สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 198 ในที่สุดท่านก็กลับมา (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 198 ในที่สุดท่านก็กลับมา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นี่คือหญิงสาวที่มีอายุราวสิบห้าสิบหกปีผู้หนึ่ง

สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินคลุมกาย ทำให้รูปร่างสูงเพรียวถูกเปิดเผยออกมา

ผมยาวดำขลับเวลานี้ยังมีหยดน้ำไหลรินลงมา ทว่ากลับถูกเธอสยายไว้ทางด้านหลังอย่างตามใจ หยดน้ำแวววาวนั้นกลิ้งลงมาตามปลายผม ก่อนไหลลงบนกายและใบหน้าของเธอ ทำให้เธอดูเย้ายวนใจขึ้นหลายส่วน

ดวงหน้าเสมือนดอกพุดตาน ผิวขาวราวหยก ดวงตาวิบวับดุจดวงดาว จมูกงามกลีบปากแดงอ่อนนุ่ม รูปโฉมชวนพิศยิ่งนัก แต่สิ่งที่ขัดแย้งคือคิ้วขมวดเป็นปมคู่นั้นของสาวน้อยผู้นี้

เวลานี้เธอมีท่าทางโหดเหี้ยมอย่างชัดเจน คิ้วคู่นั้นกลับขมวดเข้าหากัน ทำให้เธอดูน่าสงสาร ทำให้คนที่เห็นต่างสงสารจากใจขึ้นมา

เมื่อเห็นสาวน้อยผู้นี้ครั้งแรก เล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋ต่างตะลึงงัน

เพราะคำพูดของสาวน้อยที่ได้ฟังเมื่อครู่ จึงคิดว่าเธอคือสาวน้อยที่ดุร้ายอย่างยิ่งผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงกลับเป็น…แค่กๆ แม้ท่าทางจะดุร้าย แต่กลับดูเป็นสาวน้อยที่น่าสงสารอย่างยิ่ง

สาวน้อยผู้นี้ ช่างผสมผสานความดุร้ายชวนพิศและน่าสงสารไว้ในร่างเดียว ทำให้คนรู้สึกขัดแย้งจริงๆ!

แต่ขณะเล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋สำรวจสาวน้อยผู้นี้อยู่นั้น เห็นชัดว่าสาวน้อยผู้นั้นก็กำลังสำรวจทั้งสองคนด้านนอกประตูเช่นกัน

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยา สาวน้อยตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด พลันมองไปยังตงฟางไป๋

ก่อนทำตาขวางตะคอกใส่ตงฟางไป๋อย่างไม่ปราณี

“เพ่ย ท่านลุง ท่านคือผู้ใด เหตุใดจึงแอบดูข้าอาบน้ำ!”

“อะไรนะ เจ้า เจ้าเรียกผู้ใดว่าท่านลุง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของสาวน้อย ตงฟางไป๋พลันดุจถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ แข็งทื่อดุจหินอยู่ตรงนั้น

ใบหน้าหล่อเหลานั้น เวลานี้ตกตะลึงดวงตาเบิกกว้าง เห็นชัดว่ารับไม่ได้กับคำเรียกขานเช่นนี้ของสาวน้อย

เพราะตงฟางไป๋สุขุมงามสง่าโด่งดัง แม้เขาจะไม่สนใจเปลือกนอก แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สนใจคำเรียกขานของผู้อื่นที่มีต่อเขา ยิ่งไปกว่านั้นสาวน้อยตรงหน้านี้เอ่ยเรียกเขาว่าท่านลุงออกมาตรงๆ จะให้เขาทนได้เช่นไร!

ตรงข้ามกับความเหลือเชื่อและท่าทางถูกโจมตีอย่างหนักของตงฟางไป๋ สาวน้อยผู้นั้นกลับมีท่าทางหนักแน่น กระพริบดวงตาแวววาวดุจดวงดาวชั่วครู่ ก่อนเอ่ยอย่างไร้เดียงสา

“ท่านลุง คำถามนี้ไร้สาระยิ่งนักหรือ ตอนนี้นอกจากท่านที่เป็นบุรุษแล้ว ยังมีผู้ใดอื่นอีกหรือ หรือท่านลุงไม่ใช่บุรุษ!”

“น่าตายนัก เจ้าพูดสิ่งใด!”

สาวน้อยผู้นี้ตั้งใจ!

และคำพูดนี้เป็นการประชดประชันอย่างชัดเจน! แม้จะเป็นหลวงจีนก็ต้องโมโห ยิ่งไปกว่านั้นนี่คือตงฟางไป๋!

จึงเห็นตงฟางไป๋หน้าผากปูดโปน ท่าทางโมโหจนแทบเสียสติ แต่ว่ากลับพลันหมดปัญญากับสาวน้อยผู้นี้

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น กลับเพียงเม้มปากแอบยิ้ม

เพราะเธอเห็นว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เห็นชัดว่าถูกตงฟางไป๋แอบมองขณะอาบน้ำ จึงพลันโมโหอย่างหนัก ก่อนตั้งใจเอ่ยยั่วโมโหตงฟางไป๋

ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงไม่สอดปากช่วยเหลือ แต่ยืนมองทั้งสองคนต่อปากต่อคำกันอยู่ด้านข้าง

เพราะสามารถเห็นตงฟางไป๋ที่สุขุมงามสง่าถูกทำให้โมโหอย่างหนักเช่นนี้ ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ!

ฮ่า ๆ คิดไปแล้วเธอช่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นเกินไปจริงๆ

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เสียงอันนุ่มนวลก็ดังเข้ามา

“ไป๋เอ๋อร์ เจ้าเป็นสิ่งใดหรือ เหตุใดจึงเปียกไปทั้งตัวเช่นนี้!”

คนที่เข้ามาคือฟางหรูซิน เพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเมื่อครู่จึงรีบร้อนเข้ามา

ตงฟางไป๋เมื่อเห็นมารดาของตน ใบหน้าที่โมโหอย่างหนักพลันอ่อนโยนลง ก่อนคิดจะอธิบายบางอย่าง คิดไม่ถึงขณะเดียวกัน เมื่อสาวน้อยที่เมื่อครู่ยังอวดเก่งต่อตงฟางไป๋ หลังจากเห็นฟางหรูซินเข้ามา คิ้วที่ขมวดมุ่นพลันหายไป บนใบหน้าหมดจดนั้นปรากฎท่าทางน่าสงสารออกมา ทำให้คนมองรู้สึกสงสารเห็นใจ

“ท่านอาสะใภ้ ท่านลุงผู้นี้รังแกข้า!”

หลังเสียงน่าสงสารแฝงสะอื้นนั้น สาวน้อยพลันโผเข้ากอดฟางหรูซินอย่างอ่อนโยน ท่าทางนี้น่าสงสารยิ่งนัก

ดุจกวางน้อยที่ถูกคนรังแกกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากมารดา

เมื่อตงฟางไป๋ได้ยินคำพูดนี้ของสาวน้อย ไฟโทสะที่ยากจะลดลงพลันเกิดเสียงบึ้มขึ้นมา ก่อนเผาไหม้จนถึงขีดสุด

เพราะสาวน้อยผู้นั้นเรียกฟางหรูซินว่าอาสะใภ้ ตอนนี้เรียกเขาว่าท่านลุง ลำดับญาตินี้…

เขาดูแก่ขนาดนั้นหรือ!

สำหรับเรื่องนี้ตงฟางไป๋โมโหจนแทบระเบิดออกมา แต่ว่าการบ่มเพาะในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาจัดการสูดลมหายใจเพื่อปรับอารมณ์ที่ใกล้จะระเบิดออกมาของตนไม่หยุด

เมื่อเห็นบุตรชายของตนโมโหจนหน้าเขียว ฟางหรูซินรู้สึกขบขันและจนใจ

ก่อนกระแอมเบาๆ ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือไปตบไหล่ของสาวน้อย คล้ายปลอบโยนเด็กน้อย ฟางหรูซินจึงกล่าวยิ้มๆ อย่างนุ่มนวลว่า

“อิงอิง เจ้าคงเข้าใจผิดแล้ว นี่คือลูกชายของอา ส่วนทางนั้นคือลูกสาวสุดที่รักของอา”

เมื่อได้ยินฟางหรูซินเอ่ยแนะนำ สาวน้อยจึงเงยหน้าขึ้นจากอกของฟางหรูซิน ดวงตาแวววาวคู่นั้นมองไปยังเล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเอ่ยพร้อมยิ้มอย่างมีมารยาท

“ที่แท้นี่คือพี่เหยาเหยาที่หายสาบสูญไปหลายปีที่ท่านอาสะใภ้มักเอ่ยถึง พี่เหยาเหยางดงามยิ่ง!”

“ฮ่า ๆ”

ทุกคนต่างรักในความสวยความงามของตน เมื่อได้ยินคำชม เล่อเหยาเหยาอดยิ้มตอบกลับไปไม่ได้

และในใจเริ่มสนใจสาวน้อยผู้ที่มีอารมณ์ขันผู้นี้ขึ้นมา

เพราะคนที่สามารถทำให้ตงฟางไป๋โมโหจนเสียสติได้ เกรงว่าเธอคงเป็นอันดับหนึ่ง

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ เห็นเพียงหลังจากสาวน้อยผู้นั้นเอ่ยจบ ดวงตาแวววาวกวาดมองไปยังตงฟางไป๋อีกครั้ง พร้อมกับสำรวจตงฟางไป๋ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอีกหนึ่งรอบ

สายตาเปิดเปลือยนั้น ทำให้ตงฟางไป๋ที่โมโหรู้สึกอึดอัด

เมื่อเผชิญกับดวงตาแวววาวดุจดวงดาวคู่นั้น เขาพลันรู้สึกตนคล้ายยืนเปลือยอยู่ต่อหน้าเธอ เพื่อให้เธอสำรวจ

พอคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าตงฟางไป๋ดูเก้อเขิน พลันปกปิดความอึดอัดในใจโดยการกระแอมเบาๆ ออกมา

สาวน้อยเห็นเช่นนั้น ดวงตาแวววาวอดเปล่งประกายครู่หนึ่งอย่างเจ้าเล่ห์ไม่ได้ พลันเผยอริมฝีปากแดงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“นี่คือลูกชายของท่านอาสะใภ้จริงหรือเจ้าค่ะ เหตุใดเขาจึงดูแก่ชราเช่นนี้ ข้าจึงคิดว่าคือท่านลุงผู้ใด!”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัย แสดงความเหลือเชื่อของเธอออกมา

เมื่อรวมเข้ากับสีหน้าสงสัยของสาวน้อย ทำให้ตงฟางไป๋โมโหจนหน้าแดงสลับเขียวคล้ำและซีดขาว

สุดท้ายจึงเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันออกมา

“น่าตายนัก เจ้าว่าผู้ใดแก่กัน!”

เขาเพิ่งอายุยี่สิบหกปีเท่านั้น เขาแก่มากหรือ!

ช่างเถิด เมื่อเทียบกับสาวน้อยตรงหน้าที่มีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี อายุเขามากกว่าเธอเป็นสิบปี แต่เขาเพิ่งอายุยี่สิบหก เป็นช่วงอายุที่ประสบความสำเร็จและเปี่ยมด้วยเสน่ห์ที่สุดของบุรุษ ทว่าสตรีน่าตายผู้นี้กลับพูดว่าเขาแก่!

ตงฟางไป๋ทั้งโมโหทั้งจนใจ เพราะมารดาของตนอยู่ตรงนี้ เขาจึงไม่อาจแสดงออกมาเท่านั้น

เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น กลั้นหัวเราะจนแทบช้ำใน

ฮ่า ๆ สาวน้อยผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ!

เมื่อเห็นตงฟางไป๋ถูกข่มเหงมาตลอด ด้วยท่าทางไร้ศีลธรรมอย่างยิ่ง

เพื่อแสดงความรักระหว่างพี่น้อง เล่อเหยาเหยาพลันเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา

“จริงสิท่านแม่ ท่านยังไม่ได้แนะนำแม่นางผู้นี้ว่านางคือผู้ใด เหตุใดจึงมาอยู่ในห้องของท่านพี่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋ก็กลับมาเป็นปกติ เพราะคำถามนี้เขาก็อยากรู้อย่างมากเช่นกัน

ฟางหรูซินได้ยิน พลันเอ่ยแนะนำแก่พวกเล่อเหยาเหยา

“นี่คือฉีอิงอิง เป็นลูกสาวคนเดียวของลุงฉีของพวกเจ้า”

ฟางหรูซินเอ่ยจบ พลันหันไปเอ่ยกับตงฟางไป๋ว่า

“ไป๋เอ๋อร์ เจ้ายังจำลุงฉีได้หรือไม่!”

“ท่านแม่ ลูกย่อมจำได้ ตอนเด็กมีครั้งหนึ่งข้าขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรเพียงลำพัง ไม่ระวังลื่นตกลงมา เป็นลุงฉีที่ช่วยชีวิตข้า”

เมื่อได้ยินคำพูดของฟางหรูซิน ตงฟางไป๋พลันเอ่ยปากขึ้น

ทันใดนั้นสีหน้าโมโหพลันอ่อนโยนลงอีกครั้ง

เพราะอยากทดแทนบุญคุณที่บิดาของผู้อื่นเคยช่วยชีวิตเขา เขาที่เป็นผู้ใหญ่จึงไม่สนใจผู้น้อย ไม่ถือสาสาวน้อยตรงหน้าผู้นี้

แต่ต้องเตือนก่อนว่าเธอห้ามท้าทายขีดจำกัดของเขาอีกครั้ง

และมีสิ่งหนึ่งที่เขาสงสัยอย่างยิ่งคือ สาวน้อยตรงหน้านี้คือบุตรสาวของลุงฉีจริงหรือไม่!

ช่างแตกต่างกันจริงๆ!

ขณะตงฟางไป๋คิดในใจ พลันฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามขึ้น

“ท่านแม่ เมื่อเธอคือบุตรสาวของลุงฉี เหตุใดเธอจึงมาอยู่ที่นี่ และยังมาอยู่ในห้องของลูกอีก!”

ที่นี่คือบ้านที่เขาอาศัยมากว่ายี่สิบปี เขาจึงไม่เคยจำสถานที่ผิด ดังนั้นเมื่อครู่ขณะที่เดินเข้ามา ไม่รู้ว่าจะมีคนอยู่ภายในห้องของเขาและกำลังอาบน้ำอยู่พอดี

ขณะตงฟางไป๋คิดในใจ ฟางหรูซินหลังได้ยินคำพูดของบุตรชาย มองท่าทางตื่นตระหนก ทั่วร่างยังเปียกปอนของตงฟางไป๋อีกครั้ง ก่อนจะคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด