สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 143.2 พญายมและหนานกงจิ้นซีบอกรักพร้อมกัน (2)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 143.2 พญายมและหนานกงจิ้นซีบอกรักพร้อมกัน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาวางกระบวยลงครู่หนึ่ง หมายยื่นมือดึงดอกโบตั๋นขึ้นมาสูดดม

 

คิดไม่ถึง เวลานั้นดอกโบตั๋นนั้นจะกลายเป็นใบหน้างามของคนผู้หนึ่ง ทำให้เล่อเหยาเหยาตกใจหนักอย่างแท้จริง

 

เสียง ‘อา’ ดังขึ้น พร้อมกับเล่อเหยาเหยาก้าวถอยไปด้านหลัง จนแทบล้มลงบนพื้น

 

เพราะตอนแรกเริ่มเธอคิดว่าช่อดอกไม้!

 

ทว่าหลังหายตกใจ ก็เห็นหญิงสาวชุดแดงกำลังยืนอยู่ด้านข้างดอกโบตั๋นนั้น จึงถอนหายใจออกมา

 

เดิมทีคนผู้นี้มิใช่ช่อดอกไม้ แต่เป็นคุณหนูเหนียน!

 

เห็นเพียงคุณหนูเหนียนวันนี้ สวมกระโปรงรวนเหยียนหลัวสีเดียวกับดอกโบตั๋น

 

บนผมดำขลับประดับด้วยจ่วนฮัวดอกโบตั๋น ใบหน้าหมดจดนั้น ผ่านการประทินโฉมมาอย่างประณีต เวลานี้เธอยืนอยู่ข้างดอกโบตั๋น มองไปแล้วยังทำให้คนเข้าใจผิดว่าเธอคือเทพธิดาดอกโบตั๋น!

 

ทว่าเล่อเหยาเหยารู้ว่าเธอคือมนุษย์ ดังนั้นหลังหายตกใจ รีบยื่นมือลูบหน้าอกที่หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด เพื่อสงบอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง

 

พลันนึกถึงบางอย่าง จึงค้อมกายให้แก่คุณหนูเหนียน เพราะมารยาทพื้นฐานนี้ เธอทราบเป็นอย่างดี

 

เห็นเล่อเหยาเหยาคารวะตน เหนียนซูหลานกลับยิ้มอย่างอ่อนโยนเป็นมิตร เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่งดงามโอหัง

 

“เหยากงกง เมื่อครู่ข้าคงทำให้ท่านตกใจ”

 

“เอ่อ เล็กน้อย”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเหนียนซูหลาน เล่อเหยาเหยาจึงหัวเราะ พร้อมเอ่ยขึ้นมา

 

“เช่นนั้นข้าขออภัย เมื่อครู่ข้าเสียมารยาท จึงทำให้น้องเหยาตกใจ”

 

พอเอ่ยถึงตรงนี้ สีหน้าเหนียนซูหลานเปี่ยมด้วยการขอโทษ

 

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาพลันส่ายหน้าทันที

 

“ความจริงไม่ต้องคิดมากหรอก บ่าวขี้ตกใจตั้งแต่เด็ก คุณหนูเหนียนมิต้องเก็บเรื่องเมื่อครู่ไปใส่ใจเลย”

 

“ฮ่า ๆ น้องเหยาพูดจามีความหมายยิ่งนัก”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหนียนซูหลานยิ้มมุมปากอย่างงดงามน่ารักและมีนัยยะ

 

รอยยิ้มนั้นไม่รู้เพราะเหตุใด  เหมือนกับการฝึกซ้อมอยู่หน้ากระจกมานับครั้งไม่ถ้วน แม้หญิงสาวตรงหน้าจะงดงาม ท่าทางเวลานี้พูดได้ว่าดูเป็นมิตร แต่เล่อเหยาเหยากลับไม่อาจทำใจให้ชื่นชอบได้ มักรู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าหลอกลวง

 

ทว่าหลอกลวงหรือไม่หลอกลวงมิใช่เรื่องของตน คิดไปแล้วเหนียนซูหลานคงมาหาพญายม

 

พอคิดถึงตรงนี้ ในใจเล่อเหยาเหยาพลันเจ็บปวด

 

คิดไปแล้ว พญายมรูปโฉมไม่เลว จึงมีสาวงามชื่นชอบเช่นนี้

 

แม้จะคิดเช่นนี้ในใจ บนใบหน้าเล่อเหยาเหยายังยิ้มอย่างอ่อนโยนเหมาะสม ก่อนเอ่ยกับเหนียนซูหลาน

 

“คุณหนูเหนียนมาหาท่านอ๋องหรือ ตอนนี้ท่านอ๋องเข้าวังหลวงหลวงไม่อยู่ที่นี่”

 

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ หลังตนเอ่ยประโยคนี้จบ เหนียนซูหลานต้องรีบจากไปแน่นอน

 

คิดไม่ถึง กลับอยู่เหนือการคาดการณ์ของเธอ

 

เห็นเหนียนซูหลานเพียงยิ้ม ก่อนเอ่ยปากว่า

 

“ท่านอ๋องยังอยู่ในวังหลวง ข้าย่อมทราบดี ทว่าที่ข้ามาครั้งนี้ มิใช่มาหาท่านอ๋อง”

 

“เอ๋ มิใช่ท่านอ๋อง เช่นนั้นต้องการพบผู้ใด”

 

สำหรับคำพูดของเหนียนซูหลาน เล่อเหยาเหยารู้สึกสงสัยไม่หยุด

 

เพราะเหนียนซูหลานตลอดเวลา ต่างเปิดเผยความรักที่มีต่อพญายม นอกจากพญายม ทุกคนต่างไม่อยู่ในใจของเธอ เวลานี้กลับแตกต่างออกไป ไม่ได้มาพบพญายม เช่นนั้นเธอมาหาผู้ใด!

 

เล่อเหยาเหยากำลังสงสัยในใจ เหนียนซูหลานก็ไม่ให้เธอรอคอยนาน พลันเอ่ยปากขึ้นทันที

 

“เหยากงกง ครั้งนี้ข้ามาหาท่าน”

 

“เอ๋!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเหนียนซูหลาน เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างหนักหนึ่งรอบ

 

เพราะเธอกับเหนียนซูหลาน เคยพูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค วันนี้เธอตั้งใจมาพบเธอ ไม่รู้มีเรื่องใด

 

เพราะสงสัยในใจ เล่อเหยาเหยาจึงไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงรอคำพูดถัดไปอย่างเงียบๆ

 

เหนียนซูหลานเห็นเล่อเหยาเหยาตกใจครู่หนึ่ง พลันได้สติ ก่อนยิ้มมุมปากเอ่ยเข้าประเด็น

 

“วันนี้ ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมกับเหยากงกง ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน”

 

พูดถึงตรงนี้ เหนียนซูหลานหยุดชะงัก จากนั้นใบหน้าที่ยิ้มแย้มดูเคร่งขรึมลง จริงจังขึ้นหลายส่วน เอ่ยปากพูดกับเล่อเหยาเหยาทีละคำทีละประโยคว่า

 

“ดูจากความเฉลียวฉลาดของเหยากงกง คงมิคิดเป็นบ่าวรับใช้ผู้อื่นไปตลอดชีวิตเป็นแน่ เรื่องภัยแล้งและน้ำท่วมครั้งก่อน ข้าเคยได้ยินมาว่าเหยากงกงเป็นผู้เสนอกลอุบายอันยอดเยี่ยม และละครงิ้วสองเรื่องในงานวันประสูติกาลไทเฮาของเหยาเหยากงกง ทำให้ไทเฮาชื่นชอบอย่างมาก เหยากงกงมีความสามารถมากมาย ดังนั้นคนเช่นท่านนี้ จะยินยอมเป็นบ่าวรับใช้ของผู้อื่นไปตลอดชีวิตหรือ!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเหนียนซูหลาน ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงงัน

 

เพราะคำพูดของเหนียนซูหลานไม่ผิด เธอไม่ยินยอมเป็นบ่าวตลอดชีวิต แต่แม้จะไม่ยินยอม เช่นนั้นจะทำเช่นไร!

 

ตอนนี้เธอไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะเดียว ทุกครั้งเงินที่ได้รับมาอย่างไม่ง่ายดาย เพราะเหตุผลหลายอย่างจึงสูญหายไป เธอคิดว่าอาจเพราะเกิดมาเคราะห์ร้าย จึงพบเจอแต่เรื่องร้าย!

 

เรื่องเหล่านี้คือความจริง แต่เหนียนซูหลานพูดเช่นนี้ตอนนี้ หมายความว่าเช่นไร!

 

เล่อเหยาเหยาสงสัย แต่กลับไม่เอ่ยปากถามออกไป

 

ส่วนเหนียนซูหลานที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอคล้ายคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจเธอได้ ใบหน้าที่จริงจังหนักแน่นพลันปรากฎรอยยิ้มที่เป็นมิตรอ่อนโยนเช่นเมื่อครู่ขึ้นมา

 

เปลี่ยนสีหน้ารวดเร็ว จนทำให้คนรู้สึกเลื่อมใส

 

“ดังนั้นหากสามารถช่วยให้เหยากงกงหลุดพ้นสถานะบ่าวไพร่ได้ และมอบเงินก้อนหนึ่งให้แก่ท่าน เหยากงกงจะยินดีหรือไม่!”

 

คำพูดนี้ของเหนียนซูหลาน แฝงด้วยความล่อใจที่เย้ายวน

 

แม้คำพูดของเธอจะล่อใจอย่างยิ่ง เพราะสามารถหลุดพ้นจากสถานะขันที คือความฝันที่เธอต้องการมาตลอด

 

เพราะเธอข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ได้รับการสั่งสอนว่าทุกคนต่างเท่าเทียม หลังมาถึงที่นี่ เธอกลับเป็นบ่าวไพร่สถานะต่ำต้อย แม้ตอนนี้ เธอยังคงคับอกคับใจเช่นเดิม

 

ทว่านั่นเป็นเรื่องที่อับจนหนทาง

 

ผู้ใดให้เธอคนก่อนทำสัญญาขายตัวเข้าวังอ๋อง อักษรสีดำบนสัญญาขายตัวใบนั้นเขียนไว้อย่างชัดเจน แม้มีเงินคิดไถ่ถอนตัว นั่นก็ต้องหลังจากสามปีไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงจนใจอย่างยิ่ง รวมทั้งตอนนี้เธอไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว!

 

ดังนั้น หากสามารถหลุดพ้นจากสถานะบ่าวไพร่ และได้รับเงินอีกหนึ่งก้อน ย่อมถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก

 

แต่เล่อเหยาเหยาก็ทราบดีว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาฟรี วันนี้เหนียนซูหลานพลันมาที่นี่ ปฏิบัติกับบ่าวเช่นเธอที่ถือว่าไม่คุ้นเคยเป็นอย่างดี ต้องมีจุดประสงค์แน่นอน

 

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาเงียบชั่วขณะ ก่อนเอ่ยปากขึ้น

 

“คุณหนูเหนียนมีสิ่งล่อใจบ่าวอย่างมากเช่นนี้ บ่าวทั้งปลาบปลื้มและตกใจ ทว่าบ่าวอยากทราบว่าคุณหนูเหนียนทำเช่นนี้ เพื่ออันใด!”

 

ไม่มีของดีตกลงมาจากฟ้าได้ นี่เป็นเพียงกับดัก

 

โดยเฉพาะเหนียนซูหลานนี้ จากที่ใกล้ชิดมาหลายวัน เล่อเหยาเหยารู้สึกว่าเธอมิใช่คนดี

 

อาจเพราะเกิดในสภาพแวดล้อมที่ดี รูปโฉมโดดเด่น สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาจึงไม่เคยแสดงสีหน้าอันใดออกมา

 

แต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าพญายม มักแสดงท่าทางงดงามอ่อนช้อย น่าประทับใจออกมา

 

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาไม่ได้โง่เขลา แม้เหนียนซูหลานจะล่อใจอย่างมาก ทว่ามิได้ทำให้เธอลุ่มหลง

 

ครั้งนี้เหนียนซูหลานต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่นอนจึงทำเช่นนี้!

 

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ เหนียนซูหลานที่ยืนอยู่ตรงข้ามเธอ เห็นว่าหลังจากเล่อเหยาเหยาได้ยินคำพูดนี้ของตน บนใบหน้าดูไม่กังวลและเรียบเฉย กลับดูประหลาดใจบางส่วน

 

เพราะหลายวันที่ได้ใกล้ชิดมา เธอรู้สึกเพียงบ่าวผู้นี้เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย นิสัยไร้เดียงสา คิดไม่ถึงเมื่อเผชิญกับสิ่งที่ล่อตาล่อใจเช่นนี้ ยังคงรักษาสีหน้านิ่งเฉยเอาไว้ได้

 

ขณะตกใจเล็กน้อย เหนียนซูหลานได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นทำสีหน้าเป็นมิตร แฝงด้วยความสงสารหลายส่วน เอ่ยขึ้น

 

“หากพูดถึงจุดประสงค์ ข้าเพียงไม่อยากเห็นคนเช่นเหยากงกงถูกกดขี่เช่นนี้ ผู้มีความสามารถอย่างเหยากงกง หากออกจากวังอ๋อง ต้องท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้าได้แน่นอน”

 

เหนียนซูหลานพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ด้วยสีหน้าไม่ขัดเขินแม้แต่นิดเดียว ยังคงงดงามเช่นเดิม

 

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยากลับไม่เอ่ยปากรับคำทันที

 

เพราะเรื่องราวในตอนนี้ ทำให้เธอพลันนึกถึงละครทีวีที่ได้ผ่านตามาก่อนหน้านี้ คนเช่นเหนียนซูหลาน ทำเช่นนี้กับเธอ ต้องมีจุดประสงค์อื่นที่เธอไม่รู้แน่นอน

 

เหนียนซูหลานอยากให้เธอออกจากวังอ๋องหรือ!

 

นั่นเพราะเหตุใด!

 

เธออยู่ในวังอ๋อง คล้ายไม่ได้ล่วงเกินเธอเลย!

 

พอนึกถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกสงสัย

 

ทว่าสำหรับการขบคิดของเล่อเหยาเหยา เหนียนซูหลานไม่เอ่ยปากกดดัน เพียงรอคำตอบของเล่อเหยาเหยาอยู่เงียบๆ

 

อีกทั้งเธอมั่นใจ เธอเอ่ยเงื่อนไขที่ดีออกไปเช่นนี้ แม้แต่คนโง่ก็เข้าใจว่าควรทำเช่นไร

 

รวมทั้งหากเอ่ยว่าเธอมีจุดประสงค์ใด คงมีเพียงให้บ่าวผู้นี้ออกจากวังอ๋องไปเท่านั้น

 

เพราะการหยั่งเชิงในเก๋งพักร้อนของไทเฮาเมื่อคืน และการปฏิเสธของพี่อวี๋

 

ทำให้คาดเดาได้ว่าความจริงพี่อวี๋มีคนอยู่ภายในใจแล้ว ทว่าคนผู้นั้นมิใช่เธอ แต่เป็นบ่าวตรงหน้าผู้นี้!

 

แม้เรื่องที่รับรู้นี้จะเหลวไหลสิ้นดี แต่ต้องกันไว้ดีกว่าแก้ หากคิดทำลายความสัมพันธ์ของ ‘เขา’ และพี่อวี๋ เธอต้องกำจัด ‘เขา’ ออกไป

 

ขณะที่เหนียนซูหลานคิดอย่างมั่นใจ กลับไม่รู้ว่ามีเงาร่างหนึ่ง หลังจากที่เธอมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ได้ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบเชียบ

 

เวลานี้เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วขบคิด คิ้วงามน่ามองก็อดขมวดไม่ได้ ไม่รอให้เล่อเหยาเหยาเอ่ยสิ่งใดออกมา พลันเอ่ยปากขึ้นว่า

 

“พวกเจ้า กำลังคุยเรื่องใดกันหรือ!”

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำเช่นเดิม ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปคือน้ำเสียงนี้แฝงความโกรธเคืองจางๆ เอาไว้

 

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาและเหนียนซูหลานที่ยืนสนทนาอยู่กลางดอกโบตั๋นต่างหันกลับไปมองที่มาของเสียงนั้น

 

เห็นเพียง เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่รู้ตั้งแต่เวลาใด ได้ปรากฎตัวขึ้นมาด้านหลังพวกเธอ

 

เห็นชัดว่าคำสนทนาเมื่อครู่ของพวกเธอ เขาก็ได้ยินเกือบทั้งหมด

 

ใบหน้าหยิ่งยโสนั้น เต็มไปด้วยความเย็นชา ทำให้คนที่เห็นดุจเห็นพญายมที่มาจากนรกขุมที่สิบแปด

 

เห็นชัดว่าพญายมอารมณ์ไม่ดี เล่อเหยาเหยาตกใจกลัวจนคอหด

 

พึมพำในใจว่าพญายมนี้ ผีเข้าผีออกเสียจริง! ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

 

แต่ว่าความจริงเธอไม่ได้ทำเรื่องผิดมโนธรรมสิ่งใด จะหวาดกลัวขนาดนั้นเพราะเหตุใด!

 

อีกทั้งคำพูดเมื่อครู่ ส่วนใหญ่เป็นเหนียนซูหลานที่เอ่ยพูด เธอไม่ได้ตอบตกลงสิ่งใด!

 

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกดีขึ้นไม่น้อย

 

ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ปรับตัวได้ดุจแมลงสาบ เหนียนซูหลานที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลับเพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ตกใจจนใบหน้าที่ประทินโฉมอย่างประณีต ซีดขาวลงจนสุดจะบรรยาย!

 

…………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด