สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 784 เป็นแบบอย่าง

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 784 เป็นแบบอย่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 784 เป็นแบบอย่าง

เมื่อจ้าวเซิ่งได้ยินเช่นนี้ เขารู้ตกใจมาก เขาพยายามควบคุมร่างกายที่สั่นเทิ้มของตัวเอง พยายามนั่งตัวตรงที่สุด

ใจของเขาสั่นไหวกับประโยคที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าใต้หล้าแห่งนี้เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาไม่คิดเลยว่าไป๋ชิงเหยียนที่เป็นเพียงสตรีจะมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ สตรีที่อายุน้อยอย่างนางมีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ!

จ้าวเซิ่งนึกถึงจักรพรรดิแคว้นต้าจิ้นที่ตอนนี้เอาแต่งมงายอยู่แต่เรื่องไร้สาระ นึกถึงรัชทายาทของแคว้นต้าจิ้นที่เขาเคยพบหน้าครั้งหนึ่ง ตอนนั้นตำแหน่งรัชทายาทยังคงเป็นของฉีอ๋อง ทว่า ในความทรงจำของจ้าวเซิ่ง ฉีอ๋องไม่ได้มีจิตวิญญาณและความกล้าที่จะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเช่นนี้!

ใจของจ้าวเซิ่งเต้นรัวอย่งรุนแรง เขานึกถึงตระกูลไป๋ของจวนเจิ้นกั๋วกงที่เป็นที่รู้จักไปทั่วในใต้หล้าขึ้นมา…

เขาจำได้ว่าท่านปู่ของเขาเคยกล่าวว่าตระกูลไป๋คิดว่าการสนับสนุนจักรพรรดิให้เป็นหนึ่งในใต้หล้าและรวบรวบใต้หล้าให้เป็นหนึ่งคือหน้าที่ของตระกูลไป๋

จ้าวเซิ่งขบกรามแน่น นักรบผู้ใดไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งบ้าง

ทว่า จักรพรรดิของเขาไม่ได้มีปณิธานเช่นนั้น ฐานะขุนนางที่บัดนี้ไม่เป็นที่โปรดปรานอย่างเขาจะทำเช่นไรได้

แววตาร้อนแรงของจ้าวเซิ่งมองจ้องไปยังแววตาที่เปิดเผยของไป๋ชิงเหยียนที่ไม่ได้ดูอ่อนแออย่างคำร่ำลือเลยสักนิด

ไม่มีอาการเจ็บปวดออดแอดใกล้สิ้นใจ ไม่มีวี่แววว่าจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงอีกไม่กี่ปีเท่านั้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงความตั้งใจของไป๋ชิงเหยียนทั้งนั้น หญิงสาวต้องการลดความหวาดระแวงของราชวงศ์ ตระกูลไป๋จะได้ไม่มีจุดจบดังเช่นคนรุ่นก่อนอีก

ทว่า แม้นางจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนั้น นางก็ยังคงไม่ลืมปณิธานของบรรพบุรุษตระกูลไป๋!

จ้าวเซิ่งกล้าเดาว่าจักรพรรดิต้าจิ้นไม่ได้ต้องการครอบครองใต้หล้า รัชทายาทเองก็ไม่ได้ต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า เป็นสตรีที่เก่งกาจในการรบ มีสติปัญญาเฉียบแหลมผู้นี้ต่างหาก!

นาง…คือคนที่ต้องการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง!

จ้าวเซิ่งพยายามข่มความตื่นเต้นไว้ในใจ จากนั้นเอ่ยถามอย่างควบคุมน้ำเสียง

“องค์หญิงเจิ้นกั๋วมีวาจาที่เก่งกาจ ทว่า ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้จ้าวเซิ่งยอมรับใช้องค์หญิง ข้าไม่ได้มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ดั่งเช่นองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ข้าแค่ต้องการปกป้องชาวบ้านชายแดนของต้าเหลียงให้อยู่อย่างสงบสุข ไร้ความหวาดกลัวเท่านั้น”

“ตระกูลจ้าวไม่ได้มีปณิธานเช่นนี้ แม่ทัพจ้าวไม่ได้มีปณิธานเช่นนี้อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนชี้ไปยังแผนที่แบ่งแยกแคว้น จากนั้นกางแผนที่ออกอีกครั้ง “หากแม่ทัพจ้าวไม่ได้มีปณิธานเช่นนี้ เหตุใดท่านถึงมีแผนที่เช่นนี้กัน”

จ้าวเซิ่งมองดูลายมือที่เขาเขียนด้วยความตั้งใจและเรียบร้อยบนแผนที่ เขากำหมัดแน่น จากนั้นกล่าวเสียงเบาหวิว “ต่อให้รวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้วจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอีกอย่างนั้นหรือ หากไม่มีสงครามเกิดขึ้นหลังรวบใต้หล้าให้เป็นหนึ่งจริงๆ จะมีผู้นำของแคว้นต่างๆ ดังเช่นตอนนี้ได้อย่างไรกัน”

“แม่ทัพจ้าวต้องการถามว่าเราจะจัดการกับแคว้นที่ยิ่งใหญ่แคว้นเดียวนี่อย่างไรใช่หรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบ “ทว่า บัดนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้ เราจะคิดเรื่องปกครองแล้วได้อย่างไร แม่ทัพจ้าวกล่าวถูกต้อง หลังรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งได้แล้วอาจยังมีสงครามเกิดขึ้นอยู่ บางทีแคว้นแต่ละแคว้นอาจยังแบ่งแยกกันอยู่ ทว่า เพียงเพราะเรื่องเช่นนี้พวกเราจึงไม่คิดรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอย่างนั้นหรือ หากไม่มีคนลงมือทำ พวกเราก็ไม่มีวันได้เห็นสันติสุขของใต้หล้าแห่งนี้!”

“จะปกครองใต้หล้าได้อย่างไรเป็นคำถามที่เป็นนามธรรม กลียุคมีวิธีจัดการแบบคนกลียุค แคว้นที่มีแต่สันติสุขก็มีวิธีจัดการอย่างสันติสุข เราจะช่วยกันวางแผนการปกครองบ้านเมืองและชาวบ้านไปตามความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตามกาลเวลา พยายามปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับปรมาจารย์นักปราชญ์ทั้งหลายที่พยายามสร้างผลงานที่ดีที่สุดทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง ทว่า แม้แต่ปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงอย่างปรมาจารย์ผู้เฒ่าหมิ่นเชียนชิวเซียนเซิงยังไม่กล้ากล่าวว่าผลงานที่ตัวเองเขียนคือผลงานที่สมบูรณ์ดีที่สุด ทุกครั้งที่ท่านมีโอกาสถกเถียงกับปรมาจารย์ผู้เฒ่าชุยสือเซียนเซิง ท่านจะปรับปรุงแก้ไขผลงานของตัวเองใหม่เกือบทุกครั้ง”

“บางครั้งผลงานที่มีชื่อเสียงของปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงเหล่านี้อาจสูญหายไปเพราะความโกลาหลของยุคนั้น ทว่า พวกเขาต้องหยุดเขียนผลงานส่งต่อให้คนรุ่นหลังเพียงเพราะเหตุผลนี้อย่างนั้นหรือ”

จ้าวเซิ่งกำหมัดแน่น

ไป๋ชิงเหยียนยังคงอยู่ในท่าทีสงบนิ่งตามเดิม จากนั้นกล่าวเสียงราบเรียบ “การปกครองบ้านเมืองและชาวบ้านก็เช่นเดียวกัน เราใช้ประวัติศาสตร์เป็นบทเรียน หากมีข้อผิดพลาดก็แก้ไข ต่อให้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยเราก็เป็นแบบอย่างให้แก่คนรุ่นหลัง แม่ทัพจ้าวคิดว่าไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกต้องหรือไม่”

เมื่อไป๋จิ่นจื้อที่ยืนอยู่ด้านนอกเห็นพี่หญิงใหญ่ของตัวเองกล่าวจนจ้าวเซิ่งไม่ต่อไม่ถูก สาวน้อยจึงกำหมัดแน่น หัวใจสั่นไหวระรัว

คนตระกูลไป๋ทุกรุ่นต่างกล่าวว่าอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง ทว่า ไป๋จิ่นจื้อเห็นแสงแห่งความหวังนี้จากพี่หญิงใหญ่ของตัวเองเท่านั้น…

ไม่ใช่เพราะคนตระกูลไป๋รุ่นก่อนๆ ไม่มีสติปัญญาเหมือนพี่หญิงใหญ่ ทว่า เป็นเพราะก่อนหน้านี้ตระกูลไป๋จงรักภักดีต่อราชวงศ์หลิน

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนนุ่มนวลอ่อนโยนตั้งแต่แรก น้ำเสียงของหญิงสาวราบเรียบอ่อนโยน ทว่า ทุกถ้อยคำราวกับน้ำตกมีพลังที่ไหลชโลมเข้าไปในหัวใจของจ้าวเซิ่งจนใจของเขารู้สึกอ่อนยวบ

อย่างน้อยตอนนี้จ้าวเซิ่งหาคำมาคัดค้านคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้

กระทั่งความตั้งใจเดิมของตัวเองก็เริ่มสั่นคลอน ความรู้สึกด้านหนึ่งในใจของเขาอยากเข้าร่วมกับไป๋ชิงเหยียน

หากไม่มีคนเริ่มลงมือรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งก็ไม่มีวันเห็นวันที่ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง คำกล่าวนี้ถูกต้องที่สุด

การวางแผนปกคครองบ้านเมือง ดูแลชาวบ้านก็ควรทำควบคู่ไปกับตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงและหมั่นพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ

จ้าวเซิ่งหลับตาลง จากนั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ขอถามองค์หญิงเจิ้นกั๋วสักนิด รัชทายาทแห่งแคว้นต้าจิ้นสามารถเป็นผู้ครอบครองใต้หล้าแห่งนี้ได้หรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้าพลางกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ทว่า ผู้อื่นสามารถทำได้”

เช่นนี้จ้าวเซิ่งก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว…

ไป๋ชิงเหยียนไม่เหมือนกับบรรพบุรุษคนอื่นๆ ในตระกูลไป๋ หญิงสาวไม่ได้จงรักภักดีต่อผู้ใดทั้งสิ้น ปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า!

จักรพรรดิและรัชทายาทแห่งต้าจิ้นล้วนทำไม่ได้ บางที…ไป๋ชิงเหยียนอาจเป็นคนๆ นั้นได้จริงๆ

ท่านปู่ของเขาเคยกล่าวว่าผู้มีใจคิดครอบครองใต้หล้าย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถเก่งกาจและยิ่งใหญ่ มีกำลังมากพอที่จะยุติความวุ่นวายในใต้หล้านี้ได้

จ้าวเซิ่งมองสำรวจไป๋ชิงเหยียน หากตัดเรื่องที่นางเป็นสตรีออกไป ความสามรถและสติปัญญาของหญิงสาวไม่เป็นที่กังขาแม้แต่น้อย

จ้าวเซิ่งนั่งเงียบขรึมท่ามกลางเปลวเทียนที่สะบัดพลิ้วไปมา

ประโยคบางประโยคเป็นเหมือนประกายไฟ เมื่อกระทบลงในใจแล้วมันก็จะค่อยๆ ลุกลามขึ้นเรื่อยๆ

ไป๋ชิงเหยียนที่มองเห็นศีรษะของไป๋จิ่นจื้อที่ยืนอยู่ด้านนอกกระโจมละสายตากลับ จากนั้นกล่าวกับจ้าวเซิ่งต่อ “จากสถานการณ์ของต้าเยี่ยนในตอนนี้ แม่ทัพจ้าวคิดว่าพวกเขาจำต้องสู้รบเพียงเพราะแคว้นเว่ยดึงแคว้นซีเหลียงไปโจมตีเพื่อทำลายต้าเยี่ยนอย่างนั้นหรือ ต้าเยี่ยนโจมตีกลับจนต้าเว่ยไร้ทางสู้ ยึดครองดินแดนแคว้นเว่ยได้ถึงสามเมือง พวกเขาบุกไปจนถึงเมืองหลวงของต้าเว่ยเพราะต้องการทำลายล้างแคว้นเว่ย! เหตุใดต้าเยี่ยนต้องทำลายล้างแคว้นเว่ยด้วย”

จ้าวเซิ่งเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน เมื่อถูกไป๋ชิงเหยียนกระตุ้นเช่นนี้ เขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที เมื่อเข้าใจเรื่องทุกอย่างก็อดตกใจไม่ได้

ต้าเยี่ยนในยุคของจีโฮ่วคือต้าเยี่ยนที่แข็งแกร่ง ดังนั้นตอนนั้นต้าเยี่ยนมีความคิดอยากครอบครองใต้หล้าก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ต่อมาต้าเยี่ยนตกอับจนยากจะคุ้มครองตัวเอง เขาเพิ่งยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมาได้ไม่นาน ตอนนี้พวกเขาคิดทำลายล้างแคว้นเว่ย ต้าเยี่ยนต้องการทำลายล้างแคว้นเว่ยเพราะอยากรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเหมือนกันอย่างนั้นหรือ!

จ้าวเซิ่งวิเคราะห์การสู้รบของต้าเว่ยและต้าเยี่ยนในครั้งนี้อย่างละเอียด จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที แม้แต่แคว้นที่ยากจนอย่างต้าเยี่ยนก็ยังมีปณิธานอยากครอบครองใต้หล้า ทว่า จักรพรรดิของเขากลับเอาแต่คิดจะแก้แค้น ไม่สนใจชีวิตของขาวบ้านต้าเหลียงด้วยซ้ำ

ในขณะที่เขากำลังกังวลใจว่าจะปกป้องชาวบ้านแคว้นตัวเองไว้ได้อย่างไร แคว้นอื่นกลับกำลังเริ่มต่อสู้เพื่อเป็นที่หนึ่งในใต้หล้าแล้ว!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด