สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 194 สี่ปีต่อมา

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 194 สี่ปีต่อมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บันไดลาดเอียงนั้น หากคนปกติตกลงไปคงได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าตอนนี้เล่อเหยาเหยากำลังตั้งครรภ์!

ช่วงเวลาที่พลันจะตกลงไปนั้น สมองของเล่อเหยาเหยาคิดถึงแต่ลูกในท้อง

ไม่มีอวี๋แล้ว เธอจะให้เลือดเนื้อเชื้อไขของอวี๋เพียงหนึ่งเดียวสิ้นสุดลงไม่ได้ ดังนั้นช่วงที่จะตกลงจากบันไดนั้น สิ่งแรกที่เธอทำคือใช้สองมือปกป้องหน้าท้องตนเอาไว้แน่น แม้เธอจะได้รับบาดเจ็บ แต่จะให้เกิดเรื่องกับลูกไม่ได้เด็ดขาด!

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ก็เตรียมใจรับการกลิ้งตกลงไปไว้พร้อมกัน ทันใดนั้นเธอรู้สึกเพียงลมพายุพัดผ่านหน้าเธอไป จากนั้นรู้สึกแน่นที่เอว ร่างกายที่เดิมทีต้องล้มลงไปด้านข้าง พลันกลับมาสมดุลยืนอย่างมั่นคงอยู่ที่เดิม

เมื่อถูกเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้ตกใจ เวลานี้เล่อเหยาเหยาจึงไม่ได้สติ

หลังผ่านไปนาน จึงค่อยๆ ควบคุมหัวใจเต้นระรัวลงได้ เล่อเหยาเหยาจึงเงยใบหน้าเล็กซีดเซียวขึ้น ก่อนมองคนที่ช่วยเธอไว้เมื่อครู่

เห็นเพียงคนที่ยืนอยู่ข้างกายเธอเวลานี้ คือชายชราผมขาวโพลน แต่หน้าตาดูอ่อนเยาว์

สวมชุดสีขาวทั้งตัว บริเวณไหล่แขวนไหสุรา ผมขาวโพลนใช้เพียงปิ่นไม้เรียบง่ายรวบเอาไว้

แม้จะแต่งตัวเรียบง่าย แต่บนตัวของชายชรา กลับอบอวลด้วยกลิ่นอายของเซียน

เล่อเหยาเหยาตะลึงชั่วขณะ ก่อนจะรับรู้ว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

แม้เสื้อผ้าเขาจะธรรมดา แต่สามารถเข้ามาในวังหลวงอย่างไร้การยับยั้ง ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

จริงอย่างที่คิด ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ ถงหย่าเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างได้สติกลับมาเมื่อเห็นชายชราผู้นี้พลันตะโกนออกมาอย่างดีใจ

“อาจารย์ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”

“ฮ่าๆ หย่าเอ๋อร์ คิดถึงอาจารย์หรือ!”

เมื่อเห็นท่าทางดีใจของถงหย่าเอ๋อร์ ชายชราก็ยิ้มแย้ม ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตาเอ็นดู

หลังได้ยินบทสนทนาของถงหย่าเอ๋อร์ และชายชรา เล่อเหยาเหยาจึงพลันได้สติ ที่แท้ชายชราตรงหน้าไม่ใช่ผู้ใดอื่น แต่เป็นอาจารย์ของพวกเหลิ่งจวิ้นอวี๋ นักพรตเทียนซานผู้โด่งดังแห่งเจียงหู!

ลือกันว่านักพรตเทียนซานวรยุทธ์สูงส่ง เปี่ยมด้วยคุณธรรม ไม่ว่าในเจียงหูหรือราชสำนัก ต่างมีพลังที่ไม่อาจสั่นคลอนได้

และเขาเป็นอาจารย์ของรุ่ยอ๋องแห่งเทียนหยวนและองค์ชายเจ็ดแห่งต้าเซี่ย ดังนั้นไม่ว่าเดินทางไปที่ใด ต่างได้รับความศรัทธาจากผู้คน

หลังรู้ถึงสถานะของชายชราตรงหน้า เล่อเหยาเหยาที่ได้สติพลันเดินหน้าเข้าไป เอ่ยกับชายชราอย่างมีมารยาท

“คารวะท่านอาจารย์”

“เจ้าคือภรรยาของอวี๋เอ๋อร์หรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา นักพรตเทียนซานพลันเอ่ยถามขึ้น

“เจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินนักพรตเทียนซานเอ่ยถึงเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาปวดใจและเสียใจ แต่ยังข่มกลั้นความโศกเศร้าในใจไว้ หลุบสายตาลงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าตอบเสียงเบา

อาจเพราะรับรู้ถึงความเสียใจของเล่อเหยาเหยา นักพรตเทียนซานหลังถอนหายใจ จึงเอ่ยกับเล่อเหยาเหยาว่า

“อวี๋เอ๋อร์ช่างโชคร้ายนัก แต่เจ้าห้ามเสียใจเกินไปเด็ดขาด ร่างกายจะตึงเครียด หากกระทั่งร่างกายตนยังดูแลไม่ได้ อวี๋เอ๋อร์บนสวรรค์ คงกังวลใจแน่”

เพราะเป็นศิษย์อาจารย์กับเหลิ่งจวิ้นอวี๋มานานหลายปี นักพรตเทียนซานไร้บุตรธิดา ดังนั้นจึงเห็นพวกเขาสามคนเป็นดังบุตรของตน

เวลานี้เหลิ่งจวิ้นอวี๋เสียชีวิตไปแล้ว สำหรับนักพรตเทียนซาน ถือเป็นเรื่องเศร้าใจอย่างมาก

อาจเป็นเพราะอายุที่มาก ดังนั้นจึงมองเรื่องราวได้เข้าใจกว่าคนทั่วไป นักพรตเทียนซานกลัวเล่อเหยาเหยาจะคิดไม่ได้ จึงพลันเอ่ยให้ข้อคิดขึ้นมา

เล่อเหยาเหยาได้ยิน ก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ

หลังจากนั้นนักพรตเทียนซานสนทนาบางอย่างกับเล่อเหยาเหยาและถงหย่าเอ๋อร์ เล่อเหยาเหยาพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ ดวงตาที่โศกเศร้าพลันเป็นประกายขึ้นมา ทันใดนั้นมองไปยังนักพรตเทียนซานด้วยสีหน้าคาดหวัง พร้อมเอ่ยอ้อนวอนว่า

“ท่านอาจารย์ ช่วยรับข้าเป็นลูกศิษย์ด้วยเถิด ข้าอยากเรียนวรยุทธ์!”

“อะไรนะ เจ้าอยากเรียนวรยุทธ์หรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา นักพรตเทียนซานและถงหย่าเอ๋อร์ ต่างแปลกใจและตกตะลึง

ทว่านักพรตเทียนซานได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ใช้มือลูบไล้เคราสีขาวของตน ก่อนเอ่ยด้วยสายตาคาดเดาไม่ได้

“ข้างกายเจ้ามียอดมีฝือปกป้องคุ้มครองมากมายมิใช่หรือ และร่างกายเจ้าบอบบางเช่นนี้ เกรงว่าจะทนความลำบากไม่ไหว!”

“ไม่ อาจารย์ แม้ว่าจะมียอดฝีมือคุ้มครองอยู่ข้างกายมากมาย พวกเขาไม่สามารถปกป้องข้าได้ทุกเมื่อ และข้ากำลังจะเป็นมารดาคน จึงคิดปกป้องลูกของตนให้ดี วันหน้าหากลูกพบกับอันตราย ข้าที่เป็นมารดาจะสามารถปกป้องเขาได้”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดก้มหน้า ยื่นมือลูบหน้าท้องนูนของตนไม่ได้ สีหน้าที่โศกเศร้าพลันถูกแทนที่ด้วยความหนักแน่น

แววตาปรากฎประกายอันเด็ดเดี่ยวออกมา แวววาวสดใส

“ดังนั้น ขออาจารย์ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด ไม่ว่าต้องลำบากเพียงใด ข้าล้วนไม่หวาดกลัว!”

พอเอ่ยถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยากลัวนักพรตเทียนซานไม่ตอบตกลง จึงเดินเข้าไปคุกเข่าต่อหน้านักพรตเทียนซาน

นักพรตเทียนซานเห็นเช่นนั้น พลันตกใจอย่างหนัก

เพราะตอนนี้เล่อเหยาเหยากำลังตั้งครรภ์ จึงเกรงว่าจะเกิดเรื่องกับเธอขึ้น

เหลิ่งจวิ้นอวี๋คือศิษย์ที่เขาภูมิใจที่สุด ตอนนี้ไม่มีศิษย์แล้ว สำหรับเล่อเหยาเหยา นักพรตเทียนซานก็รู้สึกสงสารเห็นใจไม่น้อย

หลังจากนักพรตเทียนซานเงียบงันไปชั่วขณะ จึงเอ่ยขึ้นว่า

“เอาเถิด ข้ายอมรับเจ้าเป็นศิษย์ เพียงเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลัวความลำบาก เช่นนั้นข้าจะสอนวรยุทธ์ทั้งหมดของข้าให้แก่เจ้า!”

เล่อเหยาเหยาได้ยินดีใจยิ่งนัก พลันกราบไหว้นักพรตเทียนซาน พร้อมเอ่ยอย่างดีอกดีใจ

“ขอบคุณอาจารย์ โปรดรับการคารวะจากศิษย์ด้วย!”

เวลาผ่านไปเร็วราวติดปีก ท้องของเล่อเหยาเหยา จากตอนแรกที่ราบเรียบถึงใหญ่โต สุดท้ายก็ถึงเวลาคลอด

เห็นเพียงเวลานี้เป็นช่วงบ่าย ภายในวังหลวงเรืองรองรุ่งโรจน์นั้น เหล่านางกำนัลของตำหนักจ่าวซีต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด ฝีเท้ารีบร้อน เดินอยู่ภายในตำหนักไม่หยุด

และในมือของพวกนางถือถังน้ำร้อนเอาไว้เพื่อส่งต่อกันเข้าไปในห้อง และน้ำสะอาดที่ถูกส่งเข้าไป กลับกลายเป็นสีแดงสดเมื่อยกออกมา

ยังมีเสียงกรีดร้องน่าอกสั่นขวัญแขวนดังออกมาจากตำหนักจ่าวซีไม่หยุด ทำให้คนฟังหนาวเหน็บ

ฮองเฮาที่ยืนอยู่ในห้องโถงของตำหนักจ่าวซี ขยำผ้าเช็ดหน้าในมือจนยับย่น ใบหน้างดงามที่แม้อายุจะเลยสามสิบ กลับยังคงอ่อนวัย ได้รับการบำรุงเป็นอย่างดีนั้น เวลานี้เต็มไปด้วยเหงื่อและดูร้อนรน

“ลู่เอ๋อร์เจ็บท้องมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว เหตุใดถึงยังไม่คลอดอีก จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรือไม่!”

“ฮองเฮาเจ้าอย่ากังวลเกินไปเลย หมอเทวดาไป๋อยู่ด้านใน ไม่เกิดสิ่งใดกับลู่เอ๋อร์แน่ ตอนที่เจ้าคลอดซีเอ๋อร์ ก็เจ็บตั้งสองวันสองคืนกว่าจะคลอด!”

ฮ่องเต้ที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทางกังวลของฮองเฮาอันเป็นที่รักของตน รีบับสั่งปลอบใจขึ้น

เมื่อฮองเฮาได้ยิน ในใจแม้จะสงบลงเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่ยิ่งผ่านไปยิ่งอ่อนแรงลงไม่หยุดนั้น ใจของพระองค์หวาดหวั่นยิ่งนัก

หนานกงจวิ้นซีที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น พลันก้าวเข้าไปประคองเสด็จแม่ของตน ก่อนเอ่ยปลอบใจขึ้นอีกครั้ง

“ถูกต้อง เสด็จแม่ทรงวางพระทัยเถิด!”

“ใช่ ร่างกายของเหยาเหยาแข็งแรง ต้องคลอดเด็กน้อยที่แข็งแรงออกมาให้เสด็จแม่ได้อย่างราบรื่นแน่นอนเพคะ”

ถงหย่าเอ๋อร์ ที่อภิเษกกับหนานกงจวิ้นซีแล้ว และกำลังตั้งครรภ์ได้แปดเดือน ใช้มือเท้าสะเอว พร้อมถูกนางกำนัลประคองตัวลุกขึ้นเดินมาถึงข้างกายฮองเฮา เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน

หนานกงจวิ้นซีเห็นเช่นนั้น รีบสั่งให้นางกำนัลถอยออกไป ก่อนจะเข้ามาประคองภรรยาที่รักของตน พร้อมสบตายิ้มให้กับถงหย่าเอ๋อร์ ยามสบสายตาแววตาเปี่ยมไปด้วยความรัก

ทันใดนั้น ภายในห้องที่มีเสียงกรีดร้องไม่หยุด พลันมีเสียงร้องไห้ของทารกดังออกมา

เสียงร้องไห้นี้ ดุจขีปนาวุธลูกหนึ่งที่กำลังระเบิดอยู่ในตอนนี้

“คลอดแล้ว คลอดแล้ว องค์หญิงลู่คลอดองค์ชายน้อยตัวขาวอวบอ้วน!”

นางกำนัลคนหนึ่งพุ่งออกมาแจ้งข่าวแก่ทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ

ทุกคนได้ยิน ต่างพากันส่งเสียงยินดี

“ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดลู่เอ๋อร์ก็คลอดแล้ว ขอบคุณสวรรค์”

ฮองเฮาได้ยิน ทรงดีใจอย่างหนัก

พร้อมกับเสียงดีใจของทุกคนด้านนอก

ภายในห้อง เล่อเหยาเหยาที่พยายามอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็ผ่านการคลอดที่ยิ่งใหญ่ไปได้ เวลานี้ร่างกายดุจถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด จึงนอนอย่างอ่อนเพลียอยู่บนเตียง

หลังเหล่านางกำนัลเช็ดร่างกายให้เธออย่างใส่ใจจนสะอาดเรีบร้อย เล่อเหยาเหยาจึงข่มความวิงเวียนใกล้หมดสติไว้ เลิกดวงตาขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนเผยอริมฝีปากซีดเซียวเอ่ยกับตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้าง

“พะ…พี่ไป๋ ลูกของข้าเป็น…”

“เป็นผู้ชาย!”

เมื่อรู้ว่าเล่อเหยาเหยาต้องการถามสิ่งใด ตงฟางไป๋ไม่รอให้เธอเอ่ยถาม พลันรีบเอ่ยอธิบายทันที

เล่อเหยาเหยาได้ยิน ดวงตาเป็นประกาย มุมปากยกยิ้มอย่างอ่อนแรงทว่ากลับตื่นเต้นดีใจ

“ตอนนี้ข้าขอดูหน้าลูกได้หรือไม่”

“ย่อมได้แน่นอน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋รีบเอ่ยตอบทันที จากนั้นยืดกายขึ้น ไม่นานก็อุ้มทารกที่ยังอยู่ในห่อผ้าเดินเข้ามา

“มา เหยาเหยา เจ้าดูสิ เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักยิ่งนัก!”

“ฮ่า ๆ”

เล่อเหยาเหยาได้ยิน เพียงหัวเราะอย่างโง่งมออกมา เพราะสายตาของเธอถูกเด็กตรงหน้านี้ดึงดูดไป

เห็นเพียงเด็กน้อยตรงหน้า มีศีรษะเล็ก ผิวขาวอมชมพู เขาคล้ายกำลังหลับใหล เพราะดวงตาปิดสนิท ทว่าปากเล็กกลับขยับไปมาตลอดเวลา ช่างน่ารักยิ่งนัก

เมื่อเห็นเด็กน้อยแสนน่ารักนี้ เล่อเหยาเหยาคิดว่าความทรมานทั้งหมดช่างคุ้มค่า!

“ฮ่า ๆ อวี้เซวียน เสี่ยวอวี้เซวียน”

เล่อเหยาเหยาพึมพำกับตนเองอย่างดีใจ เมื่อมองเด็กน้อยตรงหน้านี้ ทำให้เธออดนึกถึงเมื่อก่อนไม่ได้

อวี๋ ตอนนี้พวกเรามาตั้งชื่อให้ลูกกันเถิด ลูกของเรายังไม่มีชื่อเลย!

หากเป็นผู้หญิง ให้ชื่อว่าเซี่ยวเซี่ย!

ข้าเข้าใจความหมายของชื่อนี้ ทนทานต่อหิมะและน้ำแข็ง หมายถึงไม่เกรงกลัวสภาพอากาศหนาวเย็น ยิ่งสภาพแวดล้อมภายนอกยากลำบาก ยิ่งมีจิตใจที่เข้มแข็ง ฮ่า ๆ เป็นชื่อที่ไม่เลวจริงๆ!

ฮ่า ๆ ถูกต้อง เมื่อเป็นลูกสาวของพวกเรา ต้องไม่เกรงกลัวความลำบาก เมื่อเผชิญความเย็นชา บีบคั้น หรือถูกโจมตีห้ามอ่อนแอ!

เช่นนั้นหากเป็นลูกชายล่ะ ท่านคิดให้เขาชื่อใดหรือ

หากเป็นลูกชาย ให้ชื่ออวี้เซวียน อวี้หมายถึงความงดงาม เซวียนหมายถึงองอาจผึ่งผาย

ภายในสมองนึกย้อนไปถึงคำพูดเปี่ยมด้วยความดีใจมีเสน่ห์ของชายคนรัก ทำให้เล่อเหยาเหยาทั้งดีใจและเจ็บปวด

อวี๋ ท่านเห็นหรือไม่!

ลูกของเราคลอดออกมาแล้ว อวี้เซวียนของเราคลอดออกมาแล้ว ท่านอยู่บนสวรรค์ คงดีใจมากสินะ!

เมื่อแฝงไปด้วยความสุขเช่นนี้ ในที่สุดเล่อเหยาเหยาต้านทานความง่วงงุนไม่ไหว จึงค่อยๆ เข้าสู่ห้วงฝันไป

เมื่อเล่อเหยาเหยากระพริบตาตื่น เวลาคล้ายไม่เคลื่อนผ่าน สิ่งของยังคงเช่นเดิม ทว่าคนกลับเปลี่ยนไป

เวลาสี่ปี เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไป

ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป เข้าสู่ฤดูหนาว เพียงพริบตาเดียวเวลาผ่านไป เล่อเหยาเหยาจากหญิงสาวบอบบาง สะโอดสะอง กลายเป็นมารดาของเด็กน้อยอายุสี่ขวบ

เวลาผ่านไปเร็วราวติดปีก

แต่ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ไม่เปลี่ยนแปลง เวลาคล้ายหยุดอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา เรื่องทั้งหมด กลับมีเพียงคนเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

ในสี่ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเรื่องมากมายขึ้น

เดือนที่สามหลังเล่อเหยาเหยาคลอดบุตร ถงหย่าเอ๋อร์ ก็กลายเป็นมารดาของเด็กแฝดคู่หนึ่ง

สำหรับเรื่องนี้ ทำให้ทุกคนต่างดีใจกันยกใหญ่

ทุกวันฮองเฮาทรงอุ้มหลานทั้งสามคน ยิ้มแย้มอยู่ตลอดวัน

ส่วนฮ่องเต้หลังจากว่างจากการว่าราชการ ก็จะไปหยอกล้อกลับหลานทั้งสามคนนี้

แม้ว่าฮ่องเต้จะเคยเป็นท่านปู่มาแล้ว แต่เพราะเกี่ยวข้องกับฮองเฮา จึงทรงรักบ้านเขารวมทั้งอีกาด้วย ดังนั้นสำหรับลูกของเล่อเหยาเหยาและถงหย่าเอ๋อร์ พระองค์จึงทรงรักใคร่เป็นพิเศษ ทำให้คนรอบข้างต่างอิจฉา!

พวกของล้ำค่าที่ทรงประทานให้นั้น แทบทำให้ทั้งสองตำหนักไม่มีที่ว่าง

เหลิ่งจวิ้นอวี๋จากเล่อเหยาเหยาไปห้าปีแล้ว แม้พวกเขาจะวางแผนจัดงานอภิเษกสมรส แต่กลับไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดินอย่างเป็นทางการ

แม้จะเป็นเช่นนี้ เล่อเหยาเหยากลับทำผมทรงหญิงที่แต่งงานออกเรือนแล้ว และสาบานว่าชาตินี้เพื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะเป็นแม่หม้าย ไม่แต่งให้ผู้ใดอีก

สำหรับเรื่องนี้ ทำให้ฮองเฮาทรงตกใจอย่างหนัก

เพราะแม้เล่อเหยาเหยาจะมีบุตร แต่ยังคงอ่อนเยาว์ หากเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว ช่างน่าเสียดาย

ดังนั้นสี่ปีที่ผ่านมา ฮองเฮาทรงหาคู่ที่เหมาะสมให้กับเล่อเหยาเหยา และพยายามโน้มน้าวเรื่องการอภิเษกใหม่อีกครั้งกับเล่อเหยาเหยาไม่หยุด

เล่อเหยาเหยาทราบดีว่าฮองเฮาทรงห่วงใยตน แต่ภายในใจเธอเต็มไปด้วยคนผู้หนึ่งแล้ว ไม่เปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต

ดังนั้นไม่ว่าฮองเฮาจะทรงสร้างสถานการณ์อันแสน ‘บังเอิญ’ ให้เธอได้พบกับชายอื่น เล่อเหยาเหยาต่างยิ้มผ่านไป ไม่ได้ให้ความสนใจ

ไม่ว่าชายหนุ่มพวกนั้นจะหยอดคำหวานเช่นไร ในใจเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลง

เพราะบนโลกนี้ ไม่มีชายใดทำให้เธอใจเต้นแรงได้อีกแล้ว

หลังชายผู้นั้นตายไป ใจของเธอก็ตายตามเขาไปด้วย และไม่สามารถรักชายใดได้อีก

ตอนนี้เธอมีเรื่องที่อยากทำเพียงเรื่องเดียว คือตั้งใจเลี้ยงดูบุตรให้เติบใหญ่ วันหน้าหากเธอตายไป จะได้สามารถอธิบายกับอวี๋ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด