สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 119 น้องสาวพญายมปรากฎตัว (รีไรท์)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 119 น้องสาวพญายมปรากฎตัว (รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เห็นสีหน้าน่ารังเกียจของหนานกงจวิ้นซี รอยยิ้มบนใบหน้าเล่อเหยาเหยากลับดูกว้างขึ้น

ทันใดนั้น ก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้า เอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีว่า

“องค์ชายเจ็ด วันนี้ไทเฮาชื่นชอบละครที่บ่าวประพันธ์ออกมาอย่างมากเลย!”

เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายโค้งงอขึ้น กระทั่งใบหน้ายังดูภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ท่าทางนั้นคล้ายแมวน้อยที่น่ารักและถือดีตัวหนึ่ง น่ารักน่าชังยิ่งนัก

เมื่อรู้ว่าเล่อเหยาเหยาหมายถึงการพนันในวันนั้น หนานกงจวิ้นซีมีสีหน้าเก้อเขิน พลันโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“ข้ารู้ ไม่ใช่สองร้อยตำลึงหรือ! เจ้าบ่าวผู้นี้ เมื่อครู่ฮ่องเต้และไทเฮาทรงประทานให้เจ้ามากมาย เจ้ายังจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเงินแค่นี้อีก!”

“โอ้ สองร้อยตำลึงนั้น สำหรับองค์ชายเจ็ด อาจเป็นเพียงเงินเล็กน้อย แต่สำหรับบ่าวเป็นสิ่งมีค่าจากสวรรค์ หลังบ่าวออกจากวังอ๋องไป จะต้องอาศัยเงินเหล่านี้ประทังชีวิต!”

เล่อเหยาเหยาคือคนที่ปากตรงกับใจ ในใจมีสิ่งใด ล้วนเอ่ยออกมาทั้งหมด

คิดไม่ถึงว่า หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หนานกงจวิ้นซีจะมีสีหน้าตกตะลึง พญายมที่ยิ้มมุมปากอยู่ด้านข้าง สีหน้าพลันเคร่งขรึม สายตาที่มองเล่อเหยาเหยาดุดันยิ่งขึ้น

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดหนังศีรษะชาวาบไม่ได้ พลางคิดในใจว่า

ซวยแล้ว พญายมโมโหขึ้นอีกแล้ว

ต้องโทษตนเองที่ในใจมีสิ่งใด ก็พูดออกมา แต่จะโทษเธอไม่ได้ เพราะฐานะเธอตอนนี้ ยิ่งอยู่ในวังอ๋องนานเพียงใด เธอต้องอกสั่นขวัญแขวน ว่าสถานะผู้หญิงของตนจะถูกคนรู้เข้า และได้รับโทษหนัก กระทั่งตัดศีรษะ

ดังนั้นการออกจากวังอ๋อง คือเรื่องที่จำเป็น ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น

ตอนนี้เธอยังอยู่ในวังอ๋อง ทว่าต่อหน้าเจ้านายตน เอ่ยเรื่องไปจากวังอ๋องขึ้นมา หากเป็นคนอื่น คงโมโหเช่นกัน!

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก็เพราะสายตาพญายมดุดันเกินไป ทำให้เธอหนังศีรษะชาวาบ ในใจสั่นไหว อดก้มใบหน้าเล็กลง ไม่กล้ามองใบหน้าของพญายมอีกต่อไป

เพราะสีหน้าของพญายมเวลานี้น่ากลัวเกินไป

ก่อนหน้านี้ยังยิ้มดุจลมในฤดูใบไม้ผลิให้แก่เธอ จนเธอเคลิบเคลิ้มหลงไหล ต่อมากลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ทำให้เธออกสั่นขวัญแขวน!

ดังคาด ประโยคที่ว่าพญายมเอาแน่เอานอนไม่ได้ นั่นคือความจริง!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ หูก็พลันได้ยินเสียงพิณที่ไพเราะจับใจดังขึ้นมา

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาพลันเงยหน้าขึ้น มองไปด้านหน้าทันที

เห็นเพียงภายในตำหนักหลงเทียน เมื่อมองตามเสียงพิณอันไพเราะนั้นไป เห็นเหล่านางรำในชุดผ้าไหมสีเขียว กำลังขยับเต้นไปมา

พวกนางเมื่อเห็นก็รู้ว่า เป็นนางรำที่ฝึกฝนจนชำนาญ ท่าทางการเต้นนั้น ทุกจังหวะต่างพร้อมเพรียง ชุดกระโปรงสีเขียวก็ปลิวไสวไปตามจังหวะการเต้น ทำให้คนที่มองรู้สึกถึงใบบัวเชียวชอุ่มในฤดูร้อน พลันสดชื่นขึ้นมา

แต่เสียงพิณ แม้จะไพเราะ เหล่านางรำเต้นได้ไม่เลว แต่มักทำให้คนรู้สึกว่าขาดสิ่งใดไป

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เสียงพิณที่ไพเราะพลันเปลี่ยนไป ก่อนจะมีร่างสีแดงเพลิง ร่วงลงมาจากด้านบน

สีแดงดุจเพลิงอันยั่วยวนนั้น กรีดกรายลงมาตามเธอ กระโปรงปลิวไสว คล้ายดอกกุหลาบสีแดงที่กำลังเบ่งบานอวดโฉม ตกเข้ามาอยู่ท่ามกลางใบบัวเชียวชอุ่มนั้นอย่างโดดเด่น

การปรากฏตัวของหญิงสาวชุดแดง และวิธีการปรากฎตัวอย่างแปลกใหม่นั้น ทำให้เกิดเสียงแปลกใจและตกตะลึงขึ้นไม่หยุด

เห็นเพียงหญิงสาวผู้นี้ สวมชุดกระโปรงสีแดงเพลิงห่อหุ้มร่างกาย ส่วนบนรัดแน่น เปิดเผยรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอออกมาอย่างเด่นชัด

ส่วนแขนเสื้อและกระโปรงด้านล่าง กลับดูมีขนาดที่กว้างกว่า ด้านข้างปักลายบุปผาสีทอง เมื่อเธอกรีดกรายร่ายรำและหมุนตัว ผ้าปลิวไสวไปตามสายลม ทำให้รู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์น่าหลงใหล งดงามอย่างยิ่ง!

ตรงข้ามกับชุดกระโปรงสีแดงเพลิงบนร่างกาย หญิงสาวนั้นกลับมีผิวขาวผ่องอย่างยิ่ง มือขาวดุจหยกคู่นั้น ขาวใสดุจหิมะ โบกสะบัดไปมา แขนเสื้อสีแดงเพลิงนั้นเคลื่อนไหวไปตามจังหวะการเต้นของเธอ ทำให้เกิดภาพที่ดูงดงามออกมา

และผมยาวดำสนิทนั้น คล้ายเต้นระบำไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ ลอยละล่องปลิวไสวน่ามอง

ไม่รู้ว่าหญิงสาวเต้นระบำงามจับใจ หรือร่างกายเธอทำให้ทุกคนประหลาดใจ

เมื่อมองตามรูปร่างอ่อนช้อยของเธอนั้นขึ้นไป กลับเห็นหญิงสาวใช้ผ้าโปร่งสีแดงปิดบังใบหน้า จนมองไม่เห็นรูปโฉม

แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้คนอยากที่จะเห็น

โดยเฉพาะเมื่อเห็นดวงตาคู่งามที่เปิดเผยอยู่ด้านนอกนั้น ระยิบระยับดุจระลอกคลื่น ไหลเวียนอยูภายใน ชวนให้หลงใหล

เมื่อดวงตาคู่นี้น่าดึงดูดเช่นนี้ รูปโฉมของหญิงสาวผู้นี้จะมีเสน่ห์เพียงใด!

ไม่เพียงคนอื่นในนี้ แม้เล่อเหยาเหยาที่เป็นผู้หญิง ยังมองอย่างอยากรู้เช่นกัน อยากเข้าไปฉีกผ้าโปร่งบนใบหน้าเธอออก มองรูปโฉมของหญิงสาวผู้นี้!

แม้ในใจเล่อเหยาเหยาจะอยากรู้เช่นนี้ ทว่าพลันเห็นหญิงสาวชุดแดง และดวงตางดงามคู่นั้น บางครั้งมองไปยังบางแห่ง นัยน์ตาระยิบระยับ น่าดึงดูดเช่นนี้ เธอต้องการดึงดูดผู้ใดกันแน่!

เล่อเหยาเหยาสงสัย และแปลกใจ ก่อนมองตามสายตาของหญิงชุดแดงนั้นไป ตกลงอยู่ที่ชายหนุ่มสูงส่งสวมเสื้อคลุมพญางูตรงหน้านี้   ดวงตางดงามอดเบิกกว้างไม่ได้

เป็นเขาเองหรือ!

พญายม!

เมื่อรับรู้ว่าสายตาของหญิงสาวชุดแดงเวลานี้อยู่ที่พญายม เล่อเหยาเหยาตกใจ

เพราะสายตางดงามยั่วยวนของหญิงสาวนั้นไม่เพียงมองมาที่พญายม แต่แสดงให้เห็นว่าชื่นชอบพญายม

เรื่องนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาอดสงสัยไม่ได้

เพราะ ทั่วแคว้นเทียนหยวน ทุกคนต่างรู้ว่าพญายมนิสัยโหดเหี้ยม เย็นชาไร้ความรู้สึก สังหารคนราวผักปลา และยังเกลียดชังผู้หญิงอย่างยิ่ง

แม้จะมีหญิงสาวมากมายที่เห็นพญายมเพียงแวบแรก ต่างคลั่งไคล้หลงใหล ใจเต้นระรัว แต่หลังรู้ว่าเขาคือพญายมที่น่าหวาดกลัว ต่างหลีกหนีดุจเขาคืองูพิษ

แต่เหตุใดหญิงสาวชุดแดงนี้ กลับเล่นหูเล่นตาให้พญายมครั้งแล้วครั้งเล่า!

หรือเธอไม่รู้สถานะของพญายม!

เรื่องนี้ความเป็นไปได้น้อย เพราะแม้จะเป็นนางรำ แต่เมื่อเห็นตำแหน่งที่นั่งของทุกคน ต้องรู้ถึงสถานะของคนเหล่านี้

ฮ่องเต้ต้องทรงนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง ฮองเฮานั่งอยู่ด้านซ้าย ไทเฮานั่งเยื้องมาทางด้านขวา

ที่เหลือจะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ และด้านล่างคือพญายมและเหล่าขุนนางของแคว้นเทียนหยวน

ดังนั้น หญิงชุดแดงต้องรู้สถานะของพญายม แต่กลับยังเล่นหูเล่นตากับเขา หรือว่าเธอจะชื่นชอบพญายมเข้าแล้ว!

พอคิดถึงตรงนี้ ดวงตางดงามของเล่อเหยาเหยาอดมองไปที่พญายมที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้

เดาว่าพญายมยังคงโมโหกับคำพูดเมื่อครู่ของตนอยู่แน่

เพราะหลังจากเมื่อครู่ สีหน้าพญายมเคร่งขรึมมาตลอด

แม้เขาไม่พูดจา แต่จากสีหน้าเคร่งขรึมของเขา ดวงตาเย็นชาที่เฉยเมย และริมฝีปากรูปกระจับที่เม้มแน่นเป็นเส้นตรง เพียงพอให้รู้ว่าพญายมยังโมโห และโมโหอย่างหนักด้วย!

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาอดเบ้ปากไม่ได้ ในใจรู้สึกจนใจ

เหตุใดพญายมจึงโมโหง่ายเช่นนี้! แล้วเขาโมโหเรื่องใดกันแน่!

เธอเพียงเอ่ยจะออกจากวังอ๋องไป เรื่องพวกนี้ต่างเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแน่นอน และเขาตอนนี้มิใช่เห็นเธออยู่หรือ หรือเขาไม่พอใจที่เธอจะจากไป!

และความจริงในใจเขาก็ใส่ใจเธอจริง ดังนั้นหลังได้ยินเธอเอ่ยว่าจะจากไป จึงโมโหเช่นนี้! พอคิดถึงตรงนี้ ต้องพูดว่า  ในใจเล่อเหยาเหยายังรู้สึกเบิกบานขึ้นมา

โดยเฉพาะเมื่อได้รับรู้ แม้หญิงชุดแดงนั้นจะส่งสายตายั่วยวนมายังพญายม ทว่าพญายมกลับเฉยเมย แทบไม่มองหญิงชุดแดงนั้นแม้แต่หางตา เล่อเหยาเหยาจึงดีใจอย่างมาก

เพราะแม้จะไม่เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของหญิงผู้นั้น แต่ท่าทางการเต้นที่ยอดเยี่ยมของเธอ ดวงตาโตมีเสน่ห์ดึงดูดใจนั้น หากเป็นผู้อื่น ต้องถูกสายตายั่วยวนของเธอ ทำให้เบิกบานใจและหลงใหลแน่!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ การแสดงพิณอันไพเราะนั้นก็จบลง และหญิงสาวชุดแดงนั้นหลังเต้นระบำจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ การแสดงบนเวทีก็สิ้นสุดลง

ทันใดนั้น ภายในตำหนักหลงเทียน มีเสียงปรบมือดังสนั่นดุจฟ้าคำราม ทุกคนต่างกู่ร้อง ชื่นชมการแสดงเต้นระบำเมื่อครู่นี้ กระทั่งฮ่องเต้บนบัลลังก์ก็มองอย่างชื่นชม

“เยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ! นี่เป็นระบำที่ดีที่สุดที่เจิ้นเคยชมมา!”

ฮ่องเต้เหลิ่งจวิ้นเทียนหัวเราะขึ้นอย่างสดใส

ดวงตาดุจหงส์น่ามองนั้น ไม่ละไปจากหญิงสาวชุดแดงนั้นเลย ทันใดนั้น เอ่ยคำพูดที่ทุกคนคิดอยู่ในใจออกมา

“ปลดผ้าคลุมหน้าออก ให้เจิ้นได้ชมโฉมหน้าจริงของเจ้าเถิด”

“เพคะ”

เมื่อได้ยิน หญิงสาวชุดแดงเหลือบตามายังพญายม ยกมือเล็กขาวดุจหยกนั้นขึ้น ก่อนจะเปิดผ้าโปร่งสีแดงบนใบหน้าลงด้วยท่าทางสง่างาม

เมื่อผ้าโปร่งสีแดงนั้นตกลง ทันใดนั้น ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึงอย่างหนัก เสียงสูดหายใจดังขึ้น และสายตาที่มองไปยังหญิงสาวชุดแดงนั้น ต่างประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

นี่คือโฉมงามล่มเมือง!

ใบหน้าดุจไข่มุกเรืองรอง คิ้วโก่งราวหมอกควัน ริมฝีปากน่าดึงดูด

ที่ดึงดูดผู้คนมากที่สุดคือดวงตาโตงดงามดึงดูดใจคู่นั้นของเธอ

ดวงตางามขยับขึ้นเล็กน้อย หมุนวนมองไปมา ท่าทางลื่นไหล เกิดเป็นความงดงาม

เล่อเหยาเหยาที่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวผู้นี้ ก็ตกตะลึงอีกครั้งเช่นกัน

พลางคิดในใจ ซูต้าจี๋[1]เสียชีวิตไปแล้ว แต่ราวกับอยู่ตรงนี้!

ผู้หญิงคนนี้ มีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจเกินไปแล้ว!

หากเธอส่งสายตายั่วยวนมาก ไม่เพียงผู้ชาย กระทั่งผู้หญิงเช่นเธอ กลัวว่าจะอ่อนระทวยเช่นกัน!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ เห็นฮ่องเต้หลังเห็นรูปโฉมที่งามล่มเมืองของหญิงสาวชุดแดง ก็ตกตะลึงชั่วขณะ ก่อนพลันได้สติอย่างรวดเร็ว ทว่าคิ้วงามกลับขมวดเล็กน้อย คล้ายขบคิดบางอย่าง ก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยว่า

“เจ้าคุ้นหน้ายิ่งนัก เจ้าคือน้องเหนียนซูหลานใช่หรือไม่!”

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันคือเหนียนซูหลานเพคะ ซูหลานขอคารวะฮ่องเต้ ขอฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี ฮองเฮาอายุยืนพันปี ไทเฮาอายุยืนพันปี”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหนียนซูหลาน ไทเฮาที่อยู่ด้านข้าง ก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟัน หลังจากเหนียนซูหลานคาระจบลง ก็พลันกวักมืออย่างดีใจ ก่อนรับสั่งอย่างดีใจกับเหนียนซูหลานว่า

“มาๆ หลานเอ๋อร์ มานี่เร็ว ข้าคิดถึงเจ้ามาก มาให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อย”

“เพคะ ไทเฮา ”

หลังได้ยินคำพูดของไทเฮา เหนียนซูหลานยิ้มมุมปากอย่างอ่อนช้อย น้ำเสียงนั้นก็เนิบนาบ ทว่าแฝงด้วยความนุ่มนวลหลายส่วน มิต้องพูดถึงชายหนุ่ม แม้หญิงสาวได้ยิน คาดว่าต้องอ่อนระทวยแน่

……………………………………………………………..

[1] นางปีศาจจิ้งจอกที่มายั่วยวนให้พระเจ้าโจ้วหวางเสียผู้เสียคนจนเกินเยียวยา จากพงศาวดารฮ่องสิน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด