สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 802 คืนสิ้นปี

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 802 คืนสิ้นปี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 802 คืนสิ้นปี

ไป๋ชิงเหยียนกำมือแน่น นิ้วมือแทบจะทะลุเข้าไปในจดหมาย หญิงสาวเผาจดหมายลงในเตาผิง จากนั้นลุกเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนตอบจดหมายของไป๋จิ่นซิ่ว

ไป๋ชิงเหยียนบอกไป๋จิ่นซิ่วในจดหมายว่าไม่ว่าฮ่องเต้จะรวบรวมเด็กหญิงและชายอย่างละห้าร้อยคนไปสังเวยเพื่อทำปรุงยาวิเศษหรือแค่ต้องการให้เด็กเหล่านั้นขึ้นไปขอพรบนหอบูชาเก้าชั้นเฉยๆ ให้ไป๋จิ่นซิ่วลอบแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปให้ชาวบ้านทั่วแคว้นได้รับรู้ ทางที่ดีควรทำให้ชาวบ้านต่างรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องนี้

เช่นนั้นหลู่เซียงจะต้องกล่าวโน้มน้าวฮ่องเต้และรัชทายาทเพื่อปลอบขวัญชาวบ้านอย่างแน่นอน

ต่อให้ขัดขวางฮ่องเต้ไม่ได้ ทว่า ชาวบ้านที่รับรู้ข่าวนี้จะได้เริ่มระแวง ไม่ส่งเด็กไปให้ราชสำนักทันทีที่ได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้ต้องการตัวเด็กเหล่านี้ เมื่อมีข่าวลือ…ชาวบ้านจะได้ไม่มอบเด็กให้หลี่หมิงรุ่ยพาไปขึ้นหอเก้าชั้นพร้อมกับฮ่องเต้

หากทำเช่นนี้แล้วยังหยุดยั้งการกระทำของฮ่องเต้เอาไว้ไม่ได้ ไป๋ชิงเหยียนก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว หญิงสาวต้องรีบยึดเมืองหานให้ได้ก่อนที่หอบูชาเก้าชั้นจะสร้างเสร็จสมบูรณ์

นอกจากนี้ไป๋ชิงเหยียนยังสั่งให้ไป๋จิ่นซิ่วเพิ่มกำลังคนจับตาดูครอบครัวของฟ่านอวี่ไหวเอาไว้ หากมีโอกาสให้ซื้อตัวบ่าวรับใช้ในจวนฟ่านให้ได้

เมื่อไป๋ชิงเหยียนเขียนสิ่งเหล่านี้เสร็จ หญิงสาวลังเลเล็กน้อย จากนั้นเขียนในช่วงท้ายของจดหมายว่าให้ไป๋จิ่นซิ่วเดินทางไปยังเยี่ยนว่อพร้อมกับฉินหล่าง หวังเก่อยังเล็ก ไม่ควรแยกจากบิดาของตัวเอง ฉินหล่างเองก็ต้องการคนดูแล

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้กล่าวสิ่งสำคัญที่สุดออกไป หญิงสาวต้องการให้ไป๋จิ่นซิ่วออกไปจากเมืองหลวง เพราะหากนางรอจนยึดเมืองหานได้แล้วและยกทัพกลับไปต้าจิ้น ถึงเวลานั้นค่อยย้ายไป๋จิ่นซิ่วและวั่งเกอออกมาจกเมืองหลวงจะดูเป็นที่สะดุดตาเกินไป

ครั้งนี้รัชทายาทส่งฉินหล่างไปรับตำแหน่งที่เยี่ยนว่อพอดี ไป๋จิ่นซิ่วและวั่งเกอสามารถเดินทางติดตามฉินหล่างไปได้อย่างเปิดเผย

ส่วนจวนฉินก็ปล่อยให้คุณหนูทั้งสองของจวนดูแลไปก็แล้วกัน!

ต่อมาก็คือเสี่ยวชี บัดนี้น้องหญิงเจ็ดของนางยังอยู่ข้างกายท่านย่า…

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเชื่อมั่นว่าถึงแม้นางจะยกทัพกลับไปกบฏราชวงศ์จิ้น ท่านย่าก็จะปกป้องเสี่ยวชีผู้หลานสาวนางอยู่ดี

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนยังคงฝากให้ไป๋จิ่นซิ่วกำชับไป๋จิ่นเซ่อให้ระวังตัวให้ดี การกระทำของฟ่านอวี่ไหวค่อนข้างคลุมเครือ หากเมืองหลวงเกิดสิ่งใดขึ้นมา ไป๋จิ่นเซ่อต้องตั้งสติให้มั่น นางสามารถพึ่งพาท่านย่าได้ ทว่า ห้ามเชื่อใจท่านไปเสียทุกเรื่อง ควรเตรียมป้องกันตัวไว้ล่วงหน้าตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

อีกเรื่องก็คือเมื่อไป๋จิ่นซิ่วจากไปให้มอบองครักษ์ลับทั้งหมดแก่ฝูรั่วซี ปล่อยให้ฝูรั่วซีรับหน้าที่สืบข่าวเรื่องทั้งหมดในเมืองหลวง

ไป๋ชิงเหยียนเขียนในจดหมายอย่างเป็นนัย หญิงสาวกลัวว่าหากบอกไป๋จิ่นซิ่วไปตรงๆ ว่านางจะยกทัพกลับไปก่อกบฏกับต้าจิ้นหลังยึดเมืองหานได้ ไป๋จิ่นซิ่วจะยืนกรานอยู่เมืองหลวงต่อเพื่อช่วยนางรวบรวมข่าวสาร

ทว่า สำหรับไป๋ชิงเหยียนแล้ว ความปลอดภัยของน้องสาวคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด

เมื่อเขียนจดหมายเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนปิดซองจดหมายให้เรียบร้อย จากนั้นส่งให้เสิ่นชิงจู๋ “หาคนที่ไว้ใจได้ส่งจดหมายฉบับนี้ไปยังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด”

เสิ่นชิงจู๋พยักหน้า หญิงสาวรับจดหมายมาจากไป๋ชิงเหยียนแล้วเดินออกไปจากกระโจมที่พัก เมื่อออกมาด้านนอกก็บังเอิญเจอกับท่านหมอหงที่แบกกล่องยาเตรียมเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียนเข้าพอดี

หมอหงหยิบถุงเงินสีแดงออกมาจากอกแล้วยื่นให้เสิ่นชิงจู๋ยิ้มๆ “ยายหนูชิงจู๋ นี่อั่งเปาของเจ้า!”

เสิ่นชิงจู๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นสองมือไปรับถุงเงินมาพลางกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอหง”

กล่าวจบเสิ่นชิงจู๋ก็ตะโกนเรียกองครักษ์ไป๋เสียงดังลั่น หญิงสาวรีบสั่งให้คนนำจดหมายไปให้ไป๋จิ่นซิ่วที่เมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงของหมอหงจึงออกมาต้อนรับ

“ท่านหมอหง เหตุใดท่านไม่ไปร่วมฉลองกับบรรดาทหารเจ้าคะ”

หมอหงเดินเข้าไปด้านในกระโจมพร้อมไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ เขาวางกล่องยาลง จากนั้นยื่นมือไปอังเตาผิงพลางกล่าวขึ้น “ข้าอายุมากแล้ว เด็กพวกนั้นหนวกหูเกินไป มา…ข้าจะตรวจชีพจรให้”

หมอหงวางหมอนตรวจชีพจรลงบนโต๊ะ สั่งให้ไป๋ชิงเหยียนนั่งลง จากนั้นเลื่อนเตาผิงไปวางไว้ใกล้ๆ หญิงสาว

หมอหงถูมือที่อุ่นจากการผิงเตาผิงเข้าหากัน จากนั้นยื่นมือไปจับชีพจรที่ข้อมือของไป๋ชิงเหยียนแล้วก้มหน้าลงอย่างใช้ความคิด

ไม่นานหมอหงจึงละมือออกจากข้อมือของหญิงสาว รอยยิ้มในดวงตาของเขากว้างมากขึ้นกว่าเดิม

“ดูเหมือนว่าข้าควรจะเปลี่ยนสูตรยาให้คุณหนูใหญ่ใหม่อีกแล้ว”

หมอหงหมายความว่าร่างกายของไป๋ชิงเหยียนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนจึงต้องปรับเปลี่ยนสูตรยาใหม่

ไป๋ชิงเหยียนจัดแขนเสื้อของตัวเองให้เข้าที่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหมอหงยื่นถุงเงินสีแดงให้นาง “รับไว้…”

ไป๋ชิงเหยียนตะลึงเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางหมอหงอย่างอึ้งๆ “อันใดเจ้าคะ”

“ปีนี้ฉลองปีใหม่ข้างนอก ข้าขอบังอาจคิดว่าตัวเองเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของคุณหนูใหญ่ นี่คืออั่งเป่าที่ข้ามอบให้คุณหนูใหญ่” หมอหงกล่าวพล่างยิ้มอย่างใจดี แสงไฟจากเตาผิงสะท้อนไปที่ขอบตาของหมอหงจนเห็นรอยเหี่ยวย่นตามอายุของเขา

สิ้นเสียง ขอบตาของไป๋ชิงเหยียนร้อนผ่าวขึ้นทันที หญิงสาวยื่นสองมือไปรับถุงเงินมาจากหมอหง จากนั้นกล่าวขึ้น “ท่านหมอหงเห็นไป๋ชิงเหยียนมาตั้งแต่เล็ก ในสายตาของข้า…ท่านเปรียบเสมือนท่านปู่ของข้าเจ้าค่ะ”

หมอหงพยักหน้า เก็บกล่องยาให้เรียบร้อย จากนั้นลุกขึ้นยืน “คุณหนูใหญ่รีบพักผ่อนเถิด ข้าจะกลับไปปรับสูตรยา พรุ่งนี้จะนำยาสูตรใหม่มาให้คุณหนูใหญ่”

“กลับดีๆ นะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนส่ง

มองส่งหมอหงจากไปเสร็จ ไป๋ชิงเหยียนก้มมองถุงเงินสีแดงในมือโดยอาศัยแสงไฟจากเตาผิง ถุงเงินไม่ได้ปักลวดลายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เหมือนกับถุงเงินที่ไป๋ชิงเหยียนเคยได้รับเหมือนที่แล้วมา หมอหงใช้ผ้าสีแดงสองผืนเย็บติดกันเป็นถุงเงินเท่านั้น

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกลับรู้สึกว่าถุงเงินธรรมดาเช่นนี้มีน้ำหนัก และอบอุ่นไปถึงหัวใจ

ในสายตาของท่านหมอหง นางยังคงเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเสมอ

วันนี้คือคืนวันสิ้นปี หากอยู่ในซั่วหยางคงจะเห็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะ ทว่า ฤดูหนาวของต้าเหลียงกลับไม่มีหิมะตก

บัดนี้บนท้องฟ้าไม่มีพระจันทร์กลมโต มีเพียงดวงดาวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ไป๋ชิงเหยียนแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าที่ว่างเปล่าพลางลูบไปที่ถุงเงินของตัวเอง จากนั้นหมุนกายเข้าไปในกระโจม ทันใดนั้นก้อนหินก้อนหนึ่งกระทบลงบนผ้าใบทางฝั่งขวาของไป๋ชิงเหยียน ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองก็เห็นเซียวหรงเหยี่ยนเดินออกมาจากหลังต้นไม้

เซียวหรงเหยี่ยนอยู่ในชุดสีดำสวมทับด้วยเสื้อคลุมกันหนาวมีหมวกสีดำ เมื่อชายหนุ่มเดินออกมาจากหลังต้นไม้จึงเปิดหมวกออก ดวงตาล้ำลึกของชายหนุ่มมองไปทางไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

ครั้งล่าสุดที่พบกับเซียวหรงเหยี่ยนคือที่โรงเตี้ยมบนภูเขาคงต้งในวันที่สิบแปด เดือนสอง ตอนนั้นไป๋ชิงเหยียนถูกลอบสังหาร เซียวหรงเหยี่ยนบังเอิญอยู่ที่นั่นด้วย

วันเกิดของไป๋ชิงเหยียนในปีนี้ แม้ไป๋ชิงเหยียนจะรู้ดีว่าเซียวหรงเหยี่ยนติดภารกิจอยู่ที่ต้าเยี่ยน ทว่า หญิงสาวก็ยังคงแอบมีความหวังว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะปรากฏตัวขึ้น

ทว่า เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้มา ไม่มีแม้แต่จดหมายสักฉบับ ไป๋ชิงเหยียนค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย ทว่า หญิงสาวรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่อาจแยกร่างได้ หญิงสาวจึงฝืนทานบะหมี่อายุยืนจดหมดถ้วย หญิงสาวทำสงครามอยู่ภายนอกจึงไม่คิดจะจัดงานฉลองให้เอิกเกริก

เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ปรากฏกายในวันเกิดของนาง ไป๋ชิงเหยียนจึงคิดว่าหากพบกันอีกครั้ง นางและเขาอาจยืนอยู่คนละฝ่ายกันแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเซียวหรงเหยี่ยนจะมาปรากฏตัวในคืนวันสิ้นปีเช่นนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด