สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 410 ฮึกเหิม

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 410 ฮึกเหิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 410 ฮึกเหิม

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เจ้าเมืองจึงกล่าวต่ออย่างไม่รีบร้อน

“ที่สำคัญข้ายินดีรับใช้จวิ้นจู่จากใจจริง ขอเพียงจวิ้นจู่มีเรื่องใช้งานข้า สามารถเรียกใช้ข้าได้ตลอด ข้าพร้อมทำสุดความสามารถขอรับ”

“เช่นนั้นก็ขอรบกวนบุตรชายของท่านก่อนแล้ว วันหน้าต้องได้รบกวนท่านแน่นอน หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะช่วยเหลือข้าอย่างเต็มที่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับเจ้าเมือง

เจ้าเมืองเป็นคนฉลาด ไป๋ชิงเหยียนกล่าวชัดเจนถึงขนาดนี้แล้ว นางต้องการจะสื่อว่าขอลองใช้งานบุตรชายของเขาดูก่อน หากใช้ได้ วันหน้าต้องใช้เขาอย่างแน่นอน

เจ้าเมืองเป็นคนมีความอดทน เขากล่าวยิ้มๆ

“ยังมีอีกเรื่องขอรับ ได้ยินว่าเกาอี้เซี่ยนจู่เดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ ข้ามีบ่าวรับใช้ยอดฝีมืออยู่หลายคน หากจวิ้นจู่เชื่อใจข้า สามารถส่งพวกเขาไปช่วยคุ้มครองเกาอี้เซี่ยนจู่ที่ภูเขาชุนมู่ได้ขอรับ ทว่า หากจวิ้นจู่เตรียมคนไว้แล้ว สามารถให้คนของข้าช่วยเหลือจวิ้นจู่เรื่องการฝึกชาวบ้านได้ขอรับ”

“เช่นนั้นให้คนของท่านเจ้าเมืองคอยติดตามรับใช้ไป๋ชิงผิงและคุณชายของท่านเจ้าเมืองเถิด” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางเจ้าเมือง “ท่านเจ้าเมืองช่างใส่ใจมาก”

เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของไป๋จิ่นจื้อ ไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าใช้ชีวิตของไป๋จิ่นจื้อมาทดสอบความซื่อสัตย์ของเจ้าเมือง

เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวเช่นนี้ เจ้าเมืองจึงยุติบทสนทนาเรื่องนี้แต่เพียงเท่านี้ เขาพยักหน้าเล็กน้อย วันหน้ายังอีกยาวไกล เขาจะทำให้ไป๋ชิงเหยียนเชื่อว่าเขายินดีสวามิภักดิ์กับนางจริงๆ

หลังจากเจ้าเมืองจากไป ไป๋ชิงผิงจึงกล่าวขึ้น “ท่านพี่ให้บุตรชายของท่านเจ้าเมืองติดตามข้าเพราะต้องการให้ข้าจับตาดูเขาใช่หรือไม่ขอรับ ตระกูลไป๋เป็นคนออกเงินในการฝึกซ้อมชาวบ้านในครั้งนี้ ท่านพี่กลัวว่าท่านเจ้าเมืองจะยึดอำนาจทางทหารไว้เองใช่หรือไม่ขอรับ”

ไป๋ชิงผิงกลัวเดาความคิดของไป๋ชิงเหยียนไม่ถูก เขาจึงต้องถามให้แน่ใจ

ไป๋ฉีเหอคาดไม่ถึงกับความสนิทสนมระหว่างไป๋ชิงผิงและไป๋ชิงเหยียน ทว่า เขารู้สึกดีอยู่ในใจ ตระกูลไป๋ควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้ถึงจะถูก

“ให้บุตรชายของท่านเจ้าเมืองทำงานร่วมกับเจ้า เจ้าไม่ต้องหวาดระแวงมากนัก แค่อย่าให้เขาล่วงรู้เรื่องสำคัญก็พอ” ไป๋ชิงเหยียนกำชับ

“ท่านพี่วางใจได้ขอรับ ข้าจะทำให้ดีที่สุดขอรับ” ไป๋ชิงผิงลุกขึ้นยืนพลางรับปากอย่างหนักแน่น

ไป๋ฉีเหอพาบุตรชายเดินออกมาจากจวนไป๋ เอื้อมมือลูบศีรษะของบุตรชายอย่างแผ่วเบา ก้าวขึ้นไปบนรถม้าด้วยสีหน้ามีความสุข ดีใจที่บุตรชายรู้ความกว่าภรรยามากนัก

เช้าวันที่สิบ เดือนห้า ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เปลวไฟของคบเพลิงสูงที่ตั้งอยู่ในสนามซ้อมรบทั้งสี่ทิศสะบัดปลิวไปมาตามแรงลม

ในสนามรบเต็มไปด้วยชาวบ้านของเมืองซั่วหยางเกือบสองร้อยคน เต็มไปด้วยเสียงสนทนาและหัวเราะเฮฮา

ชาวบ้านบางมาเพื่อส่วนลดค่าเช่าบ้านและที่นา บางส่วนคือคนของตระกูลบรรพบุรุษไป๋ที่ถูกบังคับมา อีกส่วนคือชาวบ้านธรรมดาของเมืองซั่วหยางที่มาเพื่อเงิน ชาวบ้านที่ตั้งใจมาเพื่ออยากปราบปรามโจรป่าจริงๆ แทบไม่มีเลย

ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงผู้เป็นบุตรชายคนที่สามของเจ้าเมืองยืนมองชาวบ้านของเมืองซั่วหยางที่ดูมีท่าทีเกียจคร้านอยู่บนแท่นสูงพลางขมวดคิ้วแน่น ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าชาวบ้านเหล่านี้จะฝึกซ้อมจนกลายเป็นทหารปราบปรามโจรป่าได้จริงๆ หรือ

“ต้องให้พวกเขาเข้าแถวให้เป็นระเบียบก่อนที่จวิ้นจู่จะมาถึง” เสิ่นเยี่ยนฉงกำหมัดแน่น สายตาจ้องไปยังคันธนู ขณะเตรียมจะเดินเข้าไปหยิบก็นึกถึงสิ่งที่บิดากำชับขึ้นมาได้ เขาหันไปถามไป๋ชิงผิงยิ้มๆ

“คุณชายไป๋คิดว่าอย่างไรขอรับ เราคงไม่ปล่อยให้จวิ้นจู่มาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้หรอกนะขอรับ”

ไป๋ชิงผิงต่อสู้ไม่เป็น เขารู้ดีว่าตอนนี้ต้องใช้กำลังข่มขวัญชาวบ้าน ทว่า เขาไม่มีความสามารถเช่นนั้น

ไป๋ชิงผิงยังไม่ทันกล่าวสิ่งใด เสียงม้าก็ดังแว่วเข้ามาเสียก่อน

ทุกคนหันไปมองยังประตูทางเข้าของสนามฝึกซ้อม ร่างของไป๋ชิงเหยียนในชุดฝึกซ้อมอย่างทะมัดแมงถือแส้ม้าสีดำกระโดดลงมาจากหลังม้า แววตาสงบนิ่งมองไปยังชาวบ้านของเมืองซั่วหยางที่ยืนกันอย่างกระจัดกระจายอยู่เต็มลานฝึก หญิงสาวไม่ได้หงุดหงิดดังที่ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงคิดไว้ ทำเพียงเดินขึ้นมาบนแท่นสูงอย่างไม่รีบร้อน

ด้านหลังของไป๋ชิงเหยียนคือองครักษ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีของตระกูลไป๋กลุ่มหนึ่ง ทุกคนถือดาบ สาวเท้าเดินพร้อมเพรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เสียงฝีเท้าดังกระหึ่ม ทุกก้าวราวกับเหยียบย่ำลงบนหัวใจของทุกคน

อาจเป็นเพราะไอสังหารจากร่างของไป๋ชิงเหยียนรุนแรงเกินไป อีกทั้งด้านหลังมีองครักษ์น่าหวาดกลัวเดินตามมาด้วย ทั่วทั้งลานฝึกซ้อมจึงเงียบสนิท ทุกคนต่างกลับไปยืนในที่ของตัวเอง มองดูไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่บนแท่นสูงด้วยสีหน้าจริงจัง

ต่างเป็นชาวบ้านธรรมดาที่อายุหลากหลาย เริ่มต้นด้วยความไม่เป็นระเบียบเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้แล้ว

ไป๋ชิงเหยียนจำได้ว่าครั้งแรกที่ท่านปู่พานางไปยังค่ายทหารของกองทัพไป๋ นางบังเอิญเห็นทหารรุ่นใหม่เข้ามายังค่ายทหารพอดี หญิงสาวจำได้ดีว่าแม่ทัพเสิ่นคุนหยางฝึกฝนทหารรุ่นใหม่เหล่านั้นเช่นไรบ้าง นางปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกเล็กน้อยก็สามารถนำมาใช้กับชาวบ้านเหล่านี้ได้แล้ว

“นำเข้ามาได้!” ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับองค์รักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง

ไม่นานองค์รักษ์สามคนก็แบกเนื้อประมาณสามตะกร้าเข้ามา ไป๋ชิงเหยียนมองดูชาวบ้านที่ยืนอย่างสำรวมอยู่ในสนาม เอ่ยขึ้น

“วันนี้เริ่มฝึกเป็นวันแรก ผู้ที่ได้สามลำดับแรกของทุกวันจะได้รับเนื้อสามตะกร้าเช่นนี้สามารถนำกลับไปให้คนที่บ้านได้”

ชาวบ้านได้ยินก็ต่างลุกฮือทันที แววตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉง จะเป็นคนแจ้งเนื้อหาการฝึกซ้อมในวันนี้ให้ทุกคนทราบ ก่อนตะวันตกดินของทุกวันจะมีการประกาศลำดับ และตัดรายชื่อผู้ที่อยู่รั้งท้ายสุดสามลำดับออกจากการฝึกฝน”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

บรรดาชาวบ้านที่สมัครเข้าร่วมเพื่อรับเงินไปวันๆ ต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน เอ่ยถามขึ้น

“เช่นนั้นก็หมายความว่าจะไม่ได้ส่วนลดค่าเช่าใช่หรือไม่ขอรับ”

“ถูกต้อง!” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า

กล่าวจบ ไป๋ชิงเหยียนหันไปกล่าวกับไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉง “เริ่มได้”

วันนี้ไป๋ชิงเหยียนมาเพื่อข่มขวัญของชาวบ้านเท่านั้น หญิงสาวนั่งอ่านตำราอยู่บนแท่นสูง ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงเป็นผู้รับผิดชอบการฝึกซ้อมตั้งแต่ต้นจนจบ

วันแรกมักยากลำบาก ทว่า เมื่อชาวบ้านที่มาเข้าร่วมการฝึกซ้อมเห็นว่าอาหารกลางวันมีเนื้อประกอบอยู่ด้วย ต่างตาลุกวาวทันที

ไป๋ชิงผิงกล่าวว่าผู้ที่มาเข้าร่วมการฝึกซ้อมจะมีเนื้อทานทุกมื้อ ทานได้จนกว่าจะอิ่ม ท้องอิ่มแล้วถึงจะมีแรงฝึกซ้อมต่อ

ชาวบ้านที่ตอนแรกมาเพื่อเงินเท่านั้น เมื่อเห็นอาหารดีๆ และนึกได้ว่าหากขยันฝึกซ้อมจนติดหนึ่งในสามลำดับแรกก็จะสามารถนำเนื้อพวกนี้กลับไปฝากคนที่บ้านได้ด้วย ทุกคนต่างเลือดร้อนและรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที

ไป๋ชิงเหยียนเหลือบมองคนที่เสิ่นเยี่ยนฉงพามาด้วย เมื่อเห็นวิธีการฝึกซ้อมชาวบ้านของพวกเขาก็รู้สึกว่าพวกเขาเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน

ไป๋ชิงเหยียนสังเกตสองคนในกลุ่มนั้นเป็นพิเศษ วิธีการฝึกของทั้งสองคนมีความคล้ายคลึงกับกองทัพไป๋ ในใจรู้สึกสงสัยมาก

ช่วงบ่ายชาวบ้านขยันฝึกซ้อมมากกว่าช่วงเช้า แต่ละคนเหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง ทว่า ไม่มีผู้ใดบ่นว่าเหนื่อยเลยสักคน

ตะวันค่อยๆ ลับขอบฟ้า ไป๋ชิงผิงและเสิ่นเยี่ยนฉงแบ่งกันประกาศรายชื่อสามลำดับแรกและสามลำดับสุดท้าย สามคนแรกได้เนื้อกลับบ้านไปสมใจหวัง สามคนหลังต้องถอนตัวออกจากการฝึกซ้อม ทั้งสามคนเสียดายมื้ออาหารที่นี่เป็นอย่างมาก ต่างอ้อนวอนขอร้องรบปากว่าพรุ่งจะตั้งใจฝึกซ้อมให้ดีกว่านี้ จะไม่เป็นตัวถ่วงของทุกคนแน่นอน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *