สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 177.1 พายุมาถึง (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 177.1 พายุมาถึง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ค่ำคืนอันเงียบสงัดไร้ผู้คน

กลางวันพลันเกิดฝนตกหนัก บนพื้นจึงยังชื้นแฉะ ภายในอากาศอบอวลด้วยกลิ่นของดิน

สายลมยามเย็นพัดเอื่อย แฝงด้วยความเย็นเล็กน้อย

แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่เพราะพายุฝนเมื่อกลางวันนั้น จึงเห็นชัดว่าตอนเย็นอุณหภูมิลดลงไม่น้อย

ค่ำคืนที่เคยมืดมิด เพราะปกคลุมด้วยเมฆสีดำทะมึน จึงบดบังแสงจันทร์หมู่ดาว ดังนั้นจึงทำให้คืนนี้ยิ่งมืดมิดมากขึ้น

เมื่อมองท้องฟ้ามืดมิดนั้น ราวกับมีปีศาจร้ายกำลังอ้าปากกว้างอยู่ตนหนึ่ง น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

ความจริงอากาศเช่นนี้ ทุกคนต่างเก็บตัวอยู่ในเรือนนอนหลับสนิท เหลือเพียงคนเคาะฆ้องที่ตะโกน ‘อากาศร้อนชื้น โปรดระวังฟืนไฟ’

แต่ขณะที่เงียบสงัด ทันใดนั้น บนถนนที่มืดมิดมีเงาร่างดำบอบบางดุจปีศาจเดินอยู่ตรงมุมมืด จากนั้นเดินไปตามตรอกเล็กที่อยู่ห่างออกไป ตรงไปยังถนนที่เป็นทางออกจากเมืองหลวง หลังจากนั้นก็หยุดอยู่ที่เรือนเก่ายุ่งเหยิงแห่งหนึ่ง

เห็นเพียงเรือนหลังนั้นเก่าทรุดโทรมอย่างมาก หลังคาประตูไม้นั้นแทบจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

เมื่อสายลมพัดผ่าน ประตูลายสลักที่ทรุดโทรมนั้นส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ ขึ้นมา ในคืนที่เงียบสงัดจึงฟังดูน่าหวาดกลัวเป็นพิเศษ!

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกล ขนาดขอทานต่างไม่กล้าเข้ามาสถานที่เช่นนี้

แต่คืนนี้กลับมีคนผู้หนึ่งมาเยือนที่นี่

เห็นเพียงคนผู้นี้ดำสนิทไปทั้งตัว เพราะบนร่างคลุมด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำ ใบหน้านั้นถูกหมวกปกปิดเอาไว้ ทำให้คนมองไม่เห็นหน้าตาของเธอ

ทว่าจากส่วนสูงและรูปร่างบอบบาง สามารถมองออกว่าคนผู้นี้คือ หญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย

เห็นเพียงหญิงสาวผู้นี้ ลังเลและตัดสินใจไม่ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังหวาดกลัว

มือที่ถือโคมไฟทำจากผ้าไหมบาง ลังเลอยู่หน้าประตูของเรือนที่ทรุดโทรมนั้นครู่หนึ่ง หลังรวบรวมความกล้าจึงเดินเข้าไปในเรือนแห่งนั้น

หญิงสาวเงยหน้ามองสำรวจไปทั่วเรือนเก่าทรุดโทรมชั่วครู่ ทันใดนั้นจึงเอ่ยถามอย่างระแวงระวังว่า

“มีคนอยู่หรือไม่”

เมื่อหญิงสาวเอ่ยจบ ไร้เสียงตอบรับจากรอบด้าน มีเพียงเสียงลมพัดผ่านไปจนยอดไม้เอนไหว วัชพืชลู่ราบไปตามสายลม ประตูไม้ที่ตกลงมานั้นเกิดเสียง ‘แอ๊ดอ๊าด’ ดังออกมา ทำให้รอบด้านยิ่งมืดครึ้มน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น

ภาพน่ากลัวสะท้อนอยู่บนพื้นนั้น ดุจปีศาจกำลังสะบัดกรงเล็บ

เห็นเช่นนั้น หญิงสาวพลันหวาดหวั่นอย่างชัดเจน หลังกลืนน้ำลายจึงคิดหมุนกายจากไป

แต่ขณะเดียวกัน ด้านหน้าไม่ไกลจากเธอมีเสียงดัง ‘ปัง’ เกิดขึ้น ราวกับมีบางอย่างหล่นลงมา

เสียงนั้น จึงดังกังวานเป็นพิเศษในคืนที่เงียบงัน

เมื่อได้ยิน ร่างกายของหญิงสาวดุจบรรจุสปริง กระเด้งถอยหลังไปหลายก้าวทันที

ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง แววตาแฝงด้วยความหวาดกลัวและตกตะลึง

แต่ขณะที่หญิงสาวคิดหมุนกายวิ่งหนีไปอย่างหวาดกลัว ด้านหน้าพลันมีเสียงแมวร้องดังขึ้นมา

ขณะเดียวกันก็มีแมวป่าสีดำตัวหนึ่งกระโดดลงมาต่อหน้าหญิงสาว

เห็นเช่นนั้น หญิงสาวจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนตบหน้าอกพร้อมพึมพำขึ้นว่า

“ตกใจหมด ที่แท้เป็นเพียงแมวป่า ข้านึกว่า…”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ หญิงสาวชะงักงันก่อนพึมพำต่อ ทว่าภายในน้ำเสียงดูสงสัยและหงุดหงิดขึ้นหลายส่วน

“คนพวกนั้นต่างเอ่ยว่าที่นี่มีมือสังหาร เหตุใดกลับไร้ผู้คน หรือพวกเขาต่างโกหกข้า น่าตายนัก!”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหญิงสาวดูโมโหจนกัดฟันกรอด คิดจะหมุนกายจากไป แต่ทันใดนั้นมีเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ

“เจ้ามาหาข้าหรือ!”

“อา!”

เมื่อจู่ๆ ได้ยินเสียงจากด้านหลัง เห็นชัดว่าหญิงสาวตกใจอย่างหนัก

ขณะหมุนกายจึงอดถอยหลังโซเซไปหลายก้าวไม่ได้ จนแทบล้มลงบนพื้น

เมื่อหญิงสาวเห็นชายหนุ่มที่ไม่รู้ปรากฎตัวขึ้นอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อใดอย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามเบิกกว้างชั่วขณะ แววตาปรากฎความหวาดกลัวขึ้นมา

เพราะชายหนุ่มดั่งปีศาจผู้นี้ รูปร่างสูงใหญ่ ตระหง่านดุจภูเขา แต่เมื่อเดินกลับไร้สุ้มเสียงราวกับปีศาจ

แต่กลับแสดงวิทยายุทธ์ดุจน้ำนิ่งไร้ลึกออกมา

ชายหนุ่มสวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้านั้นก็ซ่อนอยู่ในความมืด ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของเขา

แต่ไอสังหารที่กระจายออกมาจากตัวเขา มีเพียงคนที่สังหารคนเป็นประจำถึงจะมีได้!

ดังนั้นหญิงสาวยิ่งหวาดกลัวในใจ ทว่าฉุกคิดเรื่องที่ตนมาพบนักฆ่าผู้นี้ในวันนี้ขึ้นมาได้ ดังนั้นร่างกายที่สั่นเทิ้มพลันสงบลง

ก่อนกัดฟันแน่นอยู่ชั่วครู่ จึงเอ่ยอย่างระมัดระวังขึ้นว่า

“ท่านเป็นนักฆ่าหรือ”

“ข้าเป็นนักฆ่าหรือไม่ ก่อนจะมาที่นี่เจ้ามิได้สอบถามคนให้กระจ่างแล้วหรือ พูดมาเถิด อยากสังหารผู้ใด เพียงเสนอเงินที่คุ้มค้า ข้าล้วนสามารถสังหารให้เจ้าได้”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องประเภทนี้เป็นครั้งแรก

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม แม้จะรู้สึกว่าเขาเงียบขรึม เต็มไปด้วยไอสังหารทั่วกาย วรยุทธ์คงไม่ด้อยเป็นแน่

แต่นักฆ่าเช่นนี้ คือคนที่หญิงสาวต้องการที่สุด

พอนึกถึงว่าชายผู้นี้คือนักฆ่าเลือดเย็นที่เธอใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการเสาะหาตัว หญิงสาวจึงมั่นใจในใจ ก่อนเอ่ยว่า

“ได้ เมื่อเจ้าเอ่ยว่าเพียงให้ราคาที่คุ้มค่าจะสังหารคนเพื่อข้า เช่นนั้นนี่มีเงินอยู่หมื่นตำลึง ข้าอยากให้เจ้าช่วยสังหารคนผู้หนึ่งให้ข้า หลังเสร็จงาน ข้าจะให้เพิ่มอีกหมื่นตำลึง”

หญิงสาวเอ่ยจบ ล้วงปึกตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อ

ตั๋วเงินเหล่านี้ต่างมีค่าใบละหนึ่งพันตำลึง

ชายหนุ่มได้ยินคำพูดนี้ของหญิงสาว จึงยื่นมือไปรับตั๋วเงินจากหญิงสาวมา ก่อนเอ่ยอย่างเย็นชาว่า

“ตกลง เจ้าจะให้ข้าไปสังหารผู้ใด!”

เห็นชายหนุ่มตรงไปตรงมาเช่นนี้ หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างโหดเหี้ยม เอ่ยเสียงเย็นว่า

“คนที่ข้าต้องการให้เจ้าสังหารคือ…”

“นี่คือดอกท้อที่ท่านอ๋องให้คนขนย้ายมาจากแคว้นซู่โดยเฉพาะ ว่ากันว่าดอกท้อพวกนี้บานตลอดสี่ฤดู มีอายุยืนและสีของดอกก็หลากหลาย มีทั้งสีชมพู สีม่วงอมชมพู สีขาว พิเศษที่สุดคือบางประเภทมีห้ากลีบ สองกลีบหรือสามกลีบเป็นสีขาว สองกลีบสามกลีบที่เหลือเป็นสีชมพู งดงามยิ่งนัก”

เซี่ยลี่ที่อยู่ข้างกายเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาอย่างตื่นเต้นดีใจ ด้วยแววตาอิจฉาอย่างที่สุด

ส่วนเซี่ยผิงที่อยู่อีกด้านก็มีท่าทีตื่นเต้นดีใจ

เห็นชัดว่าสองสาวน้อยนี้ชื่นชอบดอกท้อนี้ยิ่งนัก!

เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ดวงตาคู่งามก็มองเหล่าคนงานกำลังปลูกดอกท้ออยู่ริมทะเลสาบในตำหนักหย่าเฟิงไม่หยุด

ดอกท้อพวกนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เสียเงินจำนวนมากเพื่อขนย้ายมาจากแคว้นซู่

เกรงว่าในวังหลวง ก็ไม่อาจสามารถเห็นดอกท้อที่งดงามเช่นนี้ได้

แม้เล่อเหยาเหยาจะรู้สึกแพงเกินไป เพราะดอกท้อพวกนี้ในยุคสมัยโบราณถือว่าหายากและล้ำค่า แต่หลายวันก่อน เธอเพียงเอ่ยว่าชื่นชอบดอกท้อ คิดไม่ถึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะให้คนนำดอกท้อพวกนี้ขนย้ายมาไกลกว่าพันลี้กลับมารวดเร็วเช่นนี้

เห็นเช่นนั้นเล่อเหยาเหยาทั้งชื่นชอบ และรู้สึกว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ฟุ่มเฟือยเกินไป

เพราะกำลังคนและสิ่งของเหล่านี้ เพียงคำว่าชื่นชอบประโยคเดียวของเธอ ล้างผลาญเงินมากมายขนาดนี้ได้

ส่วนเหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงกล่าวยิ้มๆ อย่างไม่มีความเห็นว่า

“เพียงเจ้าชื่นชอบ เสียเงินทองมากเพียงใดถือว่าคุ้มค่า”

เมื่อได้ฟังประโยคนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ ในใจเล่อเหยาเหยาย่อมชื่นชอบ ดังนั้นหลังดอกท้อพวกนี้ถูกขนย้ายกลับมา เธอจึงนั่งอยู่ในศาลาตรงนั้น มองคนเหล่านั้นปลูกดอกท้อ

เห็นเพียงดอกท้อพวกนั้นต่างถูกปลูกลงที่ริมทะเลสาบ ต้นหลิวที่เคยอยู่ริมทะเลสาบถูกรื้อถอนออกไปหมด เปลี่ยนมาเป็นดอกท้อแทน

สีของดอกท้อพวกนี้ต่างมีหลากหลายประเภท มีสีม่วงอมชมพู สีชมพู สีขาว ส่งเสริมกันและกัน เป็นภาพสะท้อนบนผิวน้ำแวววาวในทะเลสาบ งดงามซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

สายลมพัดเอื่อยเบา นำพากลิ่นหอมหวานของดอกท้อเข้ามา ทำให้คนรู้สึกสบายใจ

เมื่อคิดว่า ต่อไปเมื่อเธอแต่งเข้ามาที่นี่ จะสามารถนั่งอยู่ใต้ต้นดอกท้อกับชายคนรัก ชื่นชมดอกไม้ทิวทัศน์ทุกวัน หรือหลังจากนี้อีกเจ็ดเดือน เด็กน้อยในครรภ์ของเธอจะออกมาลืมตาดูโลก

พอคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในใจเล่อเหยาเหยาอบอวลไปด้วยความสุข

มุมปากค่อยๆ ยิ้มอย่างมีความสุขสดใสออกมา

รอยยิ้มนั้น งดงามเจิดจรัสสะดุดตา ราวกับทำให้พระอาทิตย์ดับแสง ทำให้คนมองมิอาจละสายตา

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยายิ้มเปี่ยมด้วยความสุข เซี่ยลี่และเซี่ยผิงอดเริ่มเย้าแหย่ไม่ได้

“องค์หญิงยิ้มหน้าบานเช่นนี้ ท่านอ๋องของพวกเราต้องดีใจมากแน่”

“ใช่เพคะ พวกเราไม่เคยเห็นท่านอ๋องใส่ใจหญิงสาวผู้ใดเช่นนี้มาก่อน “องค์หญิงช่างโชคดีนัก”

“ใช่เพคะ พวกเราอิจฉายิ่งนัก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด