สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 315 สละชีพเพื่อความยุติธรรม

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 315 สละชีพเพื่อความยุติธรรม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชื่อตัวละครกับลางคำคำอาจเพี้ยน อ่านแก้ขัดไปก่อนนะคะรอแก้ไข
ตอนที่ 315 สละชีพเพื่อความยุติธรรม

“ท่านพ่อ เรื่องนี้น่าแปลกยิ่งนักขอรับ…” บุตรชายคนโตของหลู่เซียงนั่งอยู่ใต้ตะเกียงแก้ว เอนกายพิงที่วางแขน มือลูบเสื้อผ้าของตัวเองอย่างแผ่วเบา “ตอนนั้นท่านพ่อให้ข้าเป็นคน จัดการเรื่องนี้ ข้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดจึงให้พ่อบ้านนําเงินชดเชยไปให้พวกเขา บังเอิญว่า แม่ลูกคู่นั้นและท่านหมอจากโรงหมอผิงอันก็รีดไถเงินไปอีกก้อน ข้าให้ไปโดยไม่ได้ตรวจสอบ อย่างละเอียด คิดแค่ว่าอยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว!”

หลู่เซียงหลับตาลงพลางกล่าว “จวนหลู่ของเราอยู่อย่างสงบมานานเกินไป พวกเจ้าจึงลืม

คําสั่งสอนของข้า

หน่อย”

จงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ไม่ว่าเรื่องอันใดก็ต้องคิดให้มาก

บุตรชายคนโตของหลู่เซียงลุกขึ้นโค้งกายขอขมา “เป็นความผิดของข้าเองขอรับ!”

“ผู้ดูแลสํานักศึกษาทั่วจื่อเจียนถูกฮ่องเต้เรียกตัวเข้าไปตรวจข้อสอบในวังหลวง

เหล่า

บัณฑิตพวกนั้นไม่มีสิ่งใดทํา จึงก่อเรื่องขึ้นเช่นนี้!” ท่านชายสามหลู่สบถออกมาอย่างหงุดหงิด รู้สึกไม่พอใจเหล่าบัณฑิตแห่งสํานักศึกษากั๋วจื่อเจียนเป็นอย่างมาก “ตระกูลหลู่ของพวกเรา

เคยไปล่วงเกินพวกเขาหรืออย่างไรกัน”

“เรื่องนี้ถือเป็นการเตือนตระกูลหลู่ของเรา ต่อไปเวลาจัดการสิ่งใดจงทําให้รอบคอบกว่านี้” หลู่เซียงก้มหน้ามองใบชาลิ้นนกกระจอกที่ลอยอยู่ในถ้วยชานิ่ง “เพื่อบ้านซ้ายขวาของหลินซิ่น อันเพิ่งรู้ว่าหลินซิ่นอันเสียชีวิตหลังจากที่มารดาของหลินซิ่นอันไปตีกลองร้องทุกข์ แม่เช่นไร กันที่พอลูกตายไม่ได้ร้องไห้ครวญครางด้วยความเจ็บปวดแต่กลับไปขอร้องให้เหล่าบัณฑิต

ช่วยเขียนคําร้องทุกข์ด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทั้งยังยุแยงให้บัณฑิตสํานักศึกษาทั่วจื่อเจียนไปตี กลองร้องทุกข์กับนางอีก…”

หลู่เซียงส่งคนไปสืบประวัติของหลินซิ่นอันตั้งแต่ที่หลู่หยวนเผิงลงมือทําร้ายคนที่หอผ่าน

เชวี่ยแล้ว ครอบครัวของหลินซิ่นอันอยู่ที่ซีหลิงจวิ้น บิดาของเขาเป็นนายอําเภอ มารดาของ หลินซิ่นอันเคยติดการพนันตอนที่หลินซิ่นอันยังเด็ก จนเกือบทําให้บิดาของหลินซิ่นอันเกือบ

ต้องออกจากการเป็นขุนนาง บิดาของหลินซิ่นอันโมโหจึงหย่าขาดกับภรรยาและแต่งงานใหม่

แม้มารดาเลี้ยงของหลินซิ่นอันจะไม่ได้ทําตัวแย่กับหลินซิ่นอัน แต่ก็ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ ต่อมา หลินซิ่นอันสอบเข้าสํานักศึกษาทั่วจื่อเจียนได้ มารดาแท้ๆ ของหลินซิ่นอันจึงมาเช่าบ้านอยู่ที่ เมืองหลวงเพื่อคอยดูแลหลินซิ่นอัน

มารดาของหลินซิ่นอันมีหลินซิ่นอันเป็นบุตรเพียงคนเดียว บุตรคนเดียวเกิดเรื่องขึ้น ทว่า

นางกลับนิ่งได้ถึงเพียงนี้ ไม่เหมือนสตรีโดยทั่วไปเลยสักนิด

“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ได้พุ่งเป้ามาที่หยวนเผิง แต่พุ่งเป้าไปที่เด็กตระกูลไป๋เสียมากกว่า

สิ้นเสียงของหลู่เซียง คนที่ถูกส่งไปตรวจสอบสภาพศพของหลินซิ่นอันก็กลับมา

หลู่เซียงขมวดคิ้วแน่น วางถ้วยชาในมือลงด้านข้าง “ให้เข้ามาได้”

ลูกน้องที่หลู่เซียงส่งไปตรวจสอบสภาพศพของหลินซิ่นอันรายงานเช่นเดียวกับเว่ยจงไม่มี

ผิดเพี้ยน หลินซิ่นอันน่าจะเสียชีวิตด้วยวิธีเทียเจียกวน

“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะพุ่งเป้าไปที่เจิ้นถั่วจวิ้นจู่จริงๆ ด้วย!” บุตรชายคนโตของหลู่เซียง ก้มหน้าครุ่นคิด “เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ใดกันแน่”

“ไม่ว่าเป็นฝีมือของผู้ใด ขอแค่หลู่หยวนเผิงไม่ถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยก็พอ!” ท่านชาย สามหลู่เอ่ยถามหลู่เซียง “พวกเราใกล้จะช่วยหยวนเผิงออกมาได้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

หลู่เซียงมองหน้าท่านชายสามหมู่ผู้ไม่เอาไหนแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยสั่งบุตรชายคนโต “ส่ง

คนสืบเรื่องนี้ต่อ ตอนนี้ยังรับปากไม่ได้ว่าจะก้นหยวนเพิ่งออกจากเรื่องนี้ได้เด็ดขาดหรือไม่ แต่ว่า ให้เด็กไม่เอาไหนนั่นทนลําบากอยู่ในคุกสักสามวันก็ดีเหมือนกัน!”

กล่าวจบ หลู่เซียงจ้องเขม็งไปยังบุตรชายคนที่สาม “พอเด็กไม่เอาไหนนั่นกลับมา เจ้าจง สั่งสอนมันให้ดีๆ หากคราวหน้ายังก่อเรื่องอีก เจ้าได้ไปคุกเข่าสํานึกผิดกับลูกชายเจ้าที่หอบร รพชนด้วยแน่!”

ท่านชายสามหมู่รีบพยักหน้ารับคํา

เมื่อท่านชายสามจากไป ท่านชายใหญ่หลู่กล่าวกับหลู่เซียง “ท่านพ่อ หนึ่งในแกนนําเหล่า บัณฑิตในครั้งนี้คือคุณชายตระกูลสูงศักดิ์จากซีหลิงจวิ้นขอรับ เขามีศักดิ์เป็นหลานชายของ

เฉินเฟยในวังหลวงขอรับ ท่านคิดว่าเฉินเฟยจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ขอรับ” “เฉินเฟยไม่มีบุตร ไม่มีความแค้นใดๆ กับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ไม่มีแรงจูงใจอันใด เจ้าให้คนไปสืบ ว่าก่อนหน้านี้หลินซิ่นอันพบปะกับผู้ใดบ้างดีกว่า รวมถึงแกนนําคนอื่นๆ ด้วย สืบดูว่าหลินซิ่น อันใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ใดในสํานักศึกษาทั่วจื่อเจียนบ้าง”

“ทราบแล้วขอรับ!” ท่านชายใหญ่หลู่พยักหน้า

ในวังหลวง

ชิวกุ้ยเหรินคุกเข่านวดขมับให้ฮ่องเต้ที่กําลังเอนกายพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวนิ่ม ฮ่องเต้

กําหมัดข้างขวาแน่น กดไปบนศีรษะของตัวเอง เขารู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก

เขาไม่อาจจับกุมเหล่าบัณฑิตแห่งสํานักศึกษาทั่วจื่อเจียนได้

ยิ่งกว่าเดิม

ตั้งแต่ที่ไปเวยถึงเสียชีวิตลง ชีวิตของเขาไม่เคยสงบสุขเลย!

มิเช่นนั้นเรื่องอาจวุ่นวาย

กลองเติงเหวินซึ่งเก่าใกล้จะพังนั่นดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ทุกคนคิดว่าประตูอู่เต๋อคือหน้าบ้าน

ของตัวเองหรืออย่างไรกัน!

ฮ่องเต้หงุดหงิดจนใกล้จะบ้าตายอยู่แล้ว

“ฝ่าบาท ผู้พิพากษาหลู่จิ้นแห่งศาลต้าหลี่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ได้ยินจึงยกมือสื่อให้ชิวกุ้ยเหรินหยุดการกระทํา หยัดกายขึ้นนั่ง ทว่า เขาปวดศีรษะ

จนต้องเอนกายลงตามเดิม ใช้มือนวดขมับ หลับตาแน่น

หลู่จิ้นเดินเข้าไปด้านใน ทําความเคารพฮ่องเต้ จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท องค์รัชทายาท และกระหม่อมตรวจสอบคดีทุจริตในการสอบเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ เหวินเจิ้นดังและรองผู้คุม สอบอีกสี่คนมีหลักฐานมัดตัวว่ารับสินบนในการสอบ อาจารย์ใหญ่สํานักศึกษาทั่วจื่อเจียน

ขุนนางสํานักศึกษาและบัณฑิตชั้นสูงตรวจสอบข้อสอบใหม่อีกครั้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ

หลังจาก

ปรึกษาหารือกันเรียบร้อย พวกเขาเสนอรายชื่อหนึ่งในสิบอันดับแรกมา ผู้ที่ติดหนึ่งในสิบ อันดับในตอนแรกสุด นอกจากหลู่หยวนซึ่ง หลู่หยวนเป่า ฉินหล่าง ต่งฉางหยวนและเฉินเจา ลู่แล้ว ที่เหลือล้วนมีอันดับรั้งท้ายทั้งสิ้นค่ะย่ะค่ะ อาจารย์ใหญ่สํานักศึกษาทั่วจื่อเจียนเจอ คําตอบดีๆ จากบรรดาข้อสอบทั้งหมดอยู่หลายฉบับพ่ะย่ะค่ะ แต่พวกเขาเป็นเพียงคนยากจน ไม่ได้ติดสินบน ดังนั้น…..”

ฮ่องเต้เบิกตาโพลง แววตาเต็มไปด้วยไอสังหาร “ประหารเหวินเจิ้นดังและรองผู้คุมสอบอีก สี่คนเดี๋ยวนี้! พรุ่งนี้ประกาศราชโองการว่าการสอบชุนเหว่ยในครั้งนี้เป็นโมฆะ เดือนสอง ปีหน้าค่อยสอบใหม่”

เล่า”

“ฝ่าบาททรงพระปรีชาชาญพ่ะย่ะค่ะ!” หลู่จิ้นรีบคุกเข่าสรรเสริญ

ชิวกุ้ยเหรินยื่นผ้าเย็นให้ฮ่องเต้ “ฝ่าบาท ใช้ผ้าเย็นคลายอาการปวดศีรษะหน่อยเถิดเพคะ”

ฮ่องเต้รับผ้าเย็นมาวางไว้ที่ศีรษะ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย จากนั้นถามต่อ “องค์รัชทายาท

“ทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทกําลังปลอบขวัญเหล่าบัณฑิตอยู่หน้าประตูอู่เต๋อ จากนั้นเชิญ พวกเขากลับไปก่อนอย่างนอบน้อมพ่ะย่ะค่ะ” หลู่จิ้นก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาฮ่องเต้ ที่จริงเขา ไม่เห็นด้วยที่องค์รัชทายาทลดตัวเองถึงเพียงนั้น

“เหล่าบัณฑิตที่คุกเข่าอยู่ด้านนอกต้องการบีบให้เราทําสิ่งใด”

ไม่สบอารมณ์

ฮ่องเต้ถามอย่าง

หลู่จิ้นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นรายงาน “ทูลฝ่าบาท บัณฑิตเหล่านั้นกล่าวว่าขุนนางของ แคว้นต้าจิ้นมีอํานาจล้นฟ้า ชาวบ้านไม่อาจเรียกร้องความยุติธรรมได้ ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ ปกป้องคนทําผิด พวกเขาขอให้ฝ่าบาททรงลงโทษผู้ที่ทําร้ายคนจนเสียชีวิตอย่างหนักพ่ะย่ะค่ะ! และยังกล่าวว่า…”

“ว่าอย่างไรอีก” ฮ่องเต้ถามเสียงสูง ปวดศีรษะจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว เขากําผ้าแน่น

“กล่าวว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สังหารทหารยอมจํานนอย่างโหดร้าย ขอให้ฝ่าบาททรงลงโทษ

อย่างหนัก เพื่อลบล้างชื่อเสียงโหดร้ายของแคว้นต้าจิ้นให้กลับมามีคุณธรรมอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ อย่าให้ผู้ที่มีคุณธรรมและทําเพื่อแคว้นต้าจิ้นจริงๆ ต้องตายเปล่า มิเช่นนั้นบัณฑิตของสํานักทั่ วจื่อเจียนจะสละชีพเพื่อความยุติธรรมพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งเดือดดาล เขวี้ยงผ้าเย็นในมือทิ้ง “สละชีพเพื่อความยุติธรรม อย่างนั้นหรือ! เช่นนั้นก็ตายให้เราเห็นสักคนเถิด แต่ละคนเอาแต่บีบบังคับเรา เอะอะก็เอาแต่ตี กลองร้องทุกข์ เอะอะก็เอาความตายมาข่มขู่!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *