สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 220 ฝูงเด็ก (2)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 220 ฝูงเด็ก (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ยาวนานคล้ายกับเป็นศตวรรษ แต่ความจริงเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

ประตูไม้บานสลักที่ปิดสนิทพลันถูกผลักเปิดจากด้านใน จากนั้นปรากฎใบหน้ายิ้มแย้มแต่เต็มไปด้วยเหงื่อของเซี่ยลี่ออกมาพร้อมทารกตัวเล็กในห่อผ้าบนมือ

“ยินดีกับท่านอ๋องด้วย ครั้งนี้พระชายาคลอดองค์หญิงเพคะ!”

เพียงคำพูดของเซี่ยลี่ดังออกมา ร่างกายของเหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันคล้ายถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ตะลึงงันชั่วขณะ จึงค่อยๆ ได้สติกลับมา ก่อนเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา พร้อมเอ่ยปากขึ้น

“อะไรนะ จริงหรือ เป็นองค์หญิงหรือ!”

“ใช่แล้ว ยินดีกับท่านอ๋องด้วย ในที่สุดก็สมปรารถนาแล้ว พระชายาคลอดองค์หญิง ปลอดภัยทั้งแม่และลูกเพคะ!”

เมื่อเป็นครั้งแรกที่เห็นท่านอ๋องของตนตะลึงงัน เซี่ยลี่จึงอดยิ้มกว้างไม่ได้

เหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังได้ยินคำพูดของเซี่ยลี่จึงได้สติ ก่อนมองไปที่ทารกในมือของเซี่ยลี่

สุดท้ายอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“ฮ่า ๆ บุตรสาว ในที่สุดข้าได้บุตรสาว!”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋หัวเราะด้วยท่าทางโง่งม

แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เป็นบิดา แต่ครั้งนี้คือครั้งแรกที่เขาได้บุตรสาว!

ดังนั้นเหลิ่งจวิ้นอวี๋เวลานี้จึงดูโง่งมราวกับคนที่ได้เป็นบิดาครั้งแรก ทำให้ทุกคนรอบด้านต่างอดปิดปากแอบหัวเราะไม่ได้

แต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่สนใจ หลังรับตัวบุตรสาวคนแรกของตนมา พลันฉุกคิดขึ้นได้ ก่อนเดินก้าวเข้าไปภายในห้อง

“เหยาเหยา เป็นบุตรสาว ในที่สุดพวกเรามีบุตรสาวแล้ว”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก้าวเดินเข้าไปในห้อง

ภายในห้องที่ยุ่งเหยิงก็ถูกบ่าวไพร่จัดการทำความสะอาดแล้ว

เล่อเหยาเหยาหลังเจ็บปวดมากว่าสิบชั่วยาม ในที่สุดคลอดบุตรออกมาได้สำเร็จ ร่างกายคล้ายอ่อนแรงจึงนอนอยู่บนเตียง

เพราะเพิ่งคลอดบุตรเสร็จ เล่อเหยาเหยาจึงดูยุ่งเหยิง เส้นผมสละสลวยเพราะชุ่มเหงื่อจึงแนบติดบนแก้มของเธอ

ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือนั้นดูซีดเซียว

แต่หลังเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ก้าวเดินเข้ามา เผยสีหน้ามีความสุขออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ฮ่า ๆ ใช่แล้ว ในที่สุดพวกเรามีบุตรสาวแล้ว”

เห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋เปี่ยมไปด้วยความสุข คล้ายสิ่งที่โอบกอดในมือคือสิ่งมีค่าที่สุดบนโลกใบนี้ ทำให้ใจของเล่อเหยาเหยาพลอยมีความสุขไปด้วย

และก็โล่งอกอย่างที่สุด

เพราะเธอไม่ใช่แม่สุกรที่จะให้กำเนิดบุตรมากขนาดนั้น และหวาดกลัวเช่นกัน

แต่ทั้งสี่คนต่างเป็นบุตรชาย จึงทำให้เธอไม่พอใจ

เธออยากได้บุตรสาวสักคน เพราะไม่ได้มีความคิดเห็นบุตรชายสำคัญกว่าบุตรสาว แต่มักรู้สึกว่าบุตรสาวค่อนข้างรู้ใจมากกว่า!

ในที่สุดหลังคลอดบุตรชายสี่คน สุดท้ายเธอคลอดบุตรสาว ช่างดีจริงๆ!

เล่อเหยาเหยาดีใจในใจ ก่อนอดเอ่ยปากเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋อย่างเปี่ยมด้วยความสุขไม่ได้

“อวี๋ อุ้มลูกเข้ามาให้ข้าดูหน่อยเถิด”

“อืม ได้”

เมื่อได้ยิน เหลิ่งจวิ้นอวี๋พลันส่งทารกในมือไปตรงหน้าเล่อเหยาเหยาอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นทารกตัวเล็กขาวนวลราวกับแป้งโดในผ้าอ้อม เล่อเหยาเหยามีสีหน้าอ่อนโยนลง แววตาเปี่ยมไปด้วยประกายความสุขของมารดา

ก่อนจะรู้สึกว่าเพื่อทารกนี้ แม้จะให้เธอเจ็บปวดไปอีกสิบชั่วยามก็คุ้มค่า

เห็นเพียงทารกในผ้าอ้อม แม้จะไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่ปากเล็กนั้นขยับมุบมิบ น่ารักยิ่งนัก

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นเล่อเหยาเหยายิ้มอย่างมีความสุข ก็รู้สึกว่าบุตรสาวของตนผู้นี้หน้าตาน่ารักอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ ขึ้น

“ฮึ เซี่ยวเซวี่ยหน้าตาคล้ายเจ้ายิ่งนัก”

ชื่อเซี่ยวเซวี่ยนี้ พวกเขารอคอยมานานหลายปี ในที่สุดก็ได้ใช้มัน

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาอดยิ้มไม่ได้

“ลูกยังเล็กนัก จะมองออกว่าคล้ายข้าได้เช่นไร”

“ฮ่า ๆ ผู้อื่นต่างพูดว่าบุตรชายคล้ายบิดา บุตรสาวคล้ายมารดา”

“ฮ่า ๆ คงเป็นเช่นนั้น”

เล่อเหยาเหยาได้ยิน ยิ้มอย่างงดงาม

บนใบหน้าเล็กงดงามนั้น แม้จะแฝงด้วยความอ่อนเพลียหลายส่วนทว่ายังงดงามสะดุดตา

เห็นเช่นนั้น ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋เป็นประกายครู่หนึ่ง ก่อนอดมองทารกน้อยในอ้อมกอดและหญิงสาวงดงามบนเตียงด้วยความรักไม่ได้

“เหยาเหยา ขอบคุณเจ้ามากที่มอบบุตรสาวให้แก่ข้า ขอบคุณเจ้าที่มอบความสุขให้ข้ามากขนาดนี้ ขอบคุณเจ้าที่อยู่ข้างกายข้า ขอบคุณที่เจ้ารักข้า”

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เอ่ยปากด้วยเสียงแหบพร่าทรงเสน่ห์

และคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาเย้ายวนใจและน่าประทับใจ ดุจสุราหมักไว้นานแรมปีที่เพิ่งถูกเปิดผนึกออก ทำให้คนอดมัวเมาลุ่มหลงไม่ได้

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาใจเต้นแรง และอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้

ทันใดนั้นสบเข้ากับสายตาเปี่ยมด้วยความรักของชายหนุ่ม

ความอ่อนละมุนในดวงตาของชายหนุ่ม แทบทำให้เธออ่อนระทวยจนมิอาจถอนตัวได้

สิบปีแล้ว พวกเขาพบหน้ากัน รู้จักกัน รักกันจนมาถึงตอนนี้สิบปีเต็มแล้ว

สิบปีมานี้ใจของพวกเขานอกจากกันและกัน ไม่สามารถรองรับผู้อื่นได้อีก พวกเขาคือหนึ่งเดียวกัน

หัวใจก็เป็นหนึ่งเดียวกัน

เล่อเหยาเหยาเงยหน้ามองชายหนุ่มด้านข้าง เวลาสิบปีทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านี้เปลี่ยนไปเป็นชายหนุ่มทรงเสน่ห์

แม้เขาจะเงียบขรึมต่อหน้าผู้อื่นยกเว้นเธอ แต่ความรักที่เขามีต่อเธอทำให้เธอซาบซึ้งใจมาโดยตลอด

และทำให้เธอมีความสุขอย่างเกินคำบรรยาย!

ก่อนหน้านี้เธอเคยโทษสวรรค์ที่ส่งเธอมายังยุคสมัยแปลกประหลาดนี้ แต่ตอนนี้เธอขอบคุณสวรรค์ เพราะท่านทำให้เธอพบกับสิ่งที่รักที่สุดในชีวิตนี้!

ตอนนี้เมื่อเผชิญกับการบอกรักอย่างสุดซึ้งของชายหนุ่ม แม้พวกเขาตอนนี้จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่เล่อเหยาเหยายังคงใจเต้นแรง

สองแก้มร้อนผ่าวแดงก่ำ ทำให้เธอที่เดิมทีใบหน้าซีดเซียว ดูมีเลือดฝาดขึ้นหลายส่วน

เหลิ่งจวิ้นอวี๋รักเล่อเหยาเหยาที่เขินอายเช่นนี้เป็นที่สุด

แม้พวกเขาจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่ทุกครั้งเมื่อเผชิญหน้ากับเธอ เขามักใจเต้นแรง

และเขาก็ทราบว่าเล่อเหยาเหยายังคงปฏิบัติเช่นปกติกับเขา

ทุกครั้งที่พวกเขามีอะไรกัน เหยาเหยามักจะเขินอายเช่นนี้ ทำให้เขาชื่นชอบอย่างยิ่ง

เวลานี้เห็นท่าทางเขินอายเย้ายวนของเล่อเหยาเหยา ทำให้เหลิ่งจวิ้นอวี๋จิตใจฟุ้งซ่าน ใจเต้นไม่หยุด

สุดท้ายสายตาเปี่ยมด้วยความรักนั้นเป็นประกายชั่วขณะ ก่อนมองบนริมฝีปากเย้ายวนใจคู่นั้นของหญิงสาว

คิดแล้วพวกเขาไม่ได้มีอะไรกันมานานแล้ว กระทั่งจุมพิตบนปากเล็กก็คล้ายนานแล้วเช่นกัน

พอคิดถึงตรงนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดโน้มตัวลง คิดจุมพิตพระชายาของเขาครู่หนึ่งไม่ได้

สำหรับท่าทางของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เมื่อเป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี เล่อเหยาเหยาย่อมรู้ว่าเขาคิดทำสิ่งใด

ดังนั้นสองแก้มจึงยิ่งแดงก่ำ

จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่าย

ตรงหน้าริมฝีปากของเหลิ่งจวิ้นอวี๋กำลังจะประกบลงบนริมฝีปากของเล่อเหยาเหยา หมายลิ้มลองความหวานของริมฝีปากคู่นี้ พลันมีเสียงหัวเราะของเด็กน้อยดังขึ้นมา

และเด็กชายตัวน้อยอายุต่างกันสามคน ทว่าหน้าตากลับดุจหยกประณีต น่ารักจนทำให้ผู้คนเห็นแล้วตกหลุมรักเช่นเดียวกันวิ่งพุ่งเข้ามา

ด้านหลังพวกเขายังมีเหลิ่งอวี้เซวียนที่อายุสิบขวบแล้ว ท่าทางเป็นผู้ใหญ่เกินวัยอย่างชัดเจนตามเข้ามา

เมื่อเห็นช่วงเวลาโรแมนติกเช่นนี้ ถูกกลุ่มคนตัวน้อยเข้ามาก่อกวนทำลาย เหลิ่งจวิ้นอวี๋มีสีหน้าเคร่งขรึมลง

แต่กลุ่มตัวก่อกวนนั้นไม่สนใจสีหน้าเคร่งขรึมของบิดาแม้แต่นิดเดียว วิ่งหัวเราะไปที่ข้างเตียง โดยมีจุดมุ่งหมายคือน้องห้าในอ้อมกอดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋

“อา ในที่สุดข้ามีน้องสาวแล้ว” น้องรองตบมืออย่างดีใจ ทันใดนั้นจุมพิตบนแก้มนุ่มนิ่มด้านซ้ายของน้องห้า เมื่อความรู้สึกบนปากคล้ายกับขนมสายไหม กำลังคิดดูดกลืนอีกครั้ง ทว่ากลับถูกน้องสามผลักออกไป

“พี่รอง ท่านได้หอมน้องสาวแล้ว ตอนนี้ถึงคราข้าบ้าง”

หลังน้องสามเอ่ยอย่างแค้นเคืองกับน้องรอง ก็หันหน้าไปสบหน้ากับน้องห้า ใบหน้าเล็กดุจหยกประณีตนั้น คล้ายยิ้มแย้มสดใสอย่างไร้สิ่งใดเทียบเท่า พลันจุมพิตลงบนแก้มด้านขวาของน้องห้าอย่างชื่นมื่น

จากท่าทางอ่อนโยนของเขา เพียงพอทำให้รู้ว่าเขามีนิสัยอ่อนโยน!

หลังน้องสามได้จุมพิตน้องสาวเสร็จ ถอยหลังออกไปทันที เพื่อหลีกทางให้กับน้องสี่

เห็นเพียงน้องสี่อายุยังน้อยเพียงหนึ่งขวบครึ่ง ยามเดินก็โอนเอน คล้ายบุรุษกำลังเมาสุรา

แต่แม้เขาจะอายุยังน้อย แต่รู้ว่ามารดามอบน้องสาวเพิ่มขึ้นมาให้ตน ดังนั้นใบหน้าเล็กมีน้ำมูกไหลลงมาจึงเบิกบานดังบุปผา

ขณะน้องสี่กำลังจะจุมพิตน้องห้า เหลิ่งอวี้เซวียนก็เช็ดน้ำมูกให้เขาตามหน้าที่ของพี่ชายคนโต ก่อนจะให้เขาเข้าใกล้น้องห้า

มิฉะนั้น หากให้น้องสี่จุมพิตลงไป บนใบหน้าของน้องห้าคงเต็มไปด้วยน้ำมูกของเขา!

เวลานั้นสีหน้าของบิดา ต้องดำยิ่งกว่าเหล็กแน่นอน

ความคิดของเหลิ่งอวี้เซวียนไม่เลว หลังเห็นกลุ่มตัวก่อกวนเข้ามาทำลายความหวานชื่นของเขาและเล่อเหยาเหยาเมื่อครู่ อารมณ์ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ไม่พอใจอย่างชัดเจน ตอนนี้เห็นใบหน้าบุตรชายคนที่สี่เปื้อนไปด้วยน้ำมูก แทบจะใช้มือดึงชายเสื้อเขาขึ้นจับเขาโยนออกไป

โชคดีเหลิ่งอวี้เซวียนตากับมือว่องไว รู้จักสังเกตสีหน้า จึงเช็ดน้ำมูกให้กับบุตรคนที่สี่ของเขา มิฉะนั้นบุตรคนที่สี่ที่น่าสงสาร ยังไม่ได้เข้าใกล้บุตรคนที่ห้า ต้องถูกเขาโยนออกไปเสียแล้ว!

สุดท้ายหลังบุตรคนที่สี่จุมพิตน้องสาวเสร็จ นั่งลงบนพื้นอย่างพออกพอใจ และน้ำมูกไหลหยดลงมาอีกครั้ง

ในที่สุดหลังตัวก่อกวนต่างดูและจุมพิตน้องสาวเสร็จสิ้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋บิดาที่เข้มงวดผู้นี้อดออกคำสั่งไม่ได้

เพราะเล่อเหยาเหยาเจ็บปวดอยู่กว่าสิบชั่วยามจึงคลอดบุตรได้สำเร็จ ตอนนี้จึงคงหมดเรี่ยวแรง

ความจริงเล่อเหยาเหยาเหนื่อยล้าอย่างหนัก หลังเห็นใบหน้าของบุตรคนที่ห้า หนังตาค่อยๆ หนักอึ้ง ในที่สุดต่อสู้กับความง่วงไม่ไหว จึงค่อยๆ หลับสนิทไป

เหลิ่งจวิ้นอวี๋เห็นใบหน้าอ่อนล้าของหญิงสาวบนเตียง แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

สุดท้ายจึงทำใจจากไป หลังมอบบุตรคนที่ห้าให้กับแม่นม ก่อนสั่งให้เด็กน้อยทั้งสามออกจากห้อง จากนั้นปิดประตูลง

หลังเหล่าลูกชายออกไป ภายในห้องจึงเงียบสนิท

แสงอาทิตย์เจิดจรัสด้านนอก สาดส่องทะลุเข้ามา ทำให้ภายในห้องสว่างจ้า

ม่านโปร่งบางเบาปลิวไสว เห็นเพียงภายในเตียงใหญ่หรูหราโอ่อ่า มีหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่ ภาพนี้ช่างละมุนงดงาม ทำให้คนที่เห็นอดอวยพรให้พวกเขาไม่ได้

เหลิ่งอวี้เซวียนอุ้มน้องห้าเดินออกไป เงยหน้ามองแสงอาทิตย์งดงามบนท้องฟ้า ดวงตาดำขลับน่ามองคู่นั้นอดหรี่ลงไม่ได้

หูได้ยินเสียงเด็กหัวเราะไม่หยุด จึงอดนึกถึงขณะห้าขวบปีนั้นไม่ได้ ฤดูร้อนปีนั้นเด็กสองคนเล่นสนุกกลางทุ่งนา จับกบและแอบขโมยไข่นก

และยังมีใบหน้าเล็กน่ารักที่เวลาเคลื่อนผ่านไป กลับยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นั้น

ซินเอ๋อร์…

…………………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด