สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 150 วันเกิดเล่อเหยาเหยา (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 150 วันเกิดเล่อเหยาเหยา (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“จริงสิ เสี่ยวเหยาจื่อเจ้าไม่รู้ตัวสินะ พักนี้เจ้ามักยิ้มอย่างโง่งม มีเรื่องใดให้น่ายินดีหรือ พูดไปแล้วก็แปลก ได้ยินว่าช่วงนี้ท่านอ๋องคล้ายอารมณ์ดีไม่เลว ทุกคนมักเห็นท่านอ๋องกำลังยิ้ม ไม่รู้ว่าท่านอ๋องมีเรื่องน่ายินดีอันใด!”

เอ่ยถึงประโยคสุดท้าย เสี่ยวมู่จื่อมีสีหน้าสงสัย ทว่าอดดีใจไม่ได้

เพราะเจ้านายอารมณดีเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ โดยเฉพาะท่านอ๋องของพวกเขา ก่อนหน้านี้ไม่เคยยิ้มแย้ม มักทำให้คนรู้สึกหนาวเหน็บ แต่ตอนนี้กลับแตกต่างออกไป

ท่านอ๋องยิ้มแย้ม เรื่องนี้หลังจากแพร่สะพัดออกไปในวังอ๋อง ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง

ภายในความตกตะลึง ก็ยังรู้สึกว่านี่ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเพียงท่านอ๋องดีใจ วันเวลาของพวกเขาที่เป็นบ่าวจะผ่านไปอย่างมีความสุข

ขณะเสี่ยวมู่จื่อคิดในใจ เล่อเหยาเหยาก็รู้สึกดีในใจ

พญายมกำลังดีใจ เป็นเพราะเธอหรือไม่

ฮ่า ๆ…

พอคิดถึงตรงนี้ ใจของเล่อเหยาเหยาราวกับอาบไปด้วยน้ำผึ้งที่หอมหวาน

ที่แท้การมีความรักเป็นเช่นนี้…

มิน่าทุกเทศกาลหรือวันหยุดเหล่าพี่สาวน้องสาวในหอพักต่างพากันออกไปเดทกับชายหนุ่ม ที่แท้มันมีเหตุผลนี่เอง

ขณะเล่อเหยาเหยาคิดในใจ กลับพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงร้องขึ้นอย่างตกใจ

“อ้า จริงสิ วันนี้เป็นวันใดหรือ!”

“เอ้อ เสี่ยวเหยาจื่อ เจ้าเป็นอันใดไป ทำข้าตกใจแทบแย่ วันนี้ วันนี้วันที่สิบสี่ มีเรื่องใดหรือ”

เสี่ยวมู่จื่อที่ถูกเสียงตกใจของเล่อเหยาเหยาทำให้ตกใจ พลางลูบหน้าอกที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง เอ่ยอย่างสงสัยขึ้น

“ที่แท้วันนี้ก็เป็นวันที่สิบสี่แล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาพึมพำกับตนเอง ก่อนเอ่ยปากว่า

“พรุ่งนี้ เป็นวันเกิดของข้า”

“จริงหรือ พรุ่งนี้ที่แท้ก็คือวันเกิดของเจ้า เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ยินเจ้าเอ่ยถึงเลย เสี่ยวเหยาจื่อ ในเมื่อพรุ่งนี้คือวันเกิดเจ้า เจ้าอยากได้สิ่งใดเป็นของขวัญหรือ ข้าจะมอบให้เจ้า ทว่า ฮิๆ อย่าให้ราคาสูงเกินไปนะ ขะ…ข้าไม่มีเงินมากมาย”

เอ่ยถึงประโยคสุดท้าย เสี่ยวมู่จื่อยื่นมือลูบท้ายทอยอย่างละอายใจ ก่อนยิ้มอย่างใสซื่อ

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาเพียงยิ้มมุมปาก ก่อนเอ่ยว่า

“ข้าไม่ต้องการของขวัญ มีเจ้าเป็นสหายที่ดีของข้า ข้าพอใจมากแล้ว”

เล่อเหยาเหยาทราบถึงฐานะครอบครัวของเสี่ยวจื่อ จึงย่อมมิเรียกร้องของขวัญจากเขา

อีกทั้ง คำพูดเมื่อครู่เธอพูดจริง มีเสี่ยวมู่จื่อเป็นเพื่อนที่ดี เขาก็มอบของขวัญที่ดีที่สุดให้กับเธอแล้ว

เสี่ยวมู่จื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ก็ยิ้มอย่างใสซื่อ ก่อนยื่นมือไปตบไหล่เล่อเหยาเหยา ก่อนเอ่ยว่า

“ฮ่าๆ ความจริง ข้าเองก็คิดเช่นนี้เช่นกัน มีเจ้าเป็นสหาย ข้าดีใจยิ่งนัก”

ตรงข้ามกับความดีใจของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยากลับเกือบถูกเขาตบจนแบน

ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาขมวดมุ่น ก่อนหัวเราะเฮฮาร่วมกับเสี่ยวมู่จื่อ พลางเอ่ยว่า

“ข้าว่า พักนี้เจ้าโตขึ้นนะเสี่ยวมู่จื่อ เรี่ยวแรงก็ถือว่ามากมายทีเดียว”

“เอ่อ ข้าขอโทษ เสี่ยวเหยาจื่อ ขะ…ข้าเมื่อครู่ตื่นเต้นเกินไป”

เห็นใบหน้าหัวเราะขมขื่นของเล่อเหยาเหยา เสี่ยวมู่จื่อพลันวิตก

ใบหน้าก็ดูกังวล เพราะพักนี้เรี่ยวแรงเขาเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย จึงลืมเลือนว่าเสี่ยวเหยาจื่อบอบบางขนาดนั้น โดนไปหนึ่งฝ่ามือ ‘เขา’ ต้องเจ็บปวดแน่นอน

เห็นสีหน้าขอโทษขอโพยของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาที่แม้จะเจ็บไหล่ แต่ก็ไม่ถือสาอะไรมาก

และคิดในใจว่าพรุ่งนี้ เป็นวันเกิดของเธอ ไม่รู้พญายมจะมีเวลาอยู่กับเธอหรือไม่!

ช่วงอาหารเย็น เหลิ่งจวิ้นอวี๋กลับมาที่ตำหนัก ก่อนให้เล่อเหยาเหยาปรนนิบัติรับประทานอาหารเช่นเดิม

เพราะมีคำพูดซ่อนอยู่ในใจ เล่อเหยาเหยาจึงแอบมองชายหนุ่มตรงหน้าตลอดเวลา อยากหาโอกาสเอ่ยถามเขา

เพราะการจ้องมองบ่อยครั้งของเล่อเหยาเหยา แม้อยากให้คนละเลยจึงเป็นไปได้ยาก

เหลิ่งจวิ้นอวี๋วางตะเกียบในมือลง ก่อนโบกมือครู่หนึ่ง สั่งให้คนเก็บอาหารบนโต๊ะออกไปอย่างรวดเร็ว เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น พลันรีบรินชาส่งไปที่ด้านหน้าของเขา

“ท่านอ๋อง ดื่มชา”

“ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว”

สำหรับคำพูดของเล่อเหยาเหยา เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเอ่ยปากขึ้นเบาๆ

เล่อเหยาเหยาได้ยิน ใบหน้าจิ้มลิ้มก็เก้อเขิน ก่อนเข้าใจความหมายในคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋

ใบหน้าเล็กก้มต่ำลง เล่อเหยาเหยาลังเลครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากขึ้นเบาๆ ว่า

“อวี๋ ดื่มชาเถิด!”

“อา”

เล่อเหยาเหยาเพิ่งเอ่ยจบ ก็รู้สึกแน่นที่เอว ร่างกายของเธอพลันถูกชายหนุ่มดึงเข้าสู่อ้อมกอด บั้นท้ายนั่งลงบนต้นขาของชายหนุ่ม

ท่าทางนี้ การกระทำนี้ทั้งอ่อนโยนและสนิทสนม ทำให้เล่อเหยาเหยาพลันตกใจ

ทันใดนั้นใบหน้าเล็กก็เขินอาย ร่างกายบิดไปมา คิดจะดิ้นรน

จากนั้นคำพูดของชายหนุ่มกลับดังขึ้นข้างหูเธอพอดี

“เจ้าจ้องข้าอยู่เป็นนาน มิใช่มีเรื่องอยากพูดกับข้าหรือ”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยามีสีหน้าตกตะลึง พลันกัดริมฝีปากแดงชั่วขณะ

“ที่แท้ ท่านรู้ตัว”

สมกับเป็นพญายม มีสายตาที่คมกริบเสียจริง

“ตอนนี้พูดมาเถิด มีเรื่องใดอยากเอ่ยกับข้าหรือ”

จับคางของคนตัวเล็กในอ้อมกอดขึ้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋เผยอริมฝีปาก ก่อนเอ่ยเสียงเบาถามขึ้น

เมื่อคางถูกจับเงยขึ้น ใบหน้าเล็กของเล่อเหยาเหยาปรากฏสีหน้าลังเล ขวยเขิน แดงก่ำ ดวงตาคู่งามเป็นประกาย มือเล็กที่ชี้นิ้วไปมาไม่หยุด หลังลังเลอยู่นาน จึงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า

“เอ่อ คือว่า พรุ่งนี้ท่านมีเวลาว่างหรือไม่!”

“พรุ่งนี้ มีเรื่องใดหรือ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ดวงตาเย็นชาของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปรากฏความสงสัยวาบขึ้นมา ก่อนเอ่ยปากถามขึ้น

เพราะก่อนหน้านี้เล่อเหยาเหยาไม่เคยอ้ำอึ้งเหมือนวันนี้มาก่อน อีกทั้งเห็นใบหน้าเล็กของ ‘เขา’ คล้ายลังเลใจ เห็นชัดว่าพรุ่งนี้ต้องมีอันใดแน่

ส่วนเล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยินการย้อนถามเช่นนี้ของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ กลับไม่รู้จะเอ่ยปากเช่นไร

พรุ่งนี้คือวันเกิดเธอ แม้จะไม่ใช่วันเกิดของเจ้าของร่างนี้ แต่เป็นวันเกิดจริงของเธอ

นี่เป็นวันเกิดครั้งแรกตั้งแต่เธอมาถึงยุคสมัยที่แปลกใหม่นี้ ดังนั้น เธอจึงอยากอยู่ร่วมกับคนที่ตนชื่นชอบ

แต่ตอนนี้พญายมเอ่ยถามเช่นนี้ เธอไม่รู้จะเอ่ยปากเช่นไร หรือจะเอ่ยว่าพรุ่งนี้คือวันเกิดเธอ เขาอยู่ฉลองกับเธอได้หรือไม่!

เขาไม่ใช่คนธรรมดา เป็นถึงท่านอ๋องแห่งราชวงศ์เทียนหยวน มีตำแหน่งสูงและภารกิจมากมาย ถ้าเขามีภารกิจสำคัญในวันพรุ่งนี้ล่ะ

เธอไม่อยากให้เพราะตน ทำให้เขาเสียงาน!

หลังคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาขบคิดในใจครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยปากขึ้นว่า

“เอ่อ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่อวี๋ พรุ่งนี้หากท่านไม่ติดธุระใด สามารถกลับมาที่ตำหนักเร็วหน่อยได้หรือไม่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา และสายตาคาดหวังของเธอ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงมองเธออย่างเงียบๆ ไม่เอ่ยปากออกมา

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้น หัวใจพลันเต้นระรัว

เพราะสายตาลึกล้ำเวลานี้ของเขา ทำให้คนคาดเดาความคิดในใจของเขาไม่ได้

อีกทั้งสายตาเฉลียวฉลาดของเขา มีความสามารถในการจับสังเกตที่แม่นยำ เธอที่ถูกเขามองอยู่นาน คล้ายถูกเขามองทะลุผ่านหัวใจไป

เห็นเช่นนั้น หัวใจเล่อเหยาเหยาเริ่มเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าเล็กก็หลุบลงต่ำ ไม่กล้าสบสายตาชายหนุ่ม

ทว่ามือเล็กขาวผ่องยันอยู่ที่หัวเข่า เวลานี้กลับบิดพันกันไม่หยุด แสดงความไม่สบายใจของเธอออกมา

กระทั่งหลังผ่านไปเป็นเวลานาน ขณะเล่อเหยาเหยาคิดว่า ชายหนุ่มคงไม่รับปากแน่ ชายหนุ่มกลับเอ่ยปากขึ้น

“ได้สิ พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาให้เร็ว”

“จริงหรือ !”

เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาที่เดิมทีดวงตาคู่งามเศร้าหมอง พลันคล้ายมีจุดศูนย์รวมแสงสว่างบนโลก แววตามีชีวิตชีวา งดงามเจิดจ้า

ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้น พลันยิ้มดุจบุปผาชูช่อเบ่งบานอย่างลำพองใจ น่ามองจนทำให้คนมิอาจละสายตาได้

เห็นเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ผงกศีรษะ พร้อมยิ้มพลางเอ่ยว่า

“แน่นอน เรื่องที่ข้ารับปาก จะคืนคำได้เช่นไร”

“ฮ่า ๆ อวี๋ ท่านไม่กลืนน้ำลายตนเองแน่ ข้าเชื่อท่าน”

เพราะเมื่อคืนพญายมรับปากเธอว่าวันนี้จะกลับมาเร็ว เล่อเหยาเหยาจึงอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า

หลังปรนนิบัติพญายมเสร็จแล้ว เขาก็เข้าวังหลวง เธอจึงไปปัดกวาดตำหนักหย่าเฟิง

ตอนเที่ยง เสี่ยวมู่จื่อยังซื้อบะหมี่อายุยืน และไข่สีแดงมาให้เธอโดยเฉพาะ

“เสี่ยวเหยาจื่อ ข้าไม่ได้มีเงินมากมาย จึงซื้อของขวัญมีค่าให้เจ้าไม่ได้ ดังนั้นของพวกนี้ เจ้าอย่างรังเกียจเลยนะ”

“ฮ่า ๆ ความตั้งใจของเจ้า ข้าจะรังเกียจได้เช่นไร!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาเอ่ยพูดพลางหัวเราะ จากนั้นให้เกียรติอย่างยิ่ง โดยการทานของที่เสี่ยวมู่จื่อมอบให้เธอจนหมดเกลี้ยง

เพราะพักนี้เธอกินจุอย่างมาก แม้ทานของพวกนี้จนหมด ยังทานข้าวได้อีกหนึ่งถ้วย!

เสี่ยวมู่จื่อที่นั่งอยู่ตรงข้ามเห็นเช่นนั้น เพียงหัวเราะฮิๆ

“เสี่ยวเหยาจื่อเจ้ากินจุเสียจริง ทว่าพักนี้เจ้าทานเยอะขนาดนี้ แต่ก็ไม่เห็นมีเนื้อมีหนัง อีกทั้งความอยากอาหารของเจ้า เหมือนกับภรรยาของลูกพี่ลูกน้องข้ามากเลย!”

“หือ ภรรยาของลูกพี่ลูกน้องเจ้าก็กินจุเช่นนี้หรือ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาก็สงสัยขึ้น

พักนี้เธอเองคิดว่าร่างกายตนกำลังเติบโต จึงทานได้ขนาดนี้ แต่ช่วงนี้เธอทานไปมากมาย แต่กลับไม่มีเนื้อหนังขึ้นมา ทำให้คนสงสัยและแปลกใจเสียจริง!

วันนี้ เมื่อเสี่ยวมู่จื่อเอ่ยขึ้น เล่อเหยาเหยาจึงถือโอกาสซักถาม

เสี่ยวมู่จื่อเมื่อได้ยิน หลังเขี่ยข้าวใส่ปากหนึ่งคำ จึงเอ่ยตามความจริงออกมา

“ภรรยาลูกพี่ลูกน้องข้าตั้งครรภ์ ได้สองเดือนแล้ว ทว่ากลับทานจุอย่างยิ่ง ตอนเช้าทานหมั่นโถวสองลูกใหญ่ ข้าวต้มหนึ่งชามใหญ่ ตอนเที่ยงทานข้าวสี่ชาม ตอนเย็นยังทานข้าวสี่ชามพร้อมของว่างมื้อดึก ทานอิ่มก็เข้านอน ทว่ากับไม่เห็นอ้วน พี่ชายข้าบอกว่า เพราะในพี่สะใภ้มีเด็กอยู่ในนั้น ของพวกนั้นทานเพื่อเด็ก ดังนั้นพี่สะใภ้จึงทานจุขนาดนั้น!”

“เอ่อ เสี่ยวมู่จื่อเจ้านี่จริงๆ เลย พี่สะใภ้เจ้าตั้งครรภ์ย่อมแตกต่างกัน ตอนนี้เปรียบเทียบข้ากับเธอ เจ้ากำลังล้อว่าข้าทานจุใช่หรือไม่!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยามีสีหน้าตึงทันที ก่อนแสร้งทำเป็นโมโห

ทว่าเสี่ยวมู่จื่อรู้ว่าเสี่ยวเหยาจื่อตั้งใจกลั่นแกล้งตน จึงหัวเราะพลางเอ่ยอย่างใสซื่อขึ้น

“ฮิ ๆ เพียงเปรียบเทียบเท่านั้น ข้าไม่ได้คิดอย่างอื่น เสี่ยวเหยาจื่อเจ้าทานข้าวเถอะ ทานเยอะจึงจะมีเรี่ยวแรง ฮิๆ”

เห็นท่าทางตรงไปตรงมาของเสี่ยวมู่จื่อ เล่อเหยาเหยาก็ไม่โมโห เพียงทานข้าวไปอีกหนึ่งชาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด