[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 2 ความตายที่สวนทางกัน

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 2 ความตายที่สวนทางกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2 ความตายที่สวนทางกัน

 

――― อริ….ซะ

 

ฉันได้ยินเสียงจากความมืดอันเลือนลาง

 

――― มะ…อริซซา……

 

……อ้า ฉันฝันถึงความฝันบางอย่าง

มันเป็นความฝันถึงวันที่ฉันเสียชีวิตในตอนที่กำลังจะเลิกงาน ฉันไม่ชอบมันจริง ๆ เลย เท่าที่ฉันจำได้ มันมีความสนุกไม่มากนั้น

เมื่อสิ้นสุดการถูกบังคับใช้แรงงาน ถึงตอนนั้นคุณอาจสามารถเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่อนคลาย ใช่แล้วละ ในสักวันนึง สังคมคอมมิวนิสต์ที่ใครบางคนเรียกร้องอาจจะเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ได้

ยังไงก็ตามชีวิตมนุษย์ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น หากคุณไม่ยอม”ก้มหัว”ก็ยากที่จะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ แต่มันก็พูดยาก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนดำเนินไปด้วยสิ่งที่ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล

มือจากแสงสีขาวบังคับช่วงชิงม่านหมอกแห่งความกังวลจนอันตรธานหายไป ผมที่ยืดยาวของฉันถูกดึงไปที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะถูกหวีแปรงเบาๆ กรุ้งกริ้ง​ เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นในตอนเช้าให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ

 

“――― ซามะ อริซซามะ กรุณาตื่นได้แล้วค่ะ ได้เวลาทานอาหารแล้วนะคะ”

 

ดื่มด่ำกับแสงตะวันที่อบอุ่นเป็นประกาย แล้วลืมตาขึ้นช้า ๆ มันอบอุ่นมาก ๆ ใบหน้าที่บึ้งตึงจากความฝันที่ฉันไม่สามารถพูดถึงได้ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นใบหน้าที่โล่งใจในไม่ช้า

เพราะเมื่อฉันตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เห็นมันไม่ใช่เพดานเหล็กสนิมเกาะ แต่เป็นเบลล์ซังที่มีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่ ในตอนเช้าจะมีความสุขขนาดไหนหากตื่นมาแล้วได้พบกับใครบางคนแบบนี้

ใช่แล้วละ แต่เบลล์ซัง ได้โปรดหยุดเปิดกระโปรงและตรวจผ้าอ้อมของฉันที วันนี้ฉันไม่ได้ฉี่ราดหรอกนะ …..วันนี้น่ะนะ ฮื่อ หยุดเถอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตของฉันสุดๆเลยน้า~~

 

“อารุณ….สาหวัด….”

 

“ค่ะ อรุณสวัสดิ์นะคะ อริซซามะ”

 

ฉันขยี้ตาที่ยังลืมไม่เต็มตื่น และกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น ฉันซ่อนความอายด้วยการกอดตุ๊กตาแล้วฝังใบหน้าลงไปซ่อนไว้

จะบอกว่าดูยังไงฉันก็เป็นเด็กอย่างสมบูรณ์แบบงั้นเหรอ มันเป็นการรอบคอบเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าฉันกำลังทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่สมกับวัยเด็ก ฉันจึงต้องทำตัวให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไว้ ยิ่งไปกว่านั้น “ฮิๆๆ” กับเบลล์ซังที่หลุดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขออกมา ฉันไม่อยากให้เธอได้รับรู้เรื่องพวกนั้นด้วย

หลังจากที่เบลล์ซังทำทุกอย่างเสร็จโดยไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อฉันที่กอดคุณหมีอยู่แน่น เธอก็นั่งลงที่ปลายเตียงแล้วเอือมมือไปยกถาดที่มีจานวางอยู่จากโต๊ะข้างๆ มาวางไว้ข้างหมอนของฉัน

 

“สำหรับอาหารเช้าวันนี้ มีแอปเปิ้ลที่อริซซามะชอบทานเตรียมเอาไว้ด้วยล่ะค่ะ”

 

ชอบที่สุดเลยยยยย มันวิเศษมากที่ได้กินผลไม้สด ๆ ในโลกก่อนมันเป็นสินค้าที่หายากมาก ๆ แต่ช่างโลกเก่ามันไปเถอะ~~~

แอปเปิ้ลถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีซุปผักหนึ่งชามและขนมปังหนึ่งชิ้น เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไม่อ่อนแรง

 

“อืมมม อื้มมม….”

 

ฉันค่อย ๆ นั่งดูดดื่มกับบรรยากาศช้า ๆ รู้สึกเลยว่าตรงนั้นกำลังโตขึ้นแล้ว แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านมาลูบไล้แก้มอย่างอ่อนโยน รู้สึกดีจริงๆเลย “ฟู่” ด้วยความอ่อนเพลียทำให้ฉันเผลอถอนหายใจออกไป ในที่สุดหัวของฉันก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้เลย

 

“ยังคง เห็นฝันร้ายอยู่ยังงั้นเหรอคะ”

 

เอ๊ะ อืม ไม่สิ ก็ไม่ใช่ฝันดีละนะ แต่….นี่ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมสีหน้าบึ้งตึงที่เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงทำเรื่องที่ไม่ดีลงไปซะแล้วสิ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่การที่ทำสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่อุตสามาปลุก มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี 

ฉันพยายามยิ้มที่มีความหมายเป็นการปฏิเสธ

 

“….เช่นนั้นเหรอคะ ถ้าเช่นนั้น หากรู้สึกเหงา กรุณาเรียกหาดิฉันด้วยเถอะนะคะ?”

 

ยังไงก็ตามเสียงของเบลล์ซังที่กำลังหวีผมให้ฉันเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เธอต้องกำลังเข้าผิดบางอย่างอยู่แน่นอน

ดูก่อนสิ ฉันตั้งใจพยายามเป็น “เด็กดีที่ไม่จำเป็นต้องดูแลให้มาก” ที่สังคมทั้งหลายชื่นชอบ อืมมม หรือว่าบางทีในโลกนี้อาจจะมีช่องว่างด้านสามัญสำนึกบางอย่างที่แตกต่างจากโลกก่อนของฉัน

 

“กะ-กรุณารีบทานอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวซุปจะเย็นเกินไปซะก่อน”

 

“ก๊า”

 

พูดถึงเรื่องนี้ ฉันไม่เคยมีความคิดว่าน้ำซุปที่เสิร์ฟมาร้อนเกินไปเลยสักครั้ง ทุกครั้งมาเสิร์ฟจะมีอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ คงเพราะตอนนี้ฉันเป็นขุนนางชั้นสูง นี่อาจเป็นเรื่องธรรมดาๆอยู่แล้วก็ได้ แต่ถ้ามันเย็นลงไปซะก่อน ฉันก็ต้องขอโทษคนที่ทำมันขึ้นมาด้วย

ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการขอบคุณ แต่สักวันนึงฉันก็อยากจะตอบแทนเบลล์ซัง

 

“ขอบ….คุณ”

 

(“เจอ…แม่” ที่เบลล์เข้าใจ)

“อ้า อริซซามะ ได้โปรดอย่ากล่าวเรื่องที่โศกเศร้าเช่นนี้เลย ดิฉันไม่ว่าเมื่อใด ดิฉันก็จะคิดถึงอริซซามะเสมอ”

(TL. ตรงนี้โลลิพยายามจะพูดขอบคุณ “ありがと” แต่เพราะลิ้นยังไม่แข็งพูดยังไม่ชัด กับเบลล์กำลังมโนถึงอาการขาดความอบอุ่นของโลลิ คำที่ได้ยินเลยเพี้ยนไปเป็น “会(あ)い” ที่แปลว่า “เจอ/พบ” “がと ก็กลายเป็น かあ ที่สื่อถึงแม่”)

 

ฉันรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง แต่ว่าช่างมันเถอะ ยัไงไงก็ตาม ฉันขอพูดตามตรงเลยว่า ฉันคิดถึงความสวยของเบลล์ซังตลอดเวลา แม้ว่าฉันจะพยายยามทำให้ตัวเองเข้าใจว่ามันมีความหมายแตกต่างจากเรื่องนั้น แต่ว่าใจฉันก็เต้นตึกตัก ๆ อยู่ดี

ในตอนนี้ไม่มีวิธีที่จะยืนยันได้เลยว่าแก้มของฉันกำลังแดงอยู่รึเปล่า แต่มือที่แตะโดนหน้าอกโดยไม่ตั้งใจก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นดังเหมือนเสียงระฆัง ฉันจะปล่อยให้มันดังไปถึงหูของเบลล์ซังไม่ได้ ไม่อย่างงั้นมันคงทำให้เธอเจ็บปวด เป็นกังวล และฉันคงจะอายเอามาก ๆ

 

“อริซซามะ….. ไม่เป็นหรอกค่ะ ไม่เป็นไร….”

 

“ฟุ เอ๊ะ!?”

 

ไหล่ฉันกระเด้งทันทีที่ถูกกอดโดยไม่คาดคิด เสียงร้องของฉันที่หลุดออกมามันเสียงสูงกว่าที่คิด

คำว่าไม่เป็นไรนั้นมันหมายถึงเรื่องอะไรกัน แล้วยิ่งเพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไรอีกฝั่งเลย นั้นหมายความว่าฉันไม่รู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ

….ว่าแล้วเชียว ใหญ่สุด ๆ เลย แถมนุ่มสุด ๆ ด้วย กุเฮะ ๆ คราวนี้ฉันต้องพยายามข่มอารมณ์ในใจในอีกแง่หนึ่งแทน

 

“อริซซามะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรอกนะคะ ดิฉันจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ นอกจากนี้ ฮัททีเรียซามะ…..ท่านพ่อของอริซซามะจะสามารถฟื้นตัวได้ในไม่ช้าแน่นอนค่ะ”

 

“ฟื้น..ตัว?”

 

“อึก….! ไม่มีอะไรค่ะ ใช่แล้ว งานในปัจจุบันของนายท่านใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ในไม่ช้านายท่านต้องมาพบกับอริซซามะแน่นอนค่ะ”

 

หลังหลุดปากพูดบางสิ่งบางอย่าง เบลล์ซังก็แสดงสีหน้าท่าทีโศกเศร้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลบตาไป น่าสงสัย… อ้อ เข้าใจแล้ว คงปักหลักทำงานล่วงเวลามากไปเลยต้องพักฟื้นสินะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ฉันเดาว่าทำอะไรผิดพลาดครั้งใหญ่ในที่ทำงาน ดังนั้นตอนนี้ ก็เลยกำลังพยายามสะสางงานอยู่สินะ

ถ้าอย่างนั้นแน่นอนเลยว่าการจะออกมาเพื่อพบหน้าลูกตามอำเภอใจย่อมทำไม่ได้ ทำถูกแล้วละ การที่ชนชั้นสูงต้องอยู่ทำงานขนาดนี้ มันต้องเป็นโครงการที่ใหญ่มากแน่ ๆ ยิ่งสัดส่วนของจำนวนแรงงานมาก การจัดการข้อผิดพลาดก็ยุ่งยากและใช้เวลามากขึ้น

ในชีวิตการทำงานชาติก่อน ถ้าทำงานล้มเหลวก็จะถูกลงโทษด้วยการหักเงินเดือน และจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะถูกยกเลิกการลงโทษ หากคุณไม่สามารถวางแผนจัดการกับงานหนักที่ต้องเผชิญได้ คุณจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก มันเป็นสามัญสำนึกเลยละ

ฉันไม่คิดว่าจะมีเรื่องอย่างนั้นในโลกนี้ ไม่สิ ฉันไม่ควรจะคิดแบบนี้ เพราะไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไงมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าทั้งสองโลกจะมีโครงสร้างทางสังคมที่คล้ายกัน

ม๊า มาคิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ฉันจะทำงานอะไรก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้นแหละ แต่ถึงอย่างงั้นฉันก็เข้าใจถึงความรู้สึกและความรุนแรงของเรื่องพวกนั้นเป็นอย่างดี ดูเหมือนชีวิตขุนนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นกัน ฉันยังคงต้องเรียนรู้โดยการสังเกต”พวกเขา”ของชาติก่อนต่อไป

ฉันเข้าใจแล้วว่าพ่อของฉันกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ แล้วแม่ของฉันละ อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันไหมนะ?

อืมอืม ฉันส่งเสียงพร้อมพยักหน้าเพื่อรวบรวมสมาธิ ไม่เป็นไร มันเป็นงานก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ก็คงต้องทำตามที่เบลล์ซังว่าไปก่อน

 

“ช่วย…ไม่ได้”

 

” ――― อ้า~~! อริซซามะ….. ยังไงดี ยังไงดี”

(TL “しかたない” ถ้าพูดแบบติดกันก็จะแปลว่า”ช่วยไม่ได้” แต่อริซที่ยังพูดไม่แข็งเลยเว้นช่วงพูด+อารมณ์ทื่อๆ ความหมายที่ได้ยินเลยเป็นตัวโดดๆแทน “しかた วิธี” กับ “ない ไม่” )

 

ในวินาทีนั้นที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ใช้มือทั้งสองปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้จนน้ำตาไหลริน

…เอ๊ะ นี่มันอะไรกันนะ ฉันต้องการใครสักคนที่จะบอกได้ว่านี่มันคือสถานการณ์อะไรกันแน่ ภายใจฉันปันป่วนไปหมดแล้ว ฉันจำไม่ได้เลยนะว่าฉันจะพูดอะไรที่ทำให้เธอร้องไห้อย่างงี้

 

“ขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ… !อย่างที่อริซซามะคิด อลิเซียซามะไม่นานหลังจากที่ให้กำเนิดอริซซามะแล้วนายหญิงก็ได้จากไปค่ะ ฮัททีเรียซามะได้ปิดกั้นตัวเองและเซื่องซึมถึงความตายครั้งนั้น เรื่องแบบนี้นะ กับลูกสาว ถึงอริซซามะจะอายุเกินสี่ขวบก็ไม่ควรบอก แต่ว่า แต่ดิฉันทนเงียบมานานไปแล้ววววววว”

 

“………….เอ๊ะ..”

 

งานไม่ได้ยุ่งหรอกเหรอ ไม่สิ ม๊า ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกนะ สายไปแล้วที่จะบอกว่าไม่มี แน่นอนว่าฉันก็เคยๆคิดอยู่เหมือนกัน

ฉันเชื่อในสิ่งที่เบลล์ซังพูดมา ไม่มีเหตุผลที่ต้องไม่เชื่อ แต่ ….งั้นเหรอ

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ฉันไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของแม่ผู้ให้กำเนิดฉันในโลกนี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยได้ยินเสียงเธอเลย แม้จะจดจำใบหน้าของเธอไม่ได้ แต่แม่ก็คือแม่ละ

 

“งั้น….เหรอ”

 

ใจของฉันรู้สึกเศร้าหมองและหดหู่ นี่ถ้าฉันได้รู้จักใบหน้าและเสียงของแม่ ฉันจะร้องไห้ให้เธอตอนนี้รึเปล่านะ

แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกเสียใจหรืออะไร ฉันก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพียงแต่มันเป็นรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น หากจะเปรียบเทียบก็เช่น หากคุณเห็นเพื่อนร่วมงานของคุณล้มลงและถูกพาออกไป คุณจะรู้สึกยังไง ไม่สิ มันแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะครั้งนี้ฉันไม่รู้สึกว่าจะมีวิกฤตเกิดขึ้นกับตัวฉันเองในสักวันหนึ่ง

พ่อที่ยังเซืองซึมของฉันก็เหมือนกัน คงต้องบอกมันช่วยไม่ได้ละนะ เพราะการปล่อยให้เหล่าคนรับใช้เป็นผู้เลี้ยงดูฉันด้วยไม่เคยมาดูแลเองแม้แต่น้อย ก็ย่อมไม่มีความรู้สึกใดก่อเกิด

แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเป็นพิเศษอะไร เพราะฉันสามารถใช้ชีวิตของฉันได้อย่างมีความสุขแล้ว ฉันกลับค่อนข้างรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาด้วยซ้ำ

และเข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นที่บอกว่ากำลังฟื้นตัว ในมุมมองของเบลล์ซังแล้วคือการหลุดปากอย่างไม่น่าให้อภัยตนเองสินะ 

การพูดคุยทั้งหมดที่ผ่านมาฉันถูกปิดบังซ่อนไม่ให้รู้จนถึงตอนนี้ เบลล์ซังเองก็คงหัวใจสลายเหมือนกันที่ทำอะไรไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่คฤหาสน์นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่ไม่มีทางเลยที่เธอจะไม่รู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่

ฉันเฝ้ามองเบลล์ซังที่ร้องไห้ด้วยสายตาแห่งความเข้าใจและเห็นใจ

 

“แต่ แต่ว่า…. !อริซซามะเป็นที่รักอย่างแน่นอนค่ะ!ทั้งจากอลิเซียซามะ จากฮัททีเรียซามะ และเหนืออื่นใดจากดิฉันเอง!เพราะอย่างงั้น เพราะอย่างงั้น…..”

 

“อืม อืม”

 

ขอบคุณที่เหนื่อยยากนะ เด็กดี เด็กดี แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดออกไป สิ่งที่ฉันทำได้มีแค่เพียงการรับฟังเสียงร้องไห้ครวญครางของเธอ ―――

 

“――― เพราะอย่างงั้น กรุณาอย่าแสดงดวงตาที่โศกเศร้าหมดหวังเช่นนี้เลย ได้โปรดอย่าทำ…… “

 

――― แค่รับมือ….หืม?

 

“เอ๊ะ”

 

“ได้โปรดอย่าปิดหัวใจของท่านเลย ขอร้องเถอะนะคะ ดิฉันอยากเห็นรอยยิ้มในยามที่ท่านทานอาหารจานโปรด และก็ๆ ดิฉันอยากเห็นท่านนอนหลับกอดตุ๊กตาอย่างไร้เดียงสา นอกจากนี้ ดิฉันอยากอ่านหนังสือภาพให้ท่านตลอดไป……ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรด…”

 

“เอ๊ะ……”

 

ด้วยเหตุผลนี้ฉันก็ถูกเบลล์ซังที่มีแววตาเศร้า ๆ กอดเข้าอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้กอดแน่นสุด ๆ เลย…ใหญ่ คุ….ไม่ใช่สิ

ในสมองของฉันสับสนอย่างสิ้นเชิง ฉันเผ้ามองเบลล์ซังที่ยังคงร้องไห้ปลดปล่อยอารมณ์หลังขอร้องให้ฉันรักษาจิตใจเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันพยายามที่จะสรุปข้อมูลดู แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย

ฉันพยายามคิดตามมุมมองของเธอดูเพื่อหาข้อสรุป แต่ก็ยังไม่ได้อะไรอยู่ดี อย่างแรกฉันควรรีบบอกเธอว่าฉันสบายดี ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดๆไปเลย

 

“ม๊ายเป็น、รัย”

 

“อ้า อริซซามะ อริซซามะ…………..”

 

เมื่อฉันแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติพร้อมยิ้มให้เล็ก ๆ ฉันกลับถูกกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม กุเอะ ฉันเผลอร้องเสียงเหมือนกบที่ถูกทุบ แต่ เบลล์ซังอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงเจ็บคอหรืออะไรบางอย่าง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว ฉันสวมกอดเธอแล้วลูบหลังอย่างอ่อนโยน

ใช่แล้ว ไม่เป็นไรแล้วละ มันค่อนข้างทำให้เขินนิดหน่อย และฉันอยากให้เธอตระหนักว่าฉันไม่เป็นไรและจะไม่ยอมแพ้แน่นอน

 

“ตามที่คาดการณ์ไว้ ฮัททีเรียซามะจะสามารถฟื้นตัวกลับมาในเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ ดิฉัน จะบอกอริซซามะเช่นนี้ค่ะ”

 

“อะ อืม….”

 

ถ้ากำลังเศร้าอยู่ก็ช่วยทำอะไร ๆ ให้เบา ๆ กว่านี้ทีเถอะนะ ฉันขอร้อง แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเธอเลย นี่เธอไม่คิดว่าตัวเธอเองก็กำลังหิวโหยความรักอยู่เหมือนกันรึไงนะ

 

“……ดิฉันต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ ที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบง่ำตนเองมากขนาดนี้ แต่ว่าคำพูดต่อจากนี้ของดิฉัน เป็นคำพูดจากใจ เป็นความรู้สึกที่แท้จริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดิฉันรักท่านค่ะ อริซซามะ”

 

“ฉะ ฉันก็เหมือน…..กัน”

(TL. แค่ตอนสองก็สารภาพรักกันแล้วววววว)

 

เพราะว่าถูกกอดเอาไว้อย่างแรง ทำให้ฉันเผลอตอบรับกลับไป แต่เพราะฉันรู้ตัวดีว่าคำสารภาพรักของตัวเองเป็นแค่ของปลอม เสียงฉันจึงแผ่วเบาหายไปในคำท้ายๆ คิดดูแล้วหน้าของฉันต้องกำลังเป็นสีแดงอยู่แน่ ๆ ดวงตาของฉันก็น้ำตาคลอเหมือนกัน ไม่ ไม่ได้มีความหมายในแง่เดียวกันหรอกนะ ถ้าฉันยังมีสติดีอยู่ ฉันก็คงรีบหยุดก่อนที่ทุกอย่างจะย้อนกลับมาไม่ได้แบบนี้

(TL. โดนโลลิหลอกกันแล้วววววว ฮา)

แต่ว่า ม๊า เอาเถอะเห็นเบลล์ซังยิ้มอย่างมีความสุขได้แบบนี้ ก็คงดีแล้วละ

 

“ต้องให้มาเจอเรื่องเช่นนี้ ทั้งๆที่พึ่งตื่นนอนแบบนี้ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆค่ะ”

 

“ม๊ายเป็น、รัย”

 

“… ซุปนั้นคงเย็นมากแล้ว อริซซามะต้องการเปลี่ยนหรือเปล่าคะ?”

 

นอกจากตาของเบลล์ซังที่บวมกว่าปกติเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรแปลกไป ไม่สิ เธอถามด้วยเสียงที่สูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ดูท่าอาการบางอย่างจะดีขึ้นแล้ว สำหรับฉันมันค่อนข้างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างจบลงด้วยความรู้สึกรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจแล้วยังไงละ

สำหรับตอนนี้ ได้เวลาจัดการซุปที่ถูกปล่อยให้รอมานานแล้ว มากินกันเถอะ ฉันใช้ท่าทางในการตอบคำถามที่เบลล์ซังรอคำตอบอยู่ ฉันใช้ช้อนบนถาดตักน้ำซุปเข้าปากตัวเอง

อร่อย ฉันดีใจจริง ๆ ที่มันไม่หกไปซะก่อน เพราะการกอดอันร้อนแรงของเบลล์ซังทำให้เตียงสั่นค่อนข้างแรงเลย ถ้าพลาดไปละก็หัวเตียงคงได้เปียกไปหมดแน่ ๆ

 

“อร่อย、ล่ะ?”

 

“อริซซามะ….ไม่สิ คือว่า ได้โปรดให้ดิฉันยืมช้อนสักครู่ได้ไหมคะ? ให้ดิฉันได้ทำ อ้า~~ม ด้วยเถอค่ะ”

 

“….กะ”

 

ฉันสับสนนิดหน่อย แต่ก็ยื่นช้อนให้เธอ ถ้าฉันปฏิเสธเธอตอนนี้ แน่ใจได้เลยว่าเบลล์ซังต้องเสียใจมากแน่ๆ ฉันไม่อยากเห็นดวงตาที่โศกเศร้าของเธอ ฉันจะต้องไม่ทำให้เธอลำบากใจ ฉันชอบเสียงหัวเราะของเธอที่สุดเลย

 

“เอาละค่ะ、อริซซามะ?  อ้า~~ม…..”

 

“อะ、อ้า~~ม….”

 

ลิ้มรสชาติของซุปเย็น ๆ ในขณะที่อดทนต่อความอายไปด้วย แต่ถึงจะแค่เล็กน้อย มันอบอุ่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 2 ความตายที่สวนทางกัน

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 2 ความตายที่สวนทางกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2 ความตายที่สวนทางกัน

 

――― อริ….ซะ

 

ฉันได้ยินเสียงจากความมืดอันเลือนลาง

 

――― มะ…อริซซา……

 

……อ้า ฉันฝันถึงความฝันบางอย่าง

มันเป็นความฝันถึงวันที่ฉันเสียชีวิตในตอนที่กำลังจะเลิกงาน ฉันไม่ชอบมันจริง ๆ เลย เท่าที่ฉันจำได้ มันมีความสนุกไม่มากนั้น

เมื่อสิ้นสุดการถูกบังคับใช้แรงงาน ถึงตอนนั้นคุณอาจสามารถเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่อนคลาย ใช่แล้วละ ในสักวันนึง สังคมคอมมิวนิสต์ที่ใครบางคนเรียกร้องอาจจะเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ได้

ยังไงก็ตามชีวิตมนุษย์ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น หากคุณไม่ยอม”ก้มหัว”ก็ยากที่จะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ แต่มันก็พูดยาก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนดำเนินไปด้วยสิ่งที่ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล

มือจากแสงสีขาวบังคับช่วงชิงม่านหมอกแห่งความกังวลจนอันตรธานหายไป ผมที่ยืดยาวของฉันถูกดึงไปที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะถูกหวีแปรงเบาๆ กรุ้งกริ้ง​ เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นในตอนเช้าให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ

 

“――― ซามะ อริซซามะ กรุณาตื่นได้แล้วค่ะ ได้เวลาทานอาหารแล้วนะคะ”

 

ดื่มด่ำกับแสงตะวันที่อบอุ่นเป็นประกาย แล้วลืมตาขึ้นช้า ๆ มันอบอุ่นมาก ๆ ใบหน้าที่บึ้งตึงจากความฝันที่ฉันไม่สามารถพูดถึงได้ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นใบหน้าที่โล่งใจในไม่ช้า

เพราะเมื่อฉันตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เห็นมันไม่ใช่เพดานเหล็กสนิมเกาะ แต่เป็นเบลล์ซังที่มีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่ ในตอนเช้าจะมีความสุขขนาดไหนหากตื่นมาแล้วได้พบกับใครบางคนแบบนี้

ใช่แล้วละ แต่เบลล์ซัง ได้โปรดหยุดเปิดกระโปรงและตรวจผ้าอ้อมของฉันที วันนี้ฉันไม่ได้ฉี่ราดหรอกนะ …..วันนี้น่ะนะ ฮื่อ หยุดเถอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตของฉันสุดๆเลยน้า~~

 

“อารุณ….สาหวัด….”

 

“ค่ะ อรุณสวัสดิ์นะคะ อริซซามะ”

 

ฉันขยี้ตาที่ยังลืมไม่เต็มตื่น และกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น ฉันซ่อนความอายด้วยการกอดตุ๊กตาแล้วฝังใบหน้าลงไปซ่อนไว้

จะบอกว่าดูยังไงฉันก็เป็นเด็กอย่างสมบูรณ์แบบงั้นเหรอ มันเป็นการรอบคอบเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าฉันกำลังทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่สมกับวัยเด็ก ฉันจึงต้องทำตัวให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไว้ ยิ่งไปกว่านั้น “ฮิๆๆ” กับเบลล์ซังที่หลุดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขออกมา ฉันไม่อยากให้เธอได้รับรู้เรื่องพวกนั้นด้วย

หลังจากที่เบลล์ซังทำทุกอย่างเสร็จโดยไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อฉันที่กอดคุณหมีอยู่แน่น เธอก็นั่งลงที่ปลายเตียงแล้วเอือมมือไปยกถาดที่มีจานวางอยู่จากโต๊ะข้างๆ มาวางไว้ข้างหมอนของฉัน

 

“สำหรับอาหารเช้าวันนี้ มีแอปเปิ้ลที่อริซซามะชอบทานเตรียมเอาไว้ด้วยล่ะค่ะ”

 

ชอบที่สุดเลยยยยย มันวิเศษมากที่ได้กินผลไม้สด ๆ ในโลกก่อนมันเป็นสินค้าที่หายากมาก ๆ แต่ช่างโลกเก่ามันไปเถอะ~~~

แอปเปิ้ลถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีซุปผักหนึ่งชามและขนมปังหนึ่งชิ้น เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไม่อ่อนแรง

 

“อืมมม อื้มมม….”

 

ฉันค่อย ๆ นั่งดูดดื่มกับบรรยากาศช้า ๆ รู้สึกเลยว่าตรงนั้นกำลังโตขึ้นแล้ว แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านมาลูบไล้แก้มอย่างอ่อนโยน รู้สึกดีจริงๆเลย “ฟู่” ด้วยความอ่อนเพลียทำให้ฉันเผลอถอนหายใจออกไป ในที่สุดหัวของฉันก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้เลย

 

“ยังคง เห็นฝันร้ายอยู่ยังงั้นเหรอคะ”

 

เอ๊ะ อืม ไม่สิ ก็ไม่ใช่ฝันดีละนะ แต่….นี่ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมสีหน้าบึ้งตึงที่เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงทำเรื่องที่ไม่ดีลงไปซะแล้วสิ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่การที่ทำสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่อุตสามาปลุก มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี 

ฉันพยายามยิ้มที่มีความหมายเป็นการปฏิเสธ

 

“….เช่นนั้นเหรอคะ ถ้าเช่นนั้น หากรู้สึกเหงา กรุณาเรียกหาดิฉันด้วยเถอะนะคะ?”

 

ยังไงก็ตามเสียงของเบลล์ซังที่กำลังหวีผมให้ฉันเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เธอต้องกำลังเข้าผิดบางอย่างอยู่แน่นอน

ดูก่อนสิ ฉันตั้งใจพยายามเป็น “เด็กดีที่ไม่จำเป็นต้องดูแลให้มาก” ที่สังคมทั้งหลายชื่นชอบ อืมมม หรือว่าบางทีในโลกนี้อาจจะมีช่องว่างด้านสามัญสำนึกบางอย่างที่แตกต่างจากโลกก่อนของฉัน

 

“กะ-กรุณารีบทานอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวซุปจะเย็นเกินไปซะก่อน”

 

“ก๊า”

 

พูดถึงเรื่องนี้ ฉันไม่เคยมีความคิดว่าน้ำซุปที่เสิร์ฟมาร้อนเกินไปเลยสักครั้ง ทุกครั้งมาเสิร์ฟจะมีอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ คงเพราะตอนนี้ฉันเป็นขุนนางชั้นสูง นี่อาจเป็นเรื่องธรรมดาๆอยู่แล้วก็ได้ แต่ถ้ามันเย็นลงไปซะก่อน ฉันก็ต้องขอโทษคนที่ทำมันขึ้นมาด้วย

ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการขอบคุณ แต่สักวันนึงฉันก็อยากจะตอบแทนเบลล์ซัง

 

“ขอบ….คุณ”

 

(“เจอ…แม่” ที่เบลล์เข้าใจ)

“อ้า อริซซามะ ได้โปรดอย่ากล่าวเรื่องที่โศกเศร้าเช่นนี้เลย ดิฉันไม่ว่าเมื่อใด ดิฉันก็จะคิดถึงอริซซามะเสมอ”

(TL. ตรงนี้โลลิพยายามจะพูดขอบคุณ “ありがと” แต่เพราะลิ้นยังไม่แข็งพูดยังไม่ชัด กับเบลล์กำลังมโนถึงอาการขาดความอบอุ่นของโลลิ คำที่ได้ยินเลยเพี้ยนไปเป็น “会(あ)い” ที่แปลว่า “เจอ/พบ” “がと ก็กลายเป็น かあ ที่สื่อถึงแม่”)

 

ฉันรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง แต่ว่าช่างมันเถอะ ยัไงไงก็ตาม ฉันขอพูดตามตรงเลยว่า ฉันคิดถึงความสวยของเบลล์ซังตลอดเวลา แม้ว่าฉันจะพยายยามทำให้ตัวเองเข้าใจว่ามันมีความหมายแตกต่างจากเรื่องนั้น แต่ว่าใจฉันก็เต้นตึกตัก ๆ อยู่ดี

ในตอนนี้ไม่มีวิธีที่จะยืนยันได้เลยว่าแก้มของฉันกำลังแดงอยู่รึเปล่า แต่มือที่แตะโดนหน้าอกโดยไม่ตั้งใจก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นดังเหมือนเสียงระฆัง ฉันจะปล่อยให้มันดังไปถึงหูของเบลล์ซังไม่ได้ ไม่อย่างงั้นมันคงทำให้เธอเจ็บปวด เป็นกังวล และฉันคงจะอายเอามาก ๆ

 

“อริซซามะ….. ไม่เป็นหรอกค่ะ ไม่เป็นไร….”

 

“ฟุ เอ๊ะ!?”

 

ไหล่ฉันกระเด้งทันทีที่ถูกกอดโดยไม่คาดคิด เสียงร้องของฉันที่หลุดออกมามันเสียงสูงกว่าที่คิด

คำว่าไม่เป็นไรนั้นมันหมายถึงเรื่องอะไรกัน แล้วยิ่งเพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไรอีกฝั่งเลย นั้นหมายความว่าฉันไม่รู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ

….ว่าแล้วเชียว ใหญ่สุด ๆ เลย แถมนุ่มสุด ๆ ด้วย กุเฮะ ๆ คราวนี้ฉันต้องพยายามข่มอารมณ์ในใจในอีกแง่หนึ่งแทน

 

“อริซซามะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรอกนะคะ ดิฉันจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ นอกจากนี้ ฮัททีเรียซามะ…..ท่านพ่อของอริซซามะจะสามารถฟื้นตัวได้ในไม่ช้าแน่นอนค่ะ”

 

“ฟื้น..ตัว?”

 

“อึก….! ไม่มีอะไรค่ะ ใช่แล้ว งานในปัจจุบันของนายท่านใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ในไม่ช้านายท่านต้องมาพบกับอริซซามะแน่นอนค่ะ”

 

หลังหลุดปากพูดบางสิ่งบางอย่าง เบลล์ซังก็แสดงสีหน้าท่าทีโศกเศร้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลบตาไป น่าสงสัย… อ้อ เข้าใจแล้ว คงปักหลักทำงานล่วงเวลามากไปเลยต้องพักฟื้นสินะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ฉันเดาว่าทำอะไรผิดพลาดครั้งใหญ่ในที่ทำงาน ดังนั้นตอนนี้ ก็เลยกำลังพยายามสะสางงานอยู่สินะ

ถ้าอย่างนั้นแน่นอนเลยว่าการจะออกมาเพื่อพบหน้าลูกตามอำเภอใจย่อมทำไม่ได้ ทำถูกแล้วละ การที่ชนชั้นสูงต้องอยู่ทำงานขนาดนี้ มันต้องเป็นโครงการที่ใหญ่มากแน่ ๆ ยิ่งสัดส่วนของจำนวนแรงงานมาก การจัดการข้อผิดพลาดก็ยุ่งยากและใช้เวลามากขึ้น

ในชีวิตการทำงานชาติก่อน ถ้าทำงานล้มเหลวก็จะถูกลงโทษด้วยการหักเงินเดือน และจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะถูกยกเลิกการลงโทษ หากคุณไม่สามารถวางแผนจัดการกับงานหนักที่ต้องเผชิญได้ คุณจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก มันเป็นสามัญสำนึกเลยละ

ฉันไม่คิดว่าจะมีเรื่องอย่างนั้นในโลกนี้ ไม่สิ ฉันไม่ควรจะคิดแบบนี้ เพราะไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไงมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าทั้งสองโลกจะมีโครงสร้างทางสังคมที่คล้ายกัน

ม๊า มาคิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ฉันจะทำงานอะไรก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้นแหละ แต่ถึงอย่างงั้นฉันก็เข้าใจถึงความรู้สึกและความรุนแรงของเรื่องพวกนั้นเป็นอย่างดี ดูเหมือนชีวิตขุนนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นกัน ฉันยังคงต้องเรียนรู้โดยการสังเกต”พวกเขา”ของชาติก่อนต่อไป

ฉันเข้าใจแล้วว่าพ่อของฉันกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ แล้วแม่ของฉันละ อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันไหมนะ?

อืมอืม ฉันส่งเสียงพร้อมพยักหน้าเพื่อรวบรวมสมาธิ ไม่เป็นไร มันเป็นงานก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ก็คงต้องทำตามที่เบลล์ซังว่าไปก่อน

 

“ช่วย…ไม่ได้”

 

” ――― อ้า~~! อริซซามะ….. ยังไงดี ยังไงดี”

(TL “しかたない” ถ้าพูดแบบติดกันก็จะแปลว่า”ช่วยไม่ได้” แต่อริซที่ยังพูดไม่แข็งเลยเว้นช่วงพูด+อารมณ์ทื่อๆ ความหมายที่ได้ยินเลยเป็นตัวโดดๆแทน “しかた วิธี” กับ “ない ไม่” )

 

ในวินาทีนั้นที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ใช้มือทั้งสองปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้จนน้ำตาไหลริน

…เอ๊ะ นี่มันอะไรกันนะ ฉันต้องการใครสักคนที่จะบอกได้ว่านี่มันคือสถานการณ์อะไรกันแน่ ภายใจฉันปันป่วนไปหมดแล้ว ฉันจำไม่ได้เลยนะว่าฉันจะพูดอะไรที่ทำให้เธอร้องไห้อย่างงี้

 

“ขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ… !อย่างที่อริซซามะคิด อลิเซียซามะไม่นานหลังจากที่ให้กำเนิดอริซซามะแล้วนายหญิงก็ได้จากไปค่ะ ฮัททีเรียซามะได้ปิดกั้นตัวเองและเซื่องซึมถึงความตายครั้งนั้น เรื่องแบบนี้นะ กับลูกสาว ถึงอริซซามะจะอายุเกินสี่ขวบก็ไม่ควรบอก แต่ว่า แต่ดิฉันทนเงียบมานานไปแล้ววววววว”

 

“………….เอ๊ะ..”

 

งานไม่ได้ยุ่งหรอกเหรอ ไม่สิ ม๊า ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกนะ สายไปแล้วที่จะบอกว่าไม่มี แน่นอนว่าฉันก็เคยๆคิดอยู่เหมือนกัน

ฉันเชื่อในสิ่งที่เบลล์ซังพูดมา ไม่มีเหตุผลที่ต้องไม่เชื่อ แต่ ….งั้นเหรอ

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ฉันไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของแม่ผู้ให้กำเนิดฉันในโลกนี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยได้ยินเสียงเธอเลย แม้จะจดจำใบหน้าของเธอไม่ได้ แต่แม่ก็คือแม่ละ

 

“งั้น….เหรอ”

 

ใจของฉันรู้สึกเศร้าหมองและหดหู่ นี่ถ้าฉันได้รู้จักใบหน้าและเสียงของแม่ ฉันจะร้องไห้ให้เธอตอนนี้รึเปล่านะ

แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกเสียใจหรืออะไร ฉันก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพียงแต่มันเป็นรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น หากจะเปรียบเทียบก็เช่น หากคุณเห็นเพื่อนร่วมงานของคุณล้มลงและถูกพาออกไป คุณจะรู้สึกยังไง ไม่สิ มันแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะครั้งนี้ฉันไม่รู้สึกว่าจะมีวิกฤตเกิดขึ้นกับตัวฉันเองในสักวันหนึ่ง

พ่อที่ยังเซืองซึมของฉันก็เหมือนกัน คงต้องบอกมันช่วยไม่ได้ละนะ เพราะการปล่อยให้เหล่าคนรับใช้เป็นผู้เลี้ยงดูฉันด้วยไม่เคยมาดูแลเองแม้แต่น้อย ก็ย่อมไม่มีความรู้สึกใดก่อเกิด

แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเป็นพิเศษอะไร เพราะฉันสามารถใช้ชีวิตของฉันได้อย่างมีความสุขแล้ว ฉันกลับค่อนข้างรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาด้วยซ้ำ

และเข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นที่บอกว่ากำลังฟื้นตัว ในมุมมองของเบลล์ซังแล้วคือการหลุดปากอย่างไม่น่าให้อภัยตนเองสินะ 

การพูดคุยทั้งหมดที่ผ่านมาฉันถูกปิดบังซ่อนไม่ให้รู้จนถึงตอนนี้ เบลล์ซังเองก็คงหัวใจสลายเหมือนกันที่ทำอะไรไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่คฤหาสน์นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่ไม่มีทางเลยที่เธอจะไม่รู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่

ฉันเฝ้ามองเบลล์ซังที่ร้องไห้ด้วยสายตาแห่งความเข้าใจและเห็นใจ

 

“แต่ แต่ว่า…. !อริซซามะเป็นที่รักอย่างแน่นอนค่ะ!ทั้งจากอลิเซียซามะ จากฮัททีเรียซามะ และเหนืออื่นใดจากดิฉันเอง!เพราะอย่างงั้น เพราะอย่างงั้น…..”

 

“อืม อืม”

 

ขอบคุณที่เหนื่อยยากนะ เด็กดี เด็กดี แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดออกไป สิ่งที่ฉันทำได้มีแค่เพียงการรับฟังเสียงร้องไห้ครวญครางของเธอ ―――

 

“――― เพราะอย่างงั้น กรุณาอย่าแสดงดวงตาที่โศกเศร้าหมดหวังเช่นนี้เลย ได้โปรดอย่าทำ…… “

 

――― แค่รับมือ….หืม?

 

“เอ๊ะ”

 

“ได้โปรดอย่าปิดหัวใจของท่านเลย ขอร้องเถอะนะคะ ดิฉันอยากเห็นรอยยิ้มในยามที่ท่านทานอาหารจานโปรด และก็ๆ ดิฉันอยากเห็นท่านนอนหลับกอดตุ๊กตาอย่างไร้เดียงสา นอกจากนี้ ดิฉันอยากอ่านหนังสือภาพให้ท่านตลอดไป……ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรด…”

 

“เอ๊ะ……”

 

ด้วยเหตุผลนี้ฉันก็ถูกเบลล์ซังที่มีแววตาเศร้า ๆ กอดเข้าอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้กอดแน่นสุด ๆ เลย…ใหญ่ คุ….ไม่ใช่สิ

ในสมองของฉันสับสนอย่างสิ้นเชิง ฉันเผ้ามองเบลล์ซังที่ยังคงร้องไห้ปลดปล่อยอารมณ์หลังขอร้องให้ฉันรักษาจิตใจเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันพยายามที่จะสรุปข้อมูลดู แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย

ฉันพยายามคิดตามมุมมองของเธอดูเพื่อหาข้อสรุป แต่ก็ยังไม่ได้อะไรอยู่ดี อย่างแรกฉันควรรีบบอกเธอว่าฉันสบายดี ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดๆไปเลย

 

“ม๊ายเป็น、รัย”

 

“อ้า อริซซามะ อริซซามะ…………..”

 

เมื่อฉันแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติพร้อมยิ้มให้เล็ก ๆ ฉันกลับถูกกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม กุเอะ ฉันเผลอร้องเสียงเหมือนกบที่ถูกทุบ แต่ เบลล์ซังอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงเจ็บคอหรืออะไรบางอย่าง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว ฉันสวมกอดเธอแล้วลูบหลังอย่างอ่อนโยน

ใช่แล้ว ไม่เป็นไรแล้วละ มันค่อนข้างทำให้เขินนิดหน่อย และฉันอยากให้เธอตระหนักว่าฉันไม่เป็นไรและจะไม่ยอมแพ้แน่นอน

 

“ตามที่คาดการณ์ไว้ ฮัททีเรียซามะจะสามารถฟื้นตัวกลับมาในเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ ดิฉัน จะบอกอริซซามะเช่นนี้ค่ะ”

 

“อะ อืม….”

 

ถ้ากำลังเศร้าอยู่ก็ช่วยทำอะไร ๆ ให้เบา ๆ กว่านี้ทีเถอะนะ ฉันขอร้อง แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเธอเลย นี่เธอไม่คิดว่าตัวเธอเองก็กำลังหิวโหยความรักอยู่เหมือนกันรึไงนะ

 

“……ดิฉันต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ ที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบง่ำตนเองมากขนาดนี้ แต่ว่าคำพูดต่อจากนี้ของดิฉัน เป็นคำพูดจากใจ เป็นความรู้สึกที่แท้จริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดิฉันรักท่านค่ะ อริซซามะ”

 

“ฉะ ฉันก็เหมือน…..กัน”

(TL. แค่ตอนสองก็สารภาพรักกันแล้วววววว)

 

เพราะว่าถูกกอดเอาไว้อย่างแรง ทำให้ฉันเผลอตอบรับกลับไป แต่เพราะฉันรู้ตัวดีว่าคำสารภาพรักของตัวเองเป็นแค่ของปลอม เสียงฉันจึงแผ่วเบาหายไปในคำท้ายๆ คิดดูแล้วหน้าของฉันต้องกำลังเป็นสีแดงอยู่แน่ ๆ ดวงตาของฉันก็น้ำตาคลอเหมือนกัน ไม่ ไม่ได้มีความหมายในแง่เดียวกันหรอกนะ ถ้าฉันยังมีสติดีอยู่ ฉันก็คงรีบหยุดก่อนที่ทุกอย่างจะย้อนกลับมาไม่ได้แบบนี้

(TL. โดนโลลิหลอกกันแล้วววววว ฮา)

แต่ว่า ม๊า เอาเถอะเห็นเบลล์ซังยิ้มอย่างมีความสุขได้แบบนี้ ก็คงดีแล้วละ

 

“ต้องให้มาเจอเรื่องเช่นนี้ ทั้งๆที่พึ่งตื่นนอนแบบนี้ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆค่ะ”

 

“ม๊ายเป็น、รัย”

 

“… ซุปนั้นคงเย็นมากแล้ว อริซซามะต้องการเปลี่ยนหรือเปล่าคะ?”

 

นอกจากตาของเบลล์ซังที่บวมกว่าปกติเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรแปลกไป ไม่สิ เธอถามด้วยเสียงที่สูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ดูท่าอาการบางอย่างจะดีขึ้นแล้ว สำหรับฉันมันค่อนข้างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างจบลงด้วยความรู้สึกรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจแล้วยังไงละ

สำหรับตอนนี้ ได้เวลาจัดการซุปที่ถูกปล่อยให้รอมานานแล้ว มากินกันเถอะ ฉันใช้ท่าทางในการตอบคำถามที่เบลล์ซังรอคำตอบอยู่ ฉันใช้ช้อนบนถาดตักน้ำซุปเข้าปากตัวเอง

อร่อย ฉันดีใจจริง ๆ ที่มันไม่หกไปซะก่อน เพราะการกอดอันร้อนแรงของเบลล์ซังทำให้เตียงสั่นค่อนข้างแรงเลย ถ้าพลาดไปละก็หัวเตียงคงได้เปียกไปหมดแน่ ๆ

 

“อร่อย、ล่ะ?”

 

“อริซซามะ….ไม่สิ คือว่า ได้โปรดให้ดิฉันยืมช้อนสักครู่ได้ไหมคะ? ให้ดิฉันได้ทำ อ้า~~ม ด้วยเถอค่ะ”

 

“….กะ”

 

ฉันสับสนนิดหน่อย แต่ก็ยื่นช้อนให้เธอ ถ้าฉันปฏิเสธเธอตอนนี้ แน่ใจได้เลยว่าเบลล์ซังต้องเสียใจมากแน่ๆ ฉันไม่อยากเห็นดวงตาที่โศกเศร้าของเธอ ฉันจะต้องไม่ทำให้เธอลำบากใจ ฉันชอบเสียงหัวเราะของเธอที่สุดเลย

 

“เอาละค่ะ、อริซซามะ?  อ้า~~ม…..”

 

“อะ、อ้า~~ม….”

 

ลิ้มรสชาติของซุปเย็น ๆ ในขณะที่อดทนต่อความอายไปด้วย แต่ถึงจะแค่เล็กน้อย มันอบอุ่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 2 ความตายที่สวนทางกัน

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 2 ความตายที่สวนทางกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2 ความตายที่สวนทางกัน

 

――― อริ….ซะ

 

ฉันได้ยินเสียงจากความมืดอันเลือนลาง

 

――― มะ…อริซซา……

 

……อ้า ฉันฝันถึงความฝันบางอย่าง

มันเป็นความฝันถึงวันที่ฉันเสียชีวิตในตอนที่กำลังจะเลิกงาน ฉันไม่ชอบมันจริง ๆ เลย เท่าที่ฉันจำได้ มันมีความสนุกไม่มากนั้น

เมื่อสิ้นสุดการถูกบังคับใช้แรงงาน ถึงตอนนั้นคุณอาจสามารถเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่อนคลาย ใช่แล้วละ ในสักวันนึง สังคมคอมมิวนิสต์ที่ใครบางคนเรียกร้องอาจจะเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ได้

ยังไงก็ตามชีวิตมนุษย์ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น หากคุณไม่ยอม”ก้มหัว”ก็ยากที่จะรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ แต่มันก็พูดยาก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนดำเนินไปด้วยสิ่งที่ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล

มือจากแสงสีขาวบังคับช่วงชิงม่านหมอกแห่งความกังวลจนอันตรธานหายไป ผมที่ยืดยาวของฉันถูกดึงไปที่ไหนสักแห่งก่อนที่จะถูกหวีแปรงเบาๆ กรุ้งกริ้ง​ เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นในตอนเช้าให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสงบ

 

“――― ซามะ อริซซามะ กรุณาตื่นได้แล้วค่ะ ได้เวลาทานอาหารแล้วนะคะ”

 

ดื่มด่ำกับแสงตะวันที่อบอุ่นเป็นประกาย แล้วลืมตาขึ้นช้า ๆ มันอบอุ่นมาก ๆ ใบหน้าที่บึ้งตึงจากความฝันที่ฉันไม่สามารถพูดถึงได้ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นใบหน้าที่โล่งใจในไม่ช้า

เพราะเมื่อฉันตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เห็นมันไม่ใช่เพดานเหล็กสนิมเกาะ แต่เป็นเบลล์ซังที่มีรอยยิ้มสดใสประดับอยู่ ในตอนเช้าจะมีความสุขขนาดไหนหากตื่นมาแล้วได้พบกับใครบางคนแบบนี้

ใช่แล้วละ แต่เบลล์ซัง ได้โปรดหยุดเปิดกระโปรงและตรวจผ้าอ้อมของฉันที วันนี้ฉันไม่ได้ฉี่ราดหรอกนะ …..วันนี้น่ะนะ ฮื่อ หยุดเถอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพจิตของฉันสุดๆเลยน้า~~

 

“อารุณ….สาหวัด….”

 

“ค่ะ อรุณสวัสดิ์นะคะ อริซซามะ”

 

ฉันขยี้ตาที่ยังลืมไม่เต็มตื่น และกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น ฉันซ่อนความอายด้วยการกอดตุ๊กตาแล้วฝังใบหน้าลงไปซ่อนไว้

จะบอกว่าดูยังไงฉันก็เป็นเด็กอย่างสมบูรณ์แบบงั้นเหรอ มันเป็นการรอบคอบเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าฉันกำลังทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่สมกับวัยเด็ก ฉันจึงต้องทำตัวให้น่ารักน่าเอ็นดูเข้าไว้ ยิ่งไปกว่านั้น “ฮิๆๆ” กับเบลล์ซังที่หลุดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขออกมา ฉันไม่อยากให้เธอได้รับรู้เรื่องพวกนั้นด้วย

หลังจากที่เบลล์ซังทำทุกอย่างเสร็จโดยไม่มีความเห็นอกเห็นใจต่อฉันที่กอดคุณหมีอยู่แน่น เธอก็นั่งลงที่ปลายเตียงแล้วเอือมมือไปยกถาดที่มีจานวางอยู่จากโต๊ะข้างๆ มาวางไว้ข้างหมอนของฉัน

 

“สำหรับอาหารเช้าวันนี้ มีแอปเปิ้ลที่อริซซามะชอบทานเตรียมเอาไว้ด้วยล่ะค่ะ”

 

ชอบที่สุดเลยยยยย มันวิเศษมากที่ได้กินผลไม้สด ๆ ในโลกก่อนมันเป็นสินค้าที่หายากมาก ๆ แต่ช่างโลกเก่ามันไปเถอะ~~~

แอปเปิ้ลถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีซุปผักหนึ่งชามและขนมปังหนึ่งชิ้น เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานไม่อ่อนแรง

 

“อืมมม อื้มมม….”

 

ฉันค่อย ๆ นั่งดูดดื่มกับบรรยากาศช้า ๆ รู้สึกเลยว่าตรงนั้นกำลังโตขึ้นแล้ว แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านมาลูบไล้แก้มอย่างอ่อนโยน รู้สึกดีจริงๆเลย “ฟู่” ด้วยความอ่อนเพลียทำให้ฉันเผลอถอนหายใจออกไป ในที่สุดหัวของฉันก็เริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้เลย

 

“ยังคง เห็นฝันร้ายอยู่ยังงั้นเหรอคะ”

 

เอ๊ะ อืม ไม่สิ ก็ไม่ใช่ฝันดีละนะ แต่….นี่ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมสีหน้าบึ้งตึงที่เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงทำเรื่องที่ไม่ดีลงไปซะแล้วสิ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่การที่ทำสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่อุตสามาปลุก มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี 

ฉันพยายามยิ้มที่มีความหมายเป็นการปฏิเสธ

 

“….เช่นนั้นเหรอคะ ถ้าเช่นนั้น หากรู้สึกเหงา กรุณาเรียกหาดิฉันด้วยเถอะนะคะ?”

 

ยังไงก็ตามเสียงของเบลล์ซังที่กำลังหวีผมให้ฉันเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เธอต้องกำลังเข้าผิดบางอย่างอยู่แน่นอน

ดูก่อนสิ ฉันตั้งใจพยายามเป็น “เด็กดีที่ไม่จำเป็นต้องดูแลให้มาก” ที่สังคมทั้งหลายชื่นชอบ อืมมม หรือว่าบางทีในโลกนี้อาจจะมีช่องว่างด้านสามัญสำนึกบางอย่างที่แตกต่างจากโลกก่อนของฉัน

 

“กะ-กรุณารีบทานอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวซุปจะเย็นเกินไปซะก่อน”

 

“ก๊า”

 

พูดถึงเรื่องนี้ ฉันไม่เคยมีความคิดว่าน้ำซุปที่เสิร์ฟมาร้อนเกินไปเลยสักครั้ง ทุกครั้งมาเสิร์ฟจะมีอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ คงเพราะตอนนี้ฉันเป็นขุนนางชั้นสูง นี่อาจเป็นเรื่องธรรมดาๆอยู่แล้วก็ได้ แต่ถ้ามันเย็นลงไปซะก่อน ฉันก็ต้องขอโทษคนที่ทำมันขึ้นมาด้วย

ตอนนี้ฉันไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการขอบคุณ แต่สักวันนึงฉันก็อยากจะตอบแทนเบลล์ซัง

 

“ขอบ….คุณ”

 

(“เจอ…แม่” ที่เบลล์เข้าใจ)

“อ้า อริซซามะ ได้โปรดอย่ากล่าวเรื่องที่โศกเศร้าเช่นนี้เลย ดิฉันไม่ว่าเมื่อใด ดิฉันก็จะคิดถึงอริซซามะเสมอ”

(TL. ตรงนี้โลลิพยายามจะพูดขอบคุณ “ありがと” แต่เพราะลิ้นยังไม่แข็งพูดยังไม่ชัด กับเบลล์กำลังมโนถึงอาการขาดความอบอุ่นของโลลิ คำที่ได้ยินเลยเพี้ยนไปเป็น “会(あ)い” ที่แปลว่า “เจอ/พบ” “がと ก็กลายเป็น かあ ที่สื่อถึงแม่”)

 

ฉันรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง แต่ว่าช่างมันเถอะ ยัไงไงก็ตาม ฉันขอพูดตามตรงเลยว่า ฉันคิดถึงความสวยของเบลล์ซังตลอดเวลา แม้ว่าฉันจะพยายยามทำให้ตัวเองเข้าใจว่ามันมีความหมายแตกต่างจากเรื่องนั้น แต่ว่าใจฉันก็เต้นตึกตัก ๆ อยู่ดี

ในตอนนี้ไม่มีวิธีที่จะยืนยันได้เลยว่าแก้มของฉันกำลังแดงอยู่รึเปล่า แต่มือที่แตะโดนหน้าอกโดยไม่ตั้งใจก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นดังเหมือนเสียงระฆัง ฉันจะปล่อยให้มันดังไปถึงหูของเบลล์ซังไม่ได้ ไม่อย่างงั้นมันคงทำให้เธอเจ็บปวด เป็นกังวล และฉันคงจะอายเอามาก ๆ

 

“อริซซามะ….. ไม่เป็นหรอกค่ะ ไม่เป็นไร….”

 

“ฟุ เอ๊ะ!?”

 

ไหล่ฉันกระเด้งทันทีที่ถูกกอดโดยไม่คาดคิด เสียงร้องของฉันที่หลุดออกมามันเสียงสูงกว่าที่คิด

คำว่าไม่เป็นไรนั้นมันหมายถึงเรื่องอะไรกัน แล้วยิ่งเพราะฉันยังไม่ได้ทำอะไรอีกฝั่งเลย นั้นหมายความว่าฉันไม่รู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ

….ว่าแล้วเชียว ใหญ่สุด ๆ เลย แถมนุ่มสุด ๆ ด้วย กุเฮะ ๆ คราวนี้ฉันต้องพยายามข่มอารมณ์ในใจในอีกแง่หนึ่งแทน

 

“อริซซามะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวหรอกนะคะ ดิฉันจะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ นอกจากนี้ ฮัททีเรียซามะ…..ท่านพ่อของอริซซามะจะสามารถฟื้นตัวได้ในไม่ช้าแน่นอนค่ะ”

 

“ฟื้น..ตัว?”

 

“อึก….! ไม่มีอะไรค่ะ ใช่แล้ว งานในปัจจุบันของนายท่านใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ในไม่ช้านายท่านต้องมาพบกับอริซซามะแน่นอนค่ะ”

 

หลังหลุดปากพูดบางสิ่งบางอย่าง เบลล์ซังก็แสดงสีหน้าท่าทีโศกเศร้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วหลบตาไป น่าสงสัย… อ้อ เข้าใจแล้ว คงปักหลักทำงานล่วงเวลามากไปเลยต้องพักฟื้นสินะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน ฉันเดาว่าทำอะไรผิดพลาดครั้งใหญ่ในที่ทำงาน ดังนั้นตอนนี้ ก็เลยกำลังพยายามสะสางงานอยู่สินะ

ถ้าอย่างนั้นแน่นอนเลยว่าการจะออกมาเพื่อพบหน้าลูกตามอำเภอใจย่อมทำไม่ได้ ทำถูกแล้วละ การที่ชนชั้นสูงต้องอยู่ทำงานขนาดนี้ มันต้องเป็นโครงการที่ใหญ่มากแน่ ๆ ยิ่งสัดส่วนของจำนวนแรงงานมาก การจัดการข้อผิดพลาดก็ยุ่งยากและใช้เวลามากขึ้น

ในชีวิตการทำงานชาติก่อน ถ้าทำงานล้มเหลวก็จะถูกลงโทษด้วยการหักเงินเดือน และจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะถูกยกเลิกการลงโทษ หากคุณไม่สามารถวางแผนจัดการกับงานหนักที่ต้องเผชิญได้ คุณจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานนัก มันเป็นสามัญสำนึกเลยละ

ฉันไม่คิดว่าจะมีเรื่องอย่างนั้นในโลกนี้ ไม่สิ ฉันไม่ควรจะคิดแบบนี้ เพราะไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไงมนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้าทั้งสองโลกจะมีโครงสร้างทางสังคมที่คล้ายกัน

ม๊า มาคิดมากไปก็เท่านั้น ตอนนี้ฉันจะทำงานอะไรก็เป็นเรื่องยากทั้งนั้นแหละ แต่ถึงอย่างงั้นฉันก็เข้าใจถึงความรู้สึกและความรุนแรงของเรื่องพวกนั้นเป็นอย่างดี ดูเหมือนชีวิตขุนนางก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเช่นกัน ฉันยังคงต้องเรียนรู้โดยการสังเกต”พวกเขา”ของชาติก่อนต่อไป

ฉันเข้าใจแล้วว่าพ่อของฉันกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้ แล้วแม่ของฉันละ อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันไหมนะ?

อืมอืม ฉันส่งเสียงพร้อมพยักหน้าเพื่อรวบรวมสมาธิ ไม่เป็นไร มันเป็นงานก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้ก็คงต้องทำตามที่เบลล์ซังว่าไปก่อน

 

“ช่วย…ไม่ได้”

 

” ――― อ้า~~! อริซซามะ….. ยังไงดี ยังไงดี”

(TL “しかたない” ถ้าพูดแบบติดกันก็จะแปลว่า”ช่วยไม่ได้” แต่อริซที่ยังพูดไม่แข็งเลยเว้นช่วงพูด+อารมณ์ทื่อๆ ความหมายที่ได้ยินเลยเป็นตัวโดดๆแทน “しかた วิธี” กับ “ない ไม่” )

 

ในวินาทีนั้นที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็ใช้มือทั้งสองปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้จนน้ำตาไหลริน

…เอ๊ะ นี่มันอะไรกันนะ ฉันต้องการใครสักคนที่จะบอกได้ว่านี่มันคือสถานการณ์อะไรกันแน่ ภายใจฉันปันป่วนไปหมดแล้ว ฉันจำไม่ได้เลยนะว่าฉันจะพูดอะไรที่ทำให้เธอร้องไห้อย่างงี้

 

“ขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ… !อย่างที่อริซซามะคิด อลิเซียซามะไม่นานหลังจากที่ให้กำเนิดอริซซามะแล้วนายหญิงก็ได้จากไปค่ะ ฮัททีเรียซามะได้ปิดกั้นตัวเองและเซื่องซึมถึงความตายครั้งนั้น เรื่องแบบนี้นะ กับลูกสาว ถึงอริซซามะจะอายุเกินสี่ขวบก็ไม่ควรบอก แต่ว่า แต่ดิฉันทนเงียบมานานไปแล้ววววววว”

 

“………….เอ๊ะ..”

 

งานไม่ได้ยุ่งหรอกเหรอ ไม่สิ ม๊า ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เคยคิดแบบนั้นหรอกนะ สายไปแล้วที่จะบอกว่าไม่มี แน่นอนว่าฉันก็เคยๆคิดอยู่เหมือนกัน

ฉันเชื่อในสิ่งที่เบลล์ซังพูดมา ไม่มีเหตุผลที่ต้องไม่เชื่อ แต่ ….งั้นเหรอ

เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ฉันไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของแม่ผู้ให้กำเนิดฉันในโลกนี้ แม้ว่าฉันจะไม่เคยได้ยินเสียงเธอเลย แม้จะจดจำใบหน้าของเธอไม่ได้ แต่แม่ก็คือแม่ละ

 

“งั้น….เหรอ”

 

ใจของฉันรู้สึกเศร้าหมองและหดหู่ นี่ถ้าฉันได้รู้จักใบหน้าและเสียงของแม่ ฉันจะร้องไห้ให้เธอตอนนี้รึเปล่านะ

แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้สึกเสียใจหรืออะไร ฉันก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เพียงแต่มันเป็นรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น หากจะเปรียบเทียบก็เช่น หากคุณเห็นเพื่อนร่วมงานของคุณล้มลงและถูกพาออกไป คุณจะรู้สึกยังไง ไม่สิ มันแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะครั้งนี้ฉันไม่รู้สึกว่าจะมีวิกฤตเกิดขึ้นกับตัวฉันเองในสักวันหนึ่ง

พ่อที่ยังเซืองซึมของฉันก็เหมือนกัน คงต้องบอกมันช่วยไม่ได้ละนะ เพราะการปล่อยให้เหล่าคนรับใช้เป็นผู้เลี้ยงดูฉันด้วยไม่เคยมาดูแลเองแม้แต่น้อย ก็ย่อมไม่มีความรู้สึกใดก่อเกิด

แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเป็นพิเศษอะไร เพราะฉันสามารถใช้ชีวิตของฉันได้อย่างมีความสุขแล้ว ฉันกลับค่อนข้างรู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาด้วยซ้ำ

และเข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นที่บอกว่ากำลังฟื้นตัว ในมุมมองของเบลล์ซังแล้วคือการหลุดปากอย่างไม่น่าให้อภัยตนเองสินะ 

การพูดคุยทั้งหมดที่ผ่านมาฉันถูกปิดบังซ่อนไม่ให้รู้จนถึงตอนนี้ เบลล์ซังเองก็คงหัวใจสลายเหมือนกันที่ทำอะไรไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเธอมาอยู่ที่คฤหาสน์นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่ไม่มีทางเลยที่เธอจะไม่รู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่

ฉันเฝ้ามองเบลล์ซังที่ร้องไห้ด้วยสายตาแห่งความเข้าใจและเห็นใจ

 

“แต่ แต่ว่า…. !อริซซามะเป็นที่รักอย่างแน่นอนค่ะ!ทั้งจากอลิเซียซามะ จากฮัททีเรียซามะ และเหนืออื่นใดจากดิฉันเอง!เพราะอย่างงั้น เพราะอย่างงั้น…..”

 

“อืม อืม”

 

ขอบคุณที่เหนื่อยยากนะ เด็กดี เด็กดี แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดออกไป สิ่งที่ฉันทำได้มีแค่เพียงการรับฟังเสียงร้องไห้ครวญครางของเธอ ―――

 

“――― เพราะอย่างงั้น กรุณาอย่าแสดงดวงตาที่โศกเศร้าหมดหวังเช่นนี้เลย ได้โปรดอย่าทำ…… “

 

――― แค่รับมือ….หืม?

 

“เอ๊ะ”

 

“ได้โปรดอย่าปิดหัวใจของท่านเลย ขอร้องเถอะนะคะ ดิฉันอยากเห็นรอยยิ้มในยามที่ท่านทานอาหารจานโปรด และก็ๆ ดิฉันอยากเห็นท่านนอนหลับกอดตุ๊กตาอย่างไร้เดียงสา นอกจากนี้ ดิฉันอยากอ่านหนังสือภาพให้ท่านตลอดไป……ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรด…”

 

“เอ๊ะ……”

 

ด้วยเหตุผลนี้ฉันก็ถูกเบลล์ซังที่มีแววตาเศร้า ๆ กอดเข้าอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้กอดแน่นสุด ๆ เลย…ใหญ่ คุ….ไม่ใช่สิ

ในสมองของฉันสับสนอย่างสิ้นเชิง ฉันเผ้ามองเบลล์ซังที่ยังคงร้องไห้ปลดปล่อยอารมณ์หลังขอร้องให้ฉันรักษาจิตใจเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันพยายามที่จะสรุปข้อมูลดู แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเลย

ฉันพยายามคิดตามมุมมองของเธอดูเพื่อหาข้อสรุป แต่ก็ยังไม่ได้อะไรอยู่ดี อย่างแรกฉันควรรีบบอกเธอว่าฉันสบายดี ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาพสมบูรณ์สุดๆไปเลย

 

“ม๊ายเป็น、รัย”

 

“อ้า อริซซามะ อริซซามะ…………..”

 

เมื่อฉันแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติพร้อมยิ้มให้เล็ก ๆ ฉันกลับถูกกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม กุเอะ ฉันเผลอร้องเสียงเหมือนกบที่ถูกทุบ แต่ เบลล์ซังอาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงเจ็บคอหรืออะไรบางอย่าง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว ฉันสวมกอดเธอแล้วลูบหลังอย่างอ่อนโยน

ใช่แล้ว ไม่เป็นไรแล้วละ มันค่อนข้างทำให้เขินนิดหน่อย และฉันอยากให้เธอตระหนักว่าฉันไม่เป็นไรและจะไม่ยอมแพ้แน่นอน

 

“ตามที่คาดการณ์ไว้ ฮัททีเรียซามะจะสามารถฟื้นตัวกลับมาในเร็ว ๆ นี้แน่นอนค่ะ ดิฉัน จะบอกอริซซามะเช่นนี้ค่ะ”

 

“อะ อืม….”

 

ถ้ากำลังเศร้าอยู่ก็ช่วยทำอะไร ๆ ให้เบา ๆ กว่านี้ทีเถอะนะ ฉันขอร้อง แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเธอเลย นี่เธอไม่คิดว่าตัวเธอเองก็กำลังหิวโหยความรักอยู่เหมือนกันรึไงนะ

 

“……ดิฉันต้องขออภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ ที่ปล่อยให้อารมณ์ครอบง่ำตนเองมากขนาดนี้ แต่ว่าคำพูดต่อจากนี้ของดิฉัน เป็นคำพูดจากใจ เป็นความรู้สึกที่แท้จริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ดิฉันรักท่านค่ะ อริซซามะ”

 

“ฉะ ฉันก็เหมือน…..กัน”

(TL. แค่ตอนสองก็สารภาพรักกันแล้วววววว)

 

เพราะว่าถูกกอดเอาไว้อย่างแรง ทำให้ฉันเผลอตอบรับกลับไป แต่เพราะฉันรู้ตัวดีว่าคำสารภาพรักของตัวเองเป็นแค่ของปลอม เสียงฉันจึงแผ่วเบาหายไปในคำท้ายๆ คิดดูแล้วหน้าของฉันต้องกำลังเป็นสีแดงอยู่แน่ ๆ ดวงตาของฉันก็น้ำตาคลอเหมือนกัน ไม่ ไม่ได้มีความหมายในแง่เดียวกันหรอกนะ ถ้าฉันยังมีสติดีอยู่ ฉันก็คงรีบหยุดก่อนที่ทุกอย่างจะย้อนกลับมาไม่ได้แบบนี้

(TL. โดนโลลิหลอกกันแล้วววววว ฮา)

แต่ว่า ม๊า เอาเถอะเห็นเบลล์ซังยิ้มอย่างมีความสุขได้แบบนี้ ก็คงดีแล้วละ

 

“ต้องให้มาเจอเรื่องเช่นนี้ ทั้งๆที่พึ่งตื่นนอนแบบนี้ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆค่ะ”

 

“ม๊ายเป็น、รัย”

 

“… ซุปนั้นคงเย็นมากแล้ว อริซซามะต้องการเปลี่ยนหรือเปล่าคะ?”

 

นอกจากตาของเบลล์ซังที่บวมกว่าปกติเล็กน้อยก็ไม่มีอะไรแปลกไป ไม่สิ เธอถามด้วยเสียงที่สูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ดูท่าอาการบางอย่างจะดีขึ้นแล้ว สำหรับฉันมันค่อนข้างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างจบลงด้วยความรู้สึกรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจแล้วยังไงละ

สำหรับตอนนี้ ได้เวลาจัดการซุปที่ถูกปล่อยให้รอมานานแล้ว มากินกันเถอะ ฉันใช้ท่าทางในการตอบคำถามที่เบลล์ซังรอคำตอบอยู่ ฉันใช้ช้อนบนถาดตักน้ำซุปเข้าปากตัวเอง

อร่อย ฉันดีใจจริง ๆ ที่มันไม่หกไปซะก่อน เพราะการกอดอันร้อนแรงของเบลล์ซังทำให้เตียงสั่นค่อนข้างแรงเลย ถ้าพลาดไปละก็หัวเตียงคงได้เปียกไปหมดแน่ ๆ

 

“อร่อย、ล่ะ?”

 

“อริซซามะ….ไม่สิ คือว่า ได้โปรดให้ดิฉันยืมช้อนสักครู่ได้ไหมคะ? ให้ดิฉันได้ทำ อ้า~~ม ด้วยเถอค่ะ”

 

“….กะ”

 

ฉันสับสนนิดหน่อย แต่ก็ยื่นช้อนให้เธอ ถ้าฉันปฏิเสธเธอตอนนี้ แน่ใจได้เลยว่าเบลล์ซังต้องเสียใจมากแน่ๆ ฉันไม่อยากเห็นดวงตาที่โศกเศร้าของเธอ ฉันจะต้องไม่ทำให้เธอลำบากใจ ฉันชอบเสียงหัวเราะของเธอที่สุดเลย

 

“เอาละค่ะ、อริซซามะ?  อ้า~~ม…..”

 

“อะ、อ้า~~ม….”

 

ลิ้มรสชาติของซุปเย็น ๆ ในขณะที่อดทนต่อความอายไปด้วย แต่ถึงจะแค่เล็กน้อย มันอบอุ่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+