สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 206 จักรพรรดินีขึ้นครองราชย์

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 206 จักรพรรดินีขึ้นครองราชย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 206 จักรพรรดินีขึ้นครองราชย์
นี่คือความพยามครั้งสุดท้ายของเขา หากพ่ายแพ้อีกครั้ง แสดงว่าสวรรค์ลิขิตให้เป็นเช่นนี้ จะโทษเขาไม่ได้ เขายอมจำนน!

ทว่า จะนำกำลังทหารไปเท่าใดนี่สิคือปัญหา!

ไป๋ชิงเหยียนเจ้าเล่ห์ กองทัพไป๋ยิ่งแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายหู่อิง… ยิ่งคิดอวิ๋นพั่วสิ่งก็ยิ่งรู้สึกเสียวสันหลัง

ทว่า หากครั้งนี้เขาไม่ยอมทุ่มกำลังคน สังหารไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ ทำได้เพียงแย่งชิงศีรษะของบุตรชายกลับมากก็คงน่าเสียดายเกินไป

อวิ๋นพั่วสิงตัดสินใจเด็ดขาด รอให้ฟ้ามืด ทุกอย่างอยู่ในความสงบ เขาจะนำกำลังทหารครึ่งหนึ่งบุกเข้าโจมตีค่ายทหารของต้าจิ้น

ในเมื่อคืนนี้จะเปิดศึก เช่นนั้นก็ควรให้ทหารอิ่มท้องก่อน!

ทว่า หากควันสำหรับหุงอาหารลอยขึ้นฟ้า ไป๋ชิงเหยียนย่อมต้องรู้ว่าค่ายซีเหลียงกำลังประกอบอาหาร นางจะหวาดระแวงหรือไม่นะ

ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น หญิงสาวข่มขู่เขาทางวาจา อีกทั้งซ้อมรบเพื่อข่มบารมีเขาเช่นนี้ นางคงมั่นใจเต็มร้อย หลังจากทหารกินอิ่มท้อง เขาจะแสร้งทำเป็นออกเดินทางกลับแคว้น ให้ทหารเดินทางอ้อมภูเขาหมีดำ และถนนหลิงกู่ไปโจมตี

เช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนจะได้คิดว่าเขายอมแพ้ และลดการป้องกันตัวลง

อวิ๋นพั่วสิงไม่รอช้า รีบสั่งให้ทหารหุงอาหารทันที

ภายในค่ายทหารต้าจิ้นที่อยู่ไกลออกไปก็เต็มไปด้วยควันไฟสำหรับประกอบอาหารเช่นเดียวกัน เว่ยจ้าวเหนียนและไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่หน้าประตูกระโจมแม่ทัพใหญ่ มองไปยังควันไฟทางทิศใต้ของแม่น้ำจิงพลางแสยะยิ้มออกมา

“ดูเหมือนว่าคืนนี้อวิ๋นพั่วสิงจะบุกโจมตีค่ายเราจริงๆ เสียด้วย!”

ไป๋ชิงเหยียนได้รับข่าวแล้ว ว่าเมืองอวิ๋นจิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของซีเหลียงกำลังวุ่นวาย จักรพรรดินีของซีเหลียงได้ขึ้นครองบัลลังก์

อวิ๋นพั่วสิงเชี่ยวชาญในการรบ เขารู้ดีว่าหากมีควันไฟจากการประกอบอาหาร นางย่อมต้องรู้ว่ากองทัพซีเหลียงกำลังมีการเคลื่อนไหว หญิงสาวเดาว่าอวิ๋นพั่วสิงคงต้องการแกล้งจัดฉากว่ากองทัพจะถอยทัพหลังจากอิ่มท้อง จากนั้นเดินทางอ้อมภูเขาหมีดำและถนนหลิงกู่ลอบเข้าโจมตีค่ายทหารต้าจิ้นอย่างแน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นมองศีรษะของบุตรชายของอวิ๋นพั่วสิงซึ่งถูกแขวนอยู่บนที่สูงใจกลางค่ายทหาร ในเมื่ออวิ๋นพั่วสิงลงมือกระทำอย่างตรงไปตรงมา นางก็จะอาศัยโอกาสนี้ให้คนไปดักซุ่มโจมตีอยู่ที่ถนนหลิงกู่อย่างเปิดเผยก็แล้วกัน! ทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากันอย่างซึ่งๆ หน้าที่ถนนหลิงกู่หรือภูเขาหมีดำ กองทัพของนางไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากองทัพซีเหลียง

เดิมทีหญิงสาวตั้งใจเก็บน้ำมันในค่ายไว้ใช้กับกองทัพซีเหลียงที่บุกเข้ามาโจมตี ทว่า ในเมื่อกองทัพซีเหลียงบุกมาไม่ได้แล้ว นางก็ขอมอบให้กองทัพซีเหลียงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามใช้แทนก็แล้วกัน!

การฝึกซ้อมโจมตีค่ายทหาร และรูปแบบการสังหารที่ซ้อมในวันนี้ สามารถนำมาใช้ในการโจมตีค่ายทหารให้คืนนี้ได้เกือบทั้งหมด ทำให้ทหารซีเหลียงไม่มีทางโต้ตอบกลับได้อย่างแน่นอน

“ถ่ายทอดคำสั่ง หลังทานอาหารเสร็จ แม่ทัพเฉิงหย่วนจื้อ แม่ทัพจางตวนรุ่ย แม่ทัพสือพานซานนำทหารยอดฝีมือสี่หมื่นนายแสร้งทำเป็นถอยทัพกลับไปยังเมืองเฟิ่งพร้อมกับกองทัพไป๋ที่นำทัพโดยแม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียน แม่ทัพเว่ยจ้าวเหนียนและแม่ทัพสือพานซานนำทหารสามหมื่นนายหาทางข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำให้ได้ในช่วงดึกของคืนนี้ จากนั้นลอบซุ่มโจมตีอยู่ทางสองฝั่งของค่ายทหารซีเหลียงแล้วรอฟังคำสั่ง แม่ทัพเฉิงหยวนจื้อและแม่ทัพจางตวนรุ่ยไม่ต้องอ้อมภูเขาหมีดำไปไกลแล้ว จงนำทหารหนึ่งหมื่นนายดักซุ่มโจมตีอยู่ที่ถนนหลิงกู่ สังหารทหารซีเหลียงที่บุกมาโจมตีค่ายทหารของเราให้ราบเป็นหน้ากองอยู่ที่ถนนหลิงกู่!”

เว่ยจ้าวเหนียนประหลาดใจ “ทว่า…ฟ้ายังไม่มืด หากอวิ๋นพั่วสิงเห็นว่ากองทัพใหญ่ของเราถอยทัพ…”

เว่ยจ้าวเหนียนกล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักไป จู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที

นั่นสินะ หากอวิ๋นพั่วสิงเห็นว่ากองทัพใหญ่ถอยทัพ เสี่ยวไป๋ไซว่ยังอยู่ในค่ายทหาร อวิ๋นพั่วสิงยิ่งต้องอยากบุกมาโจมตีค่ายทหารอย่างแน่นอน

“สั่งให้คนนำศีรษะบุตรชายของอวิ๋นพั่วสิงไปคืนให้อวิ๋นพั่วสิงที่ค่ายทหารซีเหลียงด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับเซียวรั่วเจียง

“บอกกับอวิ๋นพั่วสิงว่าอวิ๋นจิงกำลังวุ่นวาย เขาคงไม่มีเวลาทำศึกต่อแล้ว นี่คือของขวัญอำลาที่ข้ามอบให้แก่เขา”

เซียวรั่วเจียงเข้าใจ ไป๋ชิงเหยียนต้องการทำให้อวิ๋นพั่วสิงคิดว่านางยโสโอหัง เหิมเกริมจนไม่เห็นอวิ๋นพั่วสิงอยู่ในสายตา อวิ๋นพั่วสิงจะได้บุกโจมตีอย่างไม่คิดหวาดระแวง

“ข้าไปเองขอรับ!” เซียวรั่วเจียงกำหมัดกล่าว

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งกลับมาถึงกระโจม ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกเซียวรั่วเจียง กล่าวกับเขาว่า

“ด้านนอกมีชายหนุ่มที่มีมือฝีในการขี่ม้ากล่าวว่าต้องการพบเสี่ยวไป๋ไซว่ เหมือนว่าจะนำจดหมายมามอบเสี่ยวไป๋ไซว่ขอรับ!”

เซียวรั่วเจียงนึกถึงองครักษ์ที่นำม้ามามอบให้วันนั้น ชายหนุ่มเข้าไปรายงานในกระโจม

ส่งจดหมายเป็นคนของเซียวหรงเหยี่ยนอีกแล้วอย่างนั้นหรือ!

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ท่านไปจัดการเรื่องค่ายทหารซีเหลียงเถิด”

ไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากค่ายทหาร เป็นองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนจริงๆ ด้วย เมื่อองครักษ์ผู้นั้นเห็นไป๋ชิงเหยียนก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม “คุณหนูใหญ่ไป๋!”

เมื่อองครักษ์ได้รับจดหมายก็รีบบึ่งมาที่นี่ทั้งวันทั้งคืน เขาไม่อยากทำให้เซียวหรงเหยี่ยนต้องเสียเวลา

“จดหมายของนายเจ้าอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนถาม

“ขอรับ!” องครักษ์หยิบจดหมายออกมาจากอก

ไป๋ชิงเหยียนเปิดจดหมายอ่านต่อหน้าองครักษ์ นอกจากเนื้อหาในจดหมายจะกล่าวว่าเซียวหรงเหยี่ยนตัดสินใจใช้วิธีของไป๋ชิงเหยียนยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมาแล้ว ชายหนุ่มยังเล่าถึงเรื่องทั่วๆ ไปให้นางฟังอีกด้วย เขากล่าวว่าเขาช่วยชีวิตทหารต้าจิ้นคนหนึ่งได้จากตลาดทาส

ทหารต้าจิ้นผู้นี้กล่าวว่าพ่อค้าทาสช่วยชีวิตเขาขึ้นมาจากแม่น้ำจิง ท่าทางของเขาเหมือนคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาดี วาจา และการกระทำเหมือนกับคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ยิ่งนัก เขากล่าวว่าเขาติดตามผู้ใหญ่มาออกรบเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ เขาไม่ยอมกลับไปยังต้าจิ้นเพราะเขาไม่อยากให้ตระกูลของเขาต้องมาตอบแทนบุญคุณแทนเขา เขาตั้งนามปลอมให้ตัวเองนามว่าหวังชีเจวี๋ย กล่าวว่าเขาจะรับใช้เซียวหรงเหยี่ยนสามเรื่อง เมื่อตอบแทนบุญคุณเสร็จแล้วเขาจะจากไปเอง

เลือดร้อนสูบฉีดไปยังศีรษะของไป๋ชิงเหยียน มือที่กำจดหมายของหญิงสาวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว

หวัง…คือแซ่ของท่านอาสะใภ้สี่ อาเจวี๋ยคือชีหลาง[1] ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อตัวเองว่าหวังชีเจวี๋ย

อาเจวี๋ยยังมีชีวิตอยู่!

เขายังมีชีวิตอยู่!

เขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่! รับรู้ข่าวของจากเมืองหลวงบ้างหรือไม่!

ถ้อยคำที่ต้องการเอ่ยถามองครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนเกี่ยวกับสุขภาพของอาเจวี๋ยติดอยู่ที่ริมฝีปาก…หญิงสาวกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงไป น้ำตาร้อนผ่าวไหลออกมาจากขอบตาอย่างควบคุมไม่อยู่

หญิงสาวไม่อยากให้องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนรู้มากเกินไป นางจึงพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เอ่ยถามองครักษ์ผู้นั้น “มีไม้ขีดหรือไม่”

องครักษ์ยื่นกล่องไม้ขีดให้ไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเผาจดหมายทิ้งแล้ว เขาจึงโค้งกายทำความเคารพ

“คุณหนูใหญ่ไป๋มีสิ่งใดจะฝากบอกเจ้านายข้าหรือไม่ขอรับ”

เซียวหรงเหยี่ยนเขียนจดหมายเช่นนี้มาให้นาง แสดงว่าเขาสงสัยฐานะของอาเจวี๋ย…

หญิงสาวจึงกล่าวขึ้น “ฝากบอกเจ้านายของเจ้าว่าไป๋ชิงเหยียนขอบคุณเขามาก”

แม้องครักษ์จะไม่ทราบว่าไป๋ชิงเหยียนขอบคุณเจ้านายเขาด้วยเรื่องอันใด ทว่าเขาก็รับคำขอบคุณ จะนำไปบอกเจ้านายของเขาอย่างแน่นอน

ไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวสิ่งใดนอกเหนือจากนั้นอีกแม้แต่คำเดียว

มีจดหมายฉบับนี้ก็มากเพียงพอแล้ว ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการที่อาเจวี๋ยยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว!

เป็นดังที่เสี่ยวซื่อกล่าวไว้ หากท่านอาสะใภ้สี่ทราบว่าอาเจวี๋ยยังมีชีวิตอยู่ นางต้องดีใจจนร้องไห้ออกมาแน่นอน ความเจ็บปวดจากการสูญเสียน้องชายสิบเจ็ดของท่านอาสะใภ้สี่คงลดน้อยลงบ้าง

นี่คงเป็นข่าวที่น่ายินดีที่สุดที่ไป๋ชิงเหยียนได้รับหลังจากกลับมาเกิดใหม่ในครั้งนี้แล้ว

ดวงวิญญาณของท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชายที่อยู่บนสวรรค์คงคุ้มครองอาเจวี๋ยให้มีชีวิตรอดปลอดภัยเช่นนี้

ยังมีเสี่ยวจิ่วอีกคน หวังว่าเสี่ยวจิ่วจะปลอดภัยเช่นเดียวกับอาเจวี๋ย

ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเขียนจดหมายบอกให้นางทราบอย่างอ้อมๆ เช่นนี้ เขาต้องคุ้มครองอาเจวี๋ยให้ปลอดภัยอย่างแน่นอน ไป๋ชิงเหยียนไม่กังวลในเรื่องนี้แม้แต่น้อย

อย่างมากก็คงทำข้อต่อรองกับนางก็เท่านั้น ที่สำคัญ อาเจวี๋ยมีความยึดมั่น และหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี ในเมื่อเขาต้องการตอบแทนบุญคุณของเซียวหรงเหยี่ยน เช่นนั้นนางค่อยไปรับเขากลับมาหลังจากเขาตอบแทนบุญคุณเสร็จก็แล้วกัน

ทว่า ข้างกายของอาเจวี๋ยจำเป็นต้องมีคนคอยช่วยเหลือ!

———————————————

[1] ชีหลาง สรรพนามเรียกบุตรชายคนที่เจ็ดของตระกูล

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *