[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่

 

ฉันผสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างแนบแน่น พร้อมบ่นพึมพำ จนทำให้คนรอบๆที่จ้องมองมามีเครื่องหมายคำถามลอยเต็มใบหน้า

ฉันไม่เคยรู้สึกชอบใจในเยลลี่โภชนาการเลยแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็เพราะมัน ฉันเลยสามารถพูดจากใจได้เลยว่าอาหารมื้อนี้ เป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากๆ

 

พูดถึงเมนูแล้ว มีทั้งพาสต้าพร้อมขนมปัง สลัดกับสตูว์ และซุป อาหารทุกจานล้วนแล้วแต่ถูกทานจนว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ อาหารระดับไฮเอนด์ที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งไม่สามารถหาได้ในชีวิตจริง

บางเมนูจำต้องมีการใช้ไวน์บางชนิดเป็นเครื่องปรุงรสพร้อมกับเครื่องปรุงหลายๆอย่าง เหล่าเมดซังที่รับผิดชอบการทำอาหารจึงไม่สามารถปรุงแบบเดียวกันได้จึงมีการปรับปรุงเมนูเป็นพิเศษให้เฉพาะตัวฉัน

 

ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนี้ เริ่มตั้งแต่คาร์เมียซัง ไปจนถึงทุกคนที่ช่วยกันทำความสะอาด ฉันอยากจะบอกทุกคนโดยตรง แต่ในตอนนี้คงได้แต่บอกผ่านเบลล์ซังที่เป็นหัวหน้าคนรับใช้ไปก่อน

 

“อร่อย ขอบคุณ”

 

“ฟุๆๆ ดูเหมือนอริซซามะจะพึ่งพอใจสินะคะ ดิฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ”

 

“อืม อิ่มมาก….”

 

ฟู๊ ฉันดื่มน้ำจากถ้วยแก้วหล่อเลี้ยงลำคอให้ชุ่มชื่นก่อนถอนหายใจ

แก้มของฉันผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะความพึ่งพอใจที่สามารถทานอาหารจนจานว่างเปล่าได้

 

“ยังมีของหวานอีกนะคะ แต่ว่าถ้าอิ่มแล้วเช่นนี้ จะรับในภายหลังแทนดีไหมคะ?”

 

กิ้ว ท้องของฉันดังขิ้นอีกครั้ง ของหวาน เมื่อพูดถึงของหวานที่เบลล์ซังจะเลือกมาในเวลานี้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่นอน

ช่ำและไม่แน่นท้อง ความหวานที่ไม่มากเกินไปช่วยเพิ่มความสุขหลังมื้ออาหารเพิ่มเติม

 

“แมเรียน!?”

 

ใช่ แมเรียนล่ะ ไม่ต้องสงสัยเลย

 

ถึงอย่างนั้น ฉันก็หยุดส่งสายตาคิระคิระให้เบลล์ซังเอาไว้กลางทาง

ริมฝีปากตกกลายเป็นรอยยิ้มอันขอขื่น

 

“แต่ว่า แต่ว่า…..”

 

“หากฝืนกินมากไปจะปวดท้องเอานะคะ? ถ้าหากว่าวันนี้ไม่สามารถทานได้แล้ว ดิฉันจะนำไปเสิร์ฟให้ในมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ให้แทนละกันค่ะ”

 

“…..จริงเหรอ?”

 

“ค่ะ เรื่องจริงแน่นอนค่ะ เบลล์ไม่โกหกอริซซามะแน่นอนค่ะ!”

 

ในชั่วขณะหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม ลาบริกซ์ซัง

ฉันเอียงหัวด้วยความสงสัย ก่อนถามด้วยสายตาไปว่ามีเรื่องอะไรตลกเหรอ

 

“ไม่ๆ ข้าขออภัยด้วย แต่เพราะคุณหนูอริซกับน๊อกซ์เบลดูสนิทกันมากๆ ออกจะมากเกินไปหน่อยด้วยนะ”

 

“แน่นอนค่ะ ไม่มีใครจะเข้าใจอริซซามะไปมากกว่าดิฉันแล้วค่ะ ลาบริกซ์ซามะ”

 

“โห้ เป็นคำที่ร้อนแรงมากจริงๆ ว่าไหม ฮัททีเรีย?”

 

“… ไม่ปฏิเสธ”

 

“ดะ ดิฉันขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ ฮัททีเรียซามะ! ดิฉันมิได้มีเจตนาใดๆที่จะ….”

 

เบลล์ซังรีบขอโทษคุณพ่อที่หน้าหดหู่ลงอย่างร้อนรน ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากจริงๆ ที่ข้างๆโดยไม่รู้ว่าทำไม มิร่าซังกำลังหน้าแดงเปล่ง มีแม้กระทั้งโมเมมต์คล้ายจะกัดผ้าเช็ดหน้าอยู่ด้วย ถึงจะกัดแค่ปลายเล็กๆ

อืม~ มันทำให้ฉันรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะคุยกับเธอ แต่เพราะจากนี้ไปพวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ฉันเลยจะลองสื่อสารง่ายๆสักเล็กน้อยดูก่อน

 

“… เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

 

“มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฮิเมะ แต่ว่า เอ๊ะโตะ ใช่แล้ว …หลังจากรับประทานอาหาร หากดิฉันไม่ได้กัดผ้าเช็ดหน้าจะรู้สึกไม่สงบนะคะ”

 

“…เหรอ”

 

เป็นนิสัยที่แปลกดี หากมีหมากฝรั่งในโลกนี้ ฉันก็อยากจะเตรียมมาให้มิร่าซังให้เร็วที่สุด

 

แต่พอคิดตามดีๆก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เมื่อคำตอบที่ได้คลุมเครือกำกวมไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็เป็นผลให้การสนทนาถูกขัดจังหวะ ความเงียบเข้ามาปกคลุมแทนที่

 

ยังไงก็ตามฮิเมะ …ไม่สิ มันก็ดีอยู่เหมือนกัน

 

“จะ จะว่าไปฮิเมะ ฮิเมะชอบเล่นอะไรงั้นเหรอค่ะ?”

 

“เล….?”

 

“อะ ขออภัยด้วยค่ะ เล่น ก็คือการเล่นสนุกค่ะ!”

 

“เ-ล่-น”

 

ฟุมุฟุมุ ฉันครุ่นคิดระหว่างการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ 

ฉันจำเล่นได้แล้ว

 

“เท๊ะเทเร๊ะ~”

 

“…ฮิเมะ?”

 

“อะ ….อืออึ ไม่มีอะไร”

 

ความอิ่มอกอิ่มใจลอยหายไปทันที ฉันเผลอส่งเสียงเอฟเฟกต์โง่ๆออกไปโดยไม่รู้ตัว

ฉันเลยกอดตุ๊กตาเพื่อซ่อนดวงตาเอาไว้ทันที

 

“น่าร๊าก”

 

“หืม?”

 

“อะ …..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฮิเมะ”

 

ฉันรู้สึกอึดอัดมากๆที่ไม่สามารถลดระยะห่างระหว่างพวกเราได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะ เพราะมันเป็นการพบกันครั้งแรก ฉันคงต้องถอนตัวยอมไปก่อน

 

“เช่นนั้น ฮิเมะ ตอนนี้ ท่านอยากจะเล่นเกมส์กันหน่อยไหมค่ะ?”

 

“เกม?”

 

“ค่ะ ….อะโน เอ๊ะโตะ”

 

ทันใดนั้นเบลล์ซังที่กำลังถือไวน์ไว้ด้วยมือเดียวก็รับรู้ได้ถึงเสียง จึงหันออกจากวงสนทนาของคุณพ่อกับลาบริกซ์ซังมาทางพวกเรา

 

“มิแรนด้าซามะ ดิฉัน น๊อกซ์เบลค่ะ”

 

“น๊อกซ์เบลซัง พอจะมีไพ่ทาโรต์ไหม”

 

“ไพ่ทาโรต์เหรอค่ะ? ค่ะ หากท่านไม่ว่าอะไร ดิฉันคิดว่ามีของเก่าอยู่ในห้องของดิฉันนะคะ แต่…..”

 

“แค่นั้นก็พอแล้ว ข้าขอยืมหน่อยจะได้ไหม?”

 

“ได้ค่ะ ดิฉันจะรีบเตรียมให้ทันทีเลยค่ะ แต่….เข้าใจแล้วค่ะ ท่านจะเล่นกับอริซซามะเช่นนั้นสินะคะ?”

 

“ใช่แล้ว เล่นดิสแทนซ์ ข้าอยากจะกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ร่วมถึงเจ้าด้วยนะ น็อกซ์เบล―――” 

 

มิร่าซังกำลังพยายามกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราเพื่ออนาคต แต่ทันใดนั้นลาบริกซ์ซังก็บุกเข้ามา

 

“ดิสแทนซ์รึ ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน ในอดีตพวกข้าเองก็เคยเล่นกันสามคน”

 

“อ้า แถมอลิเซียก็จะเป็นผู้ชนะเสมอ”

 

จากที่ได้ยิน ดูเหมือนลาบริกซ์ซังจะเข้ากับคุณแม่ได้ดีเลยสินะ

 

ทั้งคู่ดูจะเมากันเล็กน้อย แก้มของเขากับคุณพ่อดูแดงๆ ความทรงจำเกี่ยวกับคุณแม่ที่ถูกเปิดออกอีกครั้ง ลอยอยู่ในดวงตาของทั้งคู่ จากนั้นก็มองมาที่ฉันแล้วหัวเราะกัน

 

“ข้ากับฮัททีเรีย ขอผู้สูงวัยสองคนนี้เข้าร่วมด้วยได้ไหม? มิแรนด้า”

 

“สะ สำหรับดิฉันได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่ว่า….”

 

“…อ้า ขออภัยด้วย ข้าขอเข้าร่วมเล่นด้วยได้รึไม่ คุณหนูอริซ?”

 

เกิดช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา

 

…นอกเหนือจากการพยายามให้เป็นเรื่องตลกก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้ปฏิเสธ

แต่เหนืออื่นใดฉันเองก็ยังไม่ได้ตอบเลยว่าจะเล่นด้วยไหม

 

คำตอบของฉัน คำตอบที่จะตอบให้มิร่าซังก่อนที่จะถูกขัดจังหวะ

 

“อืม …..เบลล์ เล่นด้วย”

 

“ม๊า อริซซามะ! แน่นอนอยู่แล้วสิค่ะ?”

 

ฉันถูกล่อลวงด้วยรอยยิ้มของเบลล์ซังจนเผลอแกว่งเท้าอย่างอารมณ์ดี คุณพ่อยื่นมือมาลูบหัวจากข้างๆแล้วจากนั้นก็หันกลับไปหาเบลล์ซังอีกครั้ง

 

“เบลล์ หากเป็นไพ่ทาโรต์ล่ะก็ รู้สึกว่าจะมีแบบที่เป็นกระดาษอยู่ในห้องของอลิเซียใช่ไหม?”

 

“ค่ะ ดิฉันจำได้ว่าเก็บอยู่ในชั้นเก็บของ ……แต่ว่าแน่ใจแล้วเหรอค่ะ?”

 

“อ้าา เอามาได้เลย นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ ….อลิเซียเอง ก็คงอยากมาเล่นด้วย”

 

“…..ทราบแล้วค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

 

อย่างไรก็ตามเบลล์ซังที่ดูเหมือนจะถูกขออะไรบางอย่างก็ได้มุ่งหน้าไปยังบันไดส่วนกลาง เปิดผ่านประตูเข้าสู่เข้าไปยังห้องโถงที่มีประตูสู่ห้องของพวกเบลล์ซัง

ฉันมองตามจนผมสีดำที่แกว่งไปมาหายลับไปหลังประตู มิร่าซังที่ทำเหมือนกันก็หันมามองฉัน จากนั้นคุณพ่อกับลาบริกซ์ซังที่เบลอๆก็กลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเอง และดื่มลิ้มรสไวน์กันต่อ

 

และแล้วฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยนั่งฟังนิ่งๆ ฉันเรียนรู้จากสถานการณ์ของฉันก่อนหน้านี้ แล้วมิร่าซังก็เอ่ยปาก

 

“ทราบวิธีเล่นดิสแทนซ์ไหมค่ะ”

 

“…..ดีสะแทน”

 

“ใช่แล้ว ฮิเมะ ไพ่ทาโรต์จูวี่ เป็นการเล่นที่ใช้การ์ดที่แบ่งเป็น 4 ประเภท แต่ล่ะประเภทจะวาดตัวเลขและรูปภาพตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสามตามลำดับลงไป”

 

เข้าใจล่ะ ไพ่ทาโรต์จูวี่ก็เหมือนกับการเล่นไพ่ธรรมดาๆนี่เอง ยังไงก็ตามมันก็มีหลายวิธีในการเล่นไพ่ ถึงจะรู้แล้วว่าหลักๆคืออะไร แต่มันก็เป็นแค่วิธีกว้างๆที่ติดมาจากชาติก่อนเท่านั้น

กฏของดิสแทนซ์คืออะไร ถ้าเป็นกฏที่รู้จักอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นกฏที่ไม่รู้จักก็คงต้องให้อธิบายจนกว่าจะเข้าใจ ซึ่งมันคงจะกินเวลาไม่น้อย

 

“อธิบายสั้นๆคือ มันเป็นเกมส์ที่ต้องวางไพ่ตามลำดับ และใครที่ทำไพ่หมดได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะค่ะ”

 

“ทั้งหมด”

 

“ค่ะ เมื่อจะวางไพ่ ต้องวางไพ่ที่แข็งแกร่งกว่าไพ่ที่ถูกวางไว้ก่อนแล้ว”

 

“อะไร แข็งแกร่ง?”

 

“ฮิเมะ รู้ลำดับของตัวเลขหรือไม่คะ”

 

“อืม”

 

แนวคิดของตัวเลขแน่นอนว่าฉันเข้าใจตั้งแต่ต้น สำหรับตัวอักษรตัวเลขของราชอาณาจักรบางส่วนนั้นเบลล์ซังได้สอนฉันแล้ว การเล่นไพ่ หรือ ไพ่ทาโรต์จูวี่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

“ฮิเมะช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ! ส่วนอะไรคือแข็งแกร่ง คงต้องเริ่มอธิบายจาก สาม คือผู้อ่อนแอที่สุด และจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตามลำดับของตัวเลขที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากสิบสามคือ หนึ่ง และจบด้วยสอง”

 

“สอง แข็งแกร่งที่สุด?”

 

“ใช่ค่ะ ฮิเมะ แต่ก็มีไพ่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นอยู่อีกหนึ่งใบ มันเป็นการ์ดที่เรียกว่าโจ๊กเกอร์ แข็งแกร่งกว่าสอง …..เอ๊ะโตะ เวลาวางไพ่ออกไปสามารถวางไพ่ที่มีเลขเดียวกันเข้าไปได้ และเมื่อวนกลับมาอีกครั้งก็จะต้องลงเลขที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่โจ๊กเกอร์สามารถใช้แทนตัวเลขทั้งหมดได้”

 

“แข็งแกร่ง”

 

รวบรวมจัดระเบียบกฏที่ถูกสอนเอาไว้ในหัว

 

มีบางอย่างปิ๊งขึ้นมา ประเด็นคือ ในชาติก่อนมีเกมส์ที่เรียกกันว่า”เกมส์เศรษฐี” ฉันจำได้ว่าเคยเล่นกับเพื่อนร่วมงานหลายครั้งในช่วงพัก 

แต่เมื่อเกิดการ”ปฏิวัติ”ต่อระบบ เกมดังกล่าวก็ถูกแบนจากการเล่นในโคโลนี่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมันเป็นข้อห้ามสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เพราะคุณไม่มีทางได้ออกจากโคโลนี่

 

นอกจากนั้นเรื่องราวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันไม่มั่นใจในสกิลของฉัน แต่ฉันมั่นใจในโชคของตัวเอง

 

“แล้วก็…หากลงไพ่สี่ใบที่มีตัวเลขเดียวกันความแข็งแกร่งของไพ่จะพลิกกลับด้าน และมีกฎบางอย่างอีก แต่ … มันเข้าใจยาก――― “

 

“ต้องการ”

 

“….ฮิเมะ?”

 

“ต้องการ ปะติวัด”

 

มันชัดเจนอยู่แล้ว หากโอกาสที่ผู้ใดจะได้ลิ้มรสชาติของความรู้สึกเบิกบานใจจากการได้พลิกบทบาทกลับไปอยู่ในสถาณการณ์ที่พลิกพัน ทุกคนก็พร้อมจะพูดอย่างพร้อมเพียงกันเป็นเสียงเดียวกัน กล่าวคือ เกมส์เศรษฐีที่ไม่มีการปฏิวัติก็ไม่ใช่เกมส์เศรษฐี

 

“…..หนูอริซ”

 

โคคุโคคุ ขณะที่ฉันกำลังคิดกับตัวเองอยู่ ใบหน้าของลาบริกซ์ซัง คุณพ่อก็ดูเหมือนก็มีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน และสุดท้ายก็เป็นมิร่าซังที่จ้องมาที่ฉันอย่างตาไม่กระพริบ ในขณะที่คิดอย่างเสียมารยาทเล็กน้อย ฉันมองไปรอบๆด้วยสีหน้าแปลกๆเหมือนแมวป่า

 

“เอ๊ะ”

 

บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกัน ฉันพูดอะไรแปลกๆไปงั้นเหรอ?

มีกฎที่ซับซ้อนเล็กน้อยที่ฉันได้รู้เป็นครั้งแรก เลยอาจเป็นเรื่องแปลกที่เด็กอายุสี่ขวบขอกฎที่ทำให้ยากขึ้น แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงจนทำให้ทุกคนจริงจังขนาดนี้

ในขณะที่ฉันกำลังสับสน เสียงเปิดประตูข้างบันไดส่วนกลางก็ดังขึ้น เบลล์ซังกลับมาแล้ว

 

“ขออภัยที่ทำให้รอค่ะ ทุกท่าน….อาร๊า?”

 

เบลล์ซังที่กลับมาเห็นฉากดังกล่าวก็แสดงสีหน้าสงสัยเช่นกัน เธอเดินกลับมายืนยังตำแหน่งเดิมที่ด้านหลังฉันหนึ่งก้าวทั้งที่ยังทำงงๆ

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”

 

“ไม่….ไม่มีอะไร เบลล์ ไพ่ทาโรต์ล่ะ?”

 

“ค่ะ นี่ค่ะ”

 

เบลล์ซังโชว์กล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นมา มีการตกแต่งบางอย่างให้บรรยากาศเหมือนของหรูหรา

 

“…..ก่อนอื่น ลูกจะเล่นเลยจริงๆใช่ไหม? อริซ”

 

“อืม”

 

ฉันตอบคำถามคุณพ่อ คุณพ่อคงคิดอยากให้ฉันคุ้นเคยกับเกมส์ก่อน แต่ว่าฉันรู้ทั้งกฏทั้งบรรยากาศแล้ว ดังนั้นมาเล่นกันเลยดีกว่า

ลาบริกซ์ซังกับคุณพ่อเป็นแม่ทัพและขุนนาง มิร่าซังเป็นบางอย่างที่เรียกว่าอัศวินพิเศษ และเบลล์ซังคนซึ่งรู้จักฉันเป็นอย่างดี ฉันไม่รู้สึกถึงชัยชนะใดๆเลย แต่ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด

 

มีบางสิ่งที่ทำให้ฉันต้องแปลกใจ

 

“….เอาล่ะ เบลล์ แจกไพ่ แล้วก็ดูแลอริซด้วย”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

ก็คิดไว้แล้ว แต่ดูเหมือนคงต้องการให้เบลล์ซังเล่นไปด้วยสอนฉันไปด้วยสินะ 

ไม่สิ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว หากมองโดยไม่ใช่จากมุมมองของฉัน แต่เป็นจากภายนอก ยังไงซะฉันก็เป็นแค่เด็กอายุสี่ขวบเท่านั้น

 

“มาพยายามด้วยกันเถอะค่ะ อริซซามะ”

 

“อืม”

 

ฉันมองไปที่เบลล์ซังที่กำลังแจกไพ่ด้วยรอยยิ้ม พร้อมพัฒนากลยุทธ์ไปด้วย

 

แน่นอน ทุกคนจะต้องเผลอรู้สึกผ่อนคลายออมมือให้กับฉันที่ยังเป็นเด็กและพึ่งได้เล่นเป็นครั้งแรก แต่ว่าฉันอยากจะเล่นแบบเต็มที่ตั้งแต่ครั้งแรก แต่พูดไปมันก็รู้สึกน่าอายเหมือนกันที่พยายามเล่นแบบเต็มที่อยุ่คนเดียวแบบนี้

 

ถ้าอย่างงั้น ก็แค่ลองเล่นให้อีกฝ่ายรับรู้จนต้องเปลี่ยนความคิดเองซะ ขึ้นอยู่กับฝีมือแล้ว ใช่ ตัวอย่างเช่นการปฏิวัติ

ลองนึกภาพช่วงเวลาที่น่ารื่นรมณ์เหล่านั้น ฉันก็แทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ จนต้องรีบซ่อนหน้าตัวเองกับตุ๊กตา

 

“น่าร๊ากกกก”

 

“มิแรนด้า”

 

“ขอประทานอภัยด้วยค่ะ”

 

ในขณะที่มองดูลาบริกซ์ซังกับมิร่าซังทำอะไรกันบางอย่าง ฉันก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้อีก ความรู้สึกประหลาดในตัวตอนนี้ ความรู้รู้สึกเหล่านั้น เรียกว่าความสนุกรึเปล่านะ

 

“ฮ่าๆๆ มีอะไรรึ อริซ รู้สึกประหม่าขึ้นมางั้นเหรอ?”

 

“อึ อืออึ….”

 

คุณพ่อดูเหมือนจะสงสัยในท่าทางของฉัน และเข้าใจผิดไปว่าเป็นความประหม่า ไม่เป็นไร แค่เล่นแล้วสนุก และอีกครั้งที่คุณพ่อเอือมมือมาลูบหัวของฉัน

ฉันไม่สามารถพูดได้ว่า ไม่ใช่ จึงยอมถูกลูบหัวอย่างว่าง่ายเหมือนเดิม ในไม่ช้าคุณพ่อก็ปล่อยมือ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เบลล์ซังแจกไพ่ให้กับฉัน คุณพ่อ ลาบริกซ์ซัง และมิร่าซังครบทั้งสี่คน แต่ละคนได้รับไพ่สิบสามใบ

 

“ฮัททีเรียซามะ”

 

“นั้นสินะ จริงด้วยสิ …เอาล่ะ อริซ พ่อจะขอมอบโจ๊กเกอร์ให้กับอริซ เพราะเป็นการเล่นครั้งแรก จำนวนไพ่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ….แต่การมีโจ๊กเกอร์อยู่จะช่วยให้ลูกแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ”

 

“แข็งแกร่ง”

 

“อ้า แข็งแกร่ง”

 

จากนั้นเบลล์ซังก็หยิบไพ่ใบสุดท้ายออกจากกล่องไม้ ไพ่ใบที่ห้าสิบสาม

 

“โจ๊~กก๊า~”

 

นี่คือลมหนุนล่ะ พระเจ้ากำลังบอกให้ฉันยิงหมัดน็อกออกไปให้เต็มที่! ฉันรู้สึกแบบนั้น

ส่วนที่เหลือก็แค่ขอให้มีไพ่สามใบที่มีเลขเหมือนกัน

 

“เบลล์ ฉัน อยากจะเล่นเอง”

 

“….ฟุๆๆๆ แน่นอนค่ะ เช่นนั้น ดิฉันจะคอยช่วยในยามที่อริซซามะจะทำผิดกฏแล้วกันนะคะ?”

 

“อืม ขอบคุณ”

 

หลังจากฉันบอกเบลล์ซังว่าจะขอท้าทายด้วยตัวเอง ทุกคนรอบๆก็อมยิ้ม

ฉันรอไม่ไหวแล้ว การแสดงออกของฉันเริ่มบิดเบี้ยวอย่างน่าอัศจรรย์ อ้า ฉันช่างร้ายซะจริงๆเลย

 

“เช่นนั้น มาเริ่มเล่นกันเถอะ”

 

เมื่อผู้นำกล่าวเช่นนั้น การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น แต่ละคนเริ่มตรวจสอบไพ่ของตัวเองที่คว่ำอยู่ตรงหน้า ฉันเองก็เริ่มทำตามด้วยการพลิกไพ่คว่ำอยู่ด้วยมือที่เงอะงะ

 

“….หุๆๆๆ”

 

“อริซซามะ…..?”

 

ฉันได้ยินเสียงประหลาดใจจากเบลล์ซังที่มองมือของฉันจากด้านหลัง

 

“―――ได้ล่ะ”

 

ฉันมั่นใจในชัยชนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่

 

ฉันผสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างแนบแน่น พร้อมบ่นพึมพำ จนทำให้คนรอบๆที่จ้องมองมามีเครื่องหมายคำถามลอยเต็มใบหน้า

ฉันไม่เคยรู้สึกชอบใจในเยลลี่โภชนาการเลยแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็เพราะมัน ฉันเลยสามารถพูดจากใจได้เลยว่าอาหารมื้อนี้ เป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากๆ

 

พูดถึงเมนูแล้ว มีทั้งพาสต้าพร้อมขนมปัง สลัดกับสตูว์ และซุป อาหารทุกจานล้วนแล้วแต่ถูกทานจนว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ อาหารระดับไฮเอนด์ที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งไม่สามารถหาได้ในชีวิตจริง

บางเมนูจำต้องมีการใช้ไวน์บางชนิดเป็นเครื่องปรุงรสพร้อมกับเครื่องปรุงหลายๆอย่าง เหล่าเมดซังที่รับผิดชอบการทำอาหารจึงไม่สามารถปรุงแบบเดียวกันได้จึงมีการปรับปรุงเมนูเป็นพิเศษให้เฉพาะตัวฉัน

 

ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนี้ เริ่มตั้งแต่คาร์เมียซัง ไปจนถึงทุกคนที่ช่วยกันทำความสะอาด ฉันอยากจะบอกทุกคนโดยตรง แต่ในตอนนี้คงได้แต่บอกผ่านเบลล์ซังที่เป็นหัวหน้าคนรับใช้ไปก่อน

 

“อร่อย ขอบคุณ”

 

“ฟุๆๆ ดูเหมือนอริซซามะจะพึ่งพอใจสินะคะ ดิฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ”

 

“อืม อิ่มมาก….”

 

ฟู๊ ฉันดื่มน้ำจากถ้วยแก้วหล่อเลี้ยงลำคอให้ชุ่มชื่นก่อนถอนหายใจ

แก้มของฉันผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะความพึ่งพอใจที่สามารถทานอาหารจนจานว่างเปล่าได้

 

“ยังมีของหวานอีกนะคะ แต่ว่าถ้าอิ่มแล้วเช่นนี้ จะรับในภายหลังแทนดีไหมคะ?”

 

กิ้ว ท้องของฉันดังขิ้นอีกครั้ง ของหวาน เมื่อพูดถึงของหวานที่เบลล์ซังจะเลือกมาในเวลานี้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่นอน

ช่ำและไม่แน่นท้อง ความหวานที่ไม่มากเกินไปช่วยเพิ่มความสุขหลังมื้ออาหารเพิ่มเติม

 

“แมเรียน!?”

 

ใช่ แมเรียนล่ะ ไม่ต้องสงสัยเลย

 

ถึงอย่างนั้น ฉันก็หยุดส่งสายตาคิระคิระให้เบลล์ซังเอาไว้กลางทาง

ริมฝีปากตกกลายเป็นรอยยิ้มอันขอขื่น

 

“แต่ว่า แต่ว่า…..”

 

“หากฝืนกินมากไปจะปวดท้องเอานะคะ? ถ้าหากว่าวันนี้ไม่สามารถทานได้แล้ว ดิฉันจะนำไปเสิร์ฟให้ในมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ให้แทนละกันค่ะ”

 

“…..จริงเหรอ?”

 

“ค่ะ เรื่องจริงแน่นอนค่ะ เบลล์ไม่โกหกอริซซามะแน่นอนค่ะ!”

 

ในชั่วขณะหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม ลาบริกซ์ซัง

ฉันเอียงหัวด้วยความสงสัย ก่อนถามด้วยสายตาไปว่ามีเรื่องอะไรตลกเหรอ

 

“ไม่ๆ ข้าขออภัยด้วย แต่เพราะคุณหนูอริซกับน๊อกซ์เบลดูสนิทกันมากๆ ออกจะมากเกินไปหน่อยด้วยนะ”

 

“แน่นอนค่ะ ไม่มีใครจะเข้าใจอริซซามะไปมากกว่าดิฉันแล้วค่ะ ลาบริกซ์ซามะ”

 

“โห้ เป็นคำที่ร้อนแรงมากจริงๆ ว่าไหม ฮัททีเรีย?”

 

“… ไม่ปฏิเสธ”

 

“ดะ ดิฉันขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ ฮัททีเรียซามะ! ดิฉันมิได้มีเจตนาใดๆที่จะ….”

 

เบลล์ซังรีบขอโทษคุณพ่อที่หน้าหดหู่ลงอย่างร้อนรน ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากจริงๆ ที่ข้างๆโดยไม่รู้ว่าทำไม มิร่าซังกำลังหน้าแดงเปล่ง มีแม้กระทั้งโมเมมต์คล้ายจะกัดผ้าเช็ดหน้าอยู่ด้วย ถึงจะกัดแค่ปลายเล็กๆ

อืม~ มันทำให้ฉันรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะคุยกับเธอ แต่เพราะจากนี้ไปพวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ฉันเลยจะลองสื่อสารง่ายๆสักเล็กน้อยดูก่อน

 

“… เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

 

“มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฮิเมะ แต่ว่า เอ๊ะโตะ ใช่แล้ว …หลังจากรับประทานอาหาร หากดิฉันไม่ได้กัดผ้าเช็ดหน้าจะรู้สึกไม่สงบนะคะ”

 

“…เหรอ”

 

เป็นนิสัยที่แปลกดี หากมีหมากฝรั่งในโลกนี้ ฉันก็อยากจะเตรียมมาให้มิร่าซังให้เร็วที่สุด

 

แต่พอคิดตามดีๆก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เมื่อคำตอบที่ได้คลุมเครือกำกวมไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็เป็นผลให้การสนทนาถูกขัดจังหวะ ความเงียบเข้ามาปกคลุมแทนที่

 

ยังไงก็ตามฮิเมะ …ไม่สิ มันก็ดีอยู่เหมือนกัน

 

“จะ จะว่าไปฮิเมะ ฮิเมะชอบเล่นอะไรงั้นเหรอค่ะ?”

 

“เล….?”

 

“อะ ขออภัยด้วยค่ะ เล่น ก็คือการเล่นสนุกค่ะ!”

 

“เ-ล่-น”

 

ฟุมุฟุมุ ฉันครุ่นคิดระหว่างการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ 

ฉันจำเล่นได้แล้ว

 

“เท๊ะเทเร๊ะ~”

 

“…ฮิเมะ?”

 

“อะ ….อืออึ ไม่มีอะไร”

 

ความอิ่มอกอิ่มใจลอยหายไปทันที ฉันเผลอส่งเสียงเอฟเฟกต์โง่ๆออกไปโดยไม่รู้ตัว

ฉันเลยกอดตุ๊กตาเพื่อซ่อนดวงตาเอาไว้ทันที

 

“น่าร๊าก”

 

“หืม?”

 

“อะ …..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฮิเมะ”

 

ฉันรู้สึกอึดอัดมากๆที่ไม่สามารถลดระยะห่างระหว่างพวกเราได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะ เพราะมันเป็นการพบกันครั้งแรก ฉันคงต้องถอนตัวยอมไปก่อน

 

“เช่นนั้น ฮิเมะ ตอนนี้ ท่านอยากจะเล่นเกมส์กันหน่อยไหมค่ะ?”

 

“เกม?”

 

“ค่ะ ….อะโน เอ๊ะโตะ”

 

ทันใดนั้นเบลล์ซังที่กำลังถือไวน์ไว้ด้วยมือเดียวก็รับรู้ได้ถึงเสียง จึงหันออกจากวงสนทนาของคุณพ่อกับลาบริกซ์ซังมาทางพวกเรา

 

“มิแรนด้าซามะ ดิฉัน น๊อกซ์เบลค่ะ”

 

“น๊อกซ์เบลซัง พอจะมีไพ่ทาโรต์ไหม”

 

“ไพ่ทาโรต์เหรอค่ะ? ค่ะ หากท่านไม่ว่าอะไร ดิฉันคิดว่ามีของเก่าอยู่ในห้องของดิฉันนะคะ แต่…..”

 

“แค่นั้นก็พอแล้ว ข้าขอยืมหน่อยจะได้ไหม?”

 

“ได้ค่ะ ดิฉันจะรีบเตรียมให้ทันทีเลยค่ะ แต่….เข้าใจแล้วค่ะ ท่านจะเล่นกับอริซซามะเช่นนั้นสินะคะ?”

 

“ใช่แล้ว เล่นดิสแทนซ์ ข้าอยากจะกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ร่วมถึงเจ้าด้วยนะ น็อกซ์เบล―――” 

 

มิร่าซังกำลังพยายามกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราเพื่ออนาคต แต่ทันใดนั้นลาบริกซ์ซังก็บุกเข้ามา

 

“ดิสแทนซ์รึ ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน ในอดีตพวกข้าเองก็เคยเล่นกันสามคน”

 

“อ้า แถมอลิเซียก็จะเป็นผู้ชนะเสมอ”

 

จากที่ได้ยิน ดูเหมือนลาบริกซ์ซังจะเข้ากับคุณแม่ได้ดีเลยสินะ

 

ทั้งคู่ดูจะเมากันเล็กน้อย แก้มของเขากับคุณพ่อดูแดงๆ ความทรงจำเกี่ยวกับคุณแม่ที่ถูกเปิดออกอีกครั้ง ลอยอยู่ในดวงตาของทั้งคู่ จากนั้นก็มองมาที่ฉันแล้วหัวเราะกัน

 

“ข้ากับฮัททีเรีย ขอผู้สูงวัยสองคนนี้เข้าร่วมด้วยได้ไหม? มิแรนด้า”

 

“สะ สำหรับดิฉันได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่ว่า….”

 

“…อ้า ขออภัยด้วย ข้าขอเข้าร่วมเล่นด้วยได้รึไม่ คุณหนูอริซ?”

 

เกิดช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา

 

…นอกเหนือจากการพยายามให้เป็นเรื่องตลกก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้ปฏิเสธ

แต่เหนืออื่นใดฉันเองก็ยังไม่ได้ตอบเลยว่าจะเล่นด้วยไหม

 

คำตอบของฉัน คำตอบที่จะตอบให้มิร่าซังก่อนที่จะถูกขัดจังหวะ

 

“อืม …..เบลล์ เล่นด้วย”

 

“ม๊า อริซซามะ! แน่นอนอยู่แล้วสิค่ะ?”

 

ฉันถูกล่อลวงด้วยรอยยิ้มของเบลล์ซังจนเผลอแกว่งเท้าอย่างอารมณ์ดี คุณพ่อยื่นมือมาลูบหัวจากข้างๆแล้วจากนั้นก็หันกลับไปหาเบลล์ซังอีกครั้ง

 

“เบลล์ หากเป็นไพ่ทาโรต์ล่ะก็ รู้สึกว่าจะมีแบบที่เป็นกระดาษอยู่ในห้องของอลิเซียใช่ไหม?”

 

“ค่ะ ดิฉันจำได้ว่าเก็บอยู่ในชั้นเก็บของ ……แต่ว่าแน่ใจแล้วเหรอค่ะ?”

 

“อ้าา เอามาได้เลย นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ ….อลิเซียเอง ก็คงอยากมาเล่นด้วย”

 

“…..ทราบแล้วค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

 

อย่างไรก็ตามเบลล์ซังที่ดูเหมือนจะถูกขออะไรบางอย่างก็ได้มุ่งหน้าไปยังบันไดส่วนกลาง เปิดผ่านประตูเข้าสู่เข้าไปยังห้องโถงที่มีประตูสู่ห้องของพวกเบลล์ซัง

ฉันมองตามจนผมสีดำที่แกว่งไปมาหายลับไปหลังประตู มิร่าซังที่ทำเหมือนกันก็หันมามองฉัน จากนั้นคุณพ่อกับลาบริกซ์ซังที่เบลอๆก็กลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเอง และดื่มลิ้มรสไวน์กันต่อ

 

และแล้วฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยนั่งฟังนิ่งๆ ฉันเรียนรู้จากสถานการณ์ของฉันก่อนหน้านี้ แล้วมิร่าซังก็เอ่ยปาก

 

“ทราบวิธีเล่นดิสแทนซ์ไหมค่ะ”

 

“…..ดีสะแทน”

 

“ใช่แล้ว ฮิเมะ ไพ่ทาโรต์จูวี่ เป็นการเล่นที่ใช้การ์ดที่แบ่งเป็น 4 ประเภท แต่ล่ะประเภทจะวาดตัวเลขและรูปภาพตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสามตามลำดับลงไป”

 

เข้าใจล่ะ ไพ่ทาโรต์จูวี่ก็เหมือนกับการเล่นไพ่ธรรมดาๆนี่เอง ยังไงก็ตามมันก็มีหลายวิธีในการเล่นไพ่ ถึงจะรู้แล้วว่าหลักๆคืออะไร แต่มันก็เป็นแค่วิธีกว้างๆที่ติดมาจากชาติก่อนเท่านั้น

กฏของดิสแทนซ์คืออะไร ถ้าเป็นกฏที่รู้จักอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นกฏที่ไม่รู้จักก็คงต้องให้อธิบายจนกว่าจะเข้าใจ ซึ่งมันคงจะกินเวลาไม่น้อย

 

“อธิบายสั้นๆคือ มันเป็นเกมส์ที่ต้องวางไพ่ตามลำดับ และใครที่ทำไพ่หมดได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะค่ะ”

 

“ทั้งหมด”

 

“ค่ะ เมื่อจะวางไพ่ ต้องวางไพ่ที่แข็งแกร่งกว่าไพ่ที่ถูกวางไว้ก่อนแล้ว”

 

“อะไร แข็งแกร่ง?”

 

“ฮิเมะ รู้ลำดับของตัวเลขหรือไม่คะ”

 

“อืม”

 

แนวคิดของตัวเลขแน่นอนว่าฉันเข้าใจตั้งแต่ต้น สำหรับตัวอักษรตัวเลขของราชอาณาจักรบางส่วนนั้นเบลล์ซังได้สอนฉันแล้ว การเล่นไพ่ หรือ ไพ่ทาโรต์จูวี่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

“ฮิเมะช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ! ส่วนอะไรคือแข็งแกร่ง คงต้องเริ่มอธิบายจาก สาม คือผู้อ่อนแอที่สุด และจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตามลำดับของตัวเลขที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากสิบสามคือ หนึ่ง และจบด้วยสอง”

 

“สอง แข็งแกร่งที่สุด?”

 

“ใช่ค่ะ ฮิเมะ แต่ก็มีไพ่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นอยู่อีกหนึ่งใบ มันเป็นการ์ดที่เรียกว่าโจ๊กเกอร์ แข็งแกร่งกว่าสอง …..เอ๊ะโตะ เวลาวางไพ่ออกไปสามารถวางไพ่ที่มีเลขเดียวกันเข้าไปได้ และเมื่อวนกลับมาอีกครั้งก็จะต้องลงเลขที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่โจ๊กเกอร์สามารถใช้แทนตัวเลขทั้งหมดได้”

 

“แข็งแกร่ง”

 

รวบรวมจัดระเบียบกฏที่ถูกสอนเอาไว้ในหัว

 

มีบางอย่างปิ๊งขึ้นมา ประเด็นคือ ในชาติก่อนมีเกมส์ที่เรียกกันว่า”เกมส์เศรษฐี” ฉันจำได้ว่าเคยเล่นกับเพื่อนร่วมงานหลายครั้งในช่วงพัก 

แต่เมื่อเกิดการ”ปฏิวัติ”ต่อระบบ เกมดังกล่าวก็ถูกแบนจากการเล่นในโคโลนี่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมันเป็นข้อห้ามสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เพราะคุณไม่มีทางได้ออกจากโคโลนี่

 

นอกจากนั้นเรื่องราวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันไม่มั่นใจในสกิลของฉัน แต่ฉันมั่นใจในโชคของตัวเอง

 

“แล้วก็…หากลงไพ่สี่ใบที่มีตัวเลขเดียวกันความแข็งแกร่งของไพ่จะพลิกกลับด้าน และมีกฎบางอย่างอีก แต่ … มันเข้าใจยาก――― “

 

“ต้องการ”

 

“….ฮิเมะ?”

 

“ต้องการ ปะติวัด”

 

มันชัดเจนอยู่แล้ว หากโอกาสที่ผู้ใดจะได้ลิ้มรสชาติของความรู้สึกเบิกบานใจจากการได้พลิกบทบาทกลับไปอยู่ในสถาณการณ์ที่พลิกพัน ทุกคนก็พร้อมจะพูดอย่างพร้อมเพียงกันเป็นเสียงเดียวกัน กล่าวคือ เกมส์เศรษฐีที่ไม่มีการปฏิวัติก็ไม่ใช่เกมส์เศรษฐี

 

“…..หนูอริซ”

 

โคคุโคคุ ขณะที่ฉันกำลังคิดกับตัวเองอยู่ ใบหน้าของลาบริกซ์ซัง คุณพ่อก็ดูเหมือนก็มีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน และสุดท้ายก็เป็นมิร่าซังที่จ้องมาที่ฉันอย่างตาไม่กระพริบ ในขณะที่คิดอย่างเสียมารยาทเล็กน้อย ฉันมองไปรอบๆด้วยสีหน้าแปลกๆเหมือนแมวป่า

 

“เอ๊ะ”

 

บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกัน ฉันพูดอะไรแปลกๆไปงั้นเหรอ?

มีกฎที่ซับซ้อนเล็กน้อยที่ฉันได้รู้เป็นครั้งแรก เลยอาจเป็นเรื่องแปลกที่เด็กอายุสี่ขวบขอกฎที่ทำให้ยากขึ้น แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงจนทำให้ทุกคนจริงจังขนาดนี้

ในขณะที่ฉันกำลังสับสน เสียงเปิดประตูข้างบันไดส่วนกลางก็ดังขึ้น เบลล์ซังกลับมาแล้ว

 

“ขออภัยที่ทำให้รอค่ะ ทุกท่าน….อาร๊า?”

 

เบลล์ซังที่กลับมาเห็นฉากดังกล่าวก็แสดงสีหน้าสงสัยเช่นกัน เธอเดินกลับมายืนยังตำแหน่งเดิมที่ด้านหลังฉันหนึ่งก้าวทั้งที่ยังทำงงๆ

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”

 

“ไม่….ไม่มีอะไร เบลล์ ไพ่ทาโรต์ล่ะ?”

 

“ค่ะ นี่ค่ะ”

 

เบลล์ซังโชว์กล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นมา มีการตกแต่งบางอย่างให้บรรยากาศเหมือนของหรูหรา

 

“…..ก่อนอื่น ลูกจะเล่นเลยจริงๆใช่ไหม? อริซ”

 

“อืม”

 

ฉันตอบคำถามคุณพ่อ คุณพ่อคงคิดอยากให้ฉันคุ้นเคยกับเกมส์ก่อน แต่ว่าฉันรู้ทั้งกฏทั้งบรรยากาศแล้ว ดังนั้นมาเล่นกันเลยดีกว่า

ลาบริกซ์ซังกับคุณพ่อเป็นแม่ทัพและขุนนาง มิร่าซังเป็นบางอย่างที่เรียกว่าอัศวินพิเศษ และเบลล์ซังคนซึ่งรู้จักฉันเป็นอย่างดี ฉันไม่รู้สึกถึงชัยชนะใดๆเลย แต่ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด

 

มีบางสิ่งที่ทำให้ฉันต้องแปลกใจ

 

“….เอาล่ะ เบลล์ แจกไพ่ แล้วก็ดูแลอริซด้วย”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

ก็คิดไว้แล้ว แต่ดูเหมือนคงต้องการให้เบลล์ซังเล่นไปด้วยสอนฉันไปด้วยสินะ 

ไม่สิ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว หากมองโดยไม่ใช่จากมุมมองของฉัน แต่เป็นจากภายนอก ยังไงซะฉันก็เป็นแค่เด็กอายุสี่ขวบเท่านั้น

 

“มาพยายามด้วยกันเถอะค่ะ อริซซามะ”

 

“อืม”

 

ฉันมองไปที่เบลล์ซังที่กำลังแจกไพ่ด้วยรอยยิ้ม พร้อมพัฒนากลยุทธ์ไปด้วย

 

แน่นอน ทุกคนจะต้องเผลอรู้สึกผ่อนคลายออมมือให้กับฉันที่ยังเป็นเด็กและพึ่งได้เล่นเป็นครั้งแรก แต่ว่าฉันอยากจะเล่นแบบเต็มที่ตั้งแต่ครั้งแรก แต่พูดไปมันก็รู้สึกน่าอายเหมือนกันที่พยายามเล่นแบบเต็มที่อยุ่คนเดียวแบบนี้

 

ถ้าอย่างงั้น ก็แค่ลองเล่นให้อีกฝ่ายรับรู้จนต้องเปลี่ยนความคิดเองซะ ขึ้นอยู่กับฝีมือแล้ว ใช่ ตัวอย่างเช่นการปฏิวัติ

ลองนึกภาพช่วงเวลาที่น่ารื่นรมณ์เหล่านั้น ฉันก็แทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ จนต้องรีบซ่อนหน้าตัวเองกับตุ๊กตา

 

“น่าร๊ากกกก”

 

“มิแรนด้า”

 

“ขอประทานอภัยด้วยค่ะ”

 

ในขณะที่มองดูลาบริกซ์ซังกับมิร่าซังทำอะไรกันบางอย่าง ฉันก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้อีก ความรู้สึกประหลาดในตัวตอนนี้ ความรู้รู้สึกเหล่านั้น เรียกว่าความสนุกรึเปล่านะ

 

“ฮ่าๆๆ มีอะไรรึ อริซ รู้สึกประหม่าขึ้นมางั้นเหรอ?”

 

“อึ อืออึ….”

 

คุณพ่อดูเหมือนจะสงสัยในท่าทางของฉัน และเข้าใจผิดไปว่าเป็นความประหม่า ไม่เป็นไร แค่เล่นแล้วสนุก และอีกครั้งที่คุณพ่อเอือมมือมาลูบหัวของฉัน

ฉันไม่สามารถพูดได้ว่า ไม่ใช่ จึงยอมถูกลูบหัวอย่างว่าง่ายเหมือนเดิม ในไม่ช้าคุณพ่อก็ปล่อยมือ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เบลล์ซังแจกไพ่ให้กับฉัน คุณพ่อ ลาบริกซ์ซัง และมิร่าซังครบทั้งสี่คน แต่ละคนได้รับไพ่สิบสามใบ

 

“ฮัททีเรียซามะ”

 

“นั้นสินะ จริงด้วยสิ …เอาล่ะ อริซ พ่อจะขอมอบโจ๊กเกอร์ให้กับอริซ เพราะเป็นการเล่นครั้งแรก จำนวนไพ่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ….แต่การมีโจ๊กเกอร์อยู่จะช่วยให้ลูกแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ”

 

“แข็งแกร่ง”

 

“อ้า แข็งแกร่ง”

 

จากนั้นเบลล์ซังก็หยิบไพ่ใบสุดท้ายออกจากกล่องไม้ ไพ่ใบที่ห้าสิบสาม

 

“โจ๊~กก๊า~”

 

นี่คือลมหนุนล่ะ พระเจ้ากำลังบอกให้ฉันยิงหมัดน็อกออกไปให้เต็มที่! ฉันรู้สึกแบบนั้น

ส่วนที่เหลือก็แค่ขอให้มีไพ่สามใบที่มีเลขเหมือนกัน

 

“เบลล์ ฉัน อยากจะเล่นเอง”

 

“….ฟุๆๆๆ แน่นอนค่ะ เช่นนั้น ดิฉันจะคอยช่วยในยามที่อริซซามะจะทำผิดกฏแล้วกันนะคะ?”

 

“อืม ขอบคุณ”

 

หลังจากฉันบอกเบลล์ซังว่าจะขอท้าทายด้วยตัวเอง ทุกคนรอบๆก็อมยิ้ม

ฉันรอไม่ไหวแล้ว การแสดงออกของฉันเริ่มบิดเบี้ยวอย่างน่าอัศจรรย์ อ้า ฉันช่างร้ายซะจริงๆเลย

 

“เช่นนั้น มาเริ่มเล่นกันเถอะ”

 

เมื่อผู้นำกล่าวเช่นนั้น การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น แต่ละคนเริ่มตรวจสอบไพ่ของตัวเองที่คว่ำอยู่ตรงหน้า ฉันเองก็เริ่มทำตามด้วยการพลิกไพ่คว่ำอยู่ด้วยมือที่เงอะงะ

 

“….หุๆๆๆ”

 

“อริซซามะ…..?”

 

ฉันได้ยินเสียงประหลาดใจจากเบลล์ซังที่มองมือของฉันจากด้านหลัง

 

“―――ได้ล่ะ”

 

ฉันมั่นใจในชัยชนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 15 ไพ่ทาโรต์จูวี่

 

ฉันผสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างแนบแน่น พร้อมบ่นพึมพำ จนทำให้คนรอบๆที่จ้องมองมามีเครื่องหมายคำถามลอยเต็มใบหน้า

ฉันไม่เคยรู้สึกชอบใจในเยลลี่โภชนาการเลยแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็เพราะมัน ฉันเลยสามารถพูดจากใจได้เลยว่าอาหารมื้อนี้ เป็นมื้ออาหารที่ยอดเยี่ยมมากๆ

 

พูดถึงเมนูแล้ว มีทั้งพาสต้าพร้อมขนมปัง สลัดกับสตูว์ และซุป อาหารทุกจานล้วนแล้วแต่ถูกทานจนว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ อาหารระดับไฮเอนด์ที่คัดสรรมาอย่างดีซึ่งไม่สามารถหาได้ในชีวิตจริง

บางเมนูจำต้องมีการใช้ไวน์บางชนิดเป็นเครื่องปรุงรสพร้อมกับเครื่องปรุงหลายๆอย่าง เหล่าเมดซังที่รับผิดชอบการทำอาหารจึงไม่สามารถปรุงแบบเดียวกันได้จึงมีการปรับปรุงเมนูเป็นพิเศษให้เฉพาะตัวฉัน

 

ฉันรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนี้ เริ่มตั้งแต่คาร์เมียซัง ไปจนถึงทุกคนที่ช่วยกันทำความสะอาด ฉันอยากจะบอกทุกคนโดยตรง แต่ในตอนนี้คงได้แต่บอกผ่านเบลล์ซังที่เป็นหัวหน้าคนรับใช้ไปก่อน

 

“อร่อย ขอบคุณ”

 

“ฟุๆๆ ดูเหมือนอริซซามะจะพึ่งพอใจสินะคะ ดิฉันแน่ใจว่าพวกเขาจะมีความสุขอย่างแน่นอนค่ะ”

 

“อืม อิ่มมาก….”

 

ฟู๊ ฉันดื่มน้ำจากถ้วยแก้วหล่อเลี้ยงลำคอให้ชุ่มชื่นก่อนถอนหายใจ

แก้มของฉันผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะความพึ่งพอใจที่สามารถทานอาหารจนจานว่างเปล่าได้

 

“ยังมีของหวานอีกนะคะ แต่ว่าถ้าอิ่มแล้วเช่นนี้ จะรับในภายหลังแทนดีไหมคะ?”

 

กิ้ว ท้องของฉันดังขิ้นอีกครั้ง ของหวาน เมื่อพูดถึงของหวานที่เบลล์ซังจะเลือกมาในเวลานี้ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่นอน

ช่ำและไม่แน่นท้อง ความหวานที่ไม่มากเกินไปช่วยเพิ่มความสุขหลังมื้ออาหารเพิ่มเติม

 

“แมเรียน!?”

 

ใช่ แมเรียนล่ะ ไม่ต้องสงสัยเลย

 

ถึงอย่างนั้น ฉันก็หยุดส่งสายตาคิระคิระให้เบลล์ซังเอาไว้กลางทาง

ริมฝีปากตกกลายเป็นรอยยิ้มอันขอขื่น

 

“แต่ว่า แต่ว่า…..”

 

“หากฝืนกินมากไปจะปวดท้องเอานะคะ? ถ้าหากว่าวันนี้ไม่สามารถทานได้แล้ว ดิฉันจะนำไปเสิร์ฟให้ในมื้อเช้าวันพรุ่งนี้ให้แทนละกันค่ะ”

 

“…..จริงเหรอ?”

 

“ค่ะ เรื่องจริงแน่นอนค่ะ เบลล์ไม่โกหกอริซซามะแน่นอนค่ะ!”

 

ในชั่วขณะหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะเบาๆมาจากที่นั่งฝั่งตรงข้าม ลาบริกซ์ซัง

ฉันเอียงหัวด้วยความสงสัย ก่อนถามด้วยสายตาไปว่ามีเรื่องอะไรตลกเหรอ

 

“ไม่ๆ ข้าขออภัยด้วย แต่เพราะคุณหนูอริซกับน๊อกซ์เบลดูสนิทกันมากๆ ออกจะมากเกินไปหน่อยด้วยนะ”

 

“แน่นอนค่ะ ไม่มีใครจะเข้าใจอริซซามะไปมากกว่าดิฉันแล้วค่ะ ลาบริกซ์ซามะ”

 

“โห้ เป็นคำที่ร้อนแรงมากจริงๆ ว่าไหม ฮัททีเรีย?”

 

“… ไม่ปฏิเสธ”

 

“ดะ ดิฉันขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ ฮัททีเรียซามะ! ดิฉันมิได้มีเจตนาใดๆที่จะ….”

 

เบลล์ซังรีบขอโทษคุณพ่อที่หน้าหดหู่ลงอย่างร้อนรน ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากจริงๆ ที่ข้างๆโดยไม่รู้ว่าทำไม มิร่าซังกำลังหน้าแดงเปล่ง มีแม้กระทั้งโมเมมต์คล้ายจะกัดผ้าเช็ดหน้าอยู่ด้วย ถึงจะกัดแค่ปลายเล็กๆ

อืม~ มันทำให้ฉันรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะคุยกับเธอ แต่เพราะจากนี้ไปพวกเราจะต้องอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ฉันเลยจะลองสื่อสารง่ายๆสักเล็กน้อยดูก่อน

 

“… เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

 

“มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฮิเมะ แต่ว่า เอ๊ะโตะ ใช่แล้ว …หลังจากรับประทานอาหาร หากดิฉันไม่ได้กัดผ้าเช็ดหน้าจะรู้สึกไม่สงบนะคะ”

 

“…เหรอ”

 

เป็นนิสัยที่แปลกดี หากมีหมากฝรั่งในโลกนี้ ฉันก็อยากจะเตรียมมาให้มิร่าซังให้เร็วที่สุด

 

แต่พอคิดตามดีๆก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องโกหก เมื่อคำตอบที่ได้คลุมเครือกำกวมไม่ตรงตามที่ต้องการ ก็เป็นผลให้การสนทนาถูกขัดจังหวะ ความเงียบเข้ามาปกคลุมแทนที่

 

ยังไงก็ตามฮิเมะ …ไม่สิ มันก็ดีอยู่เหมือนกัน

 

“จะ จะว่าไปฮิเมะ ฮิเมะชอบเล่นอะไรงั้นเหรอค่ะ?”

 

“เล….?”

 

“อะ ขออภัยด้วยค่ะ เล่น ก็คือการเล่นสนุกค่ะ!”

 

“เ-ล่-น”

 

ฟุมุฟุมุ ฉันครุ่นคิดระหว่างการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ 

ฉันจำเล่นได้แล้ว

 

“เท๊ะเทเร๊ะ~”

 

“…ฮิเมะ?”

 

“อะ ….อืออึ ไม่มีอะไร”

 

ความอิ่มอกอิ่มใจลอยหายไปทันที ฉันเผลอส่งเสียงเอฟเฟกต์โง่ๆออกไปโดยไม่รู้ตัว

ฉันเลยกอดตุ๊กตาเพื่อซ่อนดวงตาเอาไว้ทันที

 

“น่าร๊าก”

 

“หืม?”

 

“อะ …..ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฮิเมะ”

 

ฉันรู้สึกอึดอัดมากๆที่ไม่สามารถลดระยะห่างระหว่างพวกเราได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ละนะ เพราะมันเป็นการพบกันครั้งแรก ฉันคงต้องถอนตัวยอมไปก่อน

 

“เช่นนั้น ฮิเมะ ตอนนี้ ท่านอยากจะเล่นเกมส์กันหน่อยไหมค่ะ?”

 

“เกม?”

 

“ค่ะ ….อะโน เอ๊ะโตะ”

 

ทันใดนั้นเบลล์ซังที่กำลังถือไวน์ไว้ด้วยมือเดียวก็รับรู้ได้ถึงเสียง จึงหันออกจากวงสนทนาของคุณพ่อกับลาบริกซ์ซังมาทางพวกเรา

 

“มิแรนด้าซามะ ดิฉัน น๊อกซ์เบลค่ะ”

 

“น๊อกซ์เบลซัง พอจะมีไพ่ทาโรต์ไหม”

 

“ไพ่ทาโรต์เหรอค่ะ? ค่ะ หากท่านไม่ว่าอะไร ดิฉันคิดว่ามีของเก่าอยู่ในห้องของดิฉันนะคะ แต่…..”

 

“แค่นั้นก็พอแล้ว ข้าขอยืมหน่อยจะได้ไหม?”

 

“ได้ค่ะ ดิฉันจะรีบเตรียมให้ทันทีเลยค่ะ แต่….เข้าใจแล้วค่ะ ท่านจะเล่นกับอริซซามะเช่นนั้นสินะคะ?”

 

“ใช่แล้ว เล่นดิสแทนซ์ ข้าอยากจะกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ร่วมถึงเจ้าด้วยนะ น็อกซ์เบล―――” 

 

มิร่าซังกำลังพยายามกระชับความสัมพันธ์ของพวกเราเพื่ออนาคต แต่ทันใดนั้นลาบริกซ์ซังก็บุกเข้ามา

 

“ดิสแทนซ์รึ ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน ในอดีตพวกข้าเองก็เคยเล่นกันสามคน”

 

“อ้า แถมอลิเซียก็จะเป็นผู้ชนะเสมอ”

 

จากที่ได้ยิน ดูเหมือนลาบริกซ์ซังจะเข้ากับคุณแม่ได้ดีเลยสินะ

 

ทั้งคู่ดูจะเมากันเล็กน้อย แก้มของเขากับคุณพ่อดูแดงๆ ความทรงจำเกี่ยวกับคุณแม่ที่ถูกเปิดออกอีกครั้ง ลอยอยู่ในดวงตาของทั้งคู่ จากนั้นก็มองมาที่ฉันแล้วหัวเราะกัน

 

“ข้ากับฮัททีเรีย ขอผู้สูงวัยสองคนนี้เข้าร่วมด้วยได้ไหม? มิแรนด้า”

 

“สะ สำหรับดิฉันได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ แต่ว่า….”

 

“…อ้า ขออภัยด้วย ข้าขอเข้าร่วมเล่นด้วยได้รึไม่ คุณหนูอริซ?”

 

เกิดช่วงเวลาที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา

 

…นอกเหนือจากการพยายามให้เป็นเรื่องตลกก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้ปฏิเสธ

แต่เหนืออื่นใดฉันเองก็ยังไม่ได้ตอบเลยว่าจะเล่นด้วยไหม

 

คำตอบของฉัน คำตอบที่จะตอบให้มิร่าซังก่อนที่จะถูกขัดจังหวะ

 

“อืม …..เบลล์ เล่นด้วย”

 

“ม๊า อริซซามะ! แน่นอนอยู่แล้วสิค่ะ?”

 

ฉันถูกล่อลวงด้วยรอยยิ้มของเบลล์ซังจนเผลอแกว่งเท้าอย่างอารมณ์ดี คุณพ่อยื่นมือมาลูบหัวจากข้างๆแล้วจากนั้นก็หันกลับไปหาเบลล์ซังอีกครั้ง

 

“เบลล์ หากเป็นไพ่ทาโรต์ล่ะก็ รู้สึกว่าจะมีแบบที่เป็นกระดาษอยู่ในห้องของอลิเซียใช่ไหม?”

 

“ค่ะ ดิฉันจำได้ว่าเก็บอยู่ในชั้นเก็บของ ……แต่ว่าแน่ใจแล้วเหรอค่ะ?”

 

“อ้าา เอามาได้เลย นั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ ….อลิเซียเอง ก็คงอยากมาเล่นด้วย”

 

“…..ทราบแล้วค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”

 

อย่างไรก็ตามเบลล์ซังที่ดูเหมือนจะถูกขออะไรบางอย่างก็ได้มุ่งหน้าไปยังบันไดส่วนกลาง เปิดผ่านประตูเข้าสู่เข้าไปยังห้องโถงที่มีประตูสู่ห้องของพวกเบลล์ซัง

ฉันมองตามจนผมสีดำที่แกว่งไปมาหายลับไปหลังประตู มิร่าซังที่ทำเหมือนกันก็หันมามองฉัน จากนั้นคุณพ่อกับลาบริกซ์ซังที่เบลอๆก็กลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเอง และดื่มลิ้มรสไวน์กันต่อ

 

และแล้วฉันก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยนั่งฟังนิ่งๆ ฉันเรียนรู้จากสถานการณ์ของฉันก่อนหน้านี้ แล้วมิร่าซังก็เอ่ยปาก

 

“ทราบวิธีเล่นดิสแทนซ์ไหมค่ะ”

 

“…..ดีสะแทน”

 

“ใช่แล้ว ฮิเมะ ไพ่ทาโรต์จูวี่ เป็นการเล่นที่ใช้การ์ดที่แบ่งเป็น 4 ประเภท แต่ล่ะประเภทจะวาดตัวเลขและรูปภาพตั้งแต่หนึ่งถึงสิบสามตามลำดับลงไป”

 

เข้าใจล่ะ ไพ่ทาโรต์จูวี่ก็เหมือนกับการเล่นไพ่ธรรมดาๆนี่เอง ยังไงก็ตามมันก็มีหลายวิธีในการเล่นไพ่ ถึงจะรู้แล้วว่าหลักๆคืออะไร แต่มันก็เป็นแค่วิธีกว้างๆที่ติดมาจากชาติก่อนเท่านั้น

กฏของดิสแทนซ์คืออะไร ถ้าเป็นกฏที่รู้จักอยู่แล้วคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นกฏที่ไม่รู้จักก็คงต้องให้อธิบายจนกว่าจะเข้าใจ ซึ่งมันคงจะกินเวลาไม่น้อย

 

“อธิบายสั้นๆคือ มันเป็นเกมส์ที่ต้องวางไพ่ตามลำดับ และใครที่ทำไพ่หมดได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะค่ะ”

 

“ทั้งหมด”

 

“ค่ะ เมื่อจะวางไพ่ ต้องวางไพ่ที่แข็งแกร่งกว่าไพ่ที่ถูกวางไว้ก่อนแล้ว”

 

“อะไร แข็งแกร่ง?”

 

“ฮิเมะ รู้ลำดับของตัวเลขหรือไม่คะ”

 

“อืม”

 

แนวคิดของตัวเลขแน่นอนว่าฉันเข้าใจตั้งแต่ต้น สำหรับตัวอักษรตัวเลขของราชอาณาจักรบางส่วนนั้นเบลล์ซังได้สอนฉันแล้ว การเล่นไพ่ หรือ ไพ่ทาโรต์จูวี่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

 

“ฮิเมะช่างเฉลียวฉลาดจริงๆ! ส่วนอะไรคือแข็งแกร่ง คงต้องเริ่มอธิบายจาก สาม คือผู้อ่อนแอที่สุด และจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆตามลำดับของตัวเลขที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามหลังจากสิบสามคือ หนึ่ง และจบด้วยสอง”

 

“สอง แข็งแกร่งที่สุด?”

 

“ใช่ค่ะ ฮิเมะ แต่ก็มีไพ่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นอยู่อีกหนึ่งใบ มันเป็นการ์ดที่เรียกว่าโจ๊กเกอร์ แข็งแกร่งกว่าสอง …..เอ๊ะโตะ เวลาวางไพ่ออกไปสามารถวางไพ่ที่มีเลขเดียวกันเข้าไปได้ และเมื่อวนกลับมาอีกครั้งก็จะต้องลงเลขที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แต่โจ๊กเกอร์สามารถใช้แทนตัวเลขทั้งหมดได้”

 

“แข็งแกร่ง”

 

รวบรวมจัดระเบียบกฏที่ถูกสอนเอาไว้ในหัว

 

มีบางอย่างปิ๊งขึ้นมา ประเด็นคือ ในชาติก่อนมีเกมส์ที่เรียกกันว่า”เกมส์เศรษฐี” ฉันจำได้ว่าเคยเล่นกับเพื่อนร่วมงานหลายครั้งในช่วงพัก 

แต่เมื่อเกิดการ”ปฏิวัติ”ต่อระบบ เกมดังกล่าวก็ถูกแบนจากการเล่นในโคโลนี่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และมันเป็นข้อห้ามสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เพราะคุณไม่มีทางได้ออกจากโคโลนี่

 

นอกจากนั้นเรื่องราวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉันไม่มั่นใจในสกิลของฉัน แต่ฉันมั่นใจในโชคของตัวเอง

 

“แล้วก็…หากลงไพ่สี่ใบที่มีตัวเลขเดียวกันความแข็งแกร่งของไพ่จะพลิกกลับด้าน และมีกฎบางอย่างอีก แต่ … มันเข้าใจยาก――― “

 

“ต้องการ”

 

“….ฮิเมะ?”

 

“ต้องการ ปะติวัด”

 

มันชัดเจนอยู่แล้ว หากโอกาสที่ผู้ใดจะได้ลิ้มรสชาติของความรู้สึกเบิกบานใจจากการได้พลิกบทบาทกลับไปอยู่ในสถาณการณ์ที่พลิกพัน ทุกคนก็พร้อมจะพูดอย่างพร้อมเพียงกันเป็นเสียงเดียวกัน กล่าวคือ เกมส์เศรษฐีที่ไม่มีการปฏิวัติก็ไม่ใช่เกมส์เศรษฐี

 

“…..หนูอริซ”

 

โคคุโคคุ ขณะที่ฉันกำลังคิดกับตัวเองอยู่ ใบหน้าของลาบริกซ์ซัง คุณพ่อก็ดูเหมือนก็มีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเหมือนกัน และสุดท้ายก็เป็นมิร่าซังที่จ้องมาที่ฉันอย่างตาไม่กระพริบ ในขณะที่คิดอย่างเสียมารยาทเล็กน้อย ฉันมองไปรอบๆด้วยสีหน้าแปลกๆเหมือนแมวป่า

 

“เอ๊ะ”

 

บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกัน ฉันพูดอะไรแปลกๆไปงั้นเหรอ?

มีกฎที่ซับซ้อนเล็กน้อยที่ฉันได้รู้เป็นครั้งแรก เลยอาจเป็นเรื่องแปลกที่เด็กอายุสี่ขวบขอกฎที่ทำให้ยากขึ้น แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายแรงจนทำให้ทุกคนจริงจังขนาดนี้

ในขณะที่ฉันกำลังสับสน เสียงเปิดประตูข้างบันไดส่วนกลางก็ดังขึ้น เบลล์ซังกลับมาแล้ว

 

“ขออภัยที่ทำให้รอค่ะ ทุกท่าน….อาร๊า?”

 

เบลล์ซังที่กลับมาเห็นฉากดังกล่าวก็แสดงสีหน้าสงสัยเช่นกัน เธอเดินกลับมายืนยังตำแหน่งเดิมที่ด้านหลังฉันหนึ่งก้าวทั้งที่ยังทำงงๆ

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”

 

“ไม่….ไม่มีอะไร เบลล์ ไพ่ทาโรต์ล่ะ?”

 

“ค่ะ นี่ค่ะ”

 

เบลล์ซังโชว์กล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ขึ้นมา มีการตกแต่งบางอย่างให้บรรยากาศเหมือนของหรูหรา

 

“…..ก่อนอื่น ลูกจะเล่นเลยจริงๆใช่ไหม? อริซ”

 

“อืม”

 

ฉันตอบคำถามคุณพ่อ คุณพ่อคงคิดอยากให้ฉันคุ้นเคยกับเกมส์ก่อน แต่ว่าฉันรู้ทั้งกฏทั้งบรรยากาศแล้ว ดังนั้นมาเล่นกันเลยดีกว่า

ลาบริกซ์ซังกับคุณพ่อเป็นแม่ทัพและขุนนาง มิร่าซังเป็นบางอย่างที่เรียกว่าอัศวินพิเศษ และเบลล์ซังคนซึ่งรู้จักฉันเป็นอย่างดี ฉันไม่รู้สึกถึงชัยชนะใดๆเลย แต่ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด

 

มีบางสิ่งที่ทำให้ฉันต้องแปลกใจ

 

“….เอาล่ะ เบลล์ แจกไพ่ แล้วก็ดูแลอริซด้วย”

 

“รับทราบแล้วค่ะ”

 

ก็คิดไว้แล้ว แต่ดูเหมือนคงต้องการให้เบลล์ซังเล่นไปด้วยสอนฉันไปด้วยสินะ 

ไม่สิ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว หากมองโดยไม่ใช่จากมุมมองของฉัน แต่เป็นจากภายนอก ยังไงซะฉันก็เป็นแค่เด็กอายุสี่ขวบเท่านั้น

 

“มาพยายามด้วยกันเถอะค่ะ อริซซามะ”

 

“อืม”

 

ฉันมองไปที่เบลล์ซังที่กำลังแจกไพ่ด้วยรอยยิ้ม พร้อมพัฒนากลยุทธ์ไปด้วย

 

แน่นอน ทุกคนจะต้องเผลอรู้สึกผ่อนคลายออมมือให้กับฉันที่ยังเป็นเด็กและพึ่งได้เล่นเป็นครั้งแรก แต่ว่าฉันอยากจะเล่นแบบเต็มที่ตั้งแต่ครั้งแรก แต่พูดไปมันก็รู้สึกน่าอายเหมือนกันที่พยายามเล่นแบบเต็มที่อยุ่คนเดียวแบบนี้

 

ถ้าอย่างงั้น ก็แค่ลองเล่นให้อีกฝ่ายรับรู้จนต้องเปลี่ยนความคิดเองซะ ขึ้นอยู่กับฝีมือแล้ว ใช่ ตัวอย่างเช่นการปฏิวัติ

ลองนึกภาพช่วงเวลาที่น่ารื่นรมณ์เหล่านั้น ฉันก็แทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ จนต้องรีบซ่อนหน้าตัวเองกับตุ๊กตา

 

“น่าร๊ากกกก”

 

“มิแรนด้า”

 

“ขอประทานอภัยด้วยค่ะ”

 

ในขณะที่มองดูลาบริกซ์ซังกับมิร่าซังทำอะไรกันบางอย่าง ฉันก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้อีก ความรู้สึกประหลาดในตัวตอนนี้ ความรู้รู้สึกเหล่านั้น เรียกว่าความสนุกรึเปล่านะ

 

“ฮ่าๆๆ มีอะไรรึ อริซ รู้สึกประหม่าขึ้นมางั้นเหรอ?”

 

“อึ อืออึ….”

 

คุณพ่อดูเหมือนจะสงสัยในท่าทางของฉัน และเข้าใจผิดไปว่าเป็นความประหม่า ไม่เป็นไร แค่เล่นแล้วสนุก และอีกครั้งที่คุณพ่อเอือมมือมาลูบหัวของฉัน

ฉันไม่สามารถพูดได้ว่า ไม่ใช่ จึงยอมถูกลูบหัวอย่างว่าง่ายเหมือนเดิม ในไม่ช้าคุณพ่อก็ปล่อยมือ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เบลล์ซังแจกไพ่ให้กับฉัน คุณพ่อ ลาบริกซ์ซัง และมิร่าซังครบทั้งสี่คน แต่ละคนได้รับไพ่สิบสามใบ

 

“ฮัททีเรียซามะ”

 

“นั้นสินะ จริงด้วยสิ …เอาล่ะ อริซ พ่อจะขอมอบโจ๊กเกอร์ให้กับอริซ เพราะเป็นการเล่นครั้งแรก จำนวนไพ่อาจจะเพิ่มมากขึ้น ….แต่การมีโจ๊กเกอร์อยู่จะช่วยให้ลูกแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ”

 

“แข็งแกร่ง”

 

“อ้า แข็งแกร่ง”

 

จากนั้นเบลล์ซังก็หยิบไพ่ใบสุดท้ายออกจากกล่องไม้ ไพ่ใบที่ห้าสิบสาม

 

“โจ๊~กก๊า~”

 

นี่คือลมหนุนล่ะ พระเจ้ากำลังบอกให้ฉันยิงหมัดน็อกออกไปให้เต็มที่! ฉันรู้สึกแบบนั้น

ส่วนที่เหลือก็แค่ขอให้มีไพ่สามใบที่มีเลขเหมือนกัน

 

“เบลล์ ฉัน อยากจะเล่นเอง”

 

“….ฟุๆๆๆ แน่นอนค่ะ เช่นนั้น ดิฉันจะคอยช่วยในยามที่อริซซามะจะทำผิดกฏแล้วกันนะคะ?”

 

“อืม ขอบคุณ”

 

หลังจากฉันบอกเบลล์ซังว่าจะขอท้าทายด้วยตัวเอง ทุกคนรอบๆก็อมยิ้ม

ฉันรอไม่ไหวแล้ว การแสดงออกของฉันเริ่มบิดเบี้ยวอย่างน่าอัศจรรย์ อ้า ฉันช่างร้ายซะจริงๆเลย

 

“เช่นนั้น มาเริ่มเล่นกันเถอะ”

 

เมื่อผู้นำกล่าวเช่นนั้น การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น แต่ละคนเริ่มตรวจสอบไพ่ของตัวเองที่คว่ำอยู่ตรงหน้า ฉันเองก็เริ่มทำตามด้วยการพลิกไพ่คว่ำอยู่ด้วยมือที่เงอะงะ

 

“….หุๆๆๆ”

 

“อริซซามะ…..?”

 

ฉันได้ยินเสียงประหลาดใจจากเบลล์ซังที่มองมือของฉันจากด้านหลัง

 

“―――ได้ล่ะ”

 

ฉันมั่นใจในชัยชนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+