[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ 98 18 ปฏิวัติ

Now you are reading [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ Chapter 98 18 ปฏิวัติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 18 ปฏิวัติ

 

“――――……!”

 

กิ๊ว เวลาของโลกเดินช้าลง จดจ่อไปที่ทัศนวิสัย ตรึงไปที่จุด ๆ หนึ่ง

หัวลูกธนูปลดปล่อยแสงอันน่ารังเกียจช้า ๆ ลูกธนูถูกขึ้นสายไว้บนธนูสั้นที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อคลุม

นั่นคือสิ่งที่เคยยิงทะลุหลังเบลล์ซังมาแล้วครั้งหนึ่ง หัวของฉันว่างเปล่า

 

“อา……ตา……ร๊าย”

 

เสียงที่กรีดร้องตะโกนโดยไม่ตั้งใจ ฟังดูช้าเป็นอย่างมาก

การกระทำเพื่อตอบสนองต่อเสียงของทุกคนสามารถมองเห็นได้ในแบบสโลว์โมชั่น เบลล์ซังกับมิร่าซังยื่นมือเข้ามาปกป้องฉัน สเตลล่าซังกอดลูน่าที่ยืนตะลึงจากด้านหลังและพยายามซ่อนตัวเธอไว้ …….แต่ ไม่ใช่

กึก สายที่ถูกดึงค่อย ๆ ดันหัวลูกศคออกมา แนวการยิงนั้นไม่ใช่ทั้งฉันหรือลูน่า แต่เป็นพวกราชาที่ถูกมัดเชือกตั้งแถวกันอยู่ที่แถวหน้าประตูใหญ่ พวกเขาคือคนที่ตกเป็นเป้าหมาย

 

……อ้า ไม่ใช่พวกเราที่ตกเป็นเป้าหมาย ดีจัง เท่านี้ก็ไม่มีคนสำคัญที่จะหลั่งเลือดเหมือนเมื่อครั้งนั้น

ไม่ว่าจะราชา ราชินี หรือคนจากขุนนางส่วนหลาง ต่อให้ทิศทางเป้าหมายจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อยจากแรงลมหรือข้อผิดพลาดจากมือ ก็จะเป็นแค่หนึ่งในนั้นที่จะถูกยิงอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่จะมาทางนี้ได้

ที่ตลาดนั้น เขาสามารถยิงทะลุผ่านจากด้านหลังฝูงชนเข้าใส่ฉันได้อย่างแม่นยำโดยที่ไม่ต้องปลดแขนของฮู้ดออกด้วยซ้ำ และทันทีหลังจากนั้น เขาจะถูกจับโดยอัศวินโดยรอบ โอกาสที่เขาจะสามารถโจมตีมายังพวกเราก็จะถูกตัดออกไปตลอดกาล ไม่เป็นไร

 

 

――――ไม่เป็นไร?

 

 

จริง ๆ นะเหรอ?

ดีแล้ว …….จริง ๆ เหรอ?

 

“อะ……อุ”

 

นั่นคือทางออกจริงเหรอ?

ดีแล้วจริงเหรอ?

 

ตึก ตัก จังหวะการเต้นของหัวใจส่งเสียงดังแปลก ๆ

ฉัน…… หนู……ต้องการให้ตอนจบเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอ

เป็นการเสียสละที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคดีที่พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ จะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ

 

『ขอโทษนะ อริซ …….ดูเหมือนว่าแม่จะอยู่เคียงข้างลูกไม่ได้』

 

ตึกตัก

 

『ได้โปรด ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับทุกคน……. 』

 

ตึกตัก

ทำไมกัน คำพูดเหล่านั้นที่ฉันไม่น่าจะจำได้ เสียงของคุณแม่ที่ฉันพึ่งจะรู้จักจากในความฝันนั้นเท่านั้น

ทันใดนั้น เสียงร้องแรกเกิด……ไม่ใช่ เสียงร้องไห้ด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยคุณแม่ได้ ขณะถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของเบลล์ซัง ฉันเห็นคุณแม่มองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มอ้างว้าง

 

ฉากที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกเป็นเวลานานได้ฟื้นความทรงจำในจุดเริ่มต้นขึ้นมา

 

“……ก้าซามะ หนู น่ะ”

 

「ความสุข」 อย่างงั้นเหรอ

ตามคาดการณ์ ลูกธนูจะแทงทะลุร่างราชา หยาดเลือดจะสาดกระเซ็นท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเกรี้ยวกราดราวกับประกาศก้องให้โลกต่อจากนี้ไป

 

 

――――ฉันจับมือลูน่าที่จะต้องเห็นพ่อแม่ถูกฆ่าตายต่อหน้า

นั่นจะทำให้มีความสุขจริงเหรอ

 

 

แบบนั้นคือสตรีศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ แบบนั้นคือแสงสว่างที่ทุกคนอยากฝากไว้กับฉันอย่างงั้นเหรอ

……แต่ แต่ว่า ฉันจะทำอะไรได้บ้าง ลูกธนูถูกยิงไปแล้ว ไม่ว่าฉันจะทำอะไรตอนนี้ ฉันก็ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ หากเกิดอะไรแบบนี้กับหนู

 

 

――――『จะลูน่า จะเบลล์ จะมิร่า จะทุกคน……ไม่อยากเห็นใครต้องหายไป ……!อยากสร้างโลกแห่งความสุขที่ทุกคนสามารถหัวเราะด้วยกัน…..!』

 

 

“……ผิดแล้ว”

 

ฉันเกลียดความเป็นจริงที่หดหู่ของการยอมแพ้แบบนั้น

ฉันเกลียดโลกที่มีคนที่ต้องร้องไห้เช่นนั้น

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันมาที่นี่ไม่ใช่เหรอ

 

หนูต้องการอะไรกันแน่?

คำตอบที่หายไปอยู่ที่นั่น

มีสิ่งที่หนูต้องทำตอนนี้อยู่ตรงนั้น

ใบหน้าของคนที่ลังเลคือสิ่งที่ต้องตามหาในหมู่ใบหน้าของทุกคนที่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

อนาคตที่หนูวาดฝัน ก้าวเดิน และพยายามแสดงให้เห็น กำลังจะหลุดจากมือแล้ว

 

 

――――『หนูจะทำให้เป็นจริง โอก้าซามะ โอบ้าซามะ  ด้วยเวทมนตร์ที่เชื่อมต่อทุกคนไว้ด้วยกัน』

 

 

อย่ายอมแพ้

อย่าปล่อยให้แสงสว่างที่สะสมมาเป็นเวลานานสิ้นสุดลงที่นี่

 

อย่ายอมแพ้

อย่ายอมแพ้ให้กับความคิดที่ว่าไม่สามารถช่วยความเป็นจริงทั้งหมดที่อยู่ตรงนั่นได้

 

มีบางสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง ที่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน บางครั้งก็ทำอะไรไม่ได้

แต่ทว่า ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

ความเป็นจริงทั้งหมดอยู่ที่นั่นคนที่มองหาความฝันในนั้น ดิ้นรนไขว่คว้า และจะเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้ในอีกไม่นาน คือพวกเรา ตัวพวกเราเอง

 

ฉันหยุดปรารถนา ฉันหยุดอธิษฐาน ความสุขคือสิ่งที่ต้องคว้ามาด้วยตัวเอง

ถึงเวลาต้องยื่นมือออกไปแล้ว คราวนี้จะทำยังไง?

จะยอมแพ้และถอนตัวออกมาในขณะที่หัวเราะเยาะตัวเองอีกครั้งหรือเปล่า?

 

“ไม่ ดี”

 

ไม่ต้องการ ไม่ต้องการแบบนั้น

ฉันไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ โลกนี้ไม่ใช่เทพนิยาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมปาฏิหาริย์จะไม่เกิดขึ้นหากเอาแต่รอ

 

เช่นนั้นต้องคว้ามาเอง เพื่อให้ปาฏิหาริย์บังเกิด

“เวทมนตร์” สำหรับสิ่งนั้นอยู่ในมือของฉันแล้ว

 

แต่ถึงอย่างงั้นหนูก็เอาแต่เฝ้าดูโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่นี่

ฉันมองดูรอยยิ้มของเพื่อนรักหายไปอย่างเงียบ ๆ และสายโซ่แห่งความเกลียดชังก็เชื่อมต่อกันอีกครั้ง

 

…….ไม่ดี แบบนั้น

 

” ――――ไม่ดี!”

 

 

ก่อนที่จะรู้ตัว ร่างกายของฉันก็เคลื่อนไหวไปเอง

 

 

“อริซ! ทำอะไร………… !”

 

วิ่ง วิ่ง เสียงของใครบางคนที่ตะกุกตะกักข้างหลังฉันที่สูญเสียการควบคุมตนเอง

ฉันจะไม่ปล่อยให้จบลงที่นี่

คุณยาย คุณแม่ ผู้ที่เคยถูกเรียกว่า”สตรีศักดิ์สิทธิ์

 

จะไม่ยอมให้”เวลา(เวทมนตร์)”ที่ได้รับสืบทอดเมื่อนานมาแล้วต้องเสียเปล่า

 

“หยุด…… !”

 

ตัดโลกเป็นชิ้น ๆ จับลูกธนูที่พุ่งไปข้างหน้า

ในช่วงเวลาที่บีบรัด ดวงตาของฉันเพียงอย่างเดียวไม่มีทางที่จะจับลูกธนูไว้ได้อย่างแน่นอน

 

เร่งการรับรู้ขึ้นไปอีก ดวงตาเปล่งประกายสีทอง

ปลดปล่อยพลังเวทมนตร์จากปลายมือที่ยื่นออกไป

 

“หยุดน๊าาาาาาาาาาาาาาา――――!”

 

ตา จมูก หู และหัวของฉันร้อนผ่าว มีบางอย่างไหลออกมาและย้อมการมองเห็นของฉันให้เป็นสีแดง

แต่ฉันมองเห็น ยังคงมองเห็นอยู่ ในช่วงเวลาที่ฉันได้สัมผัสเวทมนตร์ของตัวเองที่ยืดออกไปขวางกั้นเส้นทางก็เกิดเสียงลมขึ้น

 

“นะ……… !?”

 

――――แช่แข็ง

 

แสดงเจตนาของตนผ่านเวทมนตร์ เปลี่ยนโชคชะตาของโลก

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ……..ความว่างเปล่าถูกแช่แข็งด้วยเวทมนตร์ของฉัน

 

…….ส่งอีก ส่งไปอีก

 

“คู๊ว อุอ๊าาาาาาาาาาา――――”

 

ท่ามกลางความเจ็บปวดที่แผดเผาสติ ฉันกรีดร้องเพื่อรั้งโลกที่กำลังจะตกอยู่ในความมืดมิด

การมองเห็นนั้นมืดมิดและหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง

 

 

――――แฮ่ก แฮ่ก…….

 

 

เกือบจะเป็นสายฝนเลือด หยุดเอาไว้ได้ห่างจากการปักหัวของราชาไปเพียงแค่กำมือ

ฉันได้ยินเสียงลูกธนูเยือกแข็งตกลงพื้นและแตกสลาย

 

“……มาทัน”

 

ฉันสั่นอย่างรุนแรง เข่าทรุดลงกับพื้น

ความรู้สึกอุ่น ๆ ที่ไหลลงมาตามแก้มของฉันที่ถูกตอกโดยไม่มีการขัดขืน ก่อตัวเป็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ บนพื้น

 

“อริซซามะ!”

 

…….เป็นเบลล์ซังที่รีบวิ่งเข้ามาหาฉันเร็วกว่าใคร

จากนั้นเพียงไม่กี่สิบวินาทีต่อมา เสียงฝีเท้าอื่นก็ดังตามมา เสียงถอนหายใจน้ำตาซึมกระทบหูของฉัน

 

“ทำไม กันคะ…..อริซซามะ…..ทำไมถึงทำแบบนี้กัน!”

 

“เบลล์”

 

“ทำไมถึงชอบทำเช่นนี้เสมอ ๆ ……..”

 

“…..ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ……?”

 

“ค่ะ ใช่ค่ะ……..”

 

เบลล์ซังลูบแก้มของฉันด้วยนิ้วที่สั่นเทา ขณะตอบกลับทั้งน้ำตา

 

……ดีจัง อา ดีจริง ๆ

ไม่ได้สูญเปล่า หนูเชื่อมต่อได้อย่างสมบูรณ์ สร้างปาฎิหาริย์ได้……..

 

เป็นเพราะโล่งใจหรือเพราะเกินขีดจำกัดไปแล้ว

ทำให้เวลาช้าลง ปล่อยเวทมนตร์ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าลูกธนู และแช่แข็งพื้นที่หลายเซนติเมตรโดยรอบด้วยเวทมนตร์น้ำแข็งเพื่อหยุดลูกธนู

บางทีคงจะมากเกินไปสำหรับร่างกายและสมองของฉันที่จะทน ฉันมองผมสีเงินที่ถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยดวงตาที่เบิกโพลง ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่าของเหลวบางสิ่งบางอย่างที่ไหลออกมาจากใบหน้าของฉัน คือเลือดของฉันเอง

 

“ฮิเมะ ไม่พอใจ…….เรื่องนี้เลยค่ะ ฮิเมะ!”

 

“อริซ ลุกขึ้น! อย่าหลับตานะ ขอร้องล่ะ!”

 

“…..ม๊ายเป็นร๊าย”

 

 อา ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง แน่ว่าทั้งเจ็บ ทั้งทรมาน ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียสติไป

แต่นี่ไม่ใช่ “ความตาย” ฉันรู้จักความรู้สึกช่วงเวลาที่กำลังจะตายดี ไม่มีทั้งความอ้างว้าง หนาวเย็น มืดมน และความว่างเปล่าเหมือนตอนนั้น เพราะแบบนั้น ไม่เป็นไรหรอก

คู๊ว คู๊ว อายาเมะร้องไห้อย่างโศกเศร้าและเลียแก้มของฉัน

 

“ทำไมกัน……..?”

 

คุกเข่าลงตรงหน้าจนเลอะเทะ กระโปรงปลิวตามลมอย่างแผ่วเบา ลูน่าล่ะ

เมื่อฉันพยายามลืมตาและเงยหน้าขึ้น ลูน่ามองอย่างตะลึงงั้น และถามฉันทั้งน้ำตา

 

……ทำไมอย่างงั้นเหรอ ฉันมีเหตุผลอยู่มากมาย แน่นอนว่าฉันไม่อยากเสีย”เลือดเนื้อ”ในช่วงเวลาที่พวกเราได้เชื่อมโยงกันแล้ว นอกจากนี้หากเหลือความเกลียดชังเอาไว้ที่นี่ สักวันหนึ่งสิ่งเดียวกันก็จะต้องเกิดขึ้นอีกครั้ง 

 

“ถึงจะเป็นคน แบบนั้น แต่……ความโศกเศร้าจากการสูญเสียพ่อแม่  หนูรู้ดีที่สุด”

 

“…..อริซ”

 

“หนู นี่…….

เพราะอยากให้ ลูน่ามี รอยยิ้ม …….ถ้าราจา ราจินี ตาย หนูแน่ใจว่า พวกเราจะไม่สามารถ หัวเราะด้วยกันได้อีก”

 

“…….อึก ――――บ้า บ้า! เธอน่ะบ้าที่สุดเลยยยยยย………..”

 

“……เอ๊ะเหะๆๆๆ”

 

ลูน่าก็สะอื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดไปก็จับมือไปทั้งน้ำตาไหลไป

…….ขอบคุณ นั่นเป็นสิ่งที่เธอพูด

 

ใช่ ฉันไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฎในเทพนิยาย

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันมีแรงผลักดันครั้งสุดท้ายในสติที่กำลังจะขาดก็คือ ฉันไม่อยากให้เพื่อนรักของฉันต้องร้องไห้……เป็นความรู้สึกปกติ

อา แต่ฉันสงสัยว่าตัวเองทำให้เธอร้องไห้ไปสินะ ไม่เป็นไรหรอก แค่จะหลับนิดหน่อยเอง ฉันแน่ใจว่าตัวเองจะตื่นขึ้นในไม่ช้า และพวกเราจะได้หัวเราะด้วยกันอีกครั้ง――――

 

 

“อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟ้ย!  จะให้ข้ายอมรับเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน! “

 

 

ฉันได้ยินเสียงตะโกนเกรี้ยวกราดจากอีกด้านหนึ่งของประตู ฉันขยับหันไปทางชายสวมฮู้ด……เจ้าของเสียง

ผู้คนที่ตื่นตระหนกหลีกทางไปทางซ้ายและขวา เหล่าอัศวินก็ไม่กล้าขยับตัว อาจเป็นเพราะเขาเล็งธนูมาทางนี้แล้ว

 

“……..งั้นเหรอ”

 

คราวนี้ลูกธนูเล็งมาที่ฉันแล้ว ความเกลียดชังที่ชัดเจนและเจตนาฆ่ามุ่งตรงมาที่ฉัน

…….แต่ฉันเห็น อีกความรู้สึกหลังดวงตาคู่นั้น

 

“――――โม๊ว มาจบกันเลยไหม?”

 

เครื่องขยายเสียงที่เตรียมไว้สำหรับการประกาศถูกเปิดใช้งานโดยไม่รู้ตัว เสียงเล็ก ๆ ของฉันจึงไปถึงเขาอย่างชัดเจน ฮู้ดของเขาถูกเปิดออกจากความไม่สบอารมณ์ เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ฉันสานสัมพันธ์ด้วยคำพูด แต่เขายังคงถือคันธนูไว้

คุณพ่อ คุณตา มิร่าซัง อายาเมะ และลาบริกซ์ซังก้าวมาอยู่เคียงข้างฉัน ถ้าเขายิงธนูมาก็จะไม่มีทางทำร้ายใครได้อีก และคงเพราะรู้อยู่แล้วเขาจึงยังยืนนิ่งไม่กล้ายิงออกมา เขาเข้าใจดีว่าทันทีที่ยิงธนูออกมา เขาจะถูกรุมจับโดยเหล่าอัศวินที่อยู่รอบ ๆ 

 

“ถ้าคุณถือดาบทำร้ายใครสักคน คุณเองก็จะเจ็บเหมือนกัน”

 

“พะ พูดบ้าอะไร………”

 

“ถ้าคุณตอบโต้ดาบด้วยดาบ มีแต่จะหลั่งเลือด”

 

ถ้าคุณฟันใครสักคนก็จะกัดกร่อนหัวใจตัวเอเงไปพร้อมกัน ถ้าคุณฟันใครสักคนก็จะมีเพียงการหลั่งเลือด

และจากนั้นก็จะขยายไปชั่วนิรันดร์

 

“ถ้าคุณต่อสู้ด้วยความเกลียดชัง ก็จะมีแต่ความเกลียดชังที่บังเกิด”

 

“เรื่องแบบนั้นถึงแกไม่พูดข้าก็――――!”

 

“――――เพราะอย่างงั้น มาจบตอนนี้เลยไหม?”

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำให้จบลงเดี๋ยวนี้

ต้องตัดทิ้งก่อนที่จะเติบโตไปกว่านี้

ฉันรู้จากโลกก่อนหน้าว่าหากปล่อยให้เกิดขึ้นทับถมกันครั้งแล้วครั้งเล่าก็จะไม่มีทางหยุดไว้ได้

 

“นั่นไม่มีความสุข ไม่มีความยินดี จะไม่มีใครมีความสุข”

 

เป็นคำพูดที่ฟังดูโลกสวย ไม่ว่าจะพูดมากขนาดไหน สิ่งที่เกลียดก็ยังคงเป็นสิ่งที่เกลียด สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

เรื่องพวกนั้น ฉันเองก็เข้าใจดี

 

“หนูไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณ ……แต่คุณเองก็ไม่รู้จักหนูเหมือนกัน ไม่รู้เรื่องของลูน่า ของขุนนางทุกคน ของราจา”

 

“ชิ……”

 

“เช่นเดียวกับที่คุณมีของสำคัญ พวกเราก็มีของสำคัญเช่นกัน”

 

ฉันไม่รู้ว่าคืออะไรสำหรับเขา เนื่องจากการปกครองที่โหดร้าย เขาอาจสูญเสียคนที่สำคัญสำหรับเขาไป

ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีความเกลียดชัง ความปรารถนาที่จะแก้แค้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถเข้าใจได้ และไม่ควรมีใครที่เข้าใจด้วย ……แต่

 

“แต่พวกเราสามารถเปลี่ยนเรื่องต่อจากนี้ไปได้ ผู้คนสามารถเปลี่ยนได้ คำตอบของความเกลียดชังหรืออะไรบางอย่างที่ผูกมัดมาจากอดีต คุณไม่จำเป็นต้องทำร้ายใคร ไม่จำเป็นต้องคร่ำครวญ”

 

“……ถ้างั้นแล้วจะข้าให้ทำยังไง……..แกจะบอกให้ข้ายอมแพ้แล้วถูกจับขังไปพร้อมกับความเสียใจที่ไม่สามารถแก้แค้นได้งั้นเรอะ!?”

 

แต่นั่นหมายถึงฉันจะต้องยอมรับความรู้สึกที่หมดสิ้นหนทางนั่นเอาไว้ให้ได้เช่นกัน

ยอมรับความรู้สึกหมดสิ้นหนทางในใจของเขา และบอกว่าไมเป็นไร โม๊ว คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับความเกลียดชังนั่นอีกแล้ว ฉันสามารถมอบการให้อภัยให้ได้

 

แม้จะรู้อยู่แก่ใจ แต่ต่อให้นั่นจะเป็นบาปที่หยิ่งผยองแค่ไหนก็ตาม

 

” ――――จะหนีไปก็ได้”

 

“ห๊า!?”

 

“ถ้าคุณต้องการที่จะหนีก็จับหนูแค่คนเดียวแล้วหนีไป ถ้าคุณยังอยากแก้แค้นก็มาลงที่หนูคนเดียว”

 

“พูดบ้าอะไร……”

 

ไม่ว่ายังไง ความเกลียดชังต้องจบลงที่นี่

อย่างน้อยที่สุดเท่าก็ต้องยุติลงเท่าที่จะทำได้ด้วยมือนี้

นั่นคือ”การปฏิวัติ”ที่ฉันตั้งเป้าไว้

 

“ถ้าคุณทำร้ายคนที่หนูรักเหมือนก่อนหน้านี้ คุณก็จะได้ความเกลียดชังจากหนู”

 

“ตะ ต้องการพูดบ้าอะไรกัน!”

 

“……แต่ หนูก็ยังสามารถ「ให้อภัย」คุณได้อยู่ คุณสามารถหยุดความเกลียดชังไม่ให้ดำเนินต่อไปได้”

 

ฉันฝืนตัวเองให้ยืนขึ้น ขณะปัดผมที่เหนียวเหนอะหนะออก

ฉันสลัดพันธนาการของทุกคนออกแล้วเดินเข้าไปหาเขาอย่างเงียบ ๆ

 

” ――――คุณเองก็ทำได้เช่นกัน”

 

“ห๊า……..”

 

“อนาคต แสงสว่าง อย่าทิ้งไป เพื่อใครสักคนที่เป็นห่วงใยคุณ”

 

ฉันมีเบลล์ซัง มีมิร่าซัง มีคุณพ่อ มีคุณตา

มีคาลเมียร์ซัง มีลาบริกซ์ซัง มีคลอริน่าซัง แฮงค์ล็อตเต้ อายาเมะ

มีไลลา มีลูน่า มีสเตลล่าซัง มีโอกาซามะ มีทุกคน

นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาที่นี่

 

“ไม่ สายไปแล้ว สำหรับของอย่างการเริ่มต้นใหม่ ――――”

 

 

เขาตัวสั่นไหวเหมือนพยายามสลัดความคิดนั้นออกไป เขาขึ้นสายลูกธนูอย่างแรกอีกครั้งก่อนชี้ตรงมาที่ฉัน

 

――――เด็กผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตัดมาขวางหน้าฉัน หันหลังมาบังฉันและเผชิญหน้ากับเขา แขนทั้งสองข้างกางออกกว้าง

เสื้อผ้ามอมแมม

มือและเท้าเต็มไปด้วยแผลเป็น

 

เขาคือเด็กผู้ชายที่เคยถูกขุนนางกดขี้ แต่ตอนนี้กลับกำลังปกป้องฉันที่เป็นขุนนาง

 

“……ผมก็เกลียดขุนนางเหมือนกัน! ต้องมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นหวังโดยไม่มีพ่อแม่ ผมเกลี่ยดทุกคนที่ดูถูกพวกเราและไม่ยอมรับพวกเรา!”

 

เหล่าประชาชนมองไปที่เด็กชายด้วยความประหลาดใจก่อนก้มหน้าหลบ ฉันพอจะนึกออกแล้ว

ฉันเคยได้ยินจากเบลล์ซังและคลอริน่าซังว่าเด็กกำพร้านั้นถูกรังเกียจ

 

“แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นผมก็ไม่อยากคิดเรื่องเกลียดชังตลอดเวลา! ผมไม่รู้ว่าจะทำให้เป็นจริงได้ไหม แต่สักวันผมจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน แม้แต่ในตอนที่กำลังคุ้ยเศษขยะเพื่อเอาชีวิตรอดก็ตาม! เอาแต่ต่อสู้ เอาแต่เข่นฆ่า ผมไม่ต้องการโลก ――――ที่เต็มไปด้วยอะไรแบบนั้นอีกแล้ว!”

 

ตึก ตึก ถัดจากนั้นเป็นเส้นผมสีซากุระเดินมายืนข้าง ๆ พร้อมกางแขนออกในลักษณะเดียวกัน

จากนั้นก็เป็นชายผมขาวอีกคนที่เดินมาจากด้านหลัง

 

“เราเองก็อยากเปลี่ยนเช่นกัน……ไม่สิ ต้องเปลี่ยนให้ได้ ถึงจะเจ็บขนาดนั้น ก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป ――――เหมือนเพื่อนของเรา”

 

“…….พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่กำลังทำอะไรกันอยู่ ในขณะที่พวกลูกสาวและเด็กตัวเล็ก ๆ กำลังทำสิ่งนี้นอยู่? ……เงิน อำนาจ และความขัดแย้ง อา ช่างโง่เขลานัก สิ่งเหล่านั้นหาใช่สิ่งสำคัญ”

 

ฉันได้ยินลูน่าพึมพำว่าอองตวนอยู่ข้างหลังฉัน

ทั้งสงอคนที่อยู่ข้างเด็กชายคือ ไลลาและพ่อของเธอ

 

“……ถูกแล้ว ตอนที่พวกข้าบุกไปที่โรงเรียกด้วยการยุยงของเจ้า ครั้งนั้นพวกข้าก็ได้คุณหนูกับเจ้าฟ้าหญิงสั่งสอน ถ้าต้องการความสุขที่แท้จริงก็ต้องลงมือทำสิ่งที่ดีเพื่อก้าวไปข้างหน้า”

 

“รออยู่เลยแม่หนู!”

 

“ข้าเชื่อเจ้า!”

 

 

เป็นเหล่าประชาชนในช่วงเวลาประท้วงหน้าโรงเรียนที่ก้าวออกมาข้างหน้ามากยิ่งขึ้น

พวกเขายิ้มและเข้าแถวข้าง ๆ ไลลา และจากนั้น

 

――――พวกเขาจับมือกัน

 

“……ต้องขอโทษด้วย เพราะระบบขุนนางของพวกเรา ชีวิตพวกคุณถึง”

 

“ฟู๊ว จากนี้ไปจะเปลี่ยนแปลงใช่ไหม?”

 

“แน่นอน ……ได้โปรด ขอโอกาสอีกสักครั้ง พวกคุณจะเชื่อได้หรือไม่”

 

“เห๊ะ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ จะเชื่อแล้วยอมรอก็ได้ ……เพื่อเห็นแก่คุณหนูกับเจ้าฟ้าหญิงตรงนั่น”

 

“……ขอบคุณ”

 

ไลลาและพวกเขา

ขุนนางและสามัญชนกำลังจับมือกัน

 

 

ก้มหัว ยอมรับ ให้อภัย ยอมรับซึ่งกันและกัน

โลกที่ฉันกับลูน่าตั้งเป้าไว้อยู่ที่นั่น

 

 

“……ก้มหัวแบบนี้ และจับมือกัน มองตาอีกฝ่ายเมื่อพูดคุย!  แม้จะไม่รู้จะถ่ายทอดอย่างไร แม้จะไม่สามารถถ่ายทอดให้ได้ แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้ง พวกคุณหนูเด็ก ๆ พยายามอย่างเต็มที่ขนาดนั้น ทำไมพวกข้าถึงจะทำไม่ได้กัน!?”

 

 

ทุกคนมารวมกันเพื่อตอบคำถามของเขา ――――ขุนนาง จอมเวทมนตร์ อัศวิน สามัญชน……มองหน้ากันและกัน เงยหน้าขึ้นมอง ในความหมายที่แท้จริงของปวงชน

 

“ใช่แล้ว …….ใช่แล้ว! มาทำให้จบและเปลี่ยนแปลงกันเถอะ!”

 

“ข้าเองก็ขอโทษด้วย”

 

“ข้าด้วย…….”

 

ขุนนางขอโทษสำหรับการปกครองและวิถีชีวิตของพวกเขา และประชาชนก็ให้อภัย

ประชาชนขอโทษสำหรับการจลาจลและการพูดก้าวร้าว และขุนนางให้อภัยพวกเขา

ในที่สุดพวกเขาก็จับมือกันและพยายามยิ้มให้กันทีละนิด

 

ไม่มีความเป็นศัตรูหรือความเกลียดชังอีกต่อไป

 

“เลิกตะคอกใส่กันแบบงี่เง่าและเลิกพยายามแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงกันเถอะ อย่างที่แม่หนูนั่นพูด มาทำให้จบที่นี่กันเถอะ ทั้งความเกลียดชังและทุกสิ่ง”

 

คำพูดที่ถูกเปล่งจากประชาชนด้วยกัน

ฉันสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ขณะที่ถูกปลดลูกธนู และก้มหน้าลง

 

แกร๊ง แกร๊ง และด้วยเสียงแหบแห้ง คันธนูก็ถูกเหวี่ยงออกไป

เขาถอดฮู้ดที่ปกปิดตัวออก และเอามือไพล่หลัง ก่อนคุกเข่าลงตรงนั้น

เขาปล่อยให้อัศวินจับกุมโดยไม่ขัดขืน ทำเพียงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่สดใสและพึมพำอะไรบางอย่าง

 

ใบหน้าของเขาดูราวกับว่าได้ละทิ้งทุกสิ่ง แต่ยังไงก็ตามกลับให้ความรู้สึกปลอดโปล่งบางอย่าง…..น้ำตาหยดหนึ่งไหลอาบแก้ม และดูเหมือนว่าความเกลียดชังที่ตามหลอกหลอนที่เขาต้องแบกรับมาหลายปีได้หายไปแล้ว

 

“――――ตอนนี้ ณ ที่แห่งนี่ ในนามของเจ้าเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่ง รูนไฮม์・โร้ด・รูเนเรีย และในนามของสตรีศักดิ์สิทธิ์ อริซ・ฟอน・แฟร์มีล การปฏิวัติสำเร็จแล้ว!”

 

ลูน่าประกาศเสียงดังในขณะที่ทุกคนยังคงหันมาปรองดองกัน

เมื่อมองกลับไปด้านหลัง ฉันรู้สึกโล่งใจและประหลาดใจที่ตัวเองปลอดภัยพอที่จะเคลื่อนไหวได้ ในขณะที่เดินตามการกวักมือเรียกของเบลล์ซังและมิร่าซังที่กำลังฝืนยิ้มกลับไปอยู่ข้างลูน่า

และเชื่อมโยงคำพูดเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ถ้อยคำที่ตายตัว แต่เป็นความนึกคิดของพวกเรา ของฉันที่ใส่ลงไป

 

“พวกหนู กลับไปสู่จุดเริ่มต้น ที่ไร้การแบ่งแยก ดูแลกันและกัน……มาสร้างโลกที่มีความสุขด้วยกันเถอะ!”

 

สติเริ่มล่องลอยไปมา อย่างที่คิด ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว ซ่อนเท้าที่สั่นไว้ไม่ให้ก่อปัญหา

…….ยังก่อน ยังก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะสิ้นสุดการประกาศ ฉันหยิบคู่หูที่เปื้อนเลือดขึ้นมาแล้วกอดไว้แนบอก

ที่ข้าง ๆ ลาบริกซ์ซังกำลังมอบ “ธง” ให้กับลูน่าที่เขาได้รับจากอัศวินที่อยู่ข้าง ๆ ลูน่ารับมาอย่างแน่วแน่และมองตาฉัน หลังจากพยักหน้าให้กัน ฉันถือธงไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และยื่นมืออีกข้างออกไป ก่อนพวกเราสองคนจะชูธงขึ้นพร้อมกัน

 

 

“――――ด้วยศรัทธาแห่ง Nobliss・Oblige!ขอให้มีแสงสว่างแก่อนาคตของราชอาณาจักร!!”

 

 

ตราราชอาณาจักร ตาชั่งและดวงจันทร์ ปลิวไสวในสายลมที่พัดผ่าน

สะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์เป็นประกายระยิบระยับไม่รู้จบ

 

“โอ้ววววววววววววววววว!”

 

“แด่โลกที่สงบสุข!”

 

“ขอองค์เจ้าฟ้าหญิงทรงพระเจริญ! ขอสตรีศักดิ์สิทธิ์จงเจริญ!”

 

โดยไม่ต้องพูดอะไร เพียงแค่มองดูทิวทัศน์จากช่องแขนเสื้อของราชินี สงสัยว่ากำลังเล่นอยู่กับ”โชคชะตา(ดิสแทนซ์)”ที่ไพ่ทาโรต์จูวี่ร่วงหล่น

ราชินี(Nobliss・Oblige)ทั้งสี่บินลงสู่สนาม ในที่สุด ความทรงจำในอดีตของวันที่ฉันตะโกนว่า “การปะติวัด” ก็หวนกลับคืนมาอีกครั้ง

 

“ดีจั…ง……”

 

จิตสำนึกของฉันก็ขาดหาย

ฉันจมดิ่งลงไปในความฝันที่ล่องลอย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด