“ริมแม่น้ำสายนี้สวยมาก เราไปเดินเล่นกันหน่อยไหม” หวังฮ่าวหลานกล่าว

“ได้สิ”

ซูมู่หยานพยักหน้า

ทั้งสองเดินเคียงข้างกัน รับลมริมแม่น้ำและชมทิวทัศน์ยามค่ําคืนริมแม่น้ำ

ระหว่างที่เดิน หลังมือและไหล่จะสัมผัสกันเป็นครั้งคราว

หวังฮ่าวหลานรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าซูมู่หยานรู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก

เขาเอียงคอมองใบหน้าด้านข้างของเธอซึ่งแดงเล็กน้อย

“ดูนั่นสิ!”

ทันใดนั้นหวังฮ่าวหลานก็ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ

“ไม่เห็นมีอะไรเลย ให้ดูอะไร?” ซูมู่หยานรู้สึกสงสัย

หวังฮ่าวหลานยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่โทรศัพท์มือถือของเขาหลังจากนั้นประมาณ 10 วินาที

“ปัง!”

“ปัง ปัง!”

  ……

ดอกไม้ไฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และระเบิดขึ้นกลางอากาศ บานสะพรั่งด้วยสีสันอันเจิดจ้า ไม่มีอะไรจะงดงามไปกว่านี้อีกแล้ว

บนฝั่งแม่น้ำที่ทอดสายตามอง ล้วนมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงาม

รอบริมฝั่งแม่น้ำสะท้อนให้เห็นแสงราวกับกลางวัน

ใบหน้าอันงดงามของซูมู่หยานนั้นประดับด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด