สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 196 พี่ชายน้องสาว (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 196 พี่ชายน้องสาว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สวรรค์ นี่…นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ก้มหน้าลงมอง เมื่อเห็นเลือดสองหยดในถ้วยชาค่อยๆ ผสมเข้าด้วยกัน ใบหน้าหล่อเหลานั้นพลันตกตะลึง และดวงตาเบิกกว้าง

“นี่…”

เมื่อเห็นเลือดสองหยดค่อยๆ ผสมเข้ากัน ตงฟางไป๋จึงเงยใบหน้าเปี่ยมด้วยความตกตะลึง สบกับใบหน้าเหลือเชื่อและเบิกตากว้างของเล่อเหยาเหยา

เมื่อสบตากัน แววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“สวรรค์ พี่ไป๋ พวกเราหรือว่า…ข้า…ข้า”

มีเรื่องใดคล้ายปกคลุมบนผิวน้ำ แต่เล่อเหยาเหยายังคงไม่เชื่อสายตา

น้องสาวที่ตงฟางไป๋ตามหามานานหลายปี กลับคือเธอ นี่จะเป็นไปได้เช่นไร!

แต่เลือดผสมเข้ากันนี้ มันเป็นเพราะเหตุใดกันแน่!

ตรงข้ามกับความเหลือเชื่อและตกตะลึงของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ตื่นตระหนกตกใจไปไม่น้อยกว่าเธอ

“จะเป็นไปได้เช่นไร เป็นไปไม่ได้!”

ตงฟางไป๋เอ่ยพึมพำอย่างไม่เชื่อสายตา เวลานี้เขาสับสนวุ่นวายใจ ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา

สวรรค์!

นี่สวรรค์ล้อเขาเล่นใช่หรือไม่!

น้องสาวที่เขาตามหามาหลายปี กลับเป็นหญิงสาวที่ตนรัก!

เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!

แต่ดูเหมือนเล่อเหยาเหยาจะเป็นน้องสาวของเขาจริง อายุของทั้งสองคนเท่ากัน และเลือดสองหยดนั้นก็ผสมเข้ากัน

ความจริงปรากฎอยู่ตรงหน้า

“ไม่”

ตงฟางไป๋ตื่นตระหนกอย่างหนัก ทันใดนั้นกลับรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ พลันลุกขึ้นจากเก้าอี้

แต่ทันใดนั้นมีเสียงหญิงสาวไพเราะนุ่มนวลดังขึ้น ทำลายความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน

“ลู่เอ๋อร์ ท่านหมอไป๋ อยู่ที่นี่กันหรือ”

เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูนี้ เล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋ต่างพากันมองไปยังที่มาของเสียงนั้น

เห็นเพียงฮองเฮาถูกประคองด้วยเหล่านางกำนัล เดินมาทางนี้อย่างช้าๆ

แม้อายุจะมากกว่าห้าสิบปี แต่กาลเวลากลับทำสิ่งใดกับหญิงตรงหน้านี้ไม่ได้ เพราะบนใบหน้าเธอไร้ร่องรอยใดๆ การเคลื่อนผ่านของเวลาทำให้บนกายของเธอกระจายกลิ่นอายของสตรีที่สุขุมนุ่มลึกออกมา

สง่างาม โดดเด่น อรชรอ้อนแอ้น สมกุลสตรี มารดาของแผ่นดิน สูงส่งน่าเกรงขาม

จึงไม่แปลกที่จะได้รับความรักโปรดปรานจากฮ่องเต้

หลังจากเล่อเหยาเหยาเห็นเสด็จแม่ผู้งดงามของตน ใบหน้าตะลึงงัน พลันคล้ายฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงรีบร้อนพุ่งเข้าหาฮองเฮา

“เสด็จแม่ พระองค์มาได้จังหวะเลย ข้ามีเรื่องอยากถามพระองค์ หากท่านทราบ ได้โปรดทรงบอกข้าด้วยเถิด”

“นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้นหรือ เจ้าจึงดูกังวลเช่นนี้”

เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของเล่อเหยาเหยา ฮองเฮาจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีจึงมองสีหน้าร้อนรนของเล่อเหยาเหยาแวบหนึ่ง แล้วมองไปที่ใบหน้ากังวลของตงฟางไป๋ ก่อนขมวดคิ้วมุ่น พลันยืนมือเล็กเนียนนุ่มส่งสัญญาณให้เหล่านางกำนัลทั้งหมดออกไป ก่อนเล่อเหยาเหยาจะประคองไปประทับในศาลาพักร้อน

“เอาล่ะ ตอนนี้ที่นี่มีเพียงพวกเราสามคน ลู่เอ๋อร์มีปัญหาใดรีบถามข้ามาเถิด”

“ขอบพระทัย เสด็จแม่”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยกับฮองเฮาอย่างซาบซึ้ง ก่อนเอ่ยสิ่งที่ตนและตงฟางไป๋สงสัยออกมาทันที

“เสด็จแม่ ตอนที่ข้ามาที่ต้าเซี่ย เพราะสูญเสียความทรงจำไปอย่างไม่คาดฝันแล้ว พระองค์ทรงเล่าว่าบิดาของข้าคือแม่ทัพใหญ่แห่งต้าเซี่ย แต่เมื่อครู่เลือดของหม่อมฉันและพี่ไป๋เข้ากันได้ ดังนั้นพวกเราจึงมั่นใจว่าข้าและพี่ไป๋มีสายเลือดเดียวกัน เช่นนั้นเสด็จแม่ได้โปรดบอกความจริงกับข้า ว่าท่านแม่ทัพเป็นบิดาที่แท้จริงของข้าหรือไม่!”

“อะไรนะ นี่มัน…”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ใบหน้างามสง่าของฮองเฮาพลันตกตะลึง ทว่าเมื่อเผชิญกับใบหน้ามั่นใจของเล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋ และเลือดที่อยู่บนโต๊ะ ฮองเฮาเห็นเช่นนั้นสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา ก่อนเอ่ยว่า

“หรือนี่เป็นลิขิตสวรรค์ หรือว่าพรหมลิขิตของพวกเจ้า”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ ฮองเฮาพลันหยุดชะงัก ก่อนเอ่ยขึ้นต่อไปว่า

“ถูกแล้วลู่เอ๋อร์ ความจริงเจ้าไม่ใช่บุตรแท้ๆ ของเขา มีครั้งหนึ่งเขาเห็นเจ้าระหว่างทางจึงพาตัวกลับมา แต่ความรักที่บิดามีต่อเจ้า กลับเป็นความจริง ดังนั้นหลังเขาเสียชีวิต ฝ่าบาทจึงตั้งใจพาตัวเจ้าเข้ามาในวัง เพื่อให้ข้าเห็นหน้าตาของเจ้า เมื่อข้าเห็นหน้าตาไร้เดียงสาของเจ้า จึงถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น ก่อนรับเจ้ามาเลี้ยงดูอยู่ข้างกาย ตอนแรกไม่เอ่ยบอกเจ้าเรื่องนี้ เพราะกลัวเจ้าจะไม่สบายใจ ลู่เอ๋อร์เจ้าโกรธข้าหรือไม่!”

แม้จะเตรียมใจมาก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดจากปากของฮองเฮา เล่อเหยาเหยายังคงตกตะลึง

ทว่าเล่อเหยาเหยาได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนหันไปมองตงฟางไป๋และฮองเฮา ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

“หากเป็นเช่นนี้ ข้าคือน้องสาวของท่านจริงๆ หรือ!”

เล่อเหยาเหยาพึมพำอุทานขึ้น ทันใดนั้นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ พลันยกมุมปากยิ้มสดใสออกมา ก่อนเอ่ยอย่างดีใจ

“อา ดีเสียจริง ฮ่า ๆ ที่แท้ข้ามีพี่ชายจริงๆ ดียิ่งนัก มิน่าตอนแรกที่ข้าเจอท่าน จึงรู้สึกคุ้นเคยสนิทสนม ที่แท้เพราะเกี่ยวข้องทางสายเลือดกันนี่เอง ฮ่า ๆ พี่ชาย ท่านคือพี่ชายของข้า”

ตรงข้ามกับเสียงร้องดีอกดีใจ ตื่นเต้นของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋กลับดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พลันรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลานั้นแฝงด้วยความตกใจ ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

จนกระทั่งเล่อเหยาเหยาที่อุทานอย่างประหลาดใจ คล้ายรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงหุบยิ้มลง หันมองตงฟางไป๋พลางเอ่ยถามขึ้น

“พี่ชาย ท่านเป็นอันใดหรือ หรือท่านไม่ดีใจที่ข้าเป็นน้องสาวของท่าน!”

“เอ่อ ไม่ ไม่ใช่ ข้า ข้าดีใจมาก ฮ่าๆ ข้าดีใจยิ่งนัก!”

ตงฟางไป๋ตะลึงชั่วขณะ พลันยกมุมปากเริ่มหัวเราะออกมา

เขาหัวเราะอย่างตื่นเต้น เสียงหัวเราะก้องกังวานนั้นดุจเสียงดนตรี รอยยิ้มอ่อนโยน สุดท้ายหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา

เล่อเหยาเห็นเช่นนั้น อดปิดปากแอบหัวเราะไม่ได้

เพราะเธอไม่เคยเห็นตงฟางไป๋ที่อ่อนโยนงามสง่า หัวเราะอย่างสุดขีดเช่นนี้ ดูแล้วเขาคงดีใจมากจริงๆ!

ความรู้สึกของการมีพี่ชาย ช่างดีเสียจริง!

เล่อเหยาเหยาอารมณ์ดีอย่างเกินบรรยาย

แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ขณะที่ตงฟางไป๋หัวเราะอย่างหนัก แววตาของเขาปรากฎความเสียใจขึ้นมาพร้อมกัน

สวรรค์มักเล่นตลกกับผู้คน!

หญิงสาวที่เขารักและปกป้องมาตลอด กลับเป็นน้องสาวของตนเอง

ตงฟางไป๋ขมขื่นในใจ หางตาปรากฎน้ำตาแวววาวกระจ่างใสขึ้นมา

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง คิดเพียงเขาดีใจอย่างหนัก แต่ฮองเฮาที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเขา กลับมีแววตาเป็นประกาย

เพราะฮองเฮาคือผู้มีประสบการณ์มาก่อน ก่อนหน้านี้หลังเล่อเหยาเหยาสาบานจะครองตัวเป็นหม้ายเพื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงโน้มน้าวเล่อเหยาเหยาไม่หยุด สุดท้ายแนะนำเหล่าชายหนุ่มให้แก่เล่อเหยาเหยา

ทว่าสุดท้ายเมื่อเจอตงฟางไป๋ และจากสายตาที่ตงฟางไป๋มองเล่อเหยาเหยา ฮองเฮาทราบว่าชายผู้นี้รักบุตรสาวของตน

รวมทั้งตงฟางไป๋ยังหนุ่มแน่น ฝีมือแพทย์ล้ำเลิศ รูปโฉมโดดเด่น ฮองเฮาเห็นเช่นนั้นย่อมทรงชื่นชอบ

และยินดีที่จะให้เล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋กลายเป็นคู่กัน เพราะดีกว่าการที่เล่อเหยาเหยาจะโดดเดี่ยวอยู่เพียงคนเดียวไปจนแก่เฒ่า

เดิมทีคิดว่าสุดท้ายตงฟางไป๋จะสามารถอยู่ร่วมกันกับเล่อเหยาเหยาได้ คิดไม่ถึงสวรรค์จะเล่นตลก พวกเขากลับกลายเป็นพี่น้องกัน

เวลานี้เห็นตงฟางไป๋ยิ้มทั้งน้ำตา ฮองเฮาอดตบหลังมือของตงฟางไป๋เพื่อปลอบใจไม่ได้ ก่อนเอ่ยข้อคิดขึ้นมา

“อาจเพราะนี่คือลิขิตของสวรรค์”

“อืม”

สำหรับคำพูดของฮองเฮา ตงฟางไป๋เพียงเงียบงันไม่พูดจา

ถูกต้อง นี่อาจเป็นลิขิตสวรรค์

ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงว่าตนทุ่มเทและรออยู่อย่างเงียบๆ จะได้พบกับคนที่รักตน ตอนนี้เขาจึงพบว่าชีวิตนี้ของเขา ไม่ได้มีคนที่รักอีกต่อไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด