สตรีแกร่งตระกูลไป๋ 448 ไม่เปลี่ยนแปลง

Now you are reading สตรีแกร่งตระกูลไป๋ Chapter 448 ไม่เปลี่ยนแปลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 448 ไม่เปลี่ยนแปลง

สิ่งเหล่านี้สำคัญต่อนางมากกว่าความรักระหว่างบุรุษและสตรี

ทว่า หากวันหนึ่งใต้หล้าสงบสุขลงแล้วล่ะ

เมื่อก่อนไป๋ชิงเหยียนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้

ได้ยินเสียงฝีเท้าของเยว่สือซึ่งเก็บของเสร็จแล้ววิ่งตรงมาทางนี้ ไป๋ชิงเหยียนผลักเซียวหรงเหยี่ยนออก กระแอมไอออกมาเล็กน้อยพลางจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อย สายตาของหญิงสาวเหลือบมองไปยังรอยยับตรงเสื้อบริเวณหน้าอกของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างอดไม่ได้ จากนั้นทำความเคารพชายหนุ่มด้วยท่าทีปกติ

“เดินทางกลับดีๆ นะเจ้าคะเซียวเซียนเซิง”

เมื่อเซียวหรงเหยี่ยนเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนจะเดินจากไป เขาจึงก้าวเข้าไปรั้งข้อมือของหญิงสาวแล้วกระชากไปยังหลังกำแพง ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างค้ำยันกำแพงมือของวัดชิงอัน ก้มหน้าต่ำ เอ่ยถามไป๋ชิงเหยียน

“พนันหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนเตรียมเอ่ยปาก ทว่า ได้ยินเสียงของไป๋จิ่นจื้อดังขึ้นเสียก่อน

“เอ๋ เหตุใดไม่เห็นพี่หญิงใหญ่ นางบอกว่าจะมาพบเซียวเซียนเซิงมิใช่หรือ นี่ คนที่วิ่งอยู่ตรงนั้นคือเยว่สือใช่หรือไม่ เซียวเซียนเซิงของเจ้ากับพี่หญิงใหญ่ของข้าเล่า!”

ไป๋ชิงเหยียนรีบมุดกายออกมาจากวงแขนของเซียวหรงเหยี่ยนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเดินออกมาจากมุมของกำแพงโดยถือแส้ยาวไว้ในมือ

“เสี่ยวซื่อ!” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยเรียก

ไป๋จิ่นจื้อได้ยินเสียงก็วิ่งไปมาหาไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว เด็กสาวเอามือกอดแขนไป๋ชิงเหยียน

“พี่หญิงใหญ่ เจี่ยงหมัวมัวทำขนมมันดอกกุ้ยฮวาเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่าให้เจี่ยงหมัวมัวมาตามพี่หญิงใหญ่ แต่ข้ากลัวว่าเจี่ยงหมัวมัวจะเห็นพี่หญิงใหญ่อยู่กับเซียวเซียนเซิงจึงบอกไปว่าพี่หญิงใหญ่อยู่ที่ศาลาด้านหลัง แล้วรีบมาเตือนพี่หญิงใหญ่ที่นี่เจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่อย่าเผลอหลุดเด็ดขาดนะเจ้าคะ”

ถูกขัดจังหวะถึงสองครั้ง เซียวหรงเหยี่ยนรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าใด ทว่า เขาก็จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยจากนั้นเดินออกมา

“คุณหนูสี่…”

“เซียวเซียนเซิง!” ไป๋จิ่นจื้อหันกลับไปทำความเคารพยิ้มๆ

“นี่คือของที่เซียวเซินเซิงนำมาฝากเจ้าจากต้าเว่ย ยังไม่รีบขอบคุณเซียวเซียนเซิงอีก” ไป๋ชิงเหยียนยื่นแส้ยาวสีแดงในมือส่งให้ไป๋จิ่นจื้อ

ตรงด้ามของแส้มีอัญมณีเม็ดหนึ่งฝังอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ตรงตำแหน่งมือจับพอดี ไป๋จิ่นจื้อเห็นแล้วรู้สึกชอบมาก รับมาลองตวัดเล่น เสียงแส้กระทบดังกลางอากาศแสดงให้เห็นว่าแส้เส้นนี้คุณภาพดีมาก!

ใบหน้าของไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รีบย่อกายขอบคุณ

“ขอบพระคุณที่เซียวเซียนเซิงนึกถึงเสี่ยวซื่อเจ้าค่ะ!”

“เป็นเรื่องสมควรขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้ได้ใจ ทำความเคารพกลับด้วยท่าทีสุขุมเช่นเดียว จากนั้นหันไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

“ข้าจะถือว่าคุณหนูใหญ่รับพนันข้าแล้วนะขอรับ!”

“เหยียนไม่ใช่นักพนันที่ดีสักเท่าใดนัก” ไป๋ชิงเหยียนกำหมัดแน่น ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“มิเป็นอันใดขอรับ ข้าก็ไม่ใช่เช่นเดียวกัน ถือว่ามาลองไปด้วยกันนะขอรับ” เซียวหรงเหยี่ยนกล่าวจบก็ทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อ จากนั้นพาองครักษ์เดินจากไป

ไป๋จิ่นจื้อเดินคล้องแขนไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในวัดชิงอันพลางเอ่ยถามอย่างสงสัย

“พี่หญิงใหญ่พนันสิ่งใดกับเซียวเซียนเซิงหรือเจ้าคะ”

“พนันว่าสุดท้ายแล้วใต้หล้าจะตกเป็นของผู้ใด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“ทว่า พี่ไม่คิดจะพนันกับเซียวเซียนเซิง”

สายตาของไป๋จิ่นจื้อเหลือบไปเห็นปิ่นหยกบนศีรษะของไป๋ชิงเหยียน จึงเงยหน้าขึ้นมอง

“พี่หญิงใหญ่มีปิ่นผมเพิ่มมาหนึ่งอัน เซียวเซียนเซิงมอบให้แน่เลยใช่หรือไม่เจ้าคะ!”

ไป๋จิ่นจื้อส่งสายตาหยอกล้อไปยังไป๋ชิงเหยียน

เมื่อครู่เซียวหรงเหยี่ยนเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน ไป๋ชิงเหยียนจึงลืมคืนปิ่นปักผมให้ชายหนุ่ม หญิงสาวเอื้อมไปหยิบปิ่นปักผมมาซ่อนไว้ในแขนเสื้อ “เป็นของแทนคำขอบคุณเท่านั้น”

ไป๋จิ่นจื้อยิ้มอย่างมีเลศนัย “อ้อ…ของแทนคำขอบคุณหรือเจ้าคะ”

ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อเดินไปถึงเรือนขององค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ตื่นนอนแล้ว ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นเซ่อนั่งทานขนมมันดอกกุ้ยฮวาเป็นเพื่อนองค์หญิงใหญ่กลางลานหญ้า

“เจี่ยงหมัวมัวรักพี่หญิงใหญ่มากกว่าคนอื่นนี่เจ้าคะ พี่หญิงใหญ่ไม่ชอบทานรสหวาน เจี่ยงหมัวมัวจึงทำรสจืดเช่นนี้!” ไป๋จิ่นเซ่อหัวเราะออกมา

“เดี๋ยวพี่หญิงสี่ต้องบ่นแน่เจ้าค่ะ”

“ผู้ใดว่าข้าจะบ่น ขอเพียงพี่หญิงใหญ่ชอบ รสชาติใดข้าก็ทานได้ทั้งสิ้น!” วันนี้ไป๋จิ่นจื้อได้แส้เล่มใหม่จึงอารมณ์ดีกว่าปกติ นางเอาแส้ไปเก็บไว้ในรถม้าแล้วจะได้ไม่ถูกท่านย่าซักถามโน่นนี่

องค์หญิงใหญ่วางตะเกียบเงินในมือลง กวักมือเรียกไป๋ชิงเหยียน “อาเป่า มาลองชิมดู”

เจี่ยงหมัวมัวยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง

“ยังมีอีกนะเจ้าคะ จานนี้เป็นของคุณหนูใหญ่คนเดียวเลยเจ้าค่ะ รสชาติไม่หวานมาก ที่กำลังต้มอยู่จะหวานกว่านี้เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนล้างมือ ใช้ตะเกียบคีบขนมขึ้นมาทานหนึ่งชิ้น รสชาติอ่อนนุ่มละมุนเหมือนกับเมื่อก่อนที่เจี่ยงหมัวมัวเคยทำไม่มีผิดเพี้ยน

“เจี่ยงหมัวมัวยังฝีมือดีเหมือนเดิมนะเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

“เดี๋ยวบ่าวเขียนวิธีทำขนมที่คุณหนูใหญ่ชอบให้ถงหมัวมัวเจ้าค่ะ หากคุณหนูใหญ่อยากทานก็ให้ถงหมัวมัวทำให้ทานนะเจ้าคะ” เจี่ยงหมัวมัวเห็นไป๋ชิงเหยียนคีบทานอีกชิ้นก็ยิ้มไม่หุบ

เมื่อรับประทานอาหารกับองค์หญิงใหญ่เสร็จ ไป๋จิ่นเซ่อออกมาส่งไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋จิ่นจื้อที่หน้าวัดชิงอัน

ไป๋จิ่นซิ่วถอนหายใจ “ที่นี่เงียบเหงาเกินไป มีเพียงเจี่ยงหมัวมัว ท่านอาหลูและเสี่ยวชีคอยดูแลท่านย่าเท่านั้น”

“หากมีคนมากเกินไปจะปิดบังเรื่องของพี่หญิงสามไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านย่าทำเพื่อส่วนรวมเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อกล่าวยิ้มๆ “พี่หญิงรองไม่ต้องเป็นห่วงจ้าค่ะ เสี่ยวชีจะดูแลท่านย่าให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า จากนั้นเดินขึ้นไปบนรถม้า

รู้ว่าพี่หญิงใหญ่จะเดินทางกลับซั่วหยางในวันพรุ่งนี้ ไป๋จิ่นเซ่อรู้สึกอาวรณ์เล็กน้อย กล่าวกับไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

“พี่หญิงใหญ่ฝากถามสารทุกข์สุกดิบของท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ ฝากบอกท่านแม่ว่าข้าสบายดี ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”

“หากท่านย่าต้องการฝากบอกสิ่งใดกับพี่ เจ้าจงไปหาพี่หญิงรอง พี่หญิงรองของเจ้าจะส่งคนนำจดหมายไปให้พี่เอง หากเจอปัญหาไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนพี่หญิงรองแล้วคิดแก้ปัญหาคนเดียว จงไปหาพี่หญิงรองเข้าใจหรือไม่”

ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังน้องสาวที่โตเกินวัยพลางกำชับเสียงอ่อนโยน

“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ เสี่ยวชีเข้าใจดีเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นเซ่อก้าวถอยหลังไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

เมื่อเดินทางไปถึงเมืองหลวง ไฟตามถนนของเมืองหลวงเริ่มสว่างขึ้นทุกดวง

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านรถม้าออก มองดูไฟที่สว่างราวกับเป็นช่วงเวลากลางวัน เด็กเล็กโตยืนรายล้อมชายปั้นน้ำตาล เด็กรับใช้ของโรงสุรายืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าประตูร้านท่ามกลางแสงของโคมไฟอย่างคล่องแคล่ว

ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ขี่ม้ามุ่งตรงไปยังเรือสำหรับล่องชมบรรยากาศแม่น้ำ คุณชายจ้าสำราญนั่งดื่มสุราส่งเสียงเฮฮาอยู่บนห้องรับรองหรูของโรงเหล้าชั้นดี ปากพร่ำกล่าวถึงสงครามกับต้าเหลียง กล่าวว่ากองทัพต้าจิ้นองอาจเพียงใด ทำให้น้ำท่วมเมืองหลงหยางได้อย่างไร บีบให้แม่ทัพใหญ่สวินเทียนจางของต้าเหลียงกระอักเลือดตายได้อย่างไร

แม้คุณชายเจ้าสำราญในเมืองหลวงจะขาดกลุ่มของหลู่หยวนเผิงไป ทว่า ไม่ได้ทำให้คึกคักน้อยลงกว่าเดิมเลยสักนิด

คงเป็นเพราะเมืองหลวงไม่ขาดแคลนความหรูหรา ไม่ขาดแคลนคุณชายเจ้าสำราญ กลุ่มของหลู่หยวนเผิงจากไปก็มีกลุ่มอื่นเข้ามาแทนที่ เมืองหลวงที่กว้างใหญ่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเพราะการจากไปหรือมีอยู่ของผู้ใด

มีเพียงฮูหยินสองหลิวซื่อซึ่งยังอาศัยอยู่ที่จวนเจิ้นกั๋วจวิ้นจู่ เมื่อได้ยินว่าไป๋ชิงเหยียนและไป๋จิ่นจื้อกลับมาจากเป่ยเจียงอย่างปลอดภัยก็ออกมายืนรอต้อนรับอยู่หน้าจวนด้วยความร้อนใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *