สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 218 เจ็ดรอบในหนึ่งราตรี (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 218 เจ็ดรอบในหนึ่งราตรี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เขาไม่อยากเสียงดังจนปลุกปีศาจน้อยนั้นให้ตื่นขึ้นมา มิฉะนั้นคนที่ต้องทุกข์ทรมานก็คือเขา!

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ก่อนโน้มตัวลงชิดใบหูของเล่อเหยาเหยา เอ่ยแหบพร่าขึ้นว่า

“เมื่อครู่ ข้าปรนนิบัติเจ้าอยู่ตั้งนาน ตอนนี้ควรถึงคราของเจ้าแล้ว”

เอ่ยจบ ชายหนุ่มวาดแขนพลิกตัวหญิงสาวบนเตียงให้ขึ้นมาอยู่บนกายตน

การหมุนตัวอย่างฉับพลันนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาร้องตกใจออกมา สุดท้ายด้วยเกรงจะทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนที่นอนอยู่ด้านนอกตื่นขึ้นมา จึงรีบกัดริมฝีปากไม่กล้าส่งเสียงใดออกมาทันที

เมื่อเห็นท่าทางเขินอายและระแวงของเล่อเหยาเหยา คล้ายลักลอบมีชู้ลับหลังสามี ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จนใจและขบขัน

ทว่าเขาไม่คิดให้มากความ เพราะความปรารถนาในท่อนล่างของเขา ตึงแน่นจนต้องรีบระบายออกมาแล้ว

เมื่อคืนเขาสาดน้ำเย็นอยู่ทั้งคืนจึงดับไฟลงได้ คืนนี้เขาต้องชดเชยจึงจะถูก!

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เผยอริมฝีปากเอ่ยเสียงแหบพร่าทุ้มต้ำขึ้นมา

“เหยาเหยา ใช้ปากของเจ้าช่วยมันเถิด เพราะเจ้ามันจึงขยายตัวขึ้นมา”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยามีสีหน้าแฝงความเขินอาย แต่มองเห็นใบหน้าเปี่ยมด้วยความปรารถนาและอดกลั้นของชายหนุ่มท่ามกลางแสงจันทร์ เล่อเหยาเหยารู้ว่าเขาตอนนี้อดกลั้นจนถึงขีดสุดแล้ว และทรมานอย่างมากแน่นอน

คิดแล้วเขาคือบุรุษธรรมดาผู้หนึ่ง ต้องอดกลั้นอยู่นานเช่นนี้ ไม่เจ็บปวดคงจะแปลก!

และนึกถึงเมื่อคืนเพราะเซวียนเอ๋อร์ เขาต้องสาดน้ำเย็นอยู่ตลอดคืน ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงปวดใจและอยากชดเชยให้เขาเช่นกัน

ดังนั้น เวลานี้เล่อเหยาเหยาจึงปลดสายรัดทั้งหมดลง ไม่เขินอายอีก ก่อนก้มศีรษะลงไปที่สิ่งขนาดมหึมาตรงกลางขาชายหนุ่ม

คืนนี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้รับสิ่งที่ต้องการ และได้พบกับเรื่องที่มีความสุขที่สุด

แม้การเข้าหอจะช้าออกไป แต่เขากลับพิสูจน์ได้ว่าสิ่งใดคือเจ็ดครั้งในหนึ่งราตรี!

คืนนี้เล่อเหยาเหยาไม่เพียงมือและปากเล็กเหนื่อยล้า ทั้งแสบทั้งปวด เพราะชายหนุ่มกลายร่างเป็นหมาป่า จับเธอพลิกตัวไปมาตลอดคืนและกินถึงเจ็ดครั้ง ดังนั้นเธอจึงหมดสติไปเจ็ดครั้ง

เหลิ่งจวิ้นอวี๋แม้จะคิดว่าบุตรชายผู้นี้ของตนคือ ปีศาจน้อยตนหนึ่งที่มาแย่งชิงหญิงสาวกับเขา ดังนั้นส่วนใหญ่เขาจึงรู้สึกอยากเตะเขาออกไปไกลๆ เช่นนี้เขาจึงจะไม่ได้มาเกาะติดหญิงสาวของเขา

แต่เมื่อไม่เห็นปีศาจน้อยผู้นี้ ใจของเขากลับคล้ายถูกมีดทิ่มแทงเข้าไปอย่างรุนแรง จนเจ็บปวดอย่างหนัก!

“เจ้าว่าเช่นไรนะ เซวียนเอ๋อร์หายไป!”

หลังจัดการงานราชการเสร็จ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ตรงไปหาคนงามของตนอย่างรวดเร็ว วางแผนคลอเคลียสักรอบ

แม้เมื่อคืนเขาจะชื่นชมไปกว่าเจ็ดครั้ง แต่สำหรับคนงามของเขานี้ คืออาหารอันโอชะ ที่ไม่มีทางเบื่อหน่าย

และเพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจน้อยนั้นเกาะติดคนงามของเขา เขาจึงให้เซี่ยลี่พาปีศาจน้อยนั้นออกไปข้างนอก ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดพลันปรากฎตัวขึ้นมาขัดขวางเรื่องของเขาแน่!

ผู้ใดจะรู้ เมื่อเขาเพิ่งกลับมาถึงตำหนัก กลับได้ยินเซี่ยลี่เข้ามารายงานอย่างวิตกกังวล

เล่อเหยาเหยาได้ยินแทบหมดสติไป

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ได้ยิน พลันรีบประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของเล่อเหยาเหยา ก่อนหันไปเอ่ยถามเซี่ยลี่ที่วิตกกังวลว่า

“นี่มันเกิดเรื่องใดขึ้นหรือ อยู่ดีๆ เหตุใดเซวียนเอ๋อร์จึงหายตัวไป!”

เมื่อได้ยินคำถามของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เซี่ยลี่ย่อมรู้ถึงความผิดของตน พลันหดกายลง แต่ยังเอ่ยความจริงออกมา

“เมื่อครู่ข้าและองค์ชายน้อยออกไปด้านนอก ทว่าบนถนนมีผู้คนมากมาย ข้าจึงปกป้ององค์ชายน้อยอยู่ด้านหน้า ต่อมาองค์ชายน้อยเอ่ยว่าต้องการทานถังหูลู่ ข้าจึงไปซื้อให้แก่เขา ไม่ถึงเพียงชั่วขณะองค์ชายน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายข้าหายตัวไปแล้ว ข้าตามหาอยู่หลายรอบไม่เห็นแม้แต่เงาขององค์ชายน้อย ฮือๆ ท่านอ๋องข้าผิดไปแล้ว ท่านลงโทษข้าเถิดเพคะ!”

หลังเอ่ยจบ เซี่ยลี่ร้องไห้อย่างหนัก

เพราะเธอไม่ได้กลัวบทลงโทษ แต่เพราะห่วงใยองค์ชายน้อย

ตั้งแต่องค์ชายน้อยลืมตาดูโลก แม้เธอจะเป็นบ่าวไพร่ แต่สำหรับองค์ชายน้อย เธอก็รักเช่นเป็นบุตรของตนผู้หนึ่ง วันนี้องค์ชายน้อยหายตัวไป จะให้เธอไม่กังวลได้เช่นไร!

ดังนั้นครั้งนี้เซี่ยลี่เสียใจเป็นที่สุด

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเช่นนั้น อดเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาโทษตนเองและกังวล เจ้ารีบแบ่งคนในวังออกเป็นกลุ่ม เพื่อตามหาเซวียนเอ๋อร์ให้เจอโดยเร็วที่สุด!”

หลังจากเหลิ่งจวิ้นอวี๋รับสั่ง วังอ๋องพลันโกลาหลขึ้นมา

ทั่ววังอ๋องเพราะการหายตัวไปขององค์ชายน้อยจึงวุ่นวาย แต่คนตัวเล็กนั้น เวลานี้กลับไม่รับรู้ ยังคงมีความสุขอยู่บนถนนใหญ่ดุจนกน้อยที่ถูกปล่อยออกจากกรงมีอิสระเสรี

เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่ในวังมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าไปที่ใดจะมีคนกลุ่มใหญ่ติดตามข้างกาย และก่อความวุ่นวายไปกับเขา

ตอนนี้ไม่ง่ายที่ข้างกายจะไร้ผู้คนติดตาม ในใจของเหลิ่งอวี้เซวียนจึงดีใจอย่างที่สุด และไม่รู้สึกถึงอันตรายแม้แต่นิดเดียว

เพราะอายุยังน้อย ความคิดจิตใจจึงบริสุทธิ์ และไม่กลัวว่าคนที่มีกลิ่นอายสูงศักดิ์ ท่าทางนุ่มนิ่มเช่นเขา จะเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าโจรลักพาตัวยิ่งนัก

เหลิ่งอวี้เซวียนเวลานี้เพียงต้องการเดินเล่นสักครู่ ไม่นานคนในครอบครัวเขาจะตามตัวเขาพบ ดังนั้นเวลานี้เขาจึงเล่นสนุกอย่างสำราญใจเป็นพิเศษ

และบนถนนในเมืองหลวง ร้านค้าเรียงราย ร้านน้ำชาโรงสุรา มากมายนับไม่ถ้วน

สองฝั่งถนนมีขายข้าว ขายผ้าไหม ขายเครื่องประดับ ขายเครื่องประทินโฉมเป็นต้น

และหน้าร้านค้าสองฝั่งถนน มีแผงขายของจำนวนไม่น้อย ขายจำพวกของเล่นแปลกใหม่ รูปปั้น หุ่นกระบอก และถังหูลู่

เด็กน้อยภายในวังไม่เคยขาดแคลนสิ่งใด โดยพื้นฐานต่างมีชีวิตสุขสบาย อยู่ดีกินดี ไม่มีสิ่งใดให้กังวล

แต่สิ่งของด้านนอกเหล่านี้ ภายในวังที่โอ่อ่าตระการตาไม่เคยได้พบพานมาก่อน

แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ออกมาเดินเล่นบนถนน แต่สำหรับเหลิ่งอวี้เซวียนทุกสิ่งทุกอย่างต่างแปลกใหม่น่าสนใจ ทำให้เขาเพลิดเพลินจนลืมกลับบ้าน

และเพราะสายตาของเขาสนใจพวกของเล่นนั้นเกินไปและรูปร่างก็เล็ก ดังนั้นคนในวังอ๋องที่ออกตามหาเขาจึงเดินผ่านไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อเหลิ่งอวี้เซวียนเหนื่อยล้า เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

เมื่อเห็นแสงอาทิตย์สีส้มดุจไข่แดงหายลับไปทางทิศตะวันตก เหลิ่งอวี้เซวียนจึงเริ่มลังเลขึ้นมา

ในใจทั้งหวาดกลัวกังวล เหตุใดคนที่วังจึงยังไม่มาตามหาเขา!

เมื่อไม่เคยมาออกมาจากวังตัวคนเดียว เขาจึงไม่คุ้นเคยถนนหนทางของที่นี่แม้แต่นิดเดียว!

ยิ่งคิด เหลิ่งอวี้เซวียนยิ่งหวาดกลัวในใจมากขึ้น

และหลังเดินมาทั้งวัน เหลิ่งอวี้เซวียนจึงหิว

ท้องเล็กนั้นส่งเสียงดัง ‘จ๊อกๆ’ ออกมาไม่หยุด

เหลิ่งอวี้เซวียนพลางลูบหน้าท้องของตน พลางใช้ดวงตากลมโตเปี่ยมด้วยความลังเลคู่นั้นมองสำรวจไปรอบๆ

ที่นี่คือถนนที่เขาไม่คุ้นตา ที่นี่ผู้คนพลุกพล่าน แต่กลับไม่มีผู้คนรู้จักเขา

ตอนนี้เขาหิวมากจริงๆ!

“ฮือๆ เสด็จแม่ น้าผิง น้าลี่ พวกท่านอยู่ที่ใด”

เหลิ่งอวี้เซวียนหวาดกลัว และเมื่อเดินสักระยะรู้สึกหิว และเท้าของเขาเหนื่อยล้าจนเดินไม่ไหวแล้ว

สุดท้ายเพียงทรุดนั่งลงอยู่ใต้ชายหลังคา สองมือกอดเข่า ก้มหน้าร้องไห้ขึ้นมา

เหลิ่งอวี้เซวียนเวลานี้รู้สึกตนถูกทอดทิ้ง

ท้องก็หิว เท้าก็เหนื่อยล้า

และน้ำตาไหลรินอย่างไม่รู้จบ ในใจเขาทั้งน้อยใจและหวาดกลัว!

แต่ขณะที่เขาไม่รู้ร้องไห้นานเพียงใด เสียงอ่อนนุ่มหนึ่งพลันดังขึ้นข้างกายเขา

“พี่ชาย ท่านร้องไห้ทำไมหรือ”

เมื่อได้ยินเสียงไพเราะนี้ ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนที่ร้องห่มร้องไห้อดหยุดชะงักไม่ได้ ทันใดนั้นค่อยๆ เงยใบหน้าเล็กเปื้อนคราบน้ำตาขึ้น

เห็นเพียงไม่รู้ตั้งแต่เวลาใด ข้างกายเขามีเด็กผู้หญิงร่างเล็กยืนอยู่

เด็กผู้หญิงคนนี้ เห็นชัดว่าอายุน้อยกว่าเขา แต่รูปโฉมกลับน่ารักยิ่งนัก

ก่อนหน้านี้มารดาและเหล่าน้าผิงน้าลี่ต่างมักพูดเสมอว่า เซวียนเอ๋อร์คือเด็กผู้ชายที่น่ารักที่สุดบนโลกนี้ เวลานั้นเขามั่นใจ แต่เมื่อเขาเห็นเด็กผู้หญิงตรงหน้านี้ จึงพบว่าที่แท้บนโลกนี้ยังมีเด็กที่รูปโฉมน่ารักกว่าเขา

เห็นเพียงเด็กผู้หญิงนี้ สวมกระโปรงสีชมพูตัวเล็กบนกาย แม้เนื้อผ้าดูแล้วจะหยาบ แต่สีชมพูอ่อนนั้นเหมาะกับเธออย่างยิ่ง

ขับผิวขาวผ่องดุจไข่ไก่ที่มารดาปอกเปลือกให้เขาทานของเธอ ทำให้คนที่เห็นอดอยากเข้าไปกัดและลูบไล้ไม่ได้

ส่วนผมที่ยาวลื่นของเด็กหญิงนั้น กลับถักเป็นเปียขนาดใหญ่สองเส้นอย่างสวยงาม ก่อนปล่อยลงบนไหล่ทั้งสองข้างของเธอ ทำให้ใบหน้าเล็กกลมมน อ่อนนุ่มนั้น คล้ายขนมบัวลอยน่าทานในคืนฤดูใบไม้ผลิ ช่างน่ารักยิ่งนัก

ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตาเขาคือ ดวงตากลมโตของเด็กหญิงผู้นั้น

ดวงตาคู่นั้น ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนอดนึกถึงทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วง ผิวน้ำแวววาว กระจ่างใสและสวยงาม คล้ายไม่นานจะไหลหยดออกมา ทำให้เธอดูน่าสงสารและน่ารัก ทำให้ผู้คนชื่นชอบเธอจากใจจริง!

ขณะเหลิ่งอวี้เซวียนสำรวจเด็กผู้หญิงตรงหน้าที่อายุน้อยกว่าเขาอย่างชัดเจน เด็กผู้หญิงก็กำลังสำรวจเขาอยู่เช่นกัน

หลังผ่านไป เห็นเพียงเด็กผู้หญิงอดล้วงผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งออกมาจากอกตนไม่ได้ จากนั้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยนใส่ใจ

และขณะเช็ด เธอยังใช้เสียงนุ่มนิ่มดุจขนมสายไหมปลอบโยนเขา

“พี่ชาย อย่าร้องไห้เลย มา ซินเอ๋อร์จะให้พี่ชายทานน้ำตาลปั้น”

น้ำเสียงในการพูดของเด็กผู้หญิง คล้ายกับผู้ใหญ่กำลังปลอบประโลมเขา ทั้งที่เห็นชัดว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่าเขา

แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อาจเพราะน้ำเสียงอ่อนโยนของเด็กผู้หญิง คล้ายน้ำตาลปั้นในมือของเธอ จึงทำให้ผู้คนชมชอบเป็นที่สุด

ดังนั้นไม่นานเหลิ่งอวี้เซวียนจึงไม่ร้องไห้อีก

เขารู้สึกว่าตนกลับร้องไห้ออกมาต่อหน้าเด็กผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า ช่างขายหน้าเสียจริง

ดังนั้น เหลิ่งอวี้เซวียนหลังสูดจมูก กลืนความน้อยใจและน้ำตาทั้งหมดกลับลงไปในท้องของตน

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขายังรู้สึกหิวอย่างมาก จนท้องส่งเสียง ‘จ๊อกๆ’ ออกมาไม่หยุด

เห็นชัดว่าเด็กผู้หญิงก็ได้ยินเสียงท้องที่ร้องของเขา จึงอดปิดปากหัวเราะไม่ได้ ก่อนผลักน้ำตาลปั้นในมือมาด้านหน้าเขา ก่อนกล่าวยิ้มๆ ว่า

“พี่ชายรีบทานเถิด ท่านคงหิวแล้วใช่หรือไม่!”

เมื่อเห็นท่าทางยิ้มแย้ม จนดวงตาคู่สดใสนั้นโค้งงอขึ้นของเด็กผู้หญิง ดุจพระจันทร์เป็นประกายสวยงามอย่างยิ่ง

ทำให้เหลิ่งอวี้เซวียนมองอย่างตะลึงงัน ทว่าเขาไม่คิดมาก เพราะตอนนี้เขาหิวอย่างหนัก

เพราะตั้งแต่ลืมตาดูโลกมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยต้องทำสิ่งใด เมื่อหิวเพียงเอ่ยปากกับบ่าวไพร่ อาหารอันโอชะทุกอย่างพลันส่งขึ้นมาต่อหน้าเขา

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกสิ่งเหล่านี้ต่างสมเหตุสมผล ต่อมาเมื่อออกมาบนถนนใหญ่กับมารดาหลายครั้ง เขาจึงรู้ว่าความจริงเมื่ออยากทานต้องใช้เงิน น่าเสียดายเมื่อออกมาด้านนอกเขาไม่เคยพกเงินติดตัว ต้องการทานสิ่งใดเพียงเอ่ยกับมารดาและพวกน้าผิงก็เพียงพอแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด