สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 1047 เนื้อชิ้นมัน

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 1047 เนื้อชิ้นมัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1047 เนื้อชิ้นมัน

ต่อมาต่งซื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนเล่าว่าชุนเถารักใคร่ชอบพอกับเฉินชิ่งเซิง เมื่อเฉินชิ่งเซิงเดินทางกลับมาหลังจากทำภารกิจเสร็จไป๋ชิงเหยียนจะจัดงานแต่งให้คนทั้งสอง ต่งซื่อจึงล้มเลิกความคิดที่จะจับคู่ให้ชุนเถา ได้แต่คิดว่าเหตุใดเฉินชิ่งเซิงจึงไม่กลับมาเสียที

บัดนี้เฉินชิ่งเซิงกลับมาแล้ว ถึงแม้ไป๋ชิงเหยียนจะไม่รีบจัดงานให้คนทั้งสอง ต่งซื่อก็จะจับเฉินชิ่งเซิงมาแต่งงานกับชุนเถาให้ได้อยู่ดี

ไม่นานไป๋จิ่นจื้อ เซียวรั่วไห่ เสิ่นชิงจู๋และเฉินชิ่งเซิงเดินเข้ามาในตำหนักพร้อมกัน

เมื่อไม่เห็นเซียวรั่วเจียงไป๋ชิงเหยียนถึงถามขึ้น “เซียวรั่วเจียงเล่า”

“ยังหาจุดอ่อนของช้างอยู่ที่ค่ายทหารเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “บัดนี้ช้างฝูงนั้นสวมเสื้อเกราะเหล็กที่พวกเราทำให้แล้ว ทว่า พวกเรายังหาจุดอ่อนของพวกมันไม่พบเจ้าค่ะ”

ทุกคนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนเสร็จก็เห็นไป๋จิ่นจื้อถลกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน จากนั้นยกถ้วยชาของหญิงสาวขึ้นดื่มอย่างกระหาย

“เว่ยกงกง พาคนอื่นออกไปจากตำหนักเถิด ไม่ต้องอยู่รับใช้ข้าแล้ว…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเว่ยจง จากนั้นหันไปโบกมือให้พวกของเซียวรั่วไห่ “นั่งเถิด ชุนเถารินน้ำชา”

“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารับคำ นางรินน้ำชาให้ไป๋จิ่นจื้อ เซียวรั่วไห่และเสิ่นชิงจู๋ก่อน จากนั้นจึงเดินไปหยุดอยู่หน้าเฉินชิ่งเซิง ก้มหน้าวางถ้วยชาลงตรงหน้าชายหนุ่ม

ใบหน้าของเฉินชิ่งเซิงมีหนวดเคราขึ้นทำให้ดูสุขุมยิ่งกว่าเดิม ชายหนุ่มมองหน้าญาติผู้น้องของตัวเองด้วยความดีใจ ทว่า เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาสนทนาเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาว เขาพยักหน้าให้ชุนเถาเล็กน้อย เขาเห็นใบหน้าของชุนเถาแดงก่ำ หญิงสาวเอื้อมมือไปจับปิ่นปักผมที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้ออย่างไม่รู้ตัว นั่นคือของขวัญที่เขามอบให้นาง

“พี่หญิงใหญ่คราวนี้เซียวรั่วไห่และเฉินชิ่งเซิงได้ข่าวใหม่มาจากแคว้นเทียนเฟิ่งเจ้าค่ะ เมื่อครู่พวกเขาเล่าให้ข้าฟังคร่าวๆ บ้างแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อหันไปมองเฉินชิ่งเซิงและเซียวรั่วไห่

เฉินชิ่งเซิงรีบหันไปทางไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกล่าวขึ้น “เดินทางไปแคว้นเทียนเฟิ่งครั้งนี้ ข้าและใต้เท้าเซียวสืบพบความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ของแคว้นเทียนเฟิ่งขอรับ…”

เซียวรั่วไห่หยิบแผนที่ที่ทำขึ้นอย่างละเอียดจากอกส่งให้ชุนเถา ให้ชุนเถาส่งให้ไป๋ชิงเหยียนดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ไป๋ชิงเหยียนรับแผนที่มากางออกดู ไป๋จิ่นจื้อถลาเข้าไปหาพี่สาว มองดูแผนที่ซึ่งใหญ่เกือบเท่าโต๊ะ

“แคว้นเทียนเฟิ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ด้านหลังภูเขาหิมะ พวกเขาคิดว่าภูเขาหิมะคือจุดสิ้นสุดของอาณาเขตในใต้หล้า ไม่เคยคิดว่าด้านหลังภูเขาหิมะจะมีแคว้นซีเหลียง หรงตี๋ ต้าเหลียง ต้าโจวและต้าเยี่ยนอยู่ขอรับ” เฉินชิ่งเซิงกล่าวอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงกระชับ “ใต้เท้าเซียวทำสัญลักษณ์แคว้นที่เคยเป็นแคว้นเพื่อนบ้านของแคว้นเทียนเฟิ่งที่พวกเราสืบข่าวมาได้ขอรับ แคว้นที่มีชื่อเสียงที่สุดคือฮั่นอิงและเหมิ่งเสอขอรับ แคว้นเทียนเฟิ่งเคยถูกสองแคว้นนี้รุกรานมาก่อนขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มมองดูสัญลักษณ์ที่เซียวรั่วไห่ทำไว้ทางตะวันออกของภูเขาหิมะ เป็นดั่งที่ไป๋จิ่นถงกล่าวไว้ หากแล่นเรือเข้าไปตามแม่น้ำ สองข้างทางจะเป็นทุ่งหญ้ากว้าง เมื่อใกล้จะถึงอาณาเขตของแคว้นเทียนเฟิ่ง แม่น้ำจะถูกแยกออกเป็นสองสาย

แคว้นฮั่นอิงและแคว้นเหมิ่งเสอเคยเป็นแคว้นเพื่อนบ้านของแคว้นเทียนเฟิ่ง ทว่า บัดนี้หายสาบสูญไปแล้ว

“ตอนที่ข้าติดตามคุณหนูสามไปยังแคว้นเทียนเฟิ่ง ข้ามัวแต่สนใจเรื่องการค้าของพวกเรา แม้จะเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ทว่า ข้าไม่ได้ใส่ใจสักเท่าใดขอรับ ตอนนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการทำการค้าและวางแหล่งข่าวในแคว้นเทียนเฟิ่งขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า การไปสองครั้งเป้าหมายไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ย่อมต่างกันเป็นธรรมดา

“ระหว่างเดินทางไปแคว้นเทียนเฟิ่งข้าเล่าเรื่องนี้ให้ใต้เท้าเซียวฟัง ใต้เท้าเซียวสงสัยว่าเหตุใดแคว้นที่ดุดันอย่างฮั่นอิงและเหมิ่งเสอถึงสูญสลายจนเหลือเพียงแคว้นเทียนเฟิ่งเท่านั้น เขาจึงให้ข้าไปสืบเรื่องนี้ดูขอรับ” เฉินชิ่งเซิงกล่าวเสียงขรึม “ต่อมาข้าสืบเรื่องนี้ได้จากคนตระกูลสูงศักดิ์ในเทียนเฟิ่งที่เคยทำการค้ากับคุณหนูสาม เขาบอกว่าสาเหตุที่แคว้นฮั่นอิงดับสูญเป็นเพราะจอมเวทย์ของแคว้นฮั่นอิงในตอนนั้นคิดค้นผงหมึกดำที่ทำให้อาวุธไร้เทียมทานขึ้นมาได้ แคว้นเทียนเฟิ่งจึงนำกองทัพช้างบุกแคว้นฮั่นอิงเพื่อแย่งชิงสูตรผลิตผงหมึกดำมาเป็นของตัวเอง จากนั้นทำลายแคว้นฮั่นอิงจนดับสูญโดยอ้างว่าแคว้นฮั่นอิงเคยทำร้ายชาวบ้านของแคว้นเทียนเฟิ่งมาก่อนขอรับ”โนเวลพีดีเอฟ

ไป๋จิ่นจื้อเดือดดาลขึ้นทันที นี่มันต้องการแย่งหมึกดำของแคว้นฮั่นอิงไปชัดๆ เมื่อแย่งหมึกดำได้แล้วยังทำลายล้างแคว้นฮั่นอิงจนดับสูญอีก ช่างน่ารังเกียจจริงๆ !

“แคว้นเหมิ่งเสอหวาดกลัวกองทัพช้างของเทียนเฟิ่ง เขาร่วมมือกับแคว้นอ่อนแอที่เหลือต่อต้านแคว้นเทียนเฟิ่ง ทว่า ไม่สามารถต้านทานกองทัพช้างของแคว้นเทียนเฟิ่งได้ ต่อมาจักรพรรดิของแคว้นเหมิ่งเสอยอมจำนน ชาวบ้านแคว้นเหมิ่งเสอและแคว้นเล็กๆ ที่เหลือล้วนถูกจับไปเป็นทาสของแคว้นเทียนเฟิ่ง คนของแคว้นเทียนเฟิ่งคิดว่าตัวเองอยู่เหนือผู้อื่น พวกเขาล่ามโซ่ที่ข้อเท้าชาวบ้านเหล่านั้นบังคับให้พวกเขาใช้แรงงานทำเหมือง เลี้ยงช้าง ทำงานหนักทุกอย่างแทนชาวบ้านแคว้นเทียนเฟิ่ง เรียกชาวบ้านแคว้นอื่นว่าทาส มีเพียงคนแคว้นเทียนเฟิ่งเท่านั้นที่เป็นคนสูงศักดิ์”

เฉินชิ่งเซิงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “ได้ยินว่าตอนที่แคว้นเทียนเฟิ่งรุ่งเรืองที่สุด แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาที่สุดยังมีทาสถึงครัวเรือนละสองคน ส่วนชาวบ้านที่เป็นเด็กและคนชราซึ่งไม่อาจใช้แรงงานได้ พวกเขาล้วนฆ่าทิ้งทั้งหมด! ทาสที่รับผิดชอบดูแลช้าง หากช้างตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ พวกเขาจะถูกสังหารเช่นเดียวกัน ทาสที่เลี้ยงวัว หากวัวถูกหมาป่าจับไปกินหรือล้มตาย ทาสเหล่านั้นจะถูกสังหาร ทาสในแคว้นเทียนเฟิ่งมีมากมายมหาศาล พวกเขาจึงไม่เห็นคุณค่าของคนเหล่านั้น ไม่เคยมองชาวบ้านจากแคว้นอื่นเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเขาขอรับ”

“ประมาณเมื่อสิบเจ็ดปีที่แล้ววัวแพะที่เลี้ยงไว้มีจำนวนมากเกินไปทำให้ทุ่งหญ้าเริ่มแห้ง คนแคว้นเทียนเฟิ่งคิดว่านี่คือบทลงโทษจากสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจึงสังหารทาสที่มีหน้าที่เลี้ยงสัตว์เหล่านั้นทิ้งทั้งหมดเพื่อดับความโกรธของสวรรค์ เมื่อเห็นว่าไม่ได้ผลจึงลงมือสังหารทาสต่อไปเรื่อยๆ…”

ชุนเถาได้ยินจึงตกใจจนตัวสั่น เหตุใดจึงมีแคว้นที่โหดร้ายเพียงนี้กัน!

เฉินชิ่งเซิงกล่าวต่อ “แคว้นเทียนเฟิ่งต้องการให้เลือดของทาสเหล่านั้นอาบทั่วทุ่งหญ้าที่รกร้าง เหล่าทาสไม่อยากตายจึงลุกขึ้นมาต่อต้าน แคว้นเทียนเฟิ่งเกิดสงครามครั้งใหญ่ พวกเขาใช้เวลาถึงหกปีในการยุติสงครามครั้งนี้ให้สงบลง ต่อมาประชากรของแคว้นเทียนเฟิ่งลดลง พวกเขารู้สึกว่าทาสจากแคว้นอื่นคือตัวกาลกิณี พวกเขาใช้เวลากว่าสิบปีในการกวาดล้างชาวบ้านของแคว้นอื่นเหล่านั้นจดหมด เมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่ของแคว้นเทียนเฟิ่งขึ้นครองราชย์จึงยุติเรื่องเหล่านี้ลง ทว่า สิบปีมานี้แคว้นเทียนเฟิ่งกวาดล้างชาวบ้านที่ไม่ใช่คนของแคว้นตัวเองจนแทบหมดสิ้นแผ่นดินแล้ว!”

ไป๋จิ่นจื้อโมโห “พี่หญิงใหญ่ แคว้นเทียนเฟิ่งยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่เจ้าคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนมีสีหน้าเคร่งขรึมลง นางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิด แคว้นเทียนเฟิ่งที่มีประวัติความเป็นมาเช่นนี้นำกองทัพช้างเดินทางไปยังแคว้นซีเหลียง พวกเขามีสายเลือดกระหายสงครามอยู่ในตัว หากเกิดสงครามขึ้นจริงๆ ชาวบ้านต้องเดือดร้อนแน่นอน

บัดนี้ต้าโจวและต้าเยี่ยนที่มีที่ราบขนาดใหญ่และเหมืองแร่ที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นเนื้อชิ้นมันในสายตาของแคว้นเทียนเฟิ่งแล้ว

เมื่อเซียวรั่วไห่เห็นท่าทีของไป๋ชิงเหยียนจึงโค้งกายคำนับหญิงสาวอีกครั้ง “บัดนี้แคว้นเทียนเฟิ่งควบคุมอาวุธสงครามของตัวเองอย่างเข้มงวด พวกเขาส่งอาวุธสงครามไปยังซีเหลียงเป็นจำนวนมาก ไม่เหมือนแค่ต้องการช่วยซีเหลียงรบเท่านั้นขอรับ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด