[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 38 เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 18 ความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าแต่เด็ดเดี่ยว

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 38 เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 18 ความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าแต่เด็ดเดี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 ความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าแต่เด็ดเดี่ยว

 

“อุ๊ก”

 

“…..ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ?”

 

“……..ไหว”

 

ฉันออกจากคฤหาสน์มาพร้อมกับคุณพ่อและเบลล์ซัง ตอนนี้พวกเราอยู่ในรถม้าที่ไปยืมมาจากค่ายอัศวินลิลลี่ขาวทันทีหลังจากออกมาจากมาเรียนา พวกเขาไม่เพียงแต่ให้ยืมม้าเท่านั้น แต่ยังให้ยืมรถม้าด้วย บางทีอาจเป็นเพราะ ความเป็นชนชั้นขุนนางของคุณพ่อ หรืออาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษ

ในตอนแรกคุณพ่อกับเบลล์ซังจะขี่ม้ากันเอง โดยที่คุณพ่อจะเป็นคนขนกระเป๋าเดินทาง และให้ฉันนั่งไปกับเบลล์ซัง ดูเหมือนพวกเขาจะวางแผนมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงกันแบบนั้น ส่วนฉันก็จะได้เรียนรู้ทักษะการขี่ม้าไปด้วย

แต่เมื่อฉันได้อยู่ต่อหน้าม้าที่ฉันบอกอยากจะขี่ในสักวัน ฉันก็เกิดลังเลขึ้นมา ม้าตัวจริงดูน่าเกรงขามกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก หากโดนเหยียบหรือโดนเตะในจังหวะที่ไม่คาดคิด ฉันคงกลายเป็นเนื้อบดโดยไม่ต้องสงสัย

แล้วในตอนที่ฉันกำลังกลัว จนเกือบจะบอกยอมแพ้ คำพูดของพี่สาวอัศวินที่ว่าจะให้ยืมรถม้าด้วยก็กลายเป็นแสงที่สาดเข้ามาในความสิ้นหวังของฉัน

ในระหว่างที่คุณพ่อกับเบลล์ซังกำลังสับสน ฉันก็ขึ้นรถม้าพร้อมกระเป๋าเดินทางด้วยความยินดี

………..ทุกอย่างดูดีจนกระทั่ง

 

“อุก……”

 

“วะ ว่าแล้ว จะมานั่งทางนี้ไหมคะ? อริซซามะ”

 

เบลล์ซังที่กำลังนั่งคล่อมม้าสีน้ำตาลที่ทำหน้าที่ลากรถอยู่หันกลับมามองถามจนผมไซด์เทลส่ายไปมา

คุณพ่อที่นำหน้าอยู่ก็ดูจะเป็นห่วงฉันเช่นกันจึงดึงเชือกชะลอม้าลงมา

 

“อือออ……ม๊ายเป็นร๊าย”

 

“อย่างงั้นเหรอคะ…….ตอนนี้ก็เกือบจะถึงเมืองใกล้ๆแล้ว กรุณารีบบอกดิฉันทันทีที่รู้สึกไม่ดีด้วยนะคะ”

 

“อืม”

 

ฉันเป็นพวกดื้อรันแบบครึ่งๆกลางๆ ฉันมีความมุ่งมั่นลึกลับที่ต้องการให้เบลล์ซังขี่ต่อไปอย่างเชื่อฟัง แม้ฉันจะถูกเขย่าอยู่บนรถม้าจนไปถึงเมืองหลวงก็ตาม

ความมุ่งมั่นนั้น ตอนแรกก็เป็นเพราะความกลัวที่จะต้องขี่ม้า

แต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันยังคงยึดติดอย่างดื้อรั้นอยู่

ในขณะพยายามหันเหความสนใจจากการสั่นของรถม้าเพื่อไม่ให้เมาหนัก ฉันก็นึกถึงสัญญา

 

“…..ครั้งแรก กับท่านป้อ”

 

…..ใช่แล้ว การขี่ม้าครั้งแรก ฉันต้องการที่จะทำตามสัญญาในครั้งก่อนที่จะขี่ม้าของคุณพ่อด้วยกันกับเบลล์ซัง

 

“อุก……”

 

“อะ อริซซามะ”

 

ไม่ไหว รถม้านี่ไม่ใช่ของสำหรับให้คนมานั่งตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีมีไว้สำหรับการขนส่งสินค้า ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งบนกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่มาวางบนโครงเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ได้มีการคำนึงถึงความสะดวกสบายในการขับขี่

อาจจะดีกว่านี้เล็กน้อยหากเป็นคนที่นั่งเป็นประจำ แต่รถม้าก็สั่นเกินกว่าที่คาดไว้ ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความคุ้นเคย

 

“เขย่า”

 

กุกกัก กุกกัก กุกกัก กุกกัก กุกกัก เสียงล้อเตะก้อนกรวด วิ่งไปบนถนนขรุขระ ความรู้สึกทั้งหมดส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย การสั่นสะเทือนนี้เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเมา และหากอยู่นานๆเข้าก็อาจทำให้อาการเจ็บหลังแย่เอาได้

ยังไงก็ตามการขี่ม้าเองก็ดูเหมือนว่าร่างกายก็ต้องรับภาระจากการเคลื่อนไหวแนวตั้งขึ้นลงเหมือนกัน เบลล์ซังกับคุณพ่อน่าจะรู้อยู่แล้ว เพราะงั้นหากอาการบาดเจ็บของฉันยังไม่หายดี ทั้งสองคนคงไม่ยอมให้ฉันได้ไปที่เมืองหลวงตอนนี้

 

“ขอบคุณอายาเมะ …….ใช่แล้ว”

 

เมื่อฉันนึกถึงอายาเมะ แน่นอนว่าเพราะยังไม่ได้รับการดูแลเลยยังทำให้ไม่นุ่มฟู แต่ก็ยังให้ความรู้สึกดียามกอด ถ้าสั่นมากนักก็ต้องหาอะไรสักอย่างที่นุ่มๆมาใช้เป็นเบาะรองนั่ง

 

“นุ่มนิ่ม นุ่มนิ่ม”

 

ฉันกวาดสายตาไปรอบๆกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่รอบตัว มองหาสิ่งที่น่าจะใช้ได้

อย่างไรก็ตามสัมภาระส่วนใหญ่เป็นอาหารและเครื่องดื่ม ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีวัฒนธรรมการนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในระหว่างการเดินทาง และแทบจะไม่มีของใช้จากผ้าเลย ของที่ดูจะใช้ได้มากที่สุดคือหญ้าที่ใช้เป็นอาหารม้า แต่นั้นเป็นของสำหรับเหล่าม้าที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพวกเรา ฉันรู้สึกอายเกินกว่าที่จะเอามาใช้

 

ของอย่างอื่น มีอะไรอีกไหม

ท้ายที่สุดแล้วฉันคงต้องทนแรงสั่นสะเทือนต่อไปอย่างนั้นสินะ

 

เมื่อฉันกำลังจะล้มเลิกลงกลางคัน ฉันก็รู้สึกตัว

วัตถุนุ่มๆบางอย่างที่ฉันกอดอยู่

ฉันมองดูของนุ่มฟูสีขาวที่ใหญ่ประมาณครึ่งตัวของฉันอย่างรวดเร็ว

 

――――“ ใช้ผมสิ ”

 

ฉันรู้สึกว่าดวงตากลมโตสีดำพูดแบบนั้นอย่างแน่นอน

 

” ―――― คู่หู……. !”

 

ไม่ ไม่สิ แต่ว่า…….

ถ้าทำแบบนั้น คู่หูจะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ถึงจะไม่ทำให้ขาด แต่การโดนกดทับด้วยน้ำหนักของคนหนึ่งคนที่ถึงแม้จะยังเป็นเด็กก็แย่แล้ว นี่ยังไม่รวมถึงการสั่นสะเทือนของรถม้าที่รุนแรง การโดนทับก็แทบจะเรียกว่านรกได้เลย

เหนือสิ่งอื่นใด การต้องเหยียบย่ำคู่หูที่อยู่มาด้วยกันตลอดก็เป็นความเจ็บปวดที่สุด

 

“คุ”

 

…..แต่ แต่ถึงอย่างนั้น แต่ว่า

ฉันต้องทำตามสัญญา

ฉันต้องเอาชนะสถานการณ์นี้ และมี “ ครั้งแรก ” บนม้าของคุณพ่อกับเบลล์ซัง!

 

คู่หู

ฉันทนต่อน้ำตา และมองไปที่เขา

ไม่ต้องกังวล ปากของเขาวาดเป็นวงโค้งอย่างห้าวหาญ …….ฉันรู้สึกได้

 

“……คู่หู”

 

“ ปล่อยให้หน้าที่ของผมเอง”เขาพูดแบบนั้น …….ฉันรู้สึกได้

ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ

ฉันอยู่เพื่อภารกิจของฉัน ได้โปรดให้ฉันใช้เป็นหินเพื่อก้าวเดินทีนะคู่หู

 

“ฉันจะไม่มีวันลืมคุณ”

 

ไม่แน่นอน ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องในวันนี้

เพื่อความฝัน เพื่อคำสัญญา เพื่อเพื่อนร่วมทางที่เสียสละตัวเอง……… !

ฉันเช็ดดวงตาที่ชุ่มชื้น ฉัน……คู่หู

 

” ―――― อริซซามะคะ!มองเห็นไหมคะ? นั้นคือวาล์วล่า เมืองใกล้เคียงของมาเรียนาค่ะ!”

 

คู่หู

 

“เอ๊ะ”

 

เมื่อฉันยกสายตาขึ้นในทันใด ทิวทัษน์ของเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่ามาเรียนาหลายเท่าก็ปรากฎเข้ามา

ในที่สุดฉันก็รู้ตัวว่าพวกเรามาถึงจุดพักแล้วด้วยความรู้สึกที่ล่าช้าไปเป็นเวลาหลายสิบวินาที ฉันรีบอุ้มคู่หูกำลังจะวางลงกลับมาที่อกทันที

 

“………..เอ๊ะ”

 

“อริซซามะ?”

 

ท้ายที่สุดฉันก็ได้เข้าไปในเมืองในขณะที่ยังคงมีความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าเรื่องโง่ๆตกค้างอยู่ แล้วคุณพ่อที่เอาใจใส่ก็ซื้อพรมนุ่มๆให้กับฉัน จากนั้นช่วงเวลาประมาณสามวันในการเดินทางไปยังเมืองหลวง ฉันก็ไม่ต้องกังวลกับการสั่นสะเทือนอีก

 

 

“ฮิเมะะะะะะะ!!”

 

“วะ ว้าๆๆ”

 

ข้าได้มารอต้อนรับขบวนเดินทางของฮิเมะที่หน้าทางเข้าของประตูเมืองหลวง ทางหลวงลำดับที่หนึ่งตามคำสั่ง เมื่อข้ายืนยันการปรากฎตัวของฮิเมะได้เป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์ ข้าก็วิ่งเข้าไปหาด้วยเสียงที่แทบจะกรีดร้องโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง

ด้วยเหตุผลบางอย่างฮิเมะกำลังโดนแกว่งไปมาอยู่ในรถม้าพร้อมกระเป๋าเดินทาง แล้วฮิเมะที่กำลังกอดตุ๊กตาสัวต์อยู่ก็ประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงของข้า เมื่อข้าโบกมือให้ก็ทำเพียงมองกลับมาในท่าทางสงบเสงี่ยม

แม้เพียงเท่านั้นก็ยังทำให้ข้ารู้สึกว่าความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมาได้รับการตอบแทนแล้ว

 

“อ้า มิแรนดา ขอโทษด้วยที่ติดต่อมาอย่างกะทันหัน”

 

“ไม่เป็นหรอกค่ะ ฮัททีเรียซามะ โชคดีที่ท่านแม่ลาบริกซ์ได้ช่วยรองรับค่าใช้จ่ายตลอดห้าวันให้ค่ะ!”

 

ด้วยการใช้ชีวิตอย่างประหยัดเป็นเวลาห้าวัน และเมื่อตกลงในความสิ้นหวังและความกระวนกระวาย ข้าก็จะอ่านจดหมายที่ได้รับมา ข้าก็จะกลับมายิ้มได้เสมอ เมื่อได้ฟังฮัททีเรียซามะก็ผงะไปเล็กน้อยราวกับรู้สึกตัวขึ้นมา

 

“…….ขอโทษด้วย”

 

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนจะรู้สึกขอโทษจริงๆ ข้าก็ลดอารมณ์ลง ฮัททีเรียซามะเป็นเจ้านายของเจ้านายข้า ถึงแม้ข้าจะเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ที่ขึ้นตรงกับฮิเมะ แต่ข้าก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตั้งแต่แรกหากข้านำเงินมาให้มากกว่านี้ก็จะไม่มีปัญหาให้ใครต้องกังวลแล้ว นอกนี้ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฮิเมะถูกโจมตีด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากจะพลาดบางอย่างไปโดยไม่ได้ตั้งใจจากงานที่ยุ่งๆ

แต่ข้าก็รู้สึกโล่งใจที่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในงานสำคัญของเขา

 

“ข้าล้อเล่นค่ะ แค่ได้เห็นใบหน้าของฮิเมะเช่นนี้ข้าก็รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ และเป็นข้าที่ควรจะนำมามากกว่านี้เอง”

 

ในขณะที่ข้าได้รับการเยี่ยวยาโดยฮิเมะที่ทันใดนั้นก็ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ข้ารู้สึกเหมือนใบหน้าของเธอที่ตึงและแข็งจะคลายลง……

 

“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยาก มิร่า”

 

“ฟุเฮะ”

 

ข้าตัวแข็งทื่อ

 

“มิร่า?”

 

“ไม่มีอะไรค่ะ อริซซามะ นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยค่ะ”

 

“อะ อืม” 

 

น็อกซ์เบลซังกล่าวเสริมฮิเมะ ในขณะที่ในดวงตาของเธอมีสีสันแห่งความเข้าใจ พวกเรามองตาและพยักหน้าให้กันตามปกติ ข้ารู้สึกว่าฮิเมะดูไม่พอใจเล็กน้อย กำลังรู้สึกว่าโดนกันออกจากกลุ่มสินะคะ น่ารัก

 

“น่ารัก”

 

“มิแรนด้าซัง รั่วออกมาหมดแล้วค่ะ”

 

“……ห๊ะ!?”

 

“ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ”

 

“อะแฮ่ม ขอประทานโทษด้วยค่ะ ฮิเมะ แมม”

 

ข้าพยายามจัดการไม่ให้ตัวเองกรีดร้องเพราะความรักที่มีให้ต่อฮิเมะ ข้าก้มหน้าด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหวจนแม้แต่ตัวเองก็ต้องตะลึง

จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหาฮิเมะที่ความง่วงยังเอาชนะความสนใจต่อเมืองหลวงอยู่บนรถม้า ข้าคิดว่าอาจจะแปลกที่จะพูด แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป และข้าก็ได้พูดต้อนรับฮิเมะที่ยังคงสับสนอยู่

 

” ―――― ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวงค่ะ ฮิเมะ”

 

ในทันใดนั้น ข้าก็รู้สึกว่าดวงตาของฮิเมะเปร่งประกายออกมา

 

“สุดยอด!”

 

ฮัททีเรียซามะและน็อกซ์เบลลซังหัวเราะให้กับท่าทางของฮิเมะที่ตะโกนความประทับใจออกมาเสียงดังด้วยความไร้เดียงสา แม้แต่คนรอบข้างยังยิ้มให้ฮิเมะ

ฮิเมะสังเกตเห็นรอบๆ เธอจึงกลับไปกอดตุ๊กตาและซ่อนใบหน้าเอาไว้

 

“……….อู”

 

“น่ารัก”

 

“มิแรนดาซัง”

 

“ค่ะ”

 

ในขณะที่รับคำติเตือนจากน็อกซ์เบลซังว่าเสียงรั่วออกไปอีกแล้ว ข้าก็รับตัวฮิเมะและพาลงจากรถม้า

ข้าสัมผัสได้ถึงความน่ารักและความกลัวผ่านมือที่จับกันแน่น ยังคงกลัวฝูงชนอยู่สินะ

ว่าแล้ว เหตุการณ์ในวันนั้นคงจะไม่ลืมได้ง่ายๆ

 

“ดิฉันจะนำม้าไปฝากให้นะคะ”

 

“ไม่ ไม่เป็นไร ข้าจะไปเอง ข้าอยากให้เบลล์กับมิแรนดาเป็นคนดูแลอริซ”

 

“แต่ว่า……ไม่สิ เข้าใจแล้วค่ะ ฮัททีเรียซามะ”

 

“อ้า ข้าจะรีบกลับมา รออยู่แถวๆนี้ก่อนแล้วกัน”

 

ต้องขอบคุณฮัททีเรียซามะที่กำลังเดินไปที่คอกม้าพร้อมม้าทั้งสองตัว ข้ามองกลับมาที่ฮิเมะ

 

ใบหน้าเล็กๆที่แม้จะดูมีความกลัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็มองไปรอบๆด้วยท่าทางแปลกๆ และมีความอยากรู้อยากเห็นปรากฎให้เห็น

 

“ฮิเมะ มีอะไรที่สนใจเป็นพิเศษไหมคะ?”

 

“เยอะ”

 

“ถ้าไม่รังเกียจ ข้าจะเป็นคนนำทางเอง!”

 

ข้ารู้สึกเหมือนโดนน็อกซ์เบลซังเหลือบมองรุนแรง

ข้าขอโทษ แต่มาก่อนได้ก่อน ข้าจะเป็นคนนำทางฮิเมะในเมืองเอง!

ข้าไม่รู้ว่าน็อกซ์เบลซังรู้เรื่องเมืองหลวงมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยสำหรับทางหลวงลำดับที่หนึ่ง ข้ามั่นใจว่าตัวเองรู้ละเอียดกว่าแน่นอน

หลังจากที่ข้าต้องเดินเตร่ฆ่าเวลาอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งสัปดาห์

 

“อือ…….งั้น นั้นคือ?”

 

ร้านแรกที่ฮิเมะชี้นิ้วไปคือ ร้านขายแก้วประเภทต่างๆตั้งแต่แบบใสไปจนถึงแบบสีระดับไฮเอนด์ ข้าแน่ใจว่าที่ฮิเมะสนใจของที่ขายที่ร้านนั้นเป็นเพราะเป็นของที่เหมือนกับที่เธอเคยเห็นที่โบสถ์ของมาเรียนา

 

“นั่นร้านแก้วค่ะ ฮิเมะ”

 

“ร้านแก้ว”

 

“ค่ะ ข้าไม่เคยเข้าไปหรอกนะคะ เพราะข้างในไม่ใช่ของที่ข้าจะมีเงินพอที่จะสามารถซื้อได้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและมักจะมีข้ารับใช้ของชนชั้นสูงและนักเวทย์แวะเวียนมาเสมอ”

 

“งั้นเหรอ สวย”

 

“ค่ะ สวยมาก”

 

แน่นอนว่ากระจกสีที่แสดงอยู่หน้าร้านนั้นสวยงามมากเมื่อต้องแสงแดด แต่เหนือสิ่งอื่นใดใบหน้าของเจ้าหญิงที่หลงใหลนั้นช่างงดงาม

 

“สวยมากจริงๆ”

 

“……มิร่า?”

 

“อะไรรึคะ ฮิเมะ”

 

“นั่น……หน้าฉัน ไม่ใช่”

 

“ขอประทานอภัยด้วยค่ะ”

 

ดูเหมือนน็อกซ์เบลซังอาจจะยอมแพ้เรื่องการเป็นผู้นำทางฮิเมะไปแล้ว เธอถอยไปเฝ้าดูอยู่ข้างหลังหนึ่งก้าวขณะที่ให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างไปด้วย บางทีอาจไม่ใช่แค่ฮิเมะคนเดียวที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

สำหรับข้าแล้ว มือข้างที่ถนัดของข้ามีอิสระพร้อมที่จะดึงดาบที่เอวออกมาอยู่เสมอ

 

“มิร่า มิร่า นั้นล่ะ?”

 

“นั่นคือร้านเสื้อผ้าสำหรับชนชั้นสูงค่ะ แต่สำหรับฮิเมะไม่ว่าจะชุดไหนๆก็ดูดีค่ะ”

 

ฮิเมะชื้นิ้วอีกครั้งขณะดึงมือของข้า คราวนี้ดูเหมือนจะสนใจร้านที่มีชุดเดรสตั้งเรียงรายอยู่

แต่ละท่าทางเหมือนกับการกระตุกสายแห่งจิตวิญญาณของข้าทีละเส้นทีละเส้น ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าอดทนอย่างเต็มที่ที่คงไว้ซึ่งเหตุผลและหน้าตาที่ใกล้แตกสลายเต็มที บอกตามตรงว่าข้าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

 

“แบบไหนดีที่สุด?”

 

“นั้นสินะคะ ชุดที่มีดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ประดับอยู่นั่นเป็นยังไงคะ”

 

ฮิเมะจ้องมองชุดเดรสที่ข้าชี้ใกล้ๆ และใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย

 

“……ระ เหรอ?”

 

“คุฟู๊ว…….”

 

ข้ากรอกตาขึ้นอย่างกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขและเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างน่าขนลุกโดยไม่ได้ตั้งใจ

นั้นเพราะชุดที่ข้าชี้มีเปิดเผยร่างกายเป็นอย่างมากตั้งแต่แผ่นหลังจนถึงสีข้าง ข้าแค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่ด้วยสิ่งนี้จะช่วยเปิดเผยร่างกายชวนกระตุ้นความลามกของฮิเมะออกมา

 

“มิร่าซัง”

 

“ค่ะ”

 

เมื่อมองย้อนกลับไปที่น็อกซ์เบลซัง เธอก็มีรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าที่ทำให้อากาศรอบข้างเย็นยะเยือก ข้าทำได้แต่ยืนตัวตรงขอโทษและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ……….ไม่ควรทำเกินไปเลยจริงๆ

ตอนนี้ หากข้าเปิดปากของตัวเอง ความรักที่ข้ามีให้แก่ฮิเมะคงพรั่งพรูออกมาจนควบคุมไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจอยู่เงียบๆอย่างเศร้าๆไปสักพัก

 

“ดิฉันคิดว่าชุดเดรสสีชมพูนั่นเหมาะกับอริซซามะที่สุดเลยค่ะ”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ค่ะ ชุดมีริบบิ้นกับจีบเยอะแยะเลย ดิฉันมั่นใจว่าอริซซามะต้องใส่ชุดนั้นแล้วน่ารักที่สุดในโลกแน่นอนค่ะ”

 

ถัดจากนั้นน็อกซ์เบลซังก็เลือกชุดที่มีการตกแต่งที่สวยน่ารัก ไม่ดีแน่ ชุดของข้ากำลังจะพ่ายแพ้

ทันใดนั้นก็มีเด็กสาวที่ข้ามั่นใจว่าเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าร้านและชำเลืองมองชุดนั้นก่อนเดินผ่านไปอย่างเสียดาย แม้จะไม่ดูดีเท่าฮิเมะ แต่เธอก็มีใบหน้าที่ครบครันจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่สวยมากกว่าน่ารัก และแน่นอนว่าดูไม่เหมาะในชุดนั้น

ฮิเมะรู้สึกเขินอายอีกครั้ง กับคำชมที่เลือกมาอย่างเป็นธรรมชาติและเจือปนรสนิยมส่วนตัว

 

“อะ ขอบคุณ เบลล์”

 

“――――กู๊ว……. !?”

 

“น็อกซ์เบลซัง”

 

“ค่ะ…….”

 

เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ใช่คนเดียวที่ต้องอดทนต่อการหลุดอย่างสุดชีวิต สุดยอดเมดที่สมบูรณ์แบบในอุดมคติที่ใครๆก็อิจฉาก็ดูเหมือนจะไร้ตัวตนต่อหน้าฮิเมะ

 

“ขอโทษที่ให้รอ ไปที่โรงเรียนกันเถ…….มีอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น?”

 

ฮิเมะซ่อนใบหน้าของเธอด้วยตุ๊กตา น็อกซ์เบลซังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ส่วนข้ากำลังหยิกแก้มตัวเอง ฮัททีเรียซามะที่กลับมาเอ่ยปากพูดก่อนจะชะงักไป

จากนั้นแต่ละคนก็เงียบด้วยเหตุผลของตัวเองจนกระทั่งพวกเราไปถึงจุดหมายปลายทาง นั่นคือ Royal Capital Academy

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 38 เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 18 ความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าแต่เด็ดเดี่ยว

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 38 เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 18 ความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าแต่เด็ดเดี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 ความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าแต่เด็ดเดี่ยว

 

“อุ๊ก”

 

“…..ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ?”

 

“……..ไหว”

 

ฉันออกจากคฤหาสน์มาพร้อมกับคุณพ่อและเบลล์ซัง ตอนนี้พวกเราอยู่ในรถม้าที่ไปยืมมาจากค่ายอัศวินลิลลี่ขาวทันทีหลังจากออกมาจากมาเรียนา พวกเขาไม่เพียงแต่ให้ยืมม้าเท่านั้น แต่ยังให้ยืมรถม้าด้วย บางทีอาจเป็นเพราะ ความเป็นชนชั้นขุนนางของคุณพ่อ หรืออาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษ

ในตอนแรกคุณพ่อกับเบลล์ซังจะขี่ม้ากันเอง โดยที่คุณพ่อจะเป็นคนขนกระเป๋าเดินทาง และให้ฉันนั่งไปกับเบลล์ซัง ดูเหมือนพวกเขาจะวางแผนมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงกันแบบนั้น ส่วนฉันก็จะได้เรียนรู้ทักษะการขี่ม้าไปด้วย

แต่เมื่อฉันได้อยู่ต่อหน้าม้าที่ฉันบอกอยากจะขี่ในสักวัน ฉันก็เกิดลังเลขึ้นมา ม้าตัวจริงดูน่าเกรงขามกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก หากโดนเหยียบหรือโดนเตะในจังหวะที่ไม่คาดคิด ฉันคงกลายเป็นเนื้อบดโดยไม่ต้องสงสัย

แล้วในตอนที่ฉันกำลังกลัว จนเกือบจะบอกยอมแพ้ คำพูดของพี่สาวอัศวินที่ว่าจะให้ยืมรถม้าด้วยก็กลายเป็นแสงที่สาดเข้ามาในความสิ้นหวังของฉัน

ในระหว่างที่คุณพ่อกับเบลล์ซังกำลังสับสน ฉันก็ขึ้นรถม้าพร้อมกระเป๋าเดินทางด้วยความยินดี

………..ทุกอย่างดูดีจนกระทั่ง

 

“อุก……”

 

“วะ ว่าแล้ว จะมานั่งทางนี้ไหมคะ? อริซซามะ”

 

เบลล์ซังที่กำลังนั่งคล่อมม้าสีน้ำตาลที่ทำหน้าที่ลากรถอยู่หันกลับมามองถามจนผมไซด์เทลส่ายไปมา

คุณพ่อที่นำหน้าอยู่ก็ดูจะเป็นห่วงฉันเช่นกันจึงดึงเชือกชะลอม้าลงมา

 

“อือออ……ม๊ายเป็นร๊าย”

 

“อย่างงั้นเหรอคะ…….ตอนนี้ก็เกือบจะถึงเมืองใกล้ๆแล้ว กรุณารีบบอกดิฉันทันทีที่รู้สึกไม่ดีด้วยนะคะ”

 

“อืม”

 

ฉันเป็นพวกดื้อรันแบบครึ่งๆกลางๆ ฉันมีความมุ่งมั่นลึกลับที่ต้องการให้เบลล์ซังขี่ต่อไปอย่างเชื่อฟัง แม้ฉันจะถูกเขย่าอยู่บนรถม้าจนไปถึงเมืองหลวงก็ตาม

ความมุ่งมั่นนั้น ตอนแรกก็เป็นเพราะความกลัวที่จะต้องขี่ม้า

แต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันยังคงยึดติดอย่างดื้อรั้นอยู่

ในขณะพยายามหันเหความสนใจจากการสั่นของรถม้าเพื่อไม่ให้เมาหนัก ฉันก็นึกถึงสัญญา

 

“…..ครั้งแรก กับท่านป้อ”

 

…..ใช่แล้ว การขี่ม้าครั้งแรก ฉันต้องการที่จะทำตามสัญญาในครั้งก่อนที่จะขี่ม้าของคุณพ่อด้วยกันกับเบลล์ซัง

 

“อุก……”

 

“อะ อริซซามะ”

 

ไม่ไหว รถม้านี่ไม่ใช่ของสำหรับให้คนมานั่งตั้งแต่แรกแล้ว เดิมทีมีไว้สำหรับการขนส่งสินค้า ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งบนกล่องไม้ขนาดใหญ่ที่มาวางบนโครงเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ได้มีการคำนึงถึงความสะดวกสบายในการขับขี่

อาจจะดีกว่านี้เล็กน้อยหากเป็นคนที่นั่งเป็นประจำ แต่รถม้าก็สั่นเกินกว่าที่คาดไว้ ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความคุ้นเคย

 

“เขย่า”

 

กุกกัก กุกกัก กุกกัก กุกกัก กุกกัก เสียงล้อเตะก้อนกรวด วิ่งไปบนถนนขรุขระ ความรู้สึกทั้งหมดส่งผลโดยตรงต่อร่างกาย การสั่นสะเทือนนี้เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเมา และหากอยู่นานๆเข้าก็อาจทำให้อาการเจ็บหลังแย่เอาได้

ยังไงก็ตามการขี่ม้าเองก็ดูเหมือนว่าร่างกายก็ต้องรับภาระจากการเคลื่อนไหวแนวตั้งขึ้นลงเหมือนกัน เบลล์ซังกับคุณพ่อน่าจะรู้อยู่แล้ว เพราะงั้นหากอาการบาดเจ็บของฉันยังไม่หายดี ทั้งสองคนคงไม่ยอมให้ฉันได้ไปที่เมืองหลวงตอนนี้

 

“ขอบคุณอายาเมะ …….ใช่แล้ว”

 

เมื่อฉันนึกถึงอายาเมะ แน่นอนว่าเพราะยังไม่ได้รับการดูแลเลยยังทำให้ไม่นุ่มฟู แต่ก็ยังให้ความรู้สึกดียามกอด ถ้าสั่นมากนักก็ต้องหาอะไรสักอย่างที่นุ่มๆมาใช้เป็นเบาะรองนั่ง

 

“นุ่มนิ่ม นุ่มนิ่ม”

 

ฉันกวาดสายตาไปรอบๆกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่รอบตัว มองหาสิ่งที่น่าจะใช้ได้

อย่างไรก็ตามสัมภาระส่วนใหญ่เป็นอาหารและเครื่องดื่ม ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีวัฒนธรรมการนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนในระหว่างการเดินทาง และแทบจะไม่มีของใช้จากผ้าเลย ของที่ดูจะใช้ได้มากที่สุดคือหญ้าที่ใช้เป็นอาหารม้า แต่นั้นเป็นของสำหรับเหล่าม้าที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อพวกเรา ฉันรู้สึกอายเกินกว่าที่จะเอามาใช้

 

ของอย่างอื่น มีอะไรอีกไหม

ท้ายที่สุดแล้วฉันคงต้องทนแรงสั่นสะเทือนต่อไปอย่างนั้นสินะ

 

เมื่อฉันกำลังจะล้มเลิกลงกลางคัน ฉันก็รู้สึกตัว

วัตถุนุ่มๆบางอย่างที่ฉันกอดอยู่

ฉันมองดูของนุ่มฟูสีขาวที่ใหญ่ประมาณครึ่งตัวของฉันอย่างรวดเร็ว

 

――――“ ใช้ผมสิ ”

 

ฉันรู้สึกว่าดวงตากลมโตสีดำพูดแบบนั้นอย่างแน่นอน

 

” ―――― คู่หู……. !”

 

ไม่ ไม่สิ แต่ว่า…….

ถ้าทำแบบนั้น คู่หูจะต้องมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ถึงจะไม่ทำให้ขาด แต่การโดนกดทับด้วยน้ำหนักของคนหนึ่งคนที่ถึงแม้จะยังเป็นเด็กก็แย่แล้ว นี่ยังไม่รวมถึงการสั่นสะเทือนของรถม้าที่รุนแรง การโดนทับก็แทบจะเรียกว่านรกได้เลย

เหนือสิ่งอื่นใด การต้องเหยียบย่ำคู่หูที่อยู่มาด้วยกันตลอดก็เป็นความเจ็บปวดที่สุด

 

“คุ”

 

…..แต่ แต่ถึงอย่างนั้น แต่ว่า

ฉันต้องทำตามสัญญา

ฉันต้องเอาชนะสถานการณ์นี้ และมี “ ครั้งแรก ” บนม้าของคุณพ่อกับเบลล์ซัง!

 

คู่หู

ฉันทนต่อน้ำตา และมองไปที่เขา

ไม่ต้องกังวล ปากของเขาวาดเป็นวงโค้งอย่างห้าวหาญ …….ฉันรู้สึกได้

 

“……คู่หู”

 

“ ปล่อยให้หน้าที่ของผมเอง”เขาพูดแบบนั้น …….ฉันรู้สึกได้

ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ

ฉันอยู่เพื่อภารกิจของฉัน ได้โปรดให้ฉันใช้เป็นหินเพื่อก้าวเดินทีนะคู่หู

 

“ฉันจะไม่มีวันลืมคุณ”

 

ไม่แน่นอน ฉันจะไม่มีวันลืมเรื่องในวันนี้

เพื่อความฝัน เพื่อคำสัญญา เพื่อเพื่อนร่วมทางที่เสียสละตัวเอง……… !

ฉันเช็ดดวงตาที่ชุ่มชื้น ฉัน……คู่หู

 

” ―――― อริซซามะคะ!มองเห็นไหมคะ? นั้นคือวาล์วล่า เมืองใกล้เคียงของมาเรียนาค่ะ!”

 

คู่หู

 

“เอ๊ะ”

 

เมื่อฉันยกสายตาขึ้นในทันใด ทิวทัษน์ของเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่ามาเรียนาหลายเท่าก็ปรากฎเข้ามา

ในที่สุดฉันก็รู้ตัวว่าพวกเรามาถึงจุดพักแล้วด้วยความรู้สึกที่ล่าช้าไปเป็นเวลาหลายสิบวินาที ฉันรีบอุ้มคู่หูกำลังจะวางลงกลับมาที่อกทันที

 

“………..เอ๊ะ”

 

“อริซซามะ?”

 

ท้ายที่สุดฉันก็ได้เข้าไปในเมืองในขณะที่ยังคงมีความมุ่งมั่นที่น่าเศร้าเรื่องโง่ๆตกค้างอยู่ แล้วคุณพ่อที่เอาใจใส่ก็ซื้อพรมนุ่มๆให้กับฉัน จากนั้นช่วงเวลาประมาณสามวันในการเดินทางไปยังเมืองหลวง ฉันก็ไม่ต้องกังวลกับการสั่นสะเทือนอีก

 

 

“ฮิเมะะะะะะะ!!”

 

“วะ ว้าๆๆ”

 

ข้าได้มารอต้อนรับขบวนเดินทางของฮิเมะที่หน้าทางเข้าของประตูเมืองหลวง ทางหลวงลำดับที่หนึ่งตามคำสั่ง เมื่อข้ายืนยันการปรากฎตัวของฮิเมะได้เป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์ ข้าก็วิ่งเข้าไปหาด้วยเสียงที่แทบจะกรีดร้องโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบข้าง

ด้วยเหตุผลบางอย่างฮิเมะกำลังโดนแกว่งไปมาอยู่ในรถม้าพร้อมกระเป๋าเดินทาง แล้วฮิเมะที่กำลังกอดตุ๊กตาสัวต์อยู่ก็ประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงของข้า เมื่อข้าโบกมือให้ก็ทำเพียงมองกลับมาในท่าทางสงบเสงี่ยม

แม้เพียงเท่านั้นก็ยังทำให้ข้ารู้สึกว่าความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมาได้รับการตอบแทนแล้ว

 

“อ้า มิแรนดา ขอโทษด้วยที่ติดต่อมาอย่างกะทันหัน”

 

“ไม่เป็นหรอกค่ะ ฮัททีเรียซามะ โชคดีที่ท่านแม่ลาบริกซ์ได้ช่วยรองรับค่าใช้จ่ายตลอดห้าวันให้ค่ะ!”

 

ด้วยการใช้ชีวิตอย่างประหยัดเป็นเวลาห้าวัน และเมื่อตกลงในความสิ้นหวังและความกระวนกระวาย ข้าก็จะอ่านจดหมายที่ได้รับมา ข้าก็จะกลับมายิ้มได้เสมอ เมื่อได้ฟังฮัททีเรียซามะก็ผงะไปเล็กน้อยราวกับรู้สึกตัวขึ้นมา

 

“…….ขอโทษด้วย”

 

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนจะรู้สึกขอโทษจริงๆ ข้าก็ลดอารมณ์ลง ฮัททีเรียซามะเป็นเจ้านายของเจ้านายข้า ถึงแม้ข้าจะเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ที่ขึ้นตรงกับฮิเมะ แต่ข้าก็ต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตั้งแต่แรกหากข้านำเงินมาให้มากกว่านี้ก็จะไม่มีปัญหาให้ใครต้องกังวลแล้ว นอกนี้ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฮิเมะถูกโจมตีด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หากจะพลาดบางอย่างไปโดยไม่ได้ตั้งใจจากงานที่ยุ่งๆ

แต่ข้าก็รู้สึกโล่งใจที่เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในงานสำคัญของเขา

 

“ข้าล้อเล่นค่ะ แค่ได้เห็นใบหน้าของฮิเมะเช่นนี้ข้าก็รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ และเป็นข้าที่ควรจะนำมามากกว่านี้เอง”

 

ในขณะที่ข้าได้รับการเยี่ยวยาโดยฮิเมะที่ทันใดนั้นก็ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ข้ารู้สึกเหมือนใบหน้าของเธอที่ตึงและแข็งจะคลายลง……

 

“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยาก มิร่า”

 

“ฟุเฮะ”

 

ข้าตัวแข็งทื่อ

 

“มิร่า?”

 

“ไม่มีอะไรค่ะ อริซซามะ นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ได้โปรดอย่าใส่ใจเลยค่ะ”

 

“อะ อืม” 

 

น็อกซ์เบลซังกล่าวเสริมฮิเมะ ในขณะที่ในดวงตาของเธอมีสีสันแห่งความเข้าใจ พวกเรามองตาและพยักหน้าให้กันตามปกติ ข้ารู้สึกว่าฮิเมะดูไม่พอใจเล็กน้อย กำลังรู้สึกว่าโดนกันออกจากกลุ่มสินะคะ น่ารัก

 

“น่ารัก”

 

“มิแรนด้าซัง รั่วออกมาหมดแล้วค่ะ”

 

“……ห๊ะ!?”

 

“ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ”

 

“อะแฮ่ม ขอประทานโทษด้วยค่ะ ฮิเมะ แมม”

 

ข้าพยายามจัดการไม่ให้ตัวเองกรีดร้องเพราะความรักที่มีให้ต่อฮิเมะ ข้าก้มหน้าด้วยการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหวจนแม้แต่ตัวเองก็ต้องตะลึง

จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหาฮิเมะที่ความง่วงยังเอาชนะความสนใจต่อเมืองหลวงอยู่บนรถม้า ข้าคิดว่าอาจจะแปลกที่จะพูด แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป และข้าก็ได้พูดต้อนรับฮิเมะที่ยังคงสับสนอยู่

 

” ―――― ยินดีต้อนรับสู่เมืองหลวงค่ะ ฮิเมะ”

 

ในทันใดนั้น ข้าก็รู้สึกว่าดวงตาของฮิเมะเปร่งประกายออกมา

 

“สุดยอด!”

 

ฮัททีเรียซามะและน็อกซ์เบลลซังหัวเราะให้กับท่าทางของฮิเมะที่ตะโกนความประทับใจออกมาเสียงดังด้วยความไร้เดียงสา แม้แต่คนรอบข้างยังยิ้มให้ฮิเมะ

ฮิเมะสังเกตเห็นรอบๆ เธอจึงกลับไปกอดตุ๊กตาและซ่อนใบหน้าเอาไว้

 

“……….อู”

 

“น่ารัก”

 

“มิแรนดาซัง”

 

“ค่ะ”

 

ในขณะที่รับคำติเตือนจากน็อกซ์เบลซังว่าเสียงรั่วออกไปอีกแล้ว ข้าก็รับตัวฮิเมะและพาลงจากรถม้า

ข้าสัมผัสได้ถึงความน่ารักและความกลัวผ่านมือที่จับกันแน่น ยังคงกลัวฝูงชนอยู่สินะ

ว่าแล้ว เหตุการณ์ในวันนั้นคงจะไม่ลืมได้ง่ายๆ

 

“ดิฉันจะนำม้าไปฝากให้นะคะ”

 

“ไม่ ไม่เป็นไร ข้าจะไปเอง ข้าอยากให้เบลล์กับมิแรนดาเป็นคนดูแลอริซ”

 

“แต่ว่า……ไม่สิ เข้าใจแล้วค่ะ ฮัททีเรียซามะ”

 

“อ้า ข้าจะรีบกลับมา รออยู่แถวๆนี้ก่อนแล้วกัน”

 

ต้องขอบคุณฮัททีเรียซามะที่กำลังเดินไปที่คอกม้าพร้อมม้าทั้งสองตัว ข้ามองกลับมาที่ฮิเมะ

 

ใบหน้าเล็กๆที่แม้จะดูมีความกลัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ก็มองไปรอบๆด้วยท่าทางแปลกๆ และมีความอยากรู้อยากเห็นปรากฎให้เห็น

 

“ฮิเมะ มีอะไรที่สนใจเป็นพิเศษไหมคะ?”

 

“เยอะ”

 

“ถ้าไม่รังเกียจ ข้าจะเป็นคนนำทางเอง!”

 

ข้ารู้สึกเหมือนโดนน็อกซ์เบลซังเหลือบมองรุนแรง

ข้าขอโทษ แต่มาก่อนได้ก่อน ข้าจะเป็นคนนำทางฮิเมะในเมืองเอง!

ข้าไม่รู้ว่าน็อกซ์เบลซังรู้เรื่องเมืองหลวงมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยสำหรับทางหลวงลำดับที่หนึ่ง ข้ามั่นใจว่าตัวเองรู้ละเอียดกว่าแน่นอน

หลังจากที่ข้าต้องเดินเตร่ฆ่าเวลาอยู่ที่นี่ประมาณหนึ่งสัปดาห์

 

“อือ…….งั้น นั้นคือ?”

 

ร้านแรกที่ฮิเมะชี้นิ้วไปคือ ร้านขายแก้วประเภทต่างๆตั้งแต่แบบใสไปจนถึงแบบสีระดับไฮเอนด์ ข้าแน่ใจว่าที่ฮิเมะสนใจของที่ขายที่ร้านนั้นเป็นเพราะเป็นของที่เหมือนกับที่เธอเคยเห็นที่โบสถ์ของมาเรียนา

 

“นั่นร้านแก้วค่ะ ฮิเมะ”

 

“ร้านแก้ว”

 

“ค่ะ ข้าไม่เคยเข้าไปหรอกนะคะ เพราะข้างในไม่ใช่ของที่ข้าจะมีเงินพอที่จะสามารถซื้อได้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากและมักจะมีข้ารับใช้ของชนชั้นสูงและนักเวทย์แวะเวียนมาเสมอ”

 

“งั้นเหรอ สวย”

 

“ค่ะ สวยมาก”

 

แน่นอนว่ากระจกสีที่แสดงอยู่หน้าร้านนั้นสวยงามมากเมื่อต้องแสงแดด แต่เหนือสิ่งอื่นใดใบหน้าของเจ้าหญิงที่หลงใหลนั้นช่างงดงาม

 

“สวยมากจริงๆ”

 

“……มิร่า?”

 

“อะไรรึคะ ฮิเมะ”

 

“นั่น……หน้าฉัน ไม่ใช่”

 

“ขอประทานอภัยด้วยค่ะ”

 

ดูเหมือนน็อกซ์เบลซังอาจจะยอมแพ้เรื่องการเป็นผู้นำทางฮิเมะไปแล้ว เธอถอยไปเฝ้าดูอยู่ข้างหลังหนึ่งก้าวขณะที่ให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างไปด้วย บางทีอาจไม่ใช่แค่ฮิเมะคนเดียวที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

สำหรับข้าแล้ว มือข้างที่ถนัดของข้ามีอิสระพร้อมที่จะดึงดาบที่เอวออกมาอยู่เสมอ

 

“มิร่า มิร่า นั้นล่ะ?”

 

“นั่นคือร้านเสื้อผ้าสำหรับชนชั้นสูงค่ะ แต่สำหรับฮิเมะไม่ว่าจะชุดไหนๆก็ดูดีค่ะ”

 

ฮิเมะชื้นิ้วอีกครั้งขณะดึงมือของข้า คราวนี้ดูเหมือนจะสนใจร้านที่มีชุดเดรสตั้งเรียงรายอยู่

แต่ละท่าทางเหมือนกับการกระตุกสายแห่งจิตวิญญาณของข้าทีละเส้นทีละเส้น ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าอดทนอย่างเต็มที่ที่คงไว้ซึ่งเหตุผลและหน้าตาที่ใกล้แตกสลายเต็มที บอกตามตรงว่าข้าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

 

“แบบไหนดีที่สุด?”

 

“นั้นสินะคะ ชุดที่มีดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ประดับอยู่นั่นเป็นยังไงคะ”

 

ฮิเมะจ้องมองชุดเดรสที่ข้าชี้ใกล้ๆ และใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย

 

“……ระ เหรอ?”

 

“คุฟู๊ว…….”

 

ข้ากรอกตาขึ้นอย่างกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขและเงยหน้าขึ้นยิ้มอย่างน่าขนลุกโดยไม่ได้ตั้งใจ

นั้นเพราะชุดที่ข้าชี้มีเปิดเผยร่างกายเป็นอย่างมากตั้งแต่แผ่นหลังจนถึงสีข้าง ข้าแค่ทำตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่ด้วยสิ่งนี้จะช่วยเปิดเผยร่างกายชวนกระตุ้นความลามกของฮิเมะออกมา

 

“มิร่าซัง”

 

“ค่ะ”

 

เมื่อมองย้อนกลับไปที่น็อกซ์เบลซัง เธอก็มีรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าที่ทำให้อากาศรอบข้างเย็นยะเยือก ข้าทำได้แต่ยืนตัวตรงขอโทษและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ……….ไม่ควรทำเกินไปเลยจริงๆ

ตอนนี้ หากข้าเปิดปากของตัวเอง ความรักที่ข้ามีให้แก่ฮิเมะคงพรั่งพรูออกมาจนควบคุมไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจอยู่เงียบๆอย่างเศร้าๆไปสักพัก

 

“ดิฉันคิดว่าชุดเดรสสีชมพูนั่นเหมาะกับอริซซามะที่สุดเลยค่ะ”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ค่ะ ชุดมีริบบิ้นกับจีบเยอะแยะเลย ดิฉันมั่นใจว่าอริซซามะต้องใส่ชุดนั้นแล้วน่ารักที่สุดในโลกแน่นอนค่ะ”

 

ถัดจากนั้นน็อกซ์เบลซังก็เลือกชุดที่มีการตกแต่งที่สวยน่ารัก ไม่ดีแน่ ชุดของข้ากำลังจะพ่ายแพ้

ทันใดนั้นก็มีเด็กสาวที่ข้ามั่นใจว่าเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าร้านและชำเลืองมองชุดนั้นก่อนเดินผ่านไปอย่างเสียดาย แม้จะไม่ดูดีเท่าฮิเมะ แต่เธอก็มีใบหน้าที่ครบครันจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่สวยมากกว่าน่ารัก และแน่นอนว่าดูไม่เหมาะในชุดนั้น

ฮิเมะรู้สึกเขินอายอีกครั้ง กับคำชมที่เลือกมาอย่างเป็นธรรมชาติและเจือปนรสนิยมส่วนตัว

 

“อะ ขอบคุณ เบลล์”

 

“――――กู๊ว……. !?”

 

“น็อกซ์เบลซัง”

 

“ค่ะ…….”

 

เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ใช่คนเดียวที่ต้องอดทนต่อการหลุดอย่างสุดชีวิต สุดยอดเมดที่สมบูรณ์แบบในอุดมคติที่ใครๆก็อิจฉาก็ดูเหมือนจะไร้ตัวตนต่อหน้าฮิเมะ

 

“ขอโทษที่ให้รอ ไปที่โรงเรียนกันเถ…….มีอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น?”

 

ฮิเมะซ่อนใบหน้าของเธอด้วยตุ๊กตา น็อกซ์เบลซังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ส่วนข้ากำลังหยิกแก้มตัวเอง ฮัททีเรียซามะที่กลับมาเอ่ยปากพูดก่อนจะชะงักไป

จากนั้นแต่ละคนก็เงียบด้วยเหตุผลของตัวเองจนกระทั่งพวกเราไปถึงจุดหมายปลายทาง นั่นคือ Royal Capital Academy

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+