สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 530 มองดูอย่างนิ่งเฉย

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 530 มองดูอย่างนิ่งเฉย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 530 มองดูอย่างนิ่งเฉย

ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวอย่างไม่คิดปิดบังต่งชิงเยว่ “ท่านน้าชาย ฉางหลานคงบอกท่านน้าชายแล้วว่าข้าฝึกซ้อมชาวบ้านเป็นทหารที่ซั่วหยางเพื่อจุดประสงค์อื่น”

ต่งชิงเยว่มองดูหลานสาวที่ซ่อนแววตาคมกริบไว้ในดวงตา พยักหน้าเล็กน้อย

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ทราบว่าท่านน้าชายได้ยินเรื่องคดีของตระกูลหวังแห่งซอยจิ่วชวีในเมืองหลวงบ้างหรือไม่เจ้าคะ”

ต่งชิงเยว่พยักหน้า ขยับท่านั่งเล็กน้อย “พอได้ยินบ้าง ชาวบ้านวิจารณ์เรื่องนี้กันไปทั่วว่าโทษของตระกูลหวังไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องโทษทั้งตระกูล เหตุใดพวกเขาถึงตัดสินใจฆ่าตัวตายในคุกทั้งตระกูลเช่นนี้”

ไป๋ชิงเหยียนมองหน้าต่งชิงเยว่พลางเอ่ยขึ้น “ราชวงศ์เสื่อมโทรม เหลียงนำตัวเด็กมาปรุงยาวิเศษเพื่อสนองความต้องการที่อยากมีอายุยืนยาวของฮ่องเต้ ฮ่องเต้กำจัดคนทั้งตระกูลหวังเพื่อปกป้องเหลียงอ๋อง จากนั้นเคลื่อนย้ายศพของเด็กจากจวนเหลียงอ๋องไปไว้จวนหวัง แม้จะรู้ว่าการจัดการเช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผล ทว่า พระองค์ก็ยังทำ แถมยังเร่งให้ปิดคดีนี้โดยเร็วที่สุด ท่านน้าชายเจ้าคะ ราชวงศ์เช่นนี้ ราชสำนักเช่นนี้ควรหมดวาสนาได้แล้วเจ้าค่ะ”

ดวงตาของต่งชิงเยว่ไหววูบ หยัดหลังตรงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนนิ่ง ดวงต่อส่อแววไม่เห็นด้วย “ทว่า องค์รัชทายาทไม่ใช่…”

“ท่านน้าชาย องค์รัชทายาททรงไม่ต่างกันเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางต่งชิงเยว่ด้วยสายตาหยักแน่น “ก่อนที่ฮ่องเต้จะขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็เป็นเหมือนองค์รัชทายาทไม่ใช่หรือเจ้าคะ หลังจากขึ้นครองราชย์ มีท่านปู่อยู่ ท่านปู่ยังช่วยควบคุมธาตุแท้ของฮ่องเต้ได้ บัดนี้ท่านปู่ไม่อยู่แล้ว ธาตุแท้ของฮ่องเต้เริ่มเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ ฮ่องเต้เอาแต่ใจตัวเอง ขี้หวาดระแวง ไม่มีวิสัยทัศน์และปณิธานของผู้เป็นจักรพรรดิ ไม่เคยคิดอยากขยายดินแดนให้ยิ่งใหญ่กว่านี้ รังแกชาวบ้าน สนใจแต่ความมั่งคั่งตรงหน้า โลภมาก เอาแต่เสพสุข ไม่สนใจชีวิตของชาวบ้าน ราชสำนักในตอนนี้ต่างประพฤติตัวตามผู้นำ ขุนนางแต่ละคนแต่ดีประจบเอาใจฮ่องเต้ เอาแต่แสวงหาผลประโยชน์ ในราชสำนักไม่มีความเห็นที่แตกต่างอีกต่อไป ราชสำนักเช่นนี้เน่าเฟะไปยันรากเหง้า สักวันต้องล่มสลายเจ้าค่ะ”

ต่งชิงเยว่ขมวดคิ้วแน่น ก้มหน้าลง ถูนิ้วชี้และนิ้วโป้งเข้าหากันอย่างใช้ความคิด

เมื่อเห็นต่งชิงเยว่เริ่มหวั่นไหว ไป๋ชิงเหยียนโค้งกายคำนับ “หากต้องการช่วยเหลือแคว้นต้าจิ้น ราชสำนักต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ราชวงศ์ต้องมีการผลัดเปลี่ยน เช่นนี้ถึงจะช่วยแคว้นต้าจิ้นที่เน่าเฟะถึงรากเหง้าได้เจ้าค่ะ ท่านน้าชายเคยฝึกทหารอยู่ในกองทัพไป๋ ปณิธานแรกเริ่มของกองทัพไป๋คือการปกป้องชาวบ้าน ทำให้ใต้หล้าสงบสุข! คำว่าปกป้องคุ้มครองชาวบ้านคือจิตวิญญาณของกองทัพไป๋ ทว่า ราชวงศ์กลับเห็นชีวิตของชาวบ้านเป็นผักปลา ทำลายชีวิตของเด็กซึ่งเป็นความหวังของแคว้นเพียงเพื่อการมีอายุยืนยาว ชาวบ้านคือรากฐานของแคว้น เด็กคือความหวังของต้าจิ้นนะเจ้าค่ะ!”

สองสายตาประสานกัน ดวงตาดำขลับของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ทรราชทำลายแคว้นทำร้ายชาวบ้าน พวกเราที่ดำรงชีพอยู่ด้วยภาษีของชาวบ้านจะทนมองอยู่เฉยๆ เช่นนี้หรือเจ้าคะ! แม้ท่านน้าชายจะคิดว่าองค์รัชทายาทเหมาะสม ทว่า เราก็ควรเตรียมการไว้ล่วงหน้าเจ้าค่ะ บัดนี้ต้าเยี่ยนตั้งกองทัพอยู่ในเป่ยหรงโดยอ้างมาช่วยเหลือจนได้ครอบครองสนามเลี้ยงม้าที่กว้างใหญ่ที่สุด! ท่านน้าชายก็ควรถือโอกาสนี้ยึดครองหนานหรงเช่นเดียวกันเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นหากวันหนึ่งต้าเยี่ยนกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ต้าจิ้นของเราจะถูกต้าเยี่ยนโจมตีทั้งสองด้านเจ้าค่ะ”

ต่งฉางหลานได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียน เขารู้ดีว่าวันนี้พี่หญิงสารภาพทุกอย่างออกมาอย่างหมดเปลือก เขารู้สึกทึ่งกับการมองการณ์ไกลของญาติผู้พี่คนนี้ เขามองทางพี่หญิงที่มีสีหน้าสงบราบเรียบ

“ดังนั้นโจรป่าในซั่วหยางคือคนของเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าฝึกทหารในซั่วหยางเพื่อเอาไว้ใช้ในวันข้างหน้าใช่หรือไม่”

ต่งชิงเยว่จ้องไปทางหลานสาวของตนเอง ขยับท่านั่งของตัวเองอย่างรู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นถอนหายใจยาวออกมา

“อาเป่า หากโค่นล้มราชวงศ์หลิน ต้าจิ้นจะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่หลวง ผู้ใดจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้นเป็นคนต่อไป ก่อกบฏเป็นเรื่องง่าย สิ่งที่ยากคือการปกครองบ้านเมืองต่อจากนั้น เจ้ากล้ารับประกันหรือไม่ว่าตอนที่เจ้าลงมือทำ จะไม่มีคนอาศัยโอกาสนั้นแย่งชิงบัลลังก์ไปครอบครอง ถึงเวลานั้นผู้ที่ลำบากก็คือชาวบ้านอยู่ดี”

“ท่านน้าชาย สิ่งที่อาเป่าต้องการไม่ใช่เพียงทำให้แคว้นต้าจิ้นสงบสุขเท่านั้นเจ้าค่ะ อาเป่าไม่เคยลืมปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ ปณิธานที่อยากให้ชาวบ้านทั่วใต้หล้ามีแต่ความสงบสุข อาเป่าอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง อยากเห็นใต้หล้ามีแต่ความสงบสุข แม้ตายก็ไม่มีวันล้มเลิกเจ้าค่ะ!”

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้ต่งชิงเยว่นึกถึงเจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิง…นึกถึงเจิ้นกั๋วกงไป๋ฉีซาน ขอบตาเริ่มแดงก่ำ

นามรองของไป๋เวยถิงคือปู้อวี๋

อยาก…คืนความสงบสุขให้ชาวบ้าน สร้างสันติสุขให้ใต้หล้า ปณิธานแน่วแน่มั่นคง จวบจนวันตาย

นี่คือที่มาของนามรองของไป๋เวยถิง

ตระกูลไป๋มีจิตใจและปณิธานที่ยิ่งใหญ่ ต่งชิงเยว่เคยอยู่ในกองทัพไป๋มาก่อน เขารับรู้เรื่องนี้ดี

ต่งชิงเยว่เงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน “ดังนั้น กองทัพไป๋อยู่ที่หนานเจียงต่อเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภายภาคหน้า เจ้าฝึกทหารที่ซั่วหยางเพื่อวันข้างหน้าเช่นเดียวกัน บัดนี้เจ้าให้ข้าครอบครองหนานหรงให้ได้ เพื่อวันข้างหน้าจะได้คานอำนาจกับต้าเยี่ยนได้อย่างนั้นหรือ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ฉางหลานน้าจะบอกกับท่านน้าชายแล้ว ท่านน้าชายก็น่าจะรู้ดีว่าปีนี้หนานหรงคงบุกโจนตีต้าจิ้นรุนแรงกว่าทุกปี เพื่อความปลอดภัยของชาวบ้าน เหตุใดเราจึงไม่รีบอพยพพวกเขาออกไปก่อนเล่าเจ้าคะ หากเสียดินแดน พวกเราก็แค่ขอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ อาเป่าคิดว่าท่านน้าชายลองโลภมากสักนิด ขอเงินจากฮ่องเต้มาใช้สร้างพลทหารม้าส่วนตัวที่สนามเลี้ยงม้าของหนานหรงดูสิเจ้าค่ะ”

ต่งฉางหลานเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ เงยหน้ามองไปทางต่งชิงเยว่ “ท่านพ่อ ข้าคิดว่าแผนการของพี่หญิงดูใช้ได้ทีเดียวขอรับ”

“ท่านน้าชาย ถึงแม้ไม่อาจทำให้ใต้หล้าสงบสุขได้ ทว่า อย่างน้อยก็สามารถปกป้องชาวบ้านแคว้นเติงโจวซึ่งอยู่เบื้องหน้าของท่านได้ ท่านน้าชายควรอพยพชาวบ้านหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตฤดูใบไม้ผลิเสร็จเจ้าคะ หากมัวแต่ฟังคำสั่งของฮ่องเต้ เมื่อหรงตี๋บุกเข้ามาในเติงโจว ผู้เดือดร้อนก็คือชาวบ้านนะเจ้าคะ ฮ่องเต้อยู่ไกลถึงเมืองหลวง พระองค์ไม่มีทางเดือดร้อน มีแต่จะโทษว่าเป็นความผิดของท่านน้าชาย เหมือนตอนที่โทษว่าท่านปู่ของข้าดึงดันออกรบเจ้าค่ะ”

ต่งชิงเยว่นึกถึงเรื่องที่เจิ้นกั๋วอ๋องไป๋เวยถิงถูกใส่ร้ายว่าดึงดันออกรบก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาทันที เขาพยักหน้าน้อยๆ “ข้ารู้เรื่องที่อาเป่าบอกให้อพยพชาวบ้านแล้ว”

ต่งชิงเยว่กล่าวจบก็เงยหน้ามองไปยังไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเป็นประกาย เอ่ยถาม “ลองว่ามาสิว่าเจ้ามีแผนจะยึดครองหนานหรงเช่นไร”

ความหมายของต่งชิงเยว่คือเห็นด้วยกับการกระทำของไป๋ชิงเหยียนแล้ว

“หากหนานหรงบุกโจมตี ท่านน้าชายจงถอยทัพหนี จากนั้นถวายฎีกาบอกฮ่องเต้ว่าเสบียงไม่เพียงพอ ทหารไม่มีกำลังใจในการรบจึงพ่ายแพ้และถอยทัพหนี ขอให้ฮ่องเต้ส่งเบี้ยเลี้ยงและเสบียงอาหารมาให้ หากฮ่องเต้ยังไม่ยอมให้ก็จงถอยหนีไปเมืองถัดไป ฮ่องเต้ที่สูญเสียเมืองย่อมรู้สึกเสียดายแน่เจ้าค่ะ เมื่อได้รับเงินและเสบียงแล้ว ท่านน้าชายค่อยบุกโจมตีกลับ ส่งคนที่ไว้ใจได้อย่างเช่นฉางหลานบุกไปยังหนานตี๋ เมื่อถึงเวลานั้นท่านน้าชายถวายฎีกาขอให้ราชสำนักอนุญาตให้กองทัพของต้าจิ้นตั้งฐานทัพอยู่ที่หนานหรงเพื่อฝึกพลทหารม้า หากฮ่องเต้ทรงพระราชทานอนุญาตก็ให้ฉางหลานอยู่ที่หนานหรงต่อ พยายามควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างให้ได้ก่อนที่คนของราชสำนักจะเดินทางมาถึง หากขาดเสบียงก็ขอให้ราชสำนักส่งมาได้เลยเจ้าค่ะ!”

ต่งฉางหลานเข้าใจความหมายที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อ เขามองไปทางต่งชิงเยว่ผู้เป็นบิดา ลำคอร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *