สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 854 ทายาทตระกูลไป๋

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 854 ทายาทตระกูลไป๋ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 854 ทายาทตระกูลไป๋

เมื่อเห็นไป๋จิ่นซิ่วไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เริ่นซื่อเจี๋ยจึงกล่าวต่อ “ข้ายึดคุณธรรมในฐานะที่ปรึกษาของข้า ในเมื่อข้าเลือกเจ้านายแล้ว ข้าไม่มีทางทรยศเจ้านายของตัวเองเด็ดขาด คนอย่างข้าฆ่าได้หยามไม่ได้ ในเมื่อฮูหยินฉินดูถูกข้าถึงเพียงนี้ ไม่สู้ฆ่าข้าเสียให้ตายเลยดีกว่าขอรับ!”

เริ่นซื่อเจี๋ยไม่ได้โกหก เขาเลือกอ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนแห่งต้าเยี่ยนเป็นเจ้านายของเขาแล้ว เขาไม่มีทางทรยศเจ้านายของตัวเองเด็ดขาด

“ตอนนี้ข้าจะยังไม่สังหารท่าน” ไป๋จิ่นซิ่วมองไปทางเริ่นซื่อเจี๋ยด้วยสายตาที่เยือกเย็น “ทว่า ท่านควรตระหนักไว้ว่าตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญ หากท่านคิดทำสิ่งใดที่ไม่ควรทำขึ้นมา องครักษ์ไป๋ยินดีสังหารท่านเพื่อป้องกันไว้ก่อน”

สิ้นเสียงของไป๋จิ่นซิ่ว องครักษ์ลับของราชวงศ์ที่ติดตามไป๋ชิงเหยียนออกมาจากเมืองหลวงด้วยหยิบเชือกออกมามัดตัวเริ่นซื่อเจี๋ยไว้อย่างแน่นหนา

“รีบพักผ่อนสักหนึ่งชั่วยาม อีกหนึ่งชั่วยามเราจะออกเดินทางไปยังหย่วนผิงต่อ!” ไป๋จิ่นซิ่วจ้องไปทางเริ่นซื่อเจี๋ยนิ่งๆ แวบหนึ่ง จากนั้นใช้แส้ชี้ไปทางเริ่นซื่อเจี๋ย “ตีเขาให้สลบ จะได้ไม่ก่อปัญหาให้เราอีก”

“ฮูหยินฉิน!”

เริ่นซื่อเจี๋ยตวาดออกมาเสียงดังลั่น จากนั้นถูกองครักษ์ลับตีจนสลบไป

วันที่หนึ่ง เดือนห้า ไป๋ชิงเหยียน หลิวหงและหลินคังเล่อเร่งนำทัพขี่ม้ามาถึงนอกเมืองชุนมู่ ณ ภูเขาชุนมู่

ไป๋ชิงเหยียนและหลิวหงได้รับข่าวเรื่องที่หลู่เซียงถูกจับขังคุก จักรพรรดิต้าจิ้นสั่งยกเลิกตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีและจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นมาแทนแล้ว ตอนนี้เหลียงอ๋องยึดวังหลวง บีบบังคับให้จักรพรรดิต้าจิ้นเขียนราชโองการมอบหมายงานในราชสำนักทั้งหมดให้เหลียงอ๋องเป็นคนดูแลและออกหมายจับรัชทายาทในข้อหากบฏแล้ว พวกนางจึงเร่งการเดินทางให้เร็วขึ้น บรรดาทหารเร่งฝีเท้าจนแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ดวงตะวันที่ร้อนระอุราวกับดวงไฟเด่นตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้า

โชคดีที่ด้านซ้ายของถนนหลักเต็มไปด้วยต้นไม้และใบหญ้าที่เขียวขจี ด้านขวาคือทะเลสลาบที่กว้างใหญ่ บรรดาทหารเท้าที่เร่งเดินทางจึงคลายความร้อนไปได้บาง

ไป๋ชิงเหยียนที่ขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนมองเห็นหญิงชราคนหนึ่งจูงเด็กชายอายุราวๆ แปดเก้าขวบและสตรีสาวคนหนึ่งซึ่งอุ้มเด็กหญิงอายุราวห้าหกขวบไว้ในอ้อมกอดวิ่งตรงมาด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิต หญิงชราคนนั้นวิ่งหนีจนรองเท้าหลุดกระเด็นไปที่ใดก็ไม่รู้ เท้าข้างหนึ่งของนางเต็มไปด้วยเลือด ทว่า นางยังคงวิ่งหนีอย่างไม่คิดจะหยุดราวกับกำลังมีเสือวิ่งไล่ตามอยู่ทางด้านหลัง

เมื่อเห็นด้านหน้ามีกองทัพขวางอยู่ หญิงชราร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง นางกอดเด็กชายที่หอบไม่หยุดเพราะความเหนื่อยไว้แน่นพลางร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวด

สตรีสาวที่อุ้มเด็กหญิงไว้ในอ้อมแขนชะงักไปเล็กน้อย นางอุ้มเด็กหญิงไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว แขนอีกข้างเอื้อมไปกระชากตัวเด็กชายขึ้นมา จากนั้นวิ่งตรงไปยังแม่น้ำที่กระแสน้ำเชี่ยวกรากอย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่า นางมองออกว่าสตรีสาวผู้นั้นกำลังจะพาเด็กสองคนนั่นกระโดดน้ำหนี ถึงแม้พวกนางจะว่ายน้ำเป็น ทว่า พวกนางอาจถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดไปโดนโขดหินหรือจมน้ำได้ หญิงสาวรีบหันไปสั่งหยางอู่เช่อ “รั้งพวกนางเอาไว้”

หยางอู่เช่อรีบพาพลทหารม้าสิบนายขี่ม้าเร็วเข้าไปหาสตรีสาวที่อุ้มเด็กสาวและจูงมือเด็กชายวิ่งไปทางแม่น้ำที่เชี่ยวกราก…

เมื่อหญิงชราเห็นเหตุการณ์จึงเบิกตาโพลงพลางวิ่งเข้าไปหาพลทหารม้า จากนั้นกางแขนสองข้างขวางทางกลุ่มของหยางอู่เช่อเอาไว้ สตรีสาวผู้นั้นหันกลับมามองทหารที่พุ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง จากนั้นกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเห็นว่าหญิงชราออกไปขวางทางม้าที่กำลังพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่กลัวตาย ไป๋ชิงเหยียนจึงทนดูต่อไปไม่ไหว หญิงสาวควบม้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” หลิวหงเป็นห่วงร่างกายของไป๋ชิงเหยียนมาก เขารีบยกมือส่งสัญญาณให้กองทัพใหญ่หยุดเคลื่อนพล เขาเห็นไป๋ชิงเหยียนกระโดดลงมาจากหลังม้าพลางคว้าตัวหญิงชราผู้นั้นให้หลบออกมา หญิงชราผู้นั้นจึงรอดพ้นจากเท้าของม้าศึกของหยางอู่เช่อ

หลิวหงยังไม่ทันได้ยินว่าหญิงชราผู้นั้นตบดีและด่าทอองค์หญิงเจิ้นกั๋วเช่นไรบ้าง เขาก็เห็นบรรดาชาวบ้านวิ่งถือเชือกและจอบไล่ตามมาไม่ไกล ด้านหลังยังมีคนของทางการถือดาบเดินตามมาด้วย หลิวหงเห็นว่าหยางอู่เช่อห้ามสตรีสาวผู้นั้นไว้ได้แล้ว ทหารม้าสองนายลงจากหลังม้า จากนั้นรับตัวเด็กทั้งสองมาอุ้มไว้ ผู้ใดจะคิดว่าสตรีสาวผู้นั้นจะตะกายตบตีหยางอู่เช่อราวกับคนบ้าคลั่ง เด็กทั้งสองคนแผดเสียงร้องไห้ลั่นพลางถีบขาใส่ทหารสองนายที่อุ้มพวกเขาอยู่ไม่หยุด

หลิวหงรีบสั่งให้หลินคังเล่อสั่งให้กองทัพพักผ่อนอยู่กับที่ชั่วคราว ส่วนตัวเขารีบวิ่งเข้าไปดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

ไป๋ชิงเหยียนเบนหน้าหลบฝ่ามือของหญิงชรา จากนั้นจับมือของหญิงชราไว้แน่นด้วยมือเพียงข้างเดียว

เมื่อหลิวหงลงจากหลังม้าก็ได้ยินเสียงร้องไห้พลางก่นด่าของหญิงชรา “พวกเจ้าล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของฮ่องเต้สารเลว ฮ่องเต้สารเลวจะสังเวยชีวิตของลูกหลานพวกเราเพื่อความเป็นอมตะ! เหตุใดต้องเป็นหลานของข้าทั้งสองคนด้วย! เหตุใดฮ่องเต้สารเลวนั่นไม่ไปตายเสีย! เหตุใดพวกเจ้าไม่ไปตายเสีย!”

ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนไหววูบ เหลียงอ๋องก่อกบฏ เหตุการณ์ความวุ่นวายยังไม่สงบลง จักรพรรดิต้าจิ้นกล้าเกณฑ์เด็กไปเมืองหลวงอย่างโจ่งแจ้งเพียงนี้เลยหรือ!

หลิวหงหน้าซีดเผือดลงทันที แม้เขาจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่า เขาเกิดความคิดเดียวกับไป๋ชิงเหยียนขึ้นมาทันที จักรพรรดิต้าจิ้นกล้าเกณฑ์เด็กอย่างโจ่งแจ้งเพียงนี้เลยหรือ!

หยางอู่เช่อให้คนจับตัวสตรีสาวและอุ้มเด็กทั้งสองคนไปหาไป๋ชิงเหยียน

หลินคังเล่อที่มองดูเหตุการณ์อยู่ไกลๆ รีบขี่ม้าตรงเข้ามาอย่างทนไม่ไหว

สตรีสาวร้องไห้จนแทบดูไม่ได้ เหงื่อเปียกชุ่มเสื้อผ้า ผมเผ้ารุงรัง สภาพสะบักสะบอมมาก เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนเป็นสตรีเหมือนกัน สตรีสาวผู้นั้นจึงรีบคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นคลานเข่าเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน น้ำตาของนางไหลพราก ร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจ “แม่นาง แม่นางได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ แม่นางได้โปรดไว้ชีวิตลูกทั้งสองคนของข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนแม่นางเจ้าค่ะ!”

หยางอู่เช่อกำหมัดรายงานไป๋ชิงเหยียน “องค์หญิงเจิ้นกั๋ว แม่ทัพหลิว ข้าห้ามคนไว้ได้แล้วขอรับ”

“องค์หญิงเจิ้นกั๋ว!” เมื่อหญิงสตรีสาวได้ยินคำว่าองค์หญิงเจิ้นกั๋วจึงเบิกตาโพลง นางมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างตกตะลึง

“ท่านคือองค์หญิงเจิ้นกั๋ว คือทายาทของตระกูลไป๋ คือองค์หญิงเจิ้นกั๋วไป๋ชิงเหยียนที่คอยคุ้มครองชาวบ้านหรือเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ท่านลุกขึ้นมาก่อนเถิด…”

เมื่อสตรีสาวผู้นั้นแน่ใจว่าหญิงตรงหน้าคือองค์หญิงเจิ้นกั๋วก็ร้องไห้โฮออกมาทันที นางจับชายชุดเกราะสีเงินของไป๋ชิงเหยียนแน่น จากนั้นโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างแรง “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดช่วยลูกทั้งสองคนของข้าด้วยเถิดเพคะ ตอนข้ายังเล็กท่านปู่และท่านพ่อมักเล่าให้ข้าฟังว่าตระกูลไป๋และกองทัพไป๋คือคนที่คอยปกป้องชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเรามากที่สุด! ฮ่องเต้มีราชโองการจับตัวลูกทั้งสองคนของข้า เขาต้องการนำชีวิตลูกทั้งสองของข้าไปปรุงยาวิเศษ! พ่อสามีและสามีของข้าล้วนเป็นทหารต้าจิ้นที่เสียชีวิตในสนามรบที่หนานเจียง! บัดนี้ครอบครัวของเราเหลือเพียงเด็กสองคนนี้เท่านั้นเพคะ!”

หลินคังเล่อที่เพิ่งลงจากหลังม้าได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี เขาเบิกตาโพลงพลางหันไปมองไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น รู้สึกเดือดดาลอยู่ในใจ บรรดาทหารสละชีพเพื่อปกป้องบ้านเมืองคุ้มครองชาวบ้าน ทว่า จักรพรรดิสารเลวผู้นี้กลับคิดนำชีวิตของทายาทของทหารเหล่านั้นมาปรุงยาวิเศษเพื่อต่ออายุให้ตัวเอง!

ไป๋ชิงเหยียนหวนนึกถึงเหตุการณ์วันสิ้นปีในสมัยรัชศกเซวียนเจียปีที่สิบสี่ ตอนที่ข่าวการเสียชีวิตของท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและบรรดาน้องชายของนางถูกส่งกลับมายังเมืองหลวง ภาพเหตุการณ์ตอนที่ซิ่นอ๋องแทบเหยียบสตรีที่เหลืออยู่ของตระกูลไป๋ให้จมดิน

สตรีสาวกล่าวถึงตรงนี้ก็สะอื้นจนตัวโยน “องค์หญิงเจิ้นกั๋วได้โปรดสงสารเด็กสองคนนี้ด้วยเถิดเพคะ นายอำเภอซื้อตัวเด็กจากคนค้าทาสไปแทนลูกหลานของพวกเขา ตระกูลมั่งคั่งตระกูลอื่นล้วนลอกเลียนแบบ…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด