สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 153 จุมพิตใต้ดอกไม้ไฟ

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 153 จุมพิตใต้ดอกไม้ไฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เมื่อครู่มีคนไม่ฟังเปิ่นหวางอธิบาย ดื้อรั้นกัดเปิ่นหวาง เจ้าดูสิ เลือดไหลหรือไม่”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋จงใจเอ่ยปากอย่างเนิบช้า น้ำเสียงลากยาว ขณะเล่อเหยาเหยามีสีหน้าละอายใจ เขาตั้งใจส่งแขนตนที่ถูกกัดจนเลือดไหลไปตรงหน้าเล่อเหยาเหยา

แม้เวลานี้ไม่มีแสงสว่าง แต่พระจันทร์ที่ลอยเด่นยังคงส่งแสงขาวนวลลงมา บาดแผลบนมือเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เปิดเผยออกมาต่อหน้าเล่อเหยาเหยาอย่างแจ่มแจ้ง

เมื่อครู่เพียงเพราะโมโห จึงกัดอย่างไม่ออมแรง เวลานี้เมื่อเห็นรอยฟันที่มีเลือดไหลรินนั้นปรากฎขึ้นมาในสายตาตน เล่อเหยาเหยารู้สึกเสียใจอย่างหนัก

วู่วามคือมาร วู่วามคือปีศาจ!

เหตุใดเวลานั้นเธอไม่ฟังเขาอธิบาย ดูรอยฟันลึกนี้แล้ว เธอรู้สึกปวดใจ

“อวี๋ ข้าขออภัย”

เมื่อรู้ว่าตนเข้าใจเขาผิด เล่อเหยาเหยาใจอ่อนยวบ และเมื่อเห็นรอยฟันที่มีเลือดไหลรินตรงหน้า เล่อเหยาเหยาเสียใจไม่หยุด จึงอดเอ่ยปากขอโทษไม่ได้

“ข้าจะไปนำยามาทาแผลให้ท่าน ท่านรอข้าครู่เดียว”

เอ่ยจบ เล่อเหยาเหยาคิดออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่มไป คิดไม่ถึง ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ

มือหนึ่งโอบอยู่ที่เอวเล็กของเธอ อีกมือหมุนร่างเล็กของเธอกลับมา ทันใดนั้น ดวงตาสองคู่จ้องมองกัน

เดิมคิดว่า ตนทำร้ายชายหนุ่ม ชายหนุ่มต้องโมโหแน่

แต่เมื่อเงยดวงตาขึ้นสบดวงตาเย็นชาอ่อนโยนลึกล้ำของชายหนุ่ม หัวใจอดกระเพื่อมไม่ได้

เห็นเพียงแสงจันทร์คืนนี้ชวนหลงใหล ดอกไม้ไฟรอบด้านยังคงเบ่งบานเช่นเดิม

สีสันงดงามนั้น บางครั้งสว่างวาบ บางครั้งมืดดับ บางครั้งสีแดง บางครั้งสีเหลือง บางครั้งสีม่วง หลากหลายสีสัน

ส่วนชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา ดวงตาดำขลับคู่นั้น เพราะดอกไม้ไฟที่เบ่งบาน จึงปรากฎสีสันงดงามขึ้นมาอย่างแพราวพราว น่าหลงใหลเช่นนี้

ดุจแฝงด้วยพลังอันลึกลับ ทำให้คนมองจมดิ่งเข้าไป จนมิอาจถอนตัวขึ้นมาได้

เมื่อถูกสายตาอ่อนโยนแฝงด้วยความลึกลับของชายหนุ่มจ้องมองอยู่เงียบๆ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหัวใจของตน พลันเต้นระรัวขึ้นมา

เสียงหัวใจเต้น ‘ตึกตักตึกตัก’ ตามการระเบิดของดอกไม้ไฟ รุนแรงมากขึ้น

“อวี๋”

เมื่อถูกชายหนุ่มใช้สายตาอ่อนโยนลึกล้ำมอง เล่อเหยาเหยารู้สึกร่างกายอ่อนระทวยลง จนตนแทบละลายกลายเป็นน้ำ

แต่เธอกลับไม่รู้ตัวว่า เสียงเรียกออดอ้อนแผ่วเบาของตนนี้ ทำให้ชายหนุ่มที่ได้ฟังคล้ายมีแมวตัวหนึ่งกำลังข่วนอยู่ในใจจนคันยุบยิบ และทำให้เขาอบอุ่นขึ้นมา

ทันใดนั้น สายตาเย็นชาที่มองเล่อเหยาเหยา พลันปกคลุมด้วยชั้นของความร้อนแรง

เล่อเหยาเหยาเห็นแล้วสั่นไหวในใจ

เพราะสายตาเช่นนี้ของชายหนุ่มไม่ได้แปลกใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ยังคงทำให้เล่อเหยาเหยามองแล้วสั่นไหวในใจ คลับคล้ายเป็นความคาดหวัง

เห็นชายหนุ่มยกริมฝีปากรูปกระจับขึ้น ก่อนเอ่ยปากว่า

“ไม่ต้องทายาหรอก แต่เจ้าต้องชดเชยให้แก่เปิ่นหวาง”

“หา ชดเชยด้วยอะไร”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย พลันเอ่ยปากขึ้นโดยไม่คิดว่า

“แต่ข้าไม่มีเงิน”

เธอยากจนอย่างมาก ไม่มีเงินติดตัวแม้สตางค์เดียว หากเขาต้องการเงินชดเชย ก็ขายเธอทิ้งไปเถิด

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ยิ้มมุมปากอย่างหมดคำจะพูด

เพราะบางครั้งเขาอยากใช้ดาบหั่นศีรษะของ ‘เขา’ เสียจริง ดูว่าภายในสมองของ ‘เขา’ บรรจุสิ่งใดไว้กันแน่

เขาเอ่ยเมื่อใดว่าต้องการเงินจาก ‘เขา’ !

เพราะเขาคือรุ่ยอ๋องผู้สง่างาม แม้จะขาดแคลนสิ่งใด แต่ก็ไม่เคยขาดแคลนเงินมิใช่หรือ!

ในใจรู้สึกขบขัน แต่สุดท้ายเหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงยิ้มอย่างจนใจ จากนั้นยื่นมือชี้ไปที่ริมฝีปากรูปกระจับของตน เป็นการบอกใบ้แก่เล่อเหยาเหยา

ท่าทางของเหลิ่งจวิ้นอวี๋แจ่มชัดอย่างยิ่ง การชดเชยที่เขาเอ่ยถึงคือให้เธอจุมพิตเขา

เล่อเหยาเหยาเห็นย่อมเข้าใจ

ดังนั้น หลังเห็นการบอกใบ้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มพลันแดงก่ำขึ้น

โชคดีมีแสงจันทร์บดบังไว้ ทำให้คนไม่รับรู้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าของเธอ แต่ดวงตาเป็นประกายเขินอายตกตะลึงคู่นั้น กลับเผยความลับในใจเธอออกมาจนหมดสิ้น

สวรรค์!

การชดเชยที่พญายมเอ่ยถึง ความจริงคือสิ่งนี้!

แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่จุมพิตกับพญายม แต่ทุกครั้งต่างเป็นพญายมที่เป็นคนเริ่ม ตอนนี้เขากลับให้ตนเป็นคนเริ่มก่อน สวรรค์ น่าอายยิ่งนัก

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงมีความร้อนพุ่งตรงสู่เหนือศีรษะ สองแก้มก็ร้อนผ่าว จนเหนือศีรษะแทบมีกลุ่มควันลอยกรุ่นขึ้นมา

หลังตกตะลึง เล่อเหยาเหยากลับไม่ทำตามความปรารถนาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เพียงเอ่ยปากอย่างเขินอายตะกุกตะกักว่า

“อวี๋ เปลี่ยนเป็นชดเชยอย่างอื่นได้หรือไม่”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ขวยเขินมากมายสุดบรรยาย

แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่ให้เธอสมปรารถนา เพียงโบกมือของตนที่บาดเจ็บไปที่ตรงหน้าเล่อเหยาเหยาอีกครั้ง ก่อนเอ่ยขึ้นต่อว่า

“เจ้ากัดไปแล้ว ดูสิเลือดยังคงไหลอยู่ ไม่แน่ต่อไปอาจเป็นรอยแผลเป็นก็ได้ ตอนนี้ เจ้าเพียงจุมพิตเปิ่นหวางครู่หนึ่ง ก็ไม่เสียหายอันใด การซื้อขายครั้งนี้ เจ้าได้กำไร เหตุใดจึงไม่ยินยอม”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ และเห็นเขาตั้งใจโบกมือที่บาดเจ็บตรงหน้าเธอ รู้ชัดว่าเขาตั้งใจให้เธอรู้สึกผิด เล่อเหยาเหยาจึงยอมแพ้

เพราะเธอกัดเขา!

เล่อเหยาเหยากัดริมฝีปากแน่นครู่หนึ่ง ในใจกังวลขึ้นมา

ดวงตาคู่งามมองไปเห็นใบหน้าชายหนุ่มท่ามกลางดอกไม้ไฟที่สว่างและดับลงนั้น มีเสน่ห์อย่างมาก

ชายหนุ่มรูปโฉมหล่อเหลาอย่างยิ่ง ไม่ว่าเวลาหรือสถานที่ใด ใบหน้านั้นดุจถูกเทพเซียนรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีต

อีกทั้งริมฝีปากเขาน่ามองอย่างมาก

แม้จะแฝงด้วยความเย็นเฉียบ ทว่ากลับน่าสัมผัสอย่างมาก

อีกทั้งเมื่อจุมพิตลงไป เธอคงไม่เสียเปรียบ

และหากเปลี่ยนเป็นหญิงสาวอื่น คงอยากใจจะขาด!

เล่อเหยาเหยาไม่ลังเล เพียงกัดริมฝีปากเบาๆ ท่ามกลางสายตารอคอยของชายหนุ่ม จึงเขย่งปลายเท้าขึ้น ก่อนริมฝีปากอ่อนช้อยนั้นจะประกบลงบนริมฝีปากเย็นเฉียบของชายหนุ่ม

จุมพิตของเล่อเหยาเหยาดูรวดเร็ว ทว่าดุจแมลงปอเดินบนผิวน้ำ

แต่ขณะที่เธอจุมพิตริมฝีปากกระจับของเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างรวดเร็ว หมายจากไป กลับเห็นมือใหญ่ของชายหนุ่ม จับที่ท้ายทอยเธอไว้แน่นอย่างรวดเร็ว มืออีกข้างรัดที่เอวเล็กของเธอ รัดเธอไว้อย่างแน่นหนา

ส่วนริมฝีปากของเขา พลันปิดปากเล็กอ่อนช้อยของเธอแน่นทันที

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ แม้จะเป็นคนเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง แต่จุมพิตเขา กลับร้อนแรงดุจไฟ

มิใช่ชายหนุ่มในตอนแรกที่แม้กระทั่งจุมพิตก็ยังเขินอายอีกแล้ว

เมื่อจุมพิตใกล้ชิดกับเธอ จุมพิตของเหลิ่งจวิ้นอวี๋นับวันยิ่งก้าวหน้ายิ่งขึ้น

เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียง ลิ้นของชายหนุ่มแฝงด้วยกลิ่นสาระแหน่เข้มข้นแงะเปิดฟันเธอออกอย่างรวดเร็ว ก่อนสอดลิ้นเข้าไป ลิ้นนั้นพัวพันกับลิ้นเล็กของเธอไม่หยุดด้วยพลังที่รุนแรง คล้ายต้องการกลืนลิ้นของเธอลงไปในท้อง

แม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่ความรู้สึกนั้นแฝงด้วยการทำให้หัวใจของคนเต้นแรงจนผิดจังหวะ

ตามมาด้วยจุมพิตดุจพายุลมและฝนของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีของตนถูกสูบออกไป พลันร่างกายอ่อนระทวยลง จบแทบละลายกลายเป็นน้ำ

โชคดีที่ชายหนุ่มโอบกอดไว้ มิฉะนั้นเวลานี้เล่อเหยาเหยาต้องขาอ่อนจนล้มกองอยู่บนพื้นแน่นอน

ดอกไม้ไฟยังคงเบ่งบานต่อไป ค่ำคืนนี้จึงน่าหลงใหลอย่างยิ่ง

สองคนพัวพันกันอย่างร้อนแรงอยู่ภายในศาลาพักร้อนยาวนาน ในที่สุดค่อยๆ แยกจากกันอย่างไม่ง่ายดาย

ลมหายใจติดขัดยุ่งเหยิง เล่อเหยาเหยาหน้าแดงใจเต้นระรัว ดวงตาคู่งามแฝงด้วยความเขินอาย มือเล็กดุจเถาวัลย์ คว้าปกเสื้อตรงหน้าอกของชายหนุ่มไว้แน่น ราวกับตามหาที่พักพิง ทว่าอาจเป็นเพราะจุมพิตร้อนแรงเมื่อครู่ ปกเสื้อตรงหน้าอกของชายหนุ่มได้ถูกเล่อเหยาเหยาดึงทึงจนยับย่นไปแล้ว และยังไม่ระวังเปิดเผยผิวตรงหน้าอกของเขาออกมา

แสงจันทร์มืดสลัว ดอกไม้ไฟงดงาม

ผิวด้านในที่เด่นชัดบนหน้าอกชายหนุ่มนั้น เปิดเผยอย่างเลือนลาง ดึงดูดใจผู้คนยิ่งนัก!

ทำให้เล่อเหยาเหยาที่เห็น คล้ายได้เห็นอาหารโอชะอันเลิศรสที่สุด จึงอดกลืนน้ำลายไม่ได้

ท่าทางนั้น คล้ายแมวป่าตัวน้อยที่หิวโซตัวหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอย่างสดใสออกมา

“ฮ่าๆ”

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเบิกบานใจ เสียงหัวเราะสดใสนั้น ดังกึกก้องจนไปถึงก้อนเมฆ

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะสดใสนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยากลับรู้สึกว่าตนทำเรื่องขายหน้าอีกแล้ว จึงอดหน้าแดงไม่ได้ พลันกระทืบอย่างเขินอายจนกลายเป็นโมโห

“หยุดหัวเราะ ถ้าหัวเราะอีกครั้ง ข้า ต่อไปข้าจะไม่สนใจท่านอีก”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาโมโห เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับไม่หยุดหัวเราะ กลับกันยังหัวเราะหนักขึ้น

“ฮ่าๆ เด็กน้อย เจ้าน่ารักเสียจริง”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋หัวเราะอย่างสดใส พลันยื่นนิ้วออกมาเกาจมูกงามของเล่อเหยาเหยาเบาๆ อย่างเอ็นดูไร้ที่เปรียบเทียบ

ท่าทางนั้นเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด ทว่ากลับเป็นท่าทางสนิมสนมระหว่างคู่รัก

เมื่อถูกเหลิ่งจวิ้นอวี๋เกาจมูกอย่างรักใคร่เอ็นดูเช่นนี้ และเห็นถึงแววตาที่มีรอยยิ้มของเขา เล่อเหยาเหยาขวยเขินอีกครั้ง ทว่าหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่น

เพราะเวลานี้ ความรู้สึกนี้ช่างงดงามอย่างยิ่งจริงๆ

วันหน้าพวกเขาก็อยากให้เป็นดังเช่นเวลานี้ นั่นคงดีไม่น้อย

ความคิดนี้ ไม่ใช่เพียงเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็คิดเช่นกัน

ทั้งสองคนหัวเราะสนุกสนาน เหลิ่งจวิ้นอวี๋รู้ว่าวันนี้เล่อเหยาเหยายังไม่ได้ทานอาหารเย็น และรู้ว่าวันนี้คือวันเกิดของเธอ จึงให้ห้องครัวจัดเตรียมอาหารเย็นอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด และทำบะหมี่อายุยืนพร้อมไข่ไก่แดง

แม้ตอนเช้าจะทานไข่ไก่แดงและบะหมี่อายุยืนไปแล้ว แต่เมื่ออยู่ร่วมกับคนที่แตกต่างกัน สิ่งของที่ทาน จึงดูราวกับมีรสชาติที่แตกต่างออกไป

วันนี้อารมณ์ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ถือว่าดีอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงให้ คนจัดเตรียมอาหารกว่าสิบเมนู เพื่อทานกับเล่อเหยาเหยาอย่างอิ่มหน่ำสำราญ

ทั้งสองคนต่างทานอย่างตะกละตะกลาม ทานอย่างเอร็ดอร่อยเพลิดเพลิน

สุดท้ายทั้งสองคนทานจนอิ่มตื้อ ดังนั้นหน้าท้องจึงกลมนูนขึ้น

เล่อเหยาเหยาที่ทานจนปากมันแผลบ ยังเรออย่างอิ่มหนำออกมา

บนใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มนั้น กลับมีท่าทางอิ่มอกอิ่มใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่มองอยู่ด้านข้างยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนเอ่ยว่า

“วันเกิดปีนี้ เจ้าอยากได้สิ่งใด เปิ่นหวางต่างสามารถมอบให้กับเจ้าได้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด