สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 78 ถูกย่ำยี

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 78 ถูกย่ำยี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 78 ถูกย่ำยี
เงินกระดาษปลิวว่อนไปในอากาศท่ามกลางเสียงร้องไห้ที่เจ็บปวดปาดจะขาดใจของชาวบ้าน โลงศพทั้งสี่ของผู้ใหญ่สามคน และเด็กอีกหนึ่งคนถูกเคลื่อนย้ายไปด้านหน้า มุ่งตรงเข้าเมือง

อาจเป็นเพราะมารออยู่ที่นี่นานมากแล้ว ผู้คนหนาวจนร่างกายแข็งทื่อ บ่าวรับใช้ซึ่งทำหน้าที่แบกโลงศพของท่านกั๋วกงพลาดลื่นไถล ได้ยินเพียงเสียงโลงศพหล่นกระแทกพื้น ตุบ! โลงศพอีกสามโลงที่อยู่ด้านหลัง ปัง ปัง ปัง หล่นลงพื้นท่ามกลางความอลหม่าน

โลงศพไม้ที่บางเบาราวกับกระดาษปริแตกในทันที เชือกป่าที่มัดโลงศพไม้โลงสุดท้ายขาดออก โลงศพเอน ด้านข้างของโลงศพกระแทกลงบนพื้นอย่างแรงจนโลงศพแตกออก ร่างของเด็กซึ่งสวมชุดเกราะผุพังกระเด็นออกมาจากโลงศพไม้ ศีรษะซึ่งโดนศัตรูฟันขาดหลุดกระเด็นไปหยุดอยู่ตรงกองหิมะ ไม่มีสิ่งใดปกปิดทั้งสิ้น!

“เสี่ยวสือชี!” ไป๋จิ่นถงถลาเข้าไปทั้งน้ำตา กอดศีรษะของน้องชายคนที่สิบเจ็ดเอาไว้ มองดูใบหน้าอ่อนเยาว์ของน้องชายที่บัดนี้ไร้ซึ่งวิญญาณ ราวกับมีเข็มนับพันเล่มแทงลงที่หัวใจของไป๋จิ่นถง นางกอดศีรษะของเสี่ยวสือชีร้องไห้โฮอย่างกลั้นไม่อยู่ เอ่ยเรียกน้องชายด้วยเสียงแหบพร่า

“เสี่ยวสือชี!”

“เสี่ยวสือชี!” ไป๋จิ่นจื้อตกตะลึงเช่นเดียวกัน

ไป๋จิ่นซิ่วเบิกตาโพลง “เสี่ยวสือชี!”

ไป๋ชิงเหยียนหมุนกายกลับ เมื่อเห็นศีรษะเสี่ยวสือชีกลิ้งไปบนพื้น ดวงตาของหญิงสาววาวโรจน์ ตกใจเป็นอย่างมาก ราวกับมีลมพายุพัดกรรโชกอยู่ในใจของนาง ทำให้นางโกรธจนตอนนี้ในสมองมีแต่เสียงตะโกนก้องให้นางใช้ดาบปลิดชีวิตซิ่นอ๋องเดี๋ยวนี้ “ลุงผิง หยุดรถม้าของซิ่นอ๋องที!”

“กรี๊ด…” ฮูหยินสี่หวังซื่อกรีดร้องพลางล้มลุกคุกคลานไปแย่งศีรษะของบุตรชายมากอดไว้ กรีดร้องคลานกลับไปยังร่างของบุตรชายราวกับคนเสียสติ กอดร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลกลายเป็นศพของบุตรชาย ร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง

ฮูหยินสี่หลิวซื่อเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนแอยิ่งกว่าผู้ใดทั้งหมด บัดนี้ดวงตาของนางแดงฉานราวกับปีศาจที่มาจากขุมนรก ด่าทอซิ่นอ๋องโอรสของฮองเฮาผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ที่สูงส่งไม่ยั้ง

“ซิ่นอ๋องท่านไม่ตายดีแน่! ลูกชายของข้า…ท่านแยกร่าง และศีรษะของลูกข้าเช่นนี้ได้อย่างใด ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดให้เขาสักชุด เขาเป็นเพียงเด็กอายุสิบขวบ…เด็กสิบขวบเท่านั้นเอง! ท่านมันเลว! ท่านยังมีหัวใจอยู่หรือไม่!”

ฮูหยินสี่หลิวซื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ จากนั้นซบหน้าไปที่ร่างของบุตรชายอีกครั้ง ปลอบบุตรชายเสียงแผ่วเบาราวกับกล่อมเด็กเข้านอน “เสี่ยวสือชีไม่ต้องกลัว! เสี่ยวสือชีไม่กลัวนะ…แม่อยู่ตรงนี้! แม่อยู่กับเจ้า แม่อยู่…แม่ช่วยให้เจ้าคลายหนาวนะ ไม่ต้องกลัว…”

หลูผิงมองดูเด็กชายอายุสิบขวบที่ยามปกติเป็นคนที่ร่าเริง และน่ารักที่สุด บัดนี้กลายเป็นศพที่ร่างกายแยกขาดออกจากกัน ดวงตาของเขาแดงก่ำในใจเต็มไปด้วยความอาฆาต เขายังไม่ทันไปตามซิ่นอ๋อง ต่งชิงเยว่ก็กระโดดขึ้นหลังม้า มุ่งตรงเข้าเมืองหลวงเพื่อหยุดรถม้าของซิ่นอ๋องที่เพิ่งเคลื่อนตัวเข้าเมืองโดยอยู่ห่างไม่ถึงสิบเมตร

แต่ไหนแต่ไรมา หากทหารเสียชีวิตในสนามรบ ก่อนนำร่างกลับมาที่เมืองหลวง หากร่างแยกออกจากกัน…นอกจากจะหาอวัยวะที่ขาดออกไม่พบ คนที่ทำหน้าที่นำร่างกลับมาต้องสั่งเย็บร่างที่แยกออกจากกันให้ติดกันเหมือนเดิม เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและชุดเกราะใหม่ จากนั้นจึงนำร่างบรรจุลงในโลงศพ

แม้ชาวบ้านจะรู้ดีว่าสงครามนั้นโหดร้าย แต่ก็ไม่น่าสะพรึงกลัวเท่ากับร่างของเด็กอายุเพียงสิบขวบที่โดนตัดศีรษะซึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาเช่นนี้

ต่งชิงเยว่อยู่บนหลังม้า สายตาจ้องไปยังบรรดาองครักษ์ของซิ่นอ๋องที่ชักดาบออกมาอย่างโกรธแค้น องครักษ์ของจวนเจิ้นกั๋วกงก็ชักดาบออกมาเช่นเดียวกัน สองฝ่ายเผชิญหน้าหันดาบเข้าหากัน

บัดนี้องครักษ์ของจวนเจิ้นกั๋วกงต่างเดือดดาลเป็นที่สุดที่เห็นร่างของเด็กอายุสิบขวบกระเด็นออกมาเช่นนั้นพวกเขาอยากเปิดศึกกับซิ่นอ๋องเดี๋ยวนี้เลย

“ซิ่นอ๋อง เจิ้นกั๋วกง และบุรุษทุกคนของจวนเจิ้นกั๋วกงคือวีรบุรุษผู้เสียสละของแคว้นต้าจิ้น เหตุใดพระองค์จึงไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้พวกเขาก่อนที่จะนำร่างกลับมาเมืองหลวง เหตุใดจึงปล่อยให้ร่างของพวกเขาแยกออกจากกันเช่นนี้ การฆ่าคนมันง่ายนิดเดียว แต่เหตุใดพระองค์จึงกล้าดูถูกวิญญาณของพวกเขาเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!” ต่งชิงเยว่ดวงตาวาวโรจน์ ใช้แส้ม้าชี้ไปยังรถม้าสี่ล้อที่หรูหราตรงหน้า ไม่มีความเคารพแม้แต่น้อย มีแต่ไอสังหารที่แผ่ออกมาอย่างน่ากลัว

หลู่หยวนเผิงและบรรดาคุณชายเจ้าสำราญไม่เคยเจอเหตุการณ์น่าเศร้าสลดเช่นนี้ รู้สึกว่าโทสะเดือดพล่านอยู่ในใจราวกับจะปะทุออกมาจากหน้าอก อยากจะเข้าไปทำร้ายซิ่นอ๋องเสียตอนนี้

ไม่รู้ว่าเทวดาทนดูไม่ได้หรืออย่างใดจู่ๆ รถม้าของซิ่นอ๋องพังอย่างกะทันหัน ล้อรถม้าชนองครักษ์สองคนที่คุ้มกันอยู่ข้างรถลอยกระเด็น ตัวรถพลิกคว่ำเตาผิงในรถม้าลุกลามเผาไหม้ผ้าม่านในรถม้า ซิ่นอ๋องและสาวงามกรีดร้องพลางคลานออกมาจากตัวรถ

องครักษ์ของเซียวหรงเหยี่ยนกลับไปยืนอยู่ข้างกายของชายหนุ่มโดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ เอ่ยเสียงเบา

“นายท่าน ข้าไร้ความสามารถ หัวหน้าองครักษ์ของจวนเจิ้นกั๋วกง และท่านที่อยู่บนหลังม้าเหมือนจะสังเกตเห็นตอนที่ข้างลงมือขอรับ”

สีหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนเรียบเฉยตามเดิม เอ่ยขึ้นนิ่งๆ “มิเป็นไร”

องครักษ์ผู้นั้นพยักหน้ายืนก้มหน้าอยู่ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนนิ่งราวกับไม่ได้ทำสิ่งใดทั้งสิ้น

ชาวบ้านเบิกตาโพลงจ้องไปยังซิ่นอ๋องที่อ้างว่า “บาดเจ็บสาหัส” กำลังกระโดดเหยงพลางปัดไฟที่ลุกลามติดอยู่บนเครื่องแต่งกายด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ข้างกายมีสาวงามน่าตรึงตรามองไปรอบกายด้วยร่างที่สั่นเทา

“ซิ่นอ๋องทรงบาดเจ็บหนักเลยนะเพคะ!” ไป๋ชิงเหยียนดวงตาวาวโรจน์ แผ่รัศมีสังหารไปรอบกาย

“เจ็บหนักจน…ต้องมีสาวงามปรนนิบัติดูแลอยู่ในรถม้า แต่ไม่มีเวลาสั่งให้ทหารเย็บร่างหรือแม้แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องชายอายุสิบขวบที่สละชีพเพื่อบ้านเมืองของหม่อมฉัน”

ใบหน้าของซิ่นอ๋องกระตุกอย่างรุนแรง เขานึกไม่ถึงเลยว่าชาวบ้านทั้งเมืองจะเห็นเขาในสภาพที่ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนเช่นนี้ ชายหนุ่มกำหมัดที่แนบอยู่ข้างลำตัวแน่น ในเมื่อถูกเปิดโปงแล้วเขาก็ไม่กลัวที่จะทำให้เรื่องเด็ดขาดยิ่งกว่านี้

ชายหนุ่มจ้องไปทางไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนอยู่นอกวงล้อมของบรรดาทหารของเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยเสียงเย็น

“ข้าอยากไว้หน้าตระกูลไป๋ของพวกเจ้าจึงอ้างว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ตระกูลไป๋ของพวกเจ้าอยากให้ข้ากล่าวโทษออกมาต่อหน้าชาวบ้านทุกคนหรือไม่…ว่าไป๋เวยถิงไม่สนใจฟังคำสั่งของข้า ทำให้ทหารของแคว้นต้าจิ้นนับแสนตายอยู่ที่หนานเจียงเช่นใดบ้าง”

“ยามออกรบท่านปู่ของข้าเป็นผู้นำทัพ ท่านรบมาร้อยกว่าสงครามแล้ว เหตุใดต้องฟังคำสั่งของเด็กที่มีเอาแต่ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในเมืองหลวง ไม่เคยมีประสบการณ์ในการรบอย่างท่านด้วย!” ไป๋ชิงเหยียนน้ำตาไหลพราก เดือดดาลถึงขีดสุด ความโกรธครอบงำจนนางขาดสติ น้ำเสียงสั่นเทาด้วยความโมโห

“ต่อให้ท่านปู่ของข้านำทัพไม่ดี แต่บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตเพราะปกป้องชาวบ้าน สละชีวิตเพื่อบ้านเมือง! ตายแล้วยังต้องพบจุดจบแบบร่างไม่ครบเช่นนี้อีกหรือ! นี่มันตรรกะอันใดกัน น้องชายของข้าอายุเพียงสิบขวบ เขาอายุสิบขวบเท่านั้น! เขาอายุสิบขวบยังกล้าไปออกรบ เขาเป็นวีรบุรุษหนุ่มที่สละชีพเพื่อแคว้นต้าจิ้นของข้า เหตุใดจึงถูกท่านย่ำยีเช่นนี้!”

ซิ่นอ๋องโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เป็นครั้งที่แรกที่เขาโดนสตรีบีบจนกล่าวสิ่งใดไม่ออกเช่นนี้ ทำได้เพียงกัดฟันกรอด

“ต่อให้น้องชายของข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมคนหนึ่ง ซิ่นอ๋องเป็นถึงโอรสของราชวงศ์ ท่านควรปฏิบัติต่อศพของเด็กคนหนึ่งให้ดี แต่คุณธรรมของท่านหายไปที่ใดหมด ท่านแย่เสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก! ทหารของแคว้นเสียชีวิตเพราะปกป้องบ้านเมือง ปกป้องชาวบ้าน แต่ท่านกลับนัวเนียกับสาวงามอยู่ในรถม้า ท่านคู่ควรเป็นโอรสของฮ่องเต้หรือไม่! คู่ควรใช้ภาษีของชาวบ้านเช่นนี้หรือไม่ สัตว์เดรัจฉานที่คนโหดร้าย ไร้คุณธรรม ไร้ความเมตตา เอาแต่เสพสุขอย่างหน้าไม่อายเช่นท่าน หากภายภาคหน้าท่านได้เข้าไปอยู่ในตำหนักบูรพา ชาวบ้านแคว้นต้าจิ้นต้องถูกท่านข่มเหงรังแกจนไม่มีทางรอดแน่ๆ ท่านไม่เพียงไม่คู่ควรเป็นคนของราชวงศ์ ท่านไม่ควรจะเกิดเป็นคนเสียด้วยซ้ำ!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *