สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 589 ยามสงครามเป็นทหาร

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 589 ยามสงครามเป็นทหาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 589 ยามสงครามเป็นทหาร

ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางรถม้า ขอบตาเริ่มร้อนชื้น หากพี่หญิงใหญ่ไม่ส่งอิ๋นซวงมาคุ้มครองนาง บัดนี้นางและวั่งเกอคงเสียชีวิตอยู่ในวังหลวงแล้ว ทว่า อิ๋นซวง…

นึกถึงอิ๋นซวง ไป๋จิ่นซิ่วหันหลังกลับ ใช้แขนเสื้อซับน้ำตา หากพี่หญิงใหญ่เห็นว่าอิ๋นซวงสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง กลายเป็นคนที่ง่วงซึมทั้งวัน ไม่รู้ว่าพี่หญิงใหญ่จะเสียใจเพียงใด โชคดีที่อิ๋นซวงเป็นเด็กไม่คิดมาก แค่มีอาหารให้นางทาน นางสามารถมีความสุขได้ทั้งวัน

รถม้าหยุดลงที่หน้าจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ไป๋จิ่นซิ่วจับมือชุ่ยปี้เดินลงจากบันได ชุนเถาประคองไป๋ชิงเหยียนลงจากรถม้า

เมื่อเห็นร่างในชุดเกราะที่องอาจของไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นเซ่อถลาเข้าไปกอดเอวของพี่สาวราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง “พี่หญิงใหญ่!”

“คุณหนูใหญ่…” แม่นางหลูก้มศีรษะให้ไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อย เมื่ออยู่ภายนอกหลูหนิงฮว่ามีศักดิ์เป็นอาของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวต้องวางมาดไม่ให้ผู้อื่นจับพิรุธได้

“พี่หญิงใหญ่!” ดวงตาของไป๋จิ่นเซ่อแดงก่ำ

แสงแดดสะท้อนแววตาที่ล้ำลึกของไป๋ชิงเหยียนจนเต็มไปด้วยความอบอุ่น หญิงสาวเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไป๋จิ่นเซ่ออย่างแผ่วเบา สายตาหยุดอยู่ที่ร่างซึ่งกลายเป็นแม่คนของไป๋จิ่นซิ่ว จากนั้นหันไปทำความเคารพฮูหยินสองหลิวซื่อและหลูหนิงฮว่า

หมอหงลูบเคราของตัวเองพลางกล่าวยิ้มๆ ว่าเรื่องอื่นต้องไว้ทีหลัง ต้องให้เขาตรวจชีพจรของคุณหนูใหญ่เป็นอันดับแรก

เจี่ยงหมัวมัวประคองร่างขององค์หญิงใหญ่ลงมาจากรถม้าท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทุกคน “พวกเราอย่ามัวยืนกันอยู่ที่หน้าจวนเลย ให้อาเป่าไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายก่อนเถิด”

หลิวซื่อเดินขึ้นไปด้านหน้า ทำความเคารพองค์หญิงใหญ่แล้วเข้าไปช่วยประคองอีกด้าน “ท่านแม่กล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ พวกเราเข้าเรือนกันก่อนเถิด หลัวหมัวมัวไปดูในโรงครัวด้วยว่าน้ำแกงนกพิราบที่ต้มให้อาเป่าเสร็จแล้วหรือไม่ หากเสร็จแล้ว ตักมาให้อาเป่าดื่มสักถ้วย ให้อาเป่ารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย”

“ฮูหยินสองวางใจได้เจ้าค่ะ เมื่อเห็นรถม้าขององค์หญิงใหญ่ บ่าวก็รีบสั่งคนไปจัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” หลัวหมัวมัวประสานมือไว้ที่หน้าท้อง กล่าวยิ้มๆ

เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้รับบาดเจ็บในการเดินทางครั้งนี้ หลิวซื่อจึงให้ไป๋ชิงเหยียนไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย หลูหนิงฮว่าและไป๋จิ่นเซ่อประคององค์หญิงใหญ่กลับไปที่เรือน ไป๋จิ่นซิ่วกลับไปที่เรือนของไป๋ชิงเหยียนพร้อมกับไป๋ชิงเหยียน

ระหว่างทางบรรดาสาวใช้เดินก้มหน้าต่ำทิ้งระยะห่างจากสองพี่น้องประมาณสิบก้าว ไม่รบกวนการสนทนาของเจ้านายทั้งสอง

ไป๋จิ่นซิ่วกอดแขนของไป๋ชิงเหยียน กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเรื่องของหลี่เม่า “หลี่ม่าถูกฎีกาฟ้องร้องว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกบฏขององค์ชายรองในปีนั้น ต่อมาสืบพบว่าจดหมายนั่นถูกปลอมแปลง ตอนนั้นฮ่องเต้ทรงให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องงานในราชสำนักแทนพระองค์แล้ว ข้าคิดว่าคงเป็นเพราะบุตรชายหลี่เม่า หลี่หมิงรุ่ยสนิทสนมกับจวนเหลียงอ๋อง ฮ่องเต้จึงไม่ตรัสถึงเรื่องนี้อีก องค์รัชทายาทจึงแสร้งทำเป็นไม่รับรู้และไม่ถามไถ่ถึงเรื่องนี้เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้า ชะลอฝีเท้าลง ลูบนิ้วมืออย่างใช้ความคิด จากนั้นส่ายหน้า “จากความสามารถของหลี่เม่า หากเขาต้องการกลับเข้าไปในราชสำนักอีก เขาแค่สั่งให้ศิษย์ของเขาถวายฎีกาขึ้นไปก็สิ้นเรื่องแล้ว ต่อให้องค์รัชทายาทจะไม่ทรงอนุญาต หลี่เม่าก็สามารถคิดหาวิธีได้อยู่ดี ที่เขายังไม่กลับเข้าไปในราชสำนักแสดงว่าเขายังไม่อยากกลับเข้าไปในตอนนี้”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “เป็นดั่งที่พี่หญิงใหญ่กล่าวเจ้าค่ะ ต่อมาราชครูถานมาช่วยเหลียงอ๋องดูแลบ้านเมือง ท่านราชครูเชิญให้หลี่เม่ากลับมาในราชสำนัก ทว่า หลี่เม่าอ้างว่าล้มป่วย ร่างกายอ่อนแอจนไม่อาจทำงานได้ ราชครูถานกล่าวว่าเขาไม่อาจใช้ความเป็นผู้อาวุโสกว่าบีบบังคับหลี่เม่าได้ ทุกอย่างรอให้องค์รัชทายาทกลับมาก่อนค่อยตัดสินใจ เขาจึงระงับเรื่องนี้ไว้ก่อนเจ้าค่ะ”

กล่าวถึงตรงนี้ ไป๋ชิงเหยียนถึงนึกเนื้อความในจดหมายที่ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวว่าหลี่หมิงรุ่ยไปมาหาสู่กับจวนเหลียงอ๋องบ่อยครั้ง ไป๋ชิงเหยียนชะงักนิ้วมือที่ลูบคลำอยู่ มองไปยังทะเลสาบที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ข้างระเบียงทางเดิน กล่าวขึ้น “บางทีอาจเป็นเพราะหลี่เม่ามีตำแหน่งสูงในราชสำนัก หลี่หมิงรุ่ยสังเกตรู้ล่วงหน้าว่าเหลียงอ๋องต้องการหลอกใช้ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของหลี่เม่าทำสิ่งใดสักอย่าง หลี่เม่าไม่อาจปฏิเสธได้จึงอ้างว่าป่วยไม่ไปทำงานในราชสำนักเสียเลย”

“ข้าส่งคนไปจับตาดูจวนเหลียงอ๋องและจวนหลี่ไว้อย่างแน่นหนาแล้วเจ้าค่ะ หากมีความเคลื่อนไหวใดๆ จะรีบรายงานให้พี่หญิงใหญ่ทราบทันทีเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวจบก็เสริมต่อ “ช่วงนี้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นอีกเรื่องเจ้าค่ะ ปีนี้เกิดสงครามที่หนานเจียงและเป่ยเจียงติดต่อกัน กองกำลังของแคว้นต้าจิ้นเสียหายอย่างหนัก ฮ่องเต้สั่งเคลื่อนย้ายทหารใหม่ที่คุ้มกันชายแดนเป่ยเจียงไปยังชายแดนที่ติดกับซีเหลียง เพื่อข่มขู่ไม่ให้ซีเหลียงร่วมมือกับแคว้นเว่ยโจมตีต้าเยี่ยน! กำลังทหารของต้าจิ้นมีไม่เพียงพอ กรมทหารต้องเกณฑ์ทหารเพิ่มอย่างเร่งด่วน ปรากฏว่าทหารที่เกณฑ์ได้จากเมืองไป๋ว่อและหวาหยางหายไปอย่างไม่มีร่องรอย ได้ยินชาวบ้านในแถบนั้นกล่าวกันว่า แม่ทัพของทหารใหม่นำพวกเขาเดินทางเข้าไปในป่า พวกเขาอาจถูกผีอำจนออกมาไม่ได้เจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินดังนี้กลับหัวเราะออกมาเบาๆ

“พี่หญิงใหญ่หัวเราะอันใดเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วไม่เข้าใจ

เมื่อเห็นว่าถึงเรือนชิงฮุยแล้ว ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นซิ่วเข้าไปนั่งในห้องด้านใน สาวใช้รินน้ำชาให้ จากนั้นเดินจากไป ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบพลางเอ่ยขึ้น “ทหารใหม่ของเมืองไป๋ว่อและหวาหยางคงถูกจี้ถิงอวี๋ขโมยไป!”

ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดปิดบังไป๋จิ่นซิ่วในเรื่องนี้ นางยังมีเรื่องต้องให้ไป๋จิ่นซิ่วเป็นคนจัดการ

“จี้ถิงอวี๋มีกำลังทหารอยู่ในมือ เขาต้องการเสบียงอาหาร ยามปกติสามารถให้ทหารใหม่เหล่านี้ทำไร่นาหาเลี้ยงชีพ ยามสงครามค่อยเป็นทหาร ทว่า ช่วงนี้เสบียงอาหารหาได้ยากมาก หลายวันนี้พี่ให้คนปลอมตัวเป็นพ่อค้าเข้าไปในต้าเยี่ยน กระจายกันออกไปซื้อเสบียง เจ้าจงช่วยดูแลความปลอดภัยให้พวกเขาด้วย ราคาสูงหน่อยมิเป็นอันใด อย่าปล่อยให้เสบียงอาหารของเหล่าทหารขาดแคลนเด็ดขาด”

“พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้ให้เองเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวอย่างจริงจัง

“เรื่องอื่นจบแล้ว เรื่องของเจ้าเล่า…” ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชากระเบื้องในมือลงบนโต๊ะ มองไปทางไป๋จิ่นซิ่ว “เหตุใดจึงคลอดก่อนกำหนด ท่านย่าบอกว่าเจ้าต้องการเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังด้วยตัวเอง”

ไป๋จิ่นซิ่วได้ยินเช่นนี้จึงกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น วางน้ำชาลงแล้วกล่าวขึ้น “เรื่องนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ข้า ทว่า เป็นท่านอาหลูเจ้าค่ะ”

ดวงตาดำขลับล้ำลึกของไป๋ชิงเหยียนจ้องนิ่งไปยังไป๋จิ่นซิ่ว แววตาเริ่มมีไอสังหาร “ฮองเฮาอย่างนั้นหรือ”

“ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์ ฮ่องเต้ทรงดีพระทัยมากจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นในวังหลวง วันนั้นท่านอาหลูเข้าไปฝังเข็มให้ฮ่องเต้ในวังพอดี จู่ๆ ฮองเฮาก็ทรงปวดท้องขึ้นกลางงานเลี้ยง ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้แม่นางหลูตรวจชีพจรให้ฮองเฮา ตอนแรกฮองเฮาตรัสว่าไม่เชื่อใจท่านอาหลู ต่อมาฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ท่านอาหลูจึงตรวจชีพจรให้ฮองเฮาและช่วยบรรเทาอาการปวดให้ กล่าวว่าครรภ์ของฮองเฮาไม่ค่อยแข็งแรง ต้องพักผ่อนอยู่บนเตียงสักพัก”

ไป๋จิ่นซิ่วเล่าพลางหันไปมองนอกหน้าต่าง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวนั้นจึงกล่าวเสียงเบา “ท่านอาหลูตรวจพบว่าระยะตั้งครรภ์ของฮองเฮาไม่ถูกต้องเจ้าค่ะ…”

แม้จะเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ทว่า เมื่อรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฮองเฮาและฝูรั่วซี อีกทั้งเคยเห็นพวกเขาลอบนัดพบกัน ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใดนัก

มิน่าตอนอยู่ที่ค่ายผิงอัน ฝูรั่วซีจึงรีบร้อนอยากสังหารองค์รัชทายาทอย่างร้อนรนเช่นนั้น

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนไม่กล่าวสิ่งใด สีหน้าเคร่งเครียด ไป๋จิ่นซิ่วจึงกล่าวต่อ “ฮองเฮาเสด็จออกไปจากงานเลี้ยงก่อนเพราะเจ็บครรภ์ ฮ่องเต้ทรงเป็นห่วงเด็กในครรภ์ของฮองเฮาจึงเสด็จตามไปด้วย…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *