สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! 224 ใจหวั่นไหว (1)

Now you are reading สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! Chapter 224 ใจหวั่นไหว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่ต้องกลัว พวกเขาจากไปหมดแล้ว”

หลังหมุนกายเดินกลับมาด้านหน้าซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนเอ่ยขึ้น

แม้น้ำเสียงเขาจะราบเรียบ แต่ภายในเสียงทุ้มต่ำแหบพร่านั้น คล้ายแฝงด้วยเสน่ห์ประเภทนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ที่ขลาดกลัว รู้สึกเพียงปลอดภัย

แม้เธอไม่รู้เหตุใดชายหนุ่มจึงรู้ว่าพวกบิดาของเธอจากไปแล้ว แต่ในใจเธอกลับเชื่อเขาอย่างไร้เหตุผล

คล้ายเมื่อครู่ที่ชั้นห้านั้น เธอหวาดกลัวสุดชีวิต ในใจคิดเพียงหลบหนีไปให้ไกล!

แต่ขณะไม่ระวังกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดชายหนุ่ม เธอจึงเชื่อเขาจากใจ

คล้ายเรือเล็กลอยลำอยู่กลางมหาสมุทรเช่นเธอ ในที่สุดพบที่หลบภัยของตน

ความรู้สึกประหลาดเช่นนี้ ทำให้เธอเชื่อคนผู้หนึ่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก

ดังนั้น เธอจึงขอร้องชายหนุ่มตรงหน้านี้ทันที

ตอนนี้เช่นเดียวกัน หลังได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ซินเอ๋อร์ที่วิตกกังวล ค่อยๆ สงบลง

ก่อนพยักหน้า และไม่สนใจว่าชายหนุ่มรู้ได้เช่นไรว่าพวกบิดาของเธอจากไปแล้ว

ซินเอ๋อร์เวลานี้ เพียงเดินตามหลังเหลิ่งอวี้เซวียนอีกครั้งทีละก้าวอย่างมั่นคง

อาจเพราะในจิตใต้สำนึก เธอรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้คือคนดี แม้สถานะเขาจะลึกลับ

แต่เธอเชื่อเขา!

ความคิดนี้ ทำให้ซินเอ๋อร์ไม่ลังเลที่จะเริ่มเดินตามหลังเหลิ่งอวี้เซวียนไปอีกครั้ง

เหลิ่งอวี้เซวียนเหลือบเห็นร่างเล็กเดินตามหลังเขามาอย่างโดยดี ดวงตาอดอ่อนโยนลงไม่ได้ ดวงตาดำขลับเปล่งประกายมีความสุข

ชั้นสองของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ปกติคือสถานที่ผ่อนคลายของเหล่าคนมีอำนาจเงินทอง

เพราะชั้นสองนี้ ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์หรือของใช้ต่างรังสรรค์ขึ้นมาอย่างหรูหราแต่ยังเรียบง่าย และยังมีระดับ

และบนมุมทั้งสี่ของชั้นสองต่างวางภาพตัวอักษร ภาพวาด วัตถุโบราณอันล้ำค่าไว้ สิ่งของทุกชิ้นมีราคาสูง ดังนั้นเพราะความเลิศหรูของที่นี่ คนทั่วไปจึงไม่สามารถเข้ามาได้

ทุกคนต่างรักในหน้าตา โดยเฉพาะเหล่าคนมีอำนาจเงินทองที่ต่างชอบโอ้อวด

แม้จะรู้ชัดว่าทุกห้องในชั้นสองของ ‘หอสุราดับทุกข์’ ราคาจะไม่ต่ำ แต่การจิบสุราคุยเรื่องการค้า ต้องรีบจับจองที่นี่ เพื่อเพิ่มสถานะของตนให้สูงขึ้น

เรื่องนี้เถ้าแก่ใหญ่ของ ‘หอสุราดับทุกข์’ เข้าใจจับจุดพวกคนที่รักในหน้าตาศักดิ์ศรีมากเสียจริง!

และทุกห้องหรูหราในชั้นสองล้วนรังสรรค์ออกมาแตกต่างกัน

ชั้นสองนี้ทั้งหมดมีห้าสิบห้อง และทุกห้องต่างรังสรรค์เอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันออกมา

ลือกันว่าเถ้าแก่ใหญ่ใช้เวลาหลายปี ท่องเที่ยวไปทั่วทุกที่ เพื่อรวบรวมเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่รังสรรค์ออกมา

เวลานี้ซินเอ๋อร์เดิมตามหลังชายหนุ่ม โดยที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะไปที่ห้องใด ทว่าเพราะเวลานี้หลังความกังวลใจหายไป เธอจึงสำรวจรอบด้านอย่างตั้งใจ

เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างที่หรูหราเช่นนี้ ดวงตาแวววาวคู่งามของซินเอ๋อร์ ตกตะลึงอย่างไม่ปิดบัง

อา ที่นี่งดงามและหรูหรา จริงๆ

คล้ายคนจนเช่นเธอแม้ชาธรรมดาของที่นี่ คงไม่สามารถดื่มได้!

ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์จึงเดินอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว เพราะเกรงว่าตนจะทำสิ่งของเสียหาย แม้ขายตัวเธอ ก็ยังไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายได้!

เหลิ่งอวี้เซวียนไม่ใช่ไม่รู้ถึงความในใจของซินเอ๋อร์ จากใบหน้าเล็กใสซื่อของเธอ เขาอดส่ายหน้าอย่างจนใจไม่ได้

ทว่าเขายังไม่เอ่ยสิ่งใด ทันใดนั้นด้านหน้าเขามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง สวมชุดสีน้ำเงินหรูหราคนหนึ่งเดินเข้ามา

เห็นเพียงชายชุดสีน้ำเงินหลังจากเห็นเหลิ่งอวี้เซวียน รีบสาวเท้าเข้ามาตรงหน้าเหลิ่งอวี้เซวียน และกำลังโน้มตัวลงเอ่ยบางอย่างอย่างนอบน้อม แต่กลับถูกเหลิ่งอวี้เซวียนยกมือห้ามไว้

ชายชุดสีน้ำเงินเห็นเช่นนั้นรู้สึกสงสัย แต่เมื่อเขาเห็นซินเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังเหลิ่งอวี้เซวียน แววตาปรากฎความตกใจและแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที

ทันใดนั้น ชายชุดสีน้ำเงินได้สติ ก่อนเอ่ยกับเหลิ่งอวี้เซวียน

“เชิญขอรับ”

“อืม”

สำหรับการเชื้อเชิญของชายชุดสีน้ำเงิน เหลิ่งอวี้เซวียนเพียงตอบรับคำหนึ่งอย่างพอใจ

เพราะคนที่เขาเลือกให้ดูแล ‘หอสุราดับทุกข์’ ทุกคนต่างเฉลียวฉลาด เพียงสายตาหรือสัญญานมือสามารถเข้าใจความหมายของเขาได้

และชายชุดสีน้ำเงินนี้ คือหลานจวิน ผู้รับผิดชอบดูแลชั้นสอง

สามารถพูดได้ว่าภายใน ‘หอสุราดับทุกข์’ แห่งนี้ ทุกชั้นต่างมีคนดูแลจัดการ ส่วนหลี่เหล่าคือหัวหน้าใหญ่ที่มีอำนาจดูแลทั้งสี่ชั้น

เวลานี้หลังหลานจวินรู้ความหมายของเหลิ่งอวี้เซวียน จึงปฏิบัติกับเหลิ่งอวี้เซวียนดังแขก เชิญพวกเขาไปที่ห้องชมทิวทัศน์ที่เหลิ่งอวี้เซวียนชื่นชอบ

ห้องชมทิวทัศน์นี้ มีความหมายตามชื่อนั่นคือสามารถชมทิวทัศน์ได้มากมาย

สามารถพูดได้ว่านั่งอยู่ที่นี่ มองจากหน้าต่างสองบานลงไป เห็นบรรยากาศของห้องโถงชั้นหนึ่งใน ‘หอสุราดับทุกข์’ และยังเห็นบรรยากาศบนถนนใหญ่ได้ทุกซอกทุกมุม

ดังนั้นห้องนี้ นอกจากเหลิ่งอวี้เซวียน ก็ไม่เปิดรับรองแขกอื่น

ทว่าซินเอ๋อร์ไม่รู้ถึงเรื่องนี้

ขณะเดินตามหลังเหลิ่งอวี้เซวียนเข้ามาในห้องชมทิวทิศน์

เห็นเพียงห้องชมทิวทัศน์นี้ ด้านในทั้งหมดต่างใช้ไม้ต้นจันท์ชั้นดีรังสรรค์ออกมา ดังนั้นเพียงเข้ามาด้านใน กลิ่นหอมจางๆ ของไม้ต้นจันท์พลันโชยเข้ามาที่จมูก

กลิ่นหอมจางๆ นี้ กลับทำให้คนสดชื่นผ่อนคลาย

ซินเอ๋อร์สูดดม จนอดยิ้มมุมปากอย่างพอใจไม่ได้

และสีหน้านี้ของเธอตกอยู่ในสายตาของเหลิ่งอวี้เซวียนด้านข้างพอดี เห็นเช่นนั้นเหลิ่งอวี้เซวียนดวงตาเป็นประกาย ก่อนคิดในใจ

ช่างเป็นหญิงสาวที่พอใจได้ง่ายเสียจริง!

“เจ้าชอบทานสิ่งใดหรือ”

หลังซินเอ๋อร์นั่งลง เหลิ่งอวี้เซวียนรีบเอ่ยถาม

หลังได้ยินซินเอ๋อร์ได้สติ ก่อนมองเหลิ่งอวี้เซวียนอย่างโง่งม พร้อมกระพริบตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า

“ข้าทานได้หมดทุกอย่าง ท่านชอบสิ่งใด เลือกมาเถิด!”

เพราะถึงอย่างไรเธอเพียงทานอาหารเป็นเพื่อนเขา จะสั่งอาหารที่ตนชื่นชอบได้เช่นไร

และอาหารของที่นี่ เพียงมองก็รู้ว่าราคาสูง!

เมื่อครู่หลังจากเธอและบิดามาถึงที่นี่ เธอเห็นราคาเมนูอาหารที่นี่ผ่านตา ขณะนั้นเธอตกตะลึงอย่างมาก

เพียงผัดผักก็สิบตำลึงแล้ว นี่สำหรับเธอถือว่าราคาแพงยิ่งนัก!

เพราะหลังจากมารดาเสียชีวิต เธอเลี้ยงดูตนเองและน้องชายมาเพียงลำพัง ปกติมักทำงานหนัก และเงินสิบตำลึงนี้ ต่างต้องทำงานหนักพวกนี้กว่าหนึ่งปีจึงจะสามารถหาได้ครบ!

ดังนั้น หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์รีบส่ายหน้าดุจระลอกคลื่น

จากสีหน้าของซินเอ๋อร์ เหลิ่งอวี้เซวียนคาดเดาความคิดในใจเธอออกทันที ดังนั้นจึงไม่เอ่ยถามเธออีก เพียงสั่งอาหารขึ้นชื่อพร้อมของหวานของที่นี่ ก่อนสั่งให้หลานจวินออกไป

‘หอสุราดับทุกข์’ แห่งนี้ ไม่เพียงตกแต่งอย่างหรูหรา บริการครบครัน อาหารนั้นใช้เวลาเพียงไม่นานก็ถูกลำเลียงขึ้นโต๊ะ

เมื่อเห็นบนโต๊ะกลมที่ปูด้วยผ้าคลุมสีแดงมีอาหารหน้าตาน่าทานกว่าสิบอย่าง ซินเอ๋อร์อดกลืนน้ำลายไม่ได้ เสียงท้องยิ่งดังมากขึ้น

สวรรค์ อาหารพวกนี้เพียงมองก็รู้สึกว่าอร่อยแน่นอน!

เห็นเพียงบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะราคาแพงทั้งหูฉลามรังนก ปูผัดแห้ง กุ้งใบชาเป็นต้น

อาหารพวกนี้ หากซื้อที่ด้านนอกราคาสูงอย่างมาก จึงไม่ต้องเอ่ยถึง ‘หอสุราดับทุกข์’ แห่งนี้ ราคาสูงกว่าด้านนอกหลายเท่า!

ดังนั้น ซินเอ๋อร์แม้จะหิวอย่างมาก แต่กลับไม่กล้าขยับตะเกียบ

จนกระทั่งเหลิ่งอวี้เซวียนให้ทุกคนออกไป หลังเหลือเพียงพวกเขาสองคน เหลิ่งอวี้เซวียนหันมามองสาวน้อยตรงหน้าที่เห็นชัดว่าหิวสุดชีวิต แต่นั่งกลืนน้ำลายไม่ทานอยู่ตรงนั้น จึงเอ่ยเย้าว่า

“หรือของพวกนี้ เพียงมองก็อิ่มแล้ว!”

“เอ่อ”

หลังได้ยินคำพูดชายหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มของซินเอ๋อร์อดเก้อเขินไม่ได้

ที่แท้เมื่อครู่ที่เธอมองอาหารพวกนี้ไม่หยุดจนน้ำลายไหล ถูกเขาเห็นเข้าแล้ว น่าอับอายจริงๆ!

ขณะคิดในใจ ซินเอ๋อร์ก้มศีรษะเล็กลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองชายหนุ่ม

เพราะจากน้ำเสียงของชายหนุ่ม เธอฟังออกถึงการเย้าแหย่ของเขา

สวรรค์ วันนี้เธอคล้ายมักทำเรื่องขายหน้าต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้เสียจริง!

ขณะซินเอ๋อร์หงุดหงิดในใจ เห็นชายหนุ่มตรงหน้าหยิบตะเกียบขึ้น ก่อนทานอาหารรสเลิศบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย

“อืม จานนี้ไม่เลวเลย เจ้ารีบชิมเถิด เจ้าตกลงทานอาหารกับข้าเป็นการตอบแทนมิใช่หรือ!”

“อืม ตกลง”

หลังได้ยิน ซินเอ๋อร์ไม่ลังเลอีก หยิบตะเกียบตรงหน้าขึ้น ก่อนคีบอาหารตรงหน้าเข้าปาก

อาหารพวกนี้อร่อยยิ่งนัก นี่คืออาหารที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ที่เธอเคยทานมา

เพราะแม้ก่อนหน้านี้ช่วงที่ครอบครัวเธอมีความสุข กิจการของบิดาแม้จะมั่นคง แต่เพียงทุกคนกินอิ่มนอนหลับ มีชีวิตที่ดีเพียงพอแล้ว

ตอนนี้แม้กิจการของบิดาจะไม่เลว แต่เมื่อครู่สั่งเพียงอาหารที่ราคาไม่แพงมากนัก

เวลานี้เห็นอาหารอันโอชะบนโต๊ะด้านหน้านี้ ในใจซินเอ๋อร์เต็มไปด้วยกลิ่นอาหารมากมาย

เพราะเธอได้ทานสิ่งที่อร่อยเช่นนี้ แต่เสี่ยวเป่าน้องชายเธอ กลับไม่เคยได้ทานของอร่อยเช่นนี้มาก่อน!

หลังมารดาเสียชีวิตไปขณะเธออายุสิบสอง เธอต้องเลี้ยงดูเสี่ยวเป่ามาโดยลำพัง

เธอเพิ่งอายุสิบสองสามารถทำสิ่งใดได้ ขนาดตนเองแทบเอาชีวิตแทบไม่รอด โชคดีมีท่านป้าเพื่อนบ้านหลายคนสงสารเอ็นดูพวกเธอสองพี่น้อง ปกติหากมีงานหยาบกระด้างใด จะเรียกเธอตามไปด้วย ดังนั้นเธอจึงเลี้ยงดูน้องชายเติบโตขึ้นมาได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด