สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 408 ชัดเจน

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 408 ชัดเจน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 408 ชัดเจน

นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ไป๋จิ่นจื้อต้องเดินทางไปยังโลกกว้างตามลำพัง ยิ่งไปกว่านั้นคือเดินทางไปยังสนามรบ นางกลัว…ทว่า ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกัน

นางอยากสร้างผลงาน อยากพิสูจน์ให้พี่หญิงใหญ่เห็นว่านางคู่ควรเกิดมาเป็นทายาทของตระกูลไป๋ แม้ต้องเดินทางไปยังสนามรบตามลำพัง ทว่า นางก็จะสร้างเกียรติยศให้ตระกูลไป๋ให้ได้

ไป๋จิ่นจื้อยิ้มให้มารดาของตัวเองน้อยๆ ก้าวเดินลงบันได จากนั้นขึ้นไปบนหลังม้า

หลูผิงทำความเคารพแล้วมองไปทางไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้ หลูผิงจึงพยักหน้าตอบ ตวัดแส้ม้าควบตามไป๋จิ่นจื้อไปยังภูเขาชุนมู่

“เสี่ยวซื่อ!” ฮูหยินสามหลี่ซื่อร้องไห้พลางวิ่งตามลงบันไดไป “ระวังตัวให้ดีนะ!”

ไป๋จิ่นจื้อไม่ได้หันกลับไปมอง กระตุกบันเหียนควบม้าทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ชิงเหยียนยืนมองแผ่นหลังของน้องสาวหายลับไปอยู่หน้าประตูจวน กำหมัดที่แนบข้างลำตัวแน่น

เมื่อได้รับราชโองการ ไป๋ชิงเหยียนอาศัยจังหวะตอนที่ไป๋จิ่นจื้อไปเก็บของเรียกหลูผิงมาพบ

หญิงสาวกับชำให้หลูผิงส่งคนล่วงหน้าไปยังเมืองหลวงก่อนที่ไป๋จิ่นจื้อจะไปถึง ให้คุณหนูรองไป๋จิ่นซิ่วแบ่งองครักษ์ลับครึ่งหนึ่งติดตามไปคุ้มครองไป๋จิ่นจื้อที่ภูเขาชุนมู่

ไป๋ชิงเหยียนรู้จักนิสัยของไป๋จิ่นจื้อดี แม้ตอนที่ไปช่วยชีวิตไป๋ชิงอวิ๋นออกมาจากชิวซานกวนจะทำให้ไป๋จิ่นจื้อสัมผัสกับความโหดร้ายของสนามรบ ทำให้น้องสาวของนางรู้สึกหวาดกลัว กระทั่งกลับมาถึงเมืองหลวงก็ยังขยาดเหตุการณ์นั้นอยู่ ทว่า หากเทียบกับการสร้างผลงานแล้ว สิ่งนี้คงหยุดไป๋จิ่นจื้อไม่ได้

เพื่อป้องกันไว้ก่อน ไป๋ชิงเหยียนต้องเตรียมคนไว้คอยปกป้องไป๋จิ่นจื้ออย่างแน่นหนา

การฝึกซ้อมชาวบ้านสามารถล่าช้าได้ ทว่า จำเป็นต้องส่งคนไปปกป้องคุ้มครองไป๋จิ่นจื้อ

คนของตระกูลไป๋ที่ยังมีชีวิตอยู่ นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดเป็นอันใดไปอีกทั้งสิ้น! แม้แต่คนเดียวก็ไม่มีทาง!

“ท่านอาสะใภ้สาม…” ไป๋ชิงเหยียนเดินไปหยุดอยู่ข้างกายฮูหยินสามหลี่ซื่อ กุมมือของนางไว้หลวมๆ

“มีลุงผิงและชิงจู๋คอยดูแลเสี่ยวซื่อ เสี่ยวซื่อไม่มีทางเป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ”

หลี่ซื่อมองไป๋ชิงเหยียนพลางพยักหน้าให้ทั้งน้ำตา

เรื่องที่ไป๋จิ่นจื้อถูกราชโองการสั่งให้มุ่งหน้าไปยังภูเขาชุนมู่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองซั่วหยางอย่างรวดเร็ว

ประมุขไป๋ไป๋ฉีเหอนึกถึงเรื่องฝึกซ้อมชาวบ้านขึ้นมาได้ เดิมทีไป๋ชิงเหยียนบอกว่าไป๋จิ่นจื้อและหัวหน้าองครักษ์ของตระกูลไป๋จะเป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ บัดนี้ไป๋จิ่นจื้อเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ เขาคงต้องไปถามไป๋ชิงเหยียนอีกครั้งว่าผู้ใดจะรับผิดชอบเรื่องนี้แทน

เมื่อรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ไป๋ฉีเหอให้คนไปตามไป๋ชิงผิงให้ไปที่จวนไป๋พร้อมกับเขา

เมื่อฟางซื่อได้ยิน ในหัวของนางเกิดความคิดขึ้นมากมาย มองไปทางไป๋ฉีเหอที่กำลังบ้วนปากอยู่

“ในเมื่อจะไปพบเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ ไม่สู้พาลูกสาวทั้งสองของเราไปด้วยดีหรือไม่เจ้าคะ ให้พวกนางได้สนิทสนมกับจวิ้นจู่ กระชับความสัมพันธ์พี่น้องกันไว้”

ยิ่งคิดฟางซื่อก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี นางวางตะเกียบในมือลง เอ่ยอย่างตื่นเต้น

“เกาอี้เซี่ยนจู่เพิ่งถูกเรียกตัวไปยังภูเขาชุนมู่ จวิ้นจู่คงเป็นห่วงเกาอี้เซี่ยนจู่มาก หากพาบุตรสาวทั้งสองของเราไปด้วยอาจช่วยคลายความเครียดของจวิ้นจู่ได้นะเจ้าคะ หากวันหน้าบุตรสาวของเรากลายเป็นแขกประจำของจวนไป๋ เมื่อถึงเวลาออกเรือน บรรดาแม่สื่อจะได้กล่าวว่าพวกนางเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆ ของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ เป็นเรื่องดีมากเจ้าค่ะ”

ไป๋ฉีเหอใช้แขนเสื้อป้องปาก เมื่อกลั้วปากเสร็จจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก หันไปมองฟางซื่อที่มีสีหน้าอารมณ์ดี

“เจ้าคิดว่าเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เป็นคนที่ชอบสนทนาตามประสาพี่น้องกับญาติในตระกูลบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ ข้ารู้ความคิดของเจ้าดี เก็บความคิดพวกนั้นไว้เถิด! อย่าเห็นจวิ้นจู่เป็นสตรีตระกูลสูงศักดิ์ทั่วไป ต่อให้เจ้าพาบุตรสาวทั้งสองคนไปที่จวนไป๋ก็ไม่มีทางสืบข่าวอันใดได้หรอก ที่สำคัญเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ไม่ชอบถูกหยาม หากรู้ว่าเด็กสองคนนั่นแอบสืบข่าวคราวในจวนไป๋ ตอนนั้นพวกเราได้ขายหน้าทั้งครอบครัวแน่!”

เมื่อฟางซื่อได้ยินคำกล่าวของไป๋ฉีเหอก็หน้าตึงทันที

“ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าแค่อยากให้บุตรสาวทั้งสองไปผูกมิตรกับจวิ้นจู่ สืบว่านางชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดก็เท่านั้น ข้าจะได้ช่วยเป็นแม่สื่อให้นางได้! ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นลูกหลานของพวกเรา ในฐานะผู้ใหญ่ข้าเป็นห่วงนางไม่ได้เลยหรืออย่างไรกัน เหตุใดท่านจึงกล่าวราวกับว่าข้าคิดร้ายกับนางเช่นนี้”

“เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ที่สำคัญนางเคยสาบานเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิต เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร!” ไป๋ฉีเหอขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

“จำได้! ข้าจำได้อยู่แล้ว” ฟางซื่อตบโต๊ะ “ดังนั้นในฐานะอาข้าจึงเป็นห่วงนางอย่างไรเล่า แม้ไม่ออกเรือน ทว่า เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่สามารถแต่งเขยเข้าตระกูลได้นี่! ท่านดูสิ ตอนนี้ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงเหลือเพียงสตรีเท่านั้น การแต่งเขยเข้าตระกูลเพื่อสืบทอดทายาทต่อไปเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรืออย่างไร”

ไป๋ฉีเหอได้ยินภรรยากล่าวเช่นนี้ก็รู้สึกสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน

ตระกูลไป๋แห่งเมืองหลวงคือทายาทสายหลักของตระกูล ฮูหยินห้าฉีซื่อเองก็คลอดบุตรสาวออกมา หากไม่แต่งเขยเข้าตระกูล เช่นนั้นสายเลือดของตระกูลไป๋คงหยุดลงแค่นี้

มิเช่นนั้นก็อาจต้องรับบุตรจากตระกูลรองมาเป็นทายาทสืบทอด

ทว่า ด้วยนิสัยของเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ นางคงไม่มีทางรับทายาทจากตระกูลรองไปเลี้ยงแน่นอน

ไป๋ฉีเหอรู้ดีว่าตอนนี้คำของไป๋ชิงเหยียนถือเป็นคำประกาศิตสำหรับตระกูลไป๋

เมื่อเห็นไป๋ฉีเหอมีท่าทีครุ่นคิดตาม ดวงตาของฟางซื่อเป็นประกาย นางขยับเข้าไปใกล้ไป๋ฉีเหอ กล่าวเสียงเบา “ท่านคิดว่าบุตรชายคนรองของพี่ชายรองของข้า…”

ฟางซื่อยังไม่ทันกล่าวจบ ดวงตาคมกริบของไป๋ฉีเหอจ้องเขม็งไปทางฟางซื่อทันที ฟางซื่อสะดุ้ง

ปกติไป๋ฉีเหอเป็นคนอ่อนโยน ไม่เคยใช้แววตาน่ากลัวเช่นนี้มองนางมาก่อน ถ้อยคำที่เหลือของฟางซื่อจุกอยู่ที่ลำคอ ได้แต่มองไปทางไป๋ฉีเหอ

“บุตรชายคนรองของพี่ชายรองเจ้าเป็นคนเช่นไรเจ้าไม่รู้หรืออย่างไรกัน” ไป๋ฉีเหอเดือดดาลขึ้นทันที

“เจ้าอยากเป็นแม่สื่อให้ตระกูลมารดาของเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าให้มันเกินไปนัก!”

บุตรชายคนรองของพี่ชายรองของฟางซื่อเป็นคนสารเลวไม่เอาถ่านที่ดีแต่ดื่มเหล้าเมามายไปวันๆ ใช้ชีวิตขลุกอยู่แต่ในหอนางโลม ภาพลักษณ์เหลวแหลก คนเช่นนี้อย่าว่าแต่แต่งเข้าตระกูลไป๋เลย เขาไม่คู่ควรแม้แต่ถือรองเท้าให้เจิ้นกั๋วจวิ้นจู่เสียด้วยซ้ำ ฟางซื่อยังกล้ากล่าวเช่นนี้ออกมาได้!

ฟางซื่อกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น สีหน้าย่ำแย่ นางเชิดหน้าเถียงไป๋ฉีเหอ “มันเหมือนกันที่ใด บุรุษที่จะแต่งเข้าตระกูลไป๋ได้ต้องสมฐานะ ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือบุตรชายคนรองของพี่ชายรองข้า”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปเป็นแม่สื่อให้พี่หญิงใหญ่ของเจ้าสิ ดูสิว่าพี่หญิงใหญ่ของเจ้าจะยอมยกบุตรสาวแท้ๆ ของนางให้บุตรชายคนรองของพี่ชายรองเจ้าหรือไม่!” ไป๋ฉีเหอโมโหมาก ทว่า ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าสักเท่าใด แสดงออกทางถ้อยคำเท่านั้น

เดิมทีเขาคิดว่าการไป๋ชิงเหยียนจัดการกับตระกูลบรรพบุรุษไป๋อย่างเด็ดขาดในครั้งนี้จะทำให้ภรรยาของเขาสำนึกชัดว่าตระกูลบรรพบุรุษไป๋ต้องพึ่งพาอาศัยเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ คิดว่านางจะอยู่อย่างสำรวม นึกไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าอาจเอื้อมกับเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ถึงเพียงนี้

ฟางซื่อหน้าซีดเผือด กำผ้าเช็ดหน้าในมือของตัวเองแน่น ทำท่าทีราวกับจะร้องไห้ออกมา

“ข้าทำไปเพื่อท่านทั้งนั้น หากไป๋ชิงเหยียนสมหวังกับบุตรชายรองของพี่ชายรองของข้า…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *