เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว

เวลานี้เฉียวอันผิงหัวเราะขึ้นเสียงดังดึงความสนใจของทุกคนมาที่ตัวเองเพื่อปกป้องหลานสาว เขาเอ่ยถาม “ท่านนิสัยตรงไปตรงมาเหมือนผู้น้อยเฉียว แม้ว่าการประเมินนี้จะดูไม่สุภาพไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการมองอย่างตรงไปตรงมาและแม่นยำจริงๆ ท่านคิดเห็นว่าความแข็งแกร่งของผู้น้อยเฉียวอยู่ที่ระดับไหน”

อัศวิน A “ผู้อำนวยการเฉียวมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดและกำลังกายแข็งแกร่ง จัดเป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ส่วนรายละเอียดความลึก ข้าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยให้ทุกท่านทราบ ถ้าข้าประมือกับท่าน เกรงว่าคงต้องต่อสู้หลายวัน ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะทราบผลแพ้ชนะ”

ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด ราวกับทำความรู้จักเฉียวอันผิงใหม่อีกครั้ง แม้ว่าทุกคนจะทราบว่าผู้อำนวยการเฉียวแข็งแกร่งมาก แต่ไหนแต่ไรความสำเร็จในการต่อสู้ถูกเก็บเป็นความลับมาตลอด กอปรกับอีกฝ่ายก็ไม่เคยแสดงฝีมือต่อหน้าผู้อื่นและไม่มีความเข้าใจโดยสัญชาตญาณ

ตอนนี้มีอัศวิน A ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังพูดเอง ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขาสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย

บัดนี้มีคนกระซิบกัน “เล่ากันว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนที่ผู้อำนวยการเฉียวยังคงเป็นหัวหน้าทีมเฉียว ก็เคยไปเข้าร่วมการแข่งขันอันดับมืด ได้ตำแหน่งโหวแล้วยังได้รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ด้วย น่าเสียดายเพราะละเมิดกฎระเบียบจึงถูกริบคืนทั้งหมด ได้ยินมาว่าผู้อำนวยการเฉียวโกรธจนไม่กินอะไรอยู่หลายวัน”

ใบหน้าเฉียวอันผิงมีความสุขมากในตอนแรก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของคนที่อยู่ข้างหลัง ใบหน้าก็แดงทันที “ทุกคนเงียบหน่อย ตั้งใจฟังความคิดเห็นของท่านอัศวิน ปกติแล้วแต่ละคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เข้าใจว่าตัวเองก้าวหน้ารวดเร็ว ช่องว่างระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับสระน้ำกับระดับถังน้ำและระดับช้อนส้อมแบบพวกเธอมากขนาดไหน ตัวเองน่าจะรู้แก่ใจ หากอยากจะทะลวงไปให้ถึงระดับสระน้ำก็ไม่ใช่แค่สั่งสมอย่างเดียวจะทำได้…”

ทันทีที่เขาพูดจบก็พบว่าหลานสาวผู้เป็นที่รักก็หน้าแดง ถึงได้เข้าใจว่าคำพูดนี้แรงเกินไป…

อัศวิน A ยังคงแสดงความคิดเห็นและประเมินระดับอ่างน้ำและระดับถังน้ำอีกหลายคนแต่ระดับช้อนส้อมกลับไม่ปรากฏอีก เพราะฉะนั้นเซี่ยตงเป็นคนอ่อนแอที่สุด

ผู้อาวุโสไห่และผู้อาวุโสสวี่มองหน้ากันพลางส่ายหัวจนใจ เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น ก็ไม่มีจิตใจกระหายในชัยชนะมากนัก ย่อมไม่อยากให้อัศวิน A ประเมิน ถึงยังไงระดับบ่อน้ำอะไรนี่ก็ฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่า

ทว่าเปรียบเทียบแล้วผลที่ได้นั้นชัดเจนมาก ทุกคนพอได้ฟังก็ทราบว่าเมื่อเทียบกับการประเมินระดับ ABCD แล้ว เฉียวอันผิงที่ได้ระดับบ่อน้ำนั้นเหนือกว่าคนระดับอ่างน้ำและระดับถังน้ำมาก ต้องใช้น้ำใส่อ่างน้ำสักเท่าไรถึงจะเติมเต็มบ่อน้ำบ่อหนึ่งได้

ขณะที่ผู้เล่นระดับช้อนส้อมอย่างเซี่ยตง เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายเป็นเพียงโศกนาฏกรรมจริงๆ…

ก่อนหน้านี้หลายคนรู้แค่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับ A ทรงพลังอย่างยิ่งและหายากมาก ในบรรดาประเทศที่มีประชากรจำนวนมากยังมีเพียงไม่กี่คน ขณะที่เสินโจวมีถึงสิบกว่าคน ซึ่งครองอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว ในจำนวนนี้ยังมีหลายคนเป็นผู้จุติ

ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว เป็นอย่างที่ผู้อำนวยการเฉียวพูดจริงๆ ง่ายๆ แค่อาศัยเวลาสะสมพลังเท่านั้นก็ไปถึงระดับบ่อน้ำได้เหรอ

หากไม่มีการพัฒนาและความเข้าใจใดๆ และไม่มีทักษะร่วมด้วย พึ่งพาแค่ปราณกำเนิดที่สั่งสมมาเรื่อยๆ จะต้องไม่สำเร็จแน่

ผู้อาวุโสไห่เอ่ยขึ้น “มีทั้งสามท่านก่อนหน้า พวกเราพอจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว เมื่อดูจากการประเมินพลังของท่าน งูจงอางตัวนั้นอยู่ระดับใด”

อัศวิน A “มันใกล้จะถึงจุดสูงสุดของระดับสระน้ำแล้ว ถ้ามันก้าวไปอีกขั้น มันจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานระดับทะเลสาบที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลกทุกวันนี้”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าทุกคนต่างก็ตกตะลึง ทะเลสาบที่อัศวิน A พูดถึงน่าจะหมายถึงทะเลสาบที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ทะเลสาบต้งถิง ทะเลสาบผอหยางและทะเลสาบเวยซาน แค่นึกถึงในหัวแวบเดียว ก็รู้แล้วว่าระหว่างบ่อน้ำกับทะเลสาบนั้นต่างกันลิบลับแค่ไหน

ต้องใช้บ่อน้ำกี่บ่อถึงจะเติมทะเลสาบทั่วไปให้เต็มได้

เฉียวอันผิงรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละระดับได้ชัดเจนที่สุด เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ “ถ้ามันก้าวหน้าได้จริงๆ ถึงตอนนั้นมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเราสองคนพร้อมกับผู้อำนวยการสวี่และผู้อาวุโสไห่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำทั้งสี่คนเกรงว่ารวมกันแล้วคงจะเติมมุมหนึ่งของมันยังไม่เต็ม”

เฉียวอันผิงใช้มาตรฐานการประเมินของอัศวิน A ผู้อาวุโสไห่และผู้อาวุโสสวี่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A เหมือนกัน เพียงแต่สองคนนี้สูงวัยมากแล้ว ไม่เหมือนกับเขาที่อยู่แนวหน้าการต่อสู้บ่อยครั้ง

อย่างที่เขาพูด แม้ว่าชื่อจะฟังแล้วไม่ไพเราะ แต่มองเห็นภาพได้ชัดเจนทันทีมากกว่าเมื่อเทียบกับระดับ ABCD ที่สำนักงานสัจธรรมของพวกเขาใช้

ผู้แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมหนึ่งมีอำนาจกำหนดมาตรฐานของอุตสาหกรรมนั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมมนุษย์ส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเรื่องที่พ่อแม่ตั้งชื่อให้ลูก…

อัศวิน A พยักหน้า “ข้าถึงได้รีบเร่งมาที่นี่เพื่อปรึกษากับพวกท่าน เราต้องรวบรวมกำลังคนเพื่อฆ่าอสรพิษตนนี้ให้ได้เสียก่อนที่จะไม่มีใครจัดการมันได้ในอนาคต จะได้ไม่ก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ที่ลุกลามไปถึงชาวบ้าน”

ฟางหนิงฟังแล้วสงสัยเพราะเขาไม่เคยสอนระบบพูดแบบนี้มาก่อน เขาจึงพูดแทรก “ระบบ แกคิดได้อย่างนี้ทำให้ฉันประทับใจจริงๆ ฉันนึกว่าแกจับตาดูมันเพื่อเก็บค่าประสบการณ์เท่านั้นเสียอีก”

ระบบ “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เก็บค่าประสบการณ์”

ฟางหนิง “เอิ่ม แกเป็นระบบอัศวินหรือว่าเป็นระบบคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้านและความมั่นคงของสังคมกันแน่”

ระบบ “ฉันจับตาดูมันไม่ใช่แค่อยากได้ค่าประสบการณ์ แต่ยังอยากได้อุปกรณ์วัสดุระดับชื่อเสียงด้วย หลังจากจัดการมันแล้ว เอาหัวเป็นประกันว่าได้อุปกรณ์ระดับอัศจรรย์…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ถือว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรละกัน…แต่ฆ่ามันแล้วช่วยให้เกิดความมั่นคงและสงบเรียบร้อยแน่นอน อย่างน้อยก็จะไม่มีความวุ่นวายในดินแดนมรดกอีกต่อไป ขณะที่สำนักงานสัจธรรมสามารถฝึกอบรมคนต่อไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายนอกได้ต่อเนื่อง”

ในแง่ของการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โอตาคุตัวพ่ออย่างฟางหนิงกับสำนักงานสัจธรรมมีความต้องการเหมือนกันทุกประการ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสัจธรรมหรอก

บัดนี้ทุกคนได้สติหลังจากตกใจแล้ว ระดับทะเลสาบนี้น่าฟังกว่าระดับบ่อน้ำและระดับถังน้ำร้อยเท่า ดูเหมือนว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับชื่อที่ดีกว่าได้

ผู้อาวุโสไห่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “อย่างที่ท่านเทพพูด ตอนนี้อสรพิษแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ถ้ามันก้าวหน้าไปกว่านี้จะไม่มีใครควบคุมมันได้และอันตรายเกินไป ตามที่ท่านพูด พวกเราจะรวบรวมกำลังทั้งหมดเป็นฝ่ายสังหารอสรพิษในดินแดนมรดกก่อน ต่อให้ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกทำลายก็ไม่เสียดาย”

เวลานี้ผู้อาวุโสไห่ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของทหาร กล้าที่จะเด็ดเดี่ยวในเวลาวิกฤติ เขาตระหนักดีถึงภัยอันตรายจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ตอนนี้อสรพิษอยู่ในดินแดนมรดกแล้ว ถ้ามันหลุดออกไปข้างนอกแล้วทำเรื่องวุ่นวายจะทำอย่างไร พลังของคนคนเดียวไม่อาจเอาชนะมันได้

ขณะนี้งูจงอางกำลังบัญชาการสัตว์ปีศาจโจมตีฐานผลิตภัณฑ์ยาที่อยู่ห่างไกล พวกเขามีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมพร้อมฆ่าอสรพิษตนนี้ในทันที

หลังจากที่ฟางหนิงได้ยินการตัดสินใจเด็ดขาดของอีกฝ่ายก็พอใจมาก ไม่ต้องพูดถึงการประเมินความแข็งแกร่งของระบบ แม้ว่าจะไม่น่าฟังไปสักหน่อยแต่กลับได้ผลดีมากทีเดียว

หลังจากการประเมินแล้ว เหล่าผู้อาวุโสพลันตระหนักถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของงูจงอางตัวนั้น รีบตัดสินใจที่จะมุ่งความสนใจไปที่การสังหารอสรพิษตนนั้นในทันที

ไม่อย่างนั้นถ้าพูดว่างูจงอางตัวนั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A เพียงแต่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับ S พวกเขาคงจะไม่ตกใจขนาดนั้น

ระดับ S กับระดับ A ต่างกันมากแค่ไหน เกรงว่าพวกเขายังคงคิดว่าระดับ A เจ็ดแปดคนก็ต่อสู้ได้…

ฟางหนิงพูดกับระบบ “ร่วมมือระหว่างกันต่อต้านศัตรู รวมอำนาจกลุ่มใหญ่ต่อกรสำเร็จลุล่วงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการโจมตีจุดอ่อนศัตรู หลอกล่อศัตรูมาพิชิต…”

ระบบกล่าว “พูดภาษามนุษย์กับฉันสิ…”

ฟางหนิง “แกไม่จำเป็นต้องเข้าใจภาษามนุษย์หรอก ฉันพูดยังไงแกทำอย่างนั้นก็พอ…”

หลังจากนั้นฟางหนิงก็บอกระบบเรื่องที่ต้องทำต่อไป

ระบบฟังไม่เข้าใจและไม่สามารถด้นสดเองได้ ได้แต่ใช้สถานะอัศวิน A ถ่ายทอดทุกคำพูดของโฮสต์อย่างตรงไปตรงมา ผู้อาวุโสไห่พยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุด

เวลานี้ภายในศูนย์บัญชาการ เจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูงส่วนใหญ่ที่สำนักงานสัจธรรมส่งไปประจำดินแดนมรดกต่างมารวมตัวกัน แต่ทุกคนกลับนิ่งเงียบ มีเพียงเสียงทุ้มต่ำและน่าเกรงขามของอัศวิน A เท่านั้นที่ก้องกังวาน

ทุกคนฟังกลยุทธ์ของเขาแล้วต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด อัศวิน A ผู้นี้ไม่เพียงแต่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นแต่ยังมีสติปัญญาล้ำลึกอีกด้วย ไม่ด้อยไปกว่านักปราชญ์คนใดในโลก เรียกได้ว่า ‘มีปัญญาและกล้าหาญ’ อย่างแน่นอน

หลังจากผู้อาวุโสไห่ฟังจบก็รีบออกคำสั่งและเรียกระดมพลทันที

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ หุบเขาแห่งหนึ่งในดินแดนมรดก

ที่นี่มีป่าไม้สูงใหญ่หนาทึบล้อมรอบ แต่กลางหุบเขากลับไม่เห็นต้นไม้สูงสักต้นเดียว มีเพียงวัชพืชเติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่กระจัดกระจาย แตกต่างกับป่าไม้เขียวขจีที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเห็นได้ชัด

บัดนี้กลุ่มคนของสำนักงานสัจธรรมกำลังซ่อนตัวในป่าใกล้ๆ มองลงไปที่หุบเขาเบื้องล่าง

อัศวิน A อยู่กับผู้อาวุโสทั้งสามและกำลังหยิบผ้าสีเหลืองผืนหนึ่งออกมาให้ทั้งสามดู

ผู้อาวุโสไห่อ่านผ้าสีเหลืองแล้วก็ส่งต่อให้อีกสองคน ขณะที่ตัวเองสังเกตหุบเขานั่นโดยละเอียด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้า “ไม่ผิดจริงๆ หุบเขานั้นรกร้างว่างเปล่า ซึ่งก็คือร่องรอยทางเข้ามิติ มิตินั่นผันผวนสูง มันยากที่พืชธรรมดาๆ จะเติบโตที่นั่นได้”

ดูเหมือนเขาจะเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง พักหนึ่งก็พูดกับอัศวิน A “ท่านเทพ คนที่เฝ้าสำนักงานใหญ่ได้ส่งข่าวมาบอกว่ากลุ่มของสัตว์ปีศาจนั่นเปลี่ยนทิศทางจริงๆ พวกมันกำลังบ่ายหน้ามาทางหุบเขานี้ ทุกอย่างเป็นดังที่ท่านคาดการณ์ไว้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉียวอันผิงก็เอ่ยชื่นชม “ท่านอัศวินมีปัญญาและกล้าหาญจริงๆ ไม่เหมือนกับฉันคนหยาบ ไม่มีทางคิดกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้”

ผู้อำนวยการสวี่ที่อยู่ข้างๆ เพียงแต่พยักหน้าพลางยิ้มบาง แต่ไม่ปริปากพูดอะไร

ตั้งแต่อัศวิน A ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ อันที่จริงเขากำลังครุ่นคิดประเด็นสำคัญ

ด้วยไหวพริบและศิลปะการต่อสู้ของอัศวิน A เขาเป็นวีรบุรุษได้สบาย แต่โชคดีที่เขาเอาแต่คิดเรื่อง ‘ฝึกฝนและกำจัดคนชั่ว’ ถึงได้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญให้กับฝ่ายเรา

ทว่าเสือซ่อนเล็บในหมู่ประชาชน อีกทั้งผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่ระบบ พวกเขามีความคิดเห็นต่างกับอัศวิน A การสำรวจทั่วไปตอนวันปีใหม่ได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้ว

อาศัยแค่ประกาศ ‘มาตรการชั่วคราวสำหรับการจัดการผู้วิเศษ’ และวิธีการบ้าๆ จะต้องไม่เพียงพอแน่นอน

ในเมื่อผู้จุติมาถึง อีกทั้งเมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ความแข็งแกร่งของผู้จุติก็ค่อยๆ ฟื้นตัวและแข็งแกร่งขึ้น ประเด็นสำคัญคือพวกเขาส่วนใหญ่มีระบบการฝึกฝนเป็นของตัวเอง จึงสามารถฝึกฝนได้เองอย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาความรู้การฝึกฝนจากสำนักงานสัจธรรม พวกเขาสั่งสอนศิษย์ได้โดยอิสระและตั้งสำนักของตนเอง ถ้าวันใดอัศวิน A เปลี่ยนความคิดอยากจะเปิดสำนักของตนเองขึ้นมาบ้าง แค่พริบตาเดียวก็ตั้งสำนักบู๊ลิ้มใหญ่ได้ หรือว่าสำนักงานสัจธรรมต้องล้อมปราบ เช่นนั้นประชาชนจะต้องไม่เห็นด้วยแน่

หรือเราควรให้เวทีพวกเขาแสดงความสามารถเป็นประจำ ไม่เพียงแต่บริหารจัดการผู้แข็งแกร่งได้สะดวก ยังเห็นความก้าวหน้าการฝึกฝนของพวกเขาได้ตลอด กุญแจสำคัญคือการให้สำนักงานสัจธรรมซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรงกับพวกเขา

ถ้าเป็นอย่างนี้ การแข่งขันอันดับมืดที่อัศวิน A เพิ่งพูดถึงมีประโยชน์มาก เขาเคยศึกษาอย่างละเอียดมานานแล้ว สามารถปรับเปลี่ยนมาทำในประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นของตะวันออกหรือตะวันตก ขอแค่มีประโยชน์ก็ควรนำมาใช้ประโยชน์

ผู้อำนวยการสวี่คิดได้อย่างนี้ก็แอบตัดสินใจ เรื่องนี้จะต้องรีบทำให้เสร็จ

ในอดีตสำนักงานสัจธรรมคลำก้อนหินข้ามแม่น้ำทำอะไรทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง ได้แต่ใช้วิธีที่มั่นใจที่สุดก่อน ด้วยประสบการณ์ฝึกฝนผู้แข่งขันกีฬาหลายสิบปี มุ่งเน้นการจัดการฝึกอบรมผู้วิเศษที่เป็นหัวกะทิแบบบูรณาการ

ตอนนี้คนอื่นเปิดทางไว้แล้ว การแข่งขันอันดับมืดจัดขึ้นมานานกว่าสิบปีแล้ว ผลตอบรับดีมาก ตอนนี้สามารถลอกเลียนแบบมาใช้ได้โดยตรงทั้งหมด ดึงเอาพลังของผู้วิเศษที่กระจัดกระจายในหมู่ประชาชนออกมาได้เต็มที่ ถ้าเป็นอย่างนี้ ชั้นเรียนฝึกอบรมเศรษฐีที่สถาบันฝึกอบรมพิเศษกำลังจัดก็จะมีประโยชน์มากขึ้นเช่นกัน

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว

เวลานี้เฉียวอันผิงหัวเราะขึ้นเสียงดังดึงความสนใจของทุกคนมาที่ตัวเองเพื่อปกป้องหลานสาว เขาเอ่ยถาม “ท่านนิสัยตรงไปตรงมาเหมือนผู้น้อยเฉียว แม้ว่าการประเมินนี้จะดูไม่สุภาพไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการมองอย่างตรงไปตรงมาและแม่นยำจริงๆ ท่านคิดเห็นว่าความแข็งแกร่งของผู้น้อยเฉียวอยู่ที่ระดับไหน”

อัศวิน A “ผู้อำนวยการเฉียวมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดและกำลังกายแข็งแกร่ง จัดเป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ส่วนรายละเอียดความลึก ข้าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยให้ทุกท่านทราบ ถ้าข้าประมือกับท่าน เกรงว่าคงต้องต่อสู้หลายวัน ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะทราบผลแพ้ชนะ”

ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด ราวกับทำความรู้จักเฉียวอันผิงใหม่อีกครั้ง แม้ว่าทุกคนจะทราบว่าผู้อำนวยการเฉียวแข็งแกร่งมาก แต่ไหนแต่ไรความสำเร็จในการต่อสู้ถูกเก็บเป็นความลับมาตลอด กอปรกับอีกฝ่ายก็ไม่เคยแสดงฝีมือต่อหน้าผู้อื่นและไม่มีความเข้าใจโดยสัญชาตญาณ

ตอนนี้มีอัศวิน A ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังพูดเอง ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขาสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย

บัดนี้มีคนกระซิบกัน “เล่ากันว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนที่ผู้อำนวยการเฉียวยังคงเป็นหัวหน้าทีมเฉียว ก็เคยไปเข้าร่วมการแข่งขันอันดับมืด ได้ตำแหน่งโหวแล้วยังได้รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ด้วย น่าเสียดายเพราะละเมิดกฎระเบียบจึงถูกริบคืนทั้งหมด ได้ยินมาว่าผู้อำนวยการเฉียวโกรธจนไม่กินอะไรอยู่หลายวัน”

ใบหน้าเฉียวอันผิงมีความสุขมากในตอนแรก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของคนที่อยู่ข้างหลัง ใบหน้าก็แดงทันที “ทุกคนเงียบหน่อย ตั้งใจฟังความคิดเห็นของท่านอัศวิน ปกติแล้วแต่ละคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เข้าใจว่าตัวเองก้าวหน้ารวดเร็ว ช่องว่างระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับสระน้ำกับระดับถังน้ำและระดับช้อนส้อมแบบพวกเธอมากขนาดไหน ตัวเองน่าจะรู้แก่ใจ หากอยากจะทะลวงไปให้ถึงระดับสระน้ำก็ไม่ใช่แค่สั่งสมอย่างเดียวจะทำได้…”

ทันทีที่เขาพูดจบก็พบว่าหลานสาวผู้เป็นที่รักก็หน้าแดง ถึงได้เข้าใจว่าคำพูดนี้แรงเกินไป…

อัศวิน A ยังคงแสดงความคิดเห็นและประเมินระดับอ่างน้ำและระดับถังน้ำอีกหลายคนแต่ระดับช้อนส้อมกลับไม่ปรากฏอีก เพราะฉะนั้นเซี่ยตงเป็นคนอ่อนแอที่สุด

ผู้อาวุโสไห่และผู้อาวุโสสวี่มองหน้ากันพลางส่ายหัวจนใจ เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น ก็ไม่มีจิตใจกระหายในชัยชนะมากนัก ย่อมไม่อยากให้อัศวิน A ประเมิน ถึงยังไงระดับบ่อน้ำอะไรนี่ก็ฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่า

ทว่าเปรียบเทียบแล้วผลที่ได้นั้นชัดเจนมาก ทุกคนพอได้ฟังก็ทราบว่าเมื่อเทียบกับการประเมินระดับ ABCD แล้ว เฉียวอันผิงที่ได้ระดับบ่อน้ำนั้นเหนือกว่าคนระดับอ่างน้ำและระดับถังน้ำมาก ต้องใช้น้ำใส่อ่างน้ำสักเท่าไรถึงจะเติมเต็มบ่อน้ำบ่อหนึ่งได้

ขณะที่ผู้เล่นระดับช้อนส้อมอย่างเซี่ยตง เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายเป็นเพียงโศกนาฏกรรมจริงๆ…

ก่อนหน้านี้หลายคนรู้แค่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับ A ทรงพลังอย่างยิ่งและหายากมาก ในบรรดาประเทศที่มีประชากรจำนวนมากยังมีเพียงไม่กี่คน ขณะที่เสินโจวมีถึงสิบกว่าคน ซึ่งครองอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว ในจำนวนนี้ยังมีหลายคนเป็นผู้จุติ

ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว เป็นอย่างที่ผู้อำนวยการเฉียวพูดจริงๆ ง่ายๆ แค่อาศัยเวลาสะสมพลังเท่านั้นก็ไปถึงระดับบ่อน้ำได้เหรอ

หากไม่มีการพัฒนาและความเข้าใจใดๆ และไม่มีทักษะร่วมด้วย พึ่งพาแค่ปราณกำเนิดที่สั่งสมมาเรื่อยๆ จะต้องไม่สำเร็จแน่

ผู้อาวุโสไห่เอ่ยขึ้น “มีทั้งสามท่านก่อนหน้า พวกเราพอจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว เมื่อดูจากการประเมินพลังของท่าน งูจงอางตัวนั้นอยู่ระดับใด”

อัศวิน A “มันใกล้จะถึงจุดสูงสุดของระดับสระน้ำแล้ว ถ้ามันก้าวไปอีกขั้น มันจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานระดับทะเลสาบที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลกทุกวันนี้”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าทุกคนต่างก็ตกตะลึง ทะเลสาบที่อัศวิน A พูดถึงน่าจะหมายถึงทะเลสาบที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ทะเลสาบต้งถิง ทะเลสาบผอหยางและทะเลสาบเวยซาน แค่นึกถึงในหัวแวบเดียว ก็รู้แล้วว่าระหว่างบ่อน้ำกับทะเลสาบนั้นต่างกันลิบลับแค่ไหน

ต้องใช้บ่อน้ำกี่บ่อถึงจะเติมทะเลสาบทั่วไปให้เต็มได้

เฉียวอันผิงรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละระดับได้ชัดเจนที่สุด เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ “ถ้ามันก้าวหน้าได้จริงๆ ถึงตอนนั้นมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเราสองคนพร้อมกับผู้อำนวยการสวี่และผู้อาวุโสไห่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำทั้งสี่คนเกรงว่ารวมกันแล้วคงจะเติมมุมหนึ่งของมันยังไม่เต็ม”

เฉียวอันผิงใช้มาตรฐานการประเมินของอัศวิน A ผู้อาวุโสไห่และผู้อาวุโสสวี่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A เหมือนกัน เพียงแต่สองคนนี้สูงวัยมากแล้ว ไม่เหมือนกับเขาที่อยู่แนวหน้าการต่อสู้บ่อยครั้ง

อย่างที่เขาพูด แม้ว่าชื่อจะฟังแล้วไม่ไพเราะ แต่มองเห็นภาพได้ชัดเจนทันทีมากกว่าเมื่อเทียบกับระดับ ABCD ที่สำนักงานสัจธรรมของพวกเขาใช้

ผู้แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมหนึ่งมีอำนาจกำหนดมาตรฐานของอุตสาหกรรมนั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมมนุษย์ส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเรื่องที่พ่อแม่ตั้งชื่อให้ลูก…

อัศวิน A พยักหน้า “ข้าถึงได้รีบเร่งมาที่นี่เพื่อปรึกษากับพวกท่าน เราต้องรวบรวมกำลังคนเพื่อฆ่าอสรพิษตนนี้ให้ได้เสียก่อนที่จะไม่มีใครจัดการมันได้ในอนาคต จะได้ไม่ก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ที่ลุกลามไปถึงชาวบ้าน”

ฟางหนิงฟังแล้วสงสัยเพราะเขาไม่เคยสอนระบบพูดแบบนี้มาก่อน เขาจึงพูดแทรก “ระบบ แกคิดได้อย่างนี้ทำให้ฉันประทับใจจริงๆ ฉันนึกว่าแกจับตาดูมันเพื่อเก็บค่าประสบการณ์เท่านั้นเสียอีก”

ระบบ “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เก็บค่าประสบการณ์”

ฟางหนิง “เอิ่ม แกเป็นระบบอัศวินหรือว่าเป็นระบบคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้านและความมั่นคงของสังคมกันแน่”

ระบบ “ฉันจับตาดูมันไม่ใช่แค่อยากได้ค่าประสบการณ์ แต่ยังอยากได้อุปกรณ์วัสดุระดับชื่อเสียงด้วย หลังจากจัดการมันแล้ว เอาหัวเป็นประกันว่าได้อุปกรณ์ระดับอัศจรรย์…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ถือว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรละกัน…แต่ฆ่ามันแล้วช่วยให้เกิดความมั่นคงและสงบเรียบร้อยแน่นอน อย่างน้อยก็จะไม่มีความวุ่นวายในดินแดนมรดกอีกต่อไป ขณะที่สำนักงานสัจธรรมสามารถฝึกอบรมคนต่อไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายนอกได้ต่อเนื่อง”

ในแง่ของการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โอตาคุตัวพ่ออย่างฟางหนิงกับสำนักงานสัจธรรมมีความต้องการเหมือนกันทุกประการ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสัจธรรมหรอก

บัดนี้ทุกคนได้สติหลังจากตกใจแล้ว ระดับทะเลสาบนี้น่าฟังกว่าระดับบ่อน้ำและระดับถังน้ำร้อยเท่า ดูเหมือนว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับชื่อที่ดีกว่าได้

ผู้อาวุโสไห่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “อย่างที่ท่านเทพพูด ตอนนี้อสรพิษแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ถ้ามันก้าวหน้าไปกว่านี้จะไม่มีใครควบคุมมันได้และอันตรายเกินไป ตามที่ท่านพูด พวกเราจะรวบรวมกำลังทั้งหมดเป็นฝ่ายสังหารอสรพิษในดินแดนมรดกก่อน ต่อให้ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกทำลายก็ไม่เสียดาย”

เวลานี้ผู้อาวุโสไห่ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของทหาร กล้าที่จะเด็ดเดี่ยวในเวลาวิกฤติ เขาตระหนักดีถึงภัยอันตรายจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ตอนนี้อสรพิษอยู่ในดินแดนมรดกแล้ว ถ้ามันหลุดออกไปข้างนอกแล้วทำเรื่องวุ่นวายจะทำอย่างไร พลังของคนคนเดียวไม่อาจเอาชนะมันได้

ขณะนี้งูจงอางกำลังบัญชาการสัตว์ปีศาจโจมตีฐานผลิตภัณฑ์ยาที่อยู่ห่างไกล พวกเขามีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมพร้อมฆ่าอสรพิษตนนี้ในทันที

หลังจากที่ฟางหนิงได้ยินการตัดสินใจเด็ดขาดของอีกฝ่ายก็พอใจมาก ไม่ต้องพูดถึงการประเมินความแข็งแกร่งของระบบ แม้ว่าจะไม่น่าฟังไปสักหน่อยแต่กลับได้ผลดีมากทีเดียว

หลังจากการประเมินแล้ว เหล่าผู้อาวุโสพลันตระหนักถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของงูจงอางตัวนั้น รีบตัดสินใจที่จะมุ่งความสนใจไปที่การสังหารอสรพิษตนนั้นในทันที

ไม่อย่างนั้นถ้าพูดว่างูจงอางตัวนั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A เพียงแต่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับ S พวกเขาคงจะไม่ตกใจขนาดนั้น

ระดับ S กับระดับ A ต่างกันมากแค่ไหน เกรงว่าพวกเขายังคงคิดว่าระดับ A เจ็ดแปดคนก็ต่อสู้ได้…

ฟางหนิงพูดกับระบบ “ร่วมมือระหว่างกันต่อต้านศัตรู รวมอำนาจกลุ่มใหญ่ต่อกรสำเร็จลุล่วงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการโจมตีจุดอ่อนศัตรู หลอกล่อศัตรูมาพิชิต…”

ระบบกล่าว “พูดภาษามนุษย์กับฉันสิ…”

ฟางหนิง “แกไม่จำเป็นต้องเข้าใจภาษามนุษย์หรอก ฉันพูดยังไงแกทำอย่างนั้นก็พอ…”

หลังจากนั้นฟางหนิงก็บอกระบบเรื่องที่ต้องทำต่อไป

ระบบฟังไม่เข้าใจและไม่สามารถด้นสดเองได้ ได้แต่ใช้สถานะอัศวิน A ถ่ายทอดทุกคำพูดของโฮสต์อย่างตรงไปตรงมา ผู้อาวุโสไห่พยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุด

เวลานี้ภายในศูนย์บัญชาการ เจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูงส่วนใหญ่ที่สำนักงานสัจธรรมส่งไปประจำดินแดนมรดกต่างมารวมตัวกัน แต่ทุกคนกลับนิ่งเงียบ มีเพียงเสียงทุ้มต่ำและน่าเกรงขามของอัศวิน A เท่านั้นที่ก้องกังวาน

ทุกคนฟังกลยุทธ์ของเขาแล้วต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด อัศวิน A ผู้นี้ไม่เพียงแต่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นแต่ยังมีสติปัญญาล้ำลึกอีกด้วย ไม่ด้อยไปกว่านักปราชญ์คนใดในโลก เรียกได้ว่า ‘มีปัญญาและกล้าหาญ’ อย่างแน่นอน

หลังจากผู้อาวุโสไห่ฟังจบก็รีบออกคำสั่งและเรียกระดมพลทันที

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ หุบเขาแห่งหนึ่งในดินแดนมรดก

ที่นี่มีป่าไม้สูงใหญ่หนาทึบล้อมรอบ แต่กลางหุบเขากลับไม่เห็นต้นไม้สูงสักต้นเดียว มีเพียงวัชพืชเติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่กระจัดกระจาย แตกต่างกับป่าไม้เขียวขจีที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเห็นได้ชัด

บัดนี้กลุ่มคนของสำนักงานสัจธรรมกำลังซ่อนตัวในป่าใกล้ๆ มองลงไปที่หุบเขาเบื้องล่าง

อัศวิน A อยู่กับผู้อาวุโสทั้งสามและกำลังหยิบผ้าสีเหลืองผืนหนึ่งออกมาให้ทั้งสามดู

ผู้อาวุโสไห่อ่านผ้าสีเหลืองแล้วก็ส่งต่อให้อีกสองคน ขณะที่ตัวเองสังเกตหุบเขานั่นโดยละเอียด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้า “ไม่ผิดจริงๆ หุบเขานั้นรกร้างว่างเปล่า ซึ่งก็คือร่องรอยทางเข้ามิติ มิตินั่นผันผวนสูง มันยากที่พืชธรรมดาๆ จะเติบโตที่นั่นได้”

ดูเหมือนเขาจะเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง พักหนึ่งก็พูดกับอัศวิน A “ท่านเทพ คนที่เฝ้าสำนักงานใหญ่ได้ส่งข่าวมาบอกว่ากลุ่มของสัตว์ปีศาจนั่นเปลี่ยนทิศทางจริงๆ พวกมันกำลังบ่ายหน้ามาทางหุบเขานี้ ทุกอย่างเป็นดังที่ท่านคาดการณ์ไว้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉียวอันผิงก็เอ่ยชื่นชม “ท่านอัศวินมีปัญญาและกล้าหาญจริงๆ ไม่เหมือนกับฉันคนหยาบ ไม่มีทางคิดกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้”

ผู้อำนวยการสวี่ที่อยู่ข้างๆ เพียงแต่พยักหน้าพลางยิ้มบาง แต่ไม่ปริปากพูดอะไร

ตั้งแต่อัศวิน A ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ อันที่จริงเขากำลังครุ่นคิดประเด็นสำคัญ

ด้วยไหวพริบและศิลปะการต่อสู้ของอัศวิน A เขาเป็นวีรบุรุษได้สบาย แต่โชคดีที่เขาเอาแต่คิดเรื่อง ‘ฝึกฝนและกำจัดคนชั่ว’ ถึงได้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญให้กับฝ่ายเรา

ทว่าเสือซ่อนเล็บในหมู่ประชาชน อีกทั้งผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่ระบบ พวกเขามีความคิดเห็นต่างกับอัศวิน A การสำรวจทั่วไปตอนวันปีใหม่ได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้ว

อาศัยแค่ประกาศ ‘มาตรการชั่วคราวสำหรับการจัดการผู้วิเศษ’ และวิธีการบ้าๆ จะต้องไม่เพียงพอแน่นอน

ในเมื่อผู้จุติมาถึง อีกทั้งเมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ความแข็งแกร่งของผู้จุติก็ค่อยๆ ฟื้นตัวและแข็งแกร่งขึ้น ประเด็นสำคัญคือพวกเขาส่วนใหญ่มีระบบการฝึกฝนเป็นของตัวเอง จึงสามารถฝึกฝนได้เองอย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาความรู้การฝึกฝนจากสำนักงานสัจธรรม พวกเขาสั่งสอนศิษย์ได้โดยอิสระและตั้งสำนักของตนเอง ถ้าวันใดอัศวิน A เปลี่ยนความคิดอยากจะเปิดสำนักของตนเองขึ้นมาบ้าง แค่พริบตาเดียวก็ตั้งสำนักบู๊ลิ้มใหญ่ได้ หรือว่าสำนักงานสัจธรรมต้องล้อมปราบ เช่นนั้นประชาชนจะต้องไม่เห็นด้วยแน่

หรือเราควรให้เวทีพวกเขาแสดงความสามารถเป็นประจำ ไม่เพียงแต่บริหารจัดการผู้แข็งแกร่งได้สะดวก ยังเห็นความก้าวหน้าการฝึกฝนของพวกเขาได้ตลอด กุญแจสำคัญคือการให้สำนักงานสัจธรรมซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรงกับพวกเขา

ถ้าเป็นอย่างนี้ การแข่งขันอันดับมืดที่อัศวิน A เพิ่งพูดถึงมีประโยชน์มาก เขาเคยศึกษาอย่างละเอียดมานานแล้ว สามารถปรับเปลี่ยนมาทำในประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นของตะวันออกหรือตะวันตก ขอแค่มีประโยชน์ก็ควรนำมาใช้ประโยชน์

ผู้อำนวยการสวี่คิดได้อย่างนี้ก็แอบตัดสินใจ เรื่องนี้จะต้องรีบทำให้เสร็จ

ในอดีตสำนักงานสัจธรรมคลำก้อนหินข้ามแม่น้ำทำอะไรทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง ได้แต่ใช้วิธีที่มั่นใจที่สุดก่อน ด้วยประสบการณ์ฝึกฝนผู้แข่งขันกีฬาหลายสิบปี มุ่งเน้นการจัดการฝึกอบรมผู้วิเศษที่เป็นหัวกะทิแบบบูรณาการ

ตอนนี้คนอื่นเปิดทางไว้แล้ว การแข่งขันอันดับมืดจัดขึ้นมานานกว่าสิบปีแล้ว ผลตอบรับดีมาก ตอนนี้สามารถลอกเลียนแบบมาใช้ได้โดยตรงทั้งหมด ดึงเอาพลังของผู้วิเศษที่กระจัดกระจายในหมู่ประชาชนออกมาได้เต็มที่ ถ้าเป็นอย่างนี้ ชั้นเรียนฝึกอบรมเศรษฐีที่สถาบันฝึกอบรมพิเศษกำลังจัดก็จะมีประโยชน์มากขึ้นเช่นกัน

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 มีทั้งปัญญาและกล้าหาญ ไม่ใช่แค่คนเดียว

เวลานี้เฉียวอันผิงหัวเราะขึ้นเสียงดังดึงความสนใจของทุกคนมาที่ตัวเองเพื่อปกป้องหลานสาว เขาเอ่ยถาม “ท่านนิสัยตรงไปตรงมาเหมือนผู้น้อยเฉียว แม้ว่าการประเมินนี้จะดูไม่สุภาพไปสักหน่อย แต่ก็เป็นการมองอย่างตรงไปตรงมาและแม่นยำจริงๆ ท่านคิดเห็นว่าความแข็งแกร่งของผู้น้อยเฉียวอยู่ที่ระดับไหน”

อัศวิน A “ผู้อำนวยการเฉียวมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดและกำลังกายแข็งแกร่ง จัดเป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ส่วนรายละเอียดความลึก ข้าไม่สะดวกที่จะเปิดเผยให้ทุกท่านทราบ ถ้าข้าประมือกับท่าน เกรงว่าคงต้องต่อสู้หลายวัน ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะทราบผลแพ้ชนะ”

ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด ราวกับทำความรู้จักเฉียวอันผิงใหม่อีกครั้ง แม้ว่าทุกคนจะทราบว่าผู้อำนวยการเฉียวแข็งแกร่งมาก แต่ไหนแต่ไรความสำเร็จในการต่อสู้ถูกเก็บเป็นความลับมาตลอด กอปรกับอีกฝ่ายก็ไม่เคยแสดงฝีมือต่อหน้าผู้อื่นและไม่มีความเข้าใจโดยสัญชาตญาณ

ตอนนี้มีอัศวิน A ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังพูดเอง ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขาสูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย

บัดนี้มีคนกระซิบกัน “เล่ากันว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนที่ผู้อำนวยการเฉียวยังคงเป็นหัวหน้าทีมเฉียว ก็เคยไปเข้าร่วมการแข่งขันอันดับมืด ได้ตำแหน่งโหวแล้วยังได้รับเงินรางวัลก้อนใหญ่ด้วย น่าเสียดายเพราะละเมิดกฎระเบียบจึงถูกริบคืนทั้งหมด ได้ยินมาว่าผู้อำนวยการเฉียวโกรธจนไม่กินอะไรอยู่หลายวัน”

ใบหน้าเฉียวอันผิงมีความสุขมากในตอนแรก แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของคนที่อยู่ข้างหลัง ใบหน้าก็แดงทันที “ทุกคนเงียบหน่อย ตั้งใจฟังความคิดเห็นของท่านอัศวิน ปกติแล้วแต่ละคนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เข้าใจว่าตัวเองก้าวหน้ารวดเร็ว ช่องว่างระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับสระน้ำกับระดับถังน้ำและระดับช้อนส้อมแบบพวกเธอมากขนาดไหน ตัวเองน่าจะรู้แก่ใจ หากอยากจะทะลวงไปให้ถึงระดับสระน้ำก็ไม่ใช่แค่สั่งสมอย่างเดียวจะทำได้…”

ทันทีที่เขาพูดจบก็พบว่าหลานสาวผู้เป็นที่รักก็หน้าแดง ถึงได้เข้าใจว่าคำพูดนี้แรงเกินไป…

อัศวิน A ยังคงแสดงความคิดเห็นและประเมินระดับอ่างน้ำและระดับถังน้ำอีกหลายคนแต่ระดับช้อนส้อมกลับไม่ปรากฏอีก เพราะฉะนั้นเซี่ยตงเป็นคนอ่อนแอที่สุด

ผู้อาวุโสไห่และผู้อาวุโสสวี่มองหน้ากันพลางส่ายหัวจนใจ เมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น ก็ไม่มีจิตใจกระหายในชัยชนะมากนัก ย่อมไม่อยากให้อัศวิน A ประเมิน ถึงยังไงระดับบ่อน้ำอะไรนี่ก็ฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่า

ทว่าเปรียบเทียบแล้วผลที่ได้นั้นชัดเจนมาก ทุกคนพอได้ฟังก็ทราบว่าเมื่อเทียบกับการประเมินระดับ ABCD แล้ว เฉียวอันผิงที่ได้ระดับบ่อน้ำนั้นเหนือกว่าคนระดับอ่างน้ำและระดับถังน้ำมาก ต้องใช้น้ำใส่อ่างน้ำสักเท่าไรถึงจะเติมเต็มบ่อน้ำบ่อหนึ่งได้

ขณะที่ผู้เล่นระดับช้อนส้อมอย่างเซี่ยตง เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายเป็นเพียงโศกนาฏกรรมจริงๆ…

ก่อนหน้านี้หลายคนรู้แค่ว่าผู้แข็งแกร่งระดับ A ทรงพลังอย่างยิ่งและหายากมาก ในบรรดาประเทศที่มีประชากรจำนวนมากยังมีเพียงไม่กี่คน ขณะที่เสินโจวมีถึงสิบกว่าคน ซึ่งครองอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว ในจำนวนนี้ยังมีหลายคนเป็นผู้จุติ

ตอนนี้ลองคิดดูแล้ว เป็นอย่างที่ผู้อำนวยการเฉียวพูดจริงๆ ง่ายๆ แค่อาศัยเวลาสะสมพลังเท่านั้นก็ไปถึงระดับบ่อน้ำได้เหรอ

หากไม่มีการพัฒนาและความเข้าใจใดๆ และไม่มีทักษะร่วมด้วย พึ่งพาแค่ปราณกำเนิดที่สั่งสมมาเรื่อยๆ จะต้องไม่สำเร็จแน่

ผู้อาวุโสไห่เอ่ยขึ้น “มีทั้งสามท่านก่อนหน้า พวกเราพอจะรู้อยู่แก่ใจแล้ว เมื่อดูจากการประเมินพลังของท่าน งูจงอางตัวนั้นอยู่ระดับใด”

อัศวิน A “มันใกล้จะถึงจุดสูงสุดของระดับสระน้ำแล้ว ถ้ามันก้าวไปอีกขั้น มันจะเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานระดับทะเลสาบที่ไม่มีใครเทียบได้ในโลกทุกวันนี้”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าทุกคนต่างก็ตกตะลึง ทะเลสาบที่อัศวิน A พูดถึงน่าจะหมายถึงทะเลสาบที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น ทะเลสาบต้งถิง ทะเลสาบผอหยางและทะเลสาบเวยซาน แค่นึกถึงในหัวแวบเดียว ก็รู้แล้วว่าระหว่างบ่อน้ำกับทะเลสาบนั้นต่างกันลิบลับแค่ไหน

ต้องใช้บ่อน้ำกี่บ่อถึงจะเติมทะเลสาบทั่วไปให้เต็มได้

เฉียวอันผิงรู้ถึงความแตกต่างของแต่ละระดับได้ชัดเจนที่สุด เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ “ถ้ามันก้าวหน้าได้จริงๆ ถึงตอนนั้นมันจะแข็งแกร่งขนาดไหน พวกเราสองคนพร้อมกับผู้อำนวยการสวี่และผู้อาวุโสไห่ที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำทั้งสี่คนเกรงว่ารวมกันแล้วคงจะเติมมุมหนึ่งของมันยังไม่เต็ม”

เฉียวอันผิงใช้มาตรฐานการประเมินของอัศวิน A ผู้อาวุโสไห่และผู้อาวุโสสวี่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A เหมือนกัน เพียงแต่สองคนนี้สูงวัยมากแล้ว ไม่เหมือนกับเขาที่อยู่แนวหน้าการต่อสู้บ่อยครั้ง

อย่างที่เขาพูด แม้ว่าชื่อจะฟังแล้วไม่ไพเราะ แต่มองเห็นภาพได้ชัดเจนทันทีมากกว่าเมื่อเทียบกับระดับ ABCD ที่สำนักงานสัจธรรมของพวกเขาใช้

ผู้แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมหนึ่งมีอำนาจกำหนดมาตรฐานของอุตสาหกรรมนั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติในสังคมมนุษย์ส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเรื่องที่พ่อแม่ตั้งชื่อให้ลูก…

อัศวิน A พยักหน้า “ข้าถึงได้รีบเร่งมาที่นี่เพื่อปรึกษากับพวกท่าน เราต้องรวบรวมกำลังคนเพื่อฆ่าอสรพิษตนนี้ให้ได้เสียก่อนที่จะไม่มีใครจัดการมันได้ในอนาคต จะได้ไม่ก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ที่ลุกลามไปถึงชาวบ้าน”

ฟางหนิงฟังแล้วสงสัยเพราะเขาไม่เคยสอนระบบพูดแบบนี้มาก่อน เขาจึงพูดแทรก “ระบบ แกคิดได้อย่างนี้ทำให้ฉันประทับใจจริงๆ ฉันนึกว่าแกจับตาดูมันเพื่อเก็บค่าประสบการณ์เท่านั้นเสียอีก”

ระบบ “แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เก็บค่าประสบการณ์”

ฟางหนิง “เอิ่ม แกเป็นระบบอัศวินหรือว่าเป็นระบบคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวบ้านและความมั่นคงของสังคมกันแน่”

ระบบ “ฉันจับตาดูมันไม่ใช่แค่อยากได้ค่าประสบการณ์ แต่ยังอยากได้อุปกรณ์วัสดุระดับชื่อเสียงด้วย หลังจากจัดการมันแล้ว เอาหัวเป็นประกันว่าได้อุปกรณ์ระดับอัศจรรย์…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ถือว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรละกัน…แต่ฆ่ามันแล้วช่วยให้เกิดความมั่นคงและสงบเรียบร้อยแน่นอน อย่างน้อยก็จะไม่มีความวุ่นวายในดินแดนมรดกอีกต่อไป ขณะที่สำนักงานสัจธรรมสามารถฝึกอบรมคนต่อไปเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายนอกได้ต่อเนื่อง”

ในแง่ของการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม โอตาคุตัวพ่ออย่างฟางหนิงกับสำนักงานสัจธรรมมีความต้องการเหมือนกันทุกประการ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสัจธรรมหรอก

บัดนี้ทุกคนได้สติหลังจากตกใจแล้ว ระดับทะเลสาบนี้น่าฟังกว่าระดับบ่อน้ำและระดับถังน้ำร้อยเท่า ดูเหมือนว่าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นถึงจะคู่ควรกับชื่อที่ดีกว่าได้

ผู้อาวุโสไห่ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “อย่างที่ท่านเทพพูด ตอนนี้อสรพิษแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ถ้ามันก้าวหน้าไปกว่านี้จะไม่มีใครควบคุมมันได้และอันตรายเกินไป ตามที่ท่านพูด พวกเราจะรวบรวมกำลังทั้งหมดเป็นฝ่ายสังหารอสรพิษในดินแดนมรดกก่อน ต่อให้ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกทำลายก็ไม่เสียดาย”

เวลานี้ผู้อาวุโสไห่ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของทหาร กล้าที่จะเด็ดเดี่ยวในเวลาวิกฤติ เขาตระหนักดีถึงภัยอันตรายจากผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ตอนนี้อสรพิษอยู่ในดินแดนมรดกแล้ว ถ้ามันหลุดออกไปข้างนอกแล้วทำเรื่องวุ่นวายจะทำอย่างไร พลังของคนคนเดียวไม่อาจเอาชนะมันได้

ขณะนี้งูจงอางกำลังบัญชาการสัตว์ปีศาจโจมตีฐานผลิตภัณฑ์ยาที่อยู่ห่างไกล พวกเขามีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมพร้อมฆ่าอสรพิษตนนี้ในทันที

หลังจากที่ฟางหนิงได้ยินการตัดสินใจเด็ดขาดของอีกฝ่ายก็พอใจมาก ไม่ต้องพูดถึงการประเมินความแข็งแกร่งของระบบ แม้ว่าจะไม่น่าฟังไปสักหน่อยแต่กลับได้ผลดีมากทีเดียว

หลังจากการประเมินแล้ว เหล่าผู้อาวุโสพลันตระหนักถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของงูจงอางตัวนั้น รีบตัดสินใจที่จะมุ่งความสนใจไปที่การสังหารอสรพิษตนนั้นในทันที

ไม่อย่างนั้นถ้าพูดว่างูจงอางตัวนั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A เพียงแต่กำลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับ S พวกเขาคงจะไม่ตกใจขนาดนั้น

ระดับ S กับระดับ A ต่างกันมากแค่ไหน เกรงว่าพวกเขายังคงคิดว่าระดับ A เจ็ดแปดคนก็ต่อสู้ได้…

ฟางหนิงพูดกับระบบ “ร่วมมือระหว่างกันต่อต้านศัตรู รวมอำนาจกลุ่มใหญ่ต่อกรสำเร็จลุล่วงแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการโจมตีจุดอ่อนศัตรู หลอกล่อศัตรูมาพิชิต…”

ระบบกล่าว “พูดภาษามนุษย์กับฉันสิ…”

ฟางหนิง “แกไม่จำเป็นต้องเข้าใจภาษามนุษย์หรอก ฉันพูดยังไงแกทำอย่างนั้นก็พอ…”

หลังจากนั้นฟางหนิงก็บอกระบบเรื่องที่ต้องทำต่อไป

ระบบฟังไม่เข้าใจและไม่สามารถด้นสดเองได้ ได้แต่ใช้สถานะอัศวิน A ถ่ายทอดทุกคำพูดของโฮสต์อย่างตรงไปตรงมา ผู้อาวุโสไห่พยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุด

เวลานี้ภายในศูนย์บัญชาการ เจ้าหน้าที่ระดับกลางและระดับสูงส่วนใหญ่ที่สำนักงานสัจธรรมส่งไปประจำดินแดนมรดกต่างมารวมตัวกัน แต่ทุกคนกลับนิ่งเงียบ มีเพียงเสียงทุ้มต่ำและน่าเกรงขามของอัศวิน A เท่านั้นที่ก้องกังวาน

ทุกคนฟังกลยุทธ์ของเขาแล้วต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด อัศวิน A ผู้นี้ไม่เพียงแต่มีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นแต่ยังมีสติปัญญาล้ำลึกอีกด้วย ไม่ด้อยไปกว่านักปราชญ์คนใดในโลก เรียกได้ว่า ‘มีปัญญาและกล้าหาญ’ อย่างแน่นอน

หลังจากผู้อาวุโสไห่ฟังจบก็รีบออกคำสั่งและเรียกระดมพลทันที

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ณ หุบเขาแห่งหนึ่งในดินแดนมรดก

ที่นี่มีป่าไม้สูงใหญ่หนาทึบล้อมรอบ แต่กลางหุบเขากลับไม่เห็นต้นไม้สูงสักต้นเดียว มีเพียงวัชพืชเติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่กระจัดกระจาย แตกต่างกับป่าไม้เขียวขจีที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเห็นได้ชัด

บัดนี้กลุ่มคนของสำนักงานสัจธรรมกำลังซ่อนตัวในป่าใกล้ๆ มองลงไปที่หุบเขาเบื้องล่าง

อัศวิน A อยู่กับผู้อาวุโสทั้งสามและกำลังหยิบผ้าสีเหลืองผืนหนึ่งออกมาให้ทั้งสามดู

ผู้อาวุโสไห่อ่านผ้าสีเหลืองแล้วก็ส่งต่อให้อีกสองคน ขณะที่ตัวเองสังเกตหุบเขานั่นโดยละเอียด

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้า “ไม่ผิดจริงๆ หุบเขานั้นรกร้างว่างเปล่า ซึ่งก็คือร่องรอยทางเข้ามิติ มิตินั่นผันผวนสูง มันยากที่พืชธรรมดาๆ จะเติบโตที่นั่นได้”

ดูเหมือนเขาจะเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง พักหนึ่งก็พูดกับอัศวิน A “ท่านเทพ คนที่เฝ้าสำนักงานใหญ่ได้ส่งข่าวมาบอกว่ากลุ่มของสัตว์ปีศาจนั่นเปลี่ยนทิศทางจริงๆ พวกมันกำลังบ่ายหน้ามาทางหุบเขานี้ ทุกอย่างเป็นดังที่ท่านคาดการณ์ไว้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉียวอันผิงก็เอ่ยชื่นชม “ท่านอัศวินมีปัญญาและกล้าหาญจริงๆ ไม่เหมือนกับฉันคนหยาบ ไม่มีทางคิดกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้”

ผู้อำนวยการสวี่ที่อยู่ข้างๆ เพียงแต่พยักหน้าพลางยิ้มบาง แต่ไม่ปริปากพูดอะไร

ตั้งแต่อัศวิน A ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ อันที่จริงเขากำลังครุ่นคิดประเด็นสำคัญ

ด้วยไหวพริบและศิลปะการต่อสู้ของอัศวิน A เขาเป็นวีรบุรุษได้สบาย แต่โชคดีที่เขาเอาแต่คิดเรื่อง ‘ฝึกฝนและกำจัดคนชั่ว’ ถึงได้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญให้กับฝ่ายเรา

ทว่าเสือซ่อนเล็บในหมู่ประชาชน อีกทั้งผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะเข้าสู่ระบบ พวกเขามีความคิดเห็นต่างกับอัศวิน A การสำรวจทั่วไปตอนวันปีใหม่ได้พิสูจน์เรื่องนี้แล้ว

อาศัยแค่ประกาศ ‘มาตรการชั่วคราวสำหรับการจัดการผู้วิเศษ’ และวิธีการบ้าๆ จะต้องไม่เพียงพอแน่นอน

ในเมื่อผู้จุติมาถึง อีกทั้งเมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ความแข็งแกร่งของผู้จุติก็ค่อยๆ ฟื้นตัวและแข็งแกร่งขึ้น ประเด็นสำคัญคือพวกเขาส่วนใหญ่มีระบบการฝึกฝนเป็นของตัวเอง จึงสามารถฝึกฝนได้เองอย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาความรู้การฝึกฝนจากสำนักงานสัจธรรม พวกเขาสั่งสอนศิษย์ได้โดยอิสระและตั้งสำนักของตนเอง ถ้าวันใดอัศวิน A เปลี่ยนความคิดอยากจะเปิดสำนักของตนเองขึ้นมาบ้าง แค่พริบตาเดียวก็ตั้งสำนักบู๊ลิ้มใหญ่ได้ หรือว่าสำนักงานสัจธรรมต้องล้อมปราบ เช่นนั้นประชาชนจะต้องไม่เห็นด้วยแน่

หรือเราควรให้เวทีพวกเขาแสดงความสามารถเป็นประจำ ไม่เพียงแต่บริหารจัดการผู้แข็งแกร่งได้สะดวก ยังเห็นความก้าวหน้าการฝึกฝนของพวกเขาได้ตลอด กุญแจสำคัญคือการให้สำนักงานสัจธรรมซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรงกับพวกเขา

ถ้าเป็นอย่างนี้ การแข่งขันอันดับมืดที่อัศวิน A เพิ่งพูดถึงมีประโยชน์มาก เขาเคยศึกษาอย่างละเอียดมานานแล้ว สามารถปรับเปลี่ยนมาทำในประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นของตะวันออกหรือตะวันตก ขอแค่มีประโยชน์ก็ควรนำมาใช้ประโยชน์

ผู้อำนวยการสวี่คิดได้อย่างนี้ก็แอบตัดสินใจ เรื่องนี้จะต้องรีบทำให้เสร็จ

ในอดีตสำนักงานสัจธรรมคลำก้อนหินข้ามแม่น้ำทำอะไรทีละก้าวด้วยความระมัดระวัง ได้แต่ใช้วิธีที่มั่นใจที่สุดก่อน ด้วยประสบการณ์ฝึกฝนผู้แข่งขันกีฬาหลายสิบปี มุ่งเน้นการจัดการฝึกอบรมผู้วิเศษที่เป็นหัวกะทิแบบบูรณาการ

ตอนนี้คนอื่นเปิดทางไว้แล้ว การแข่งขันอันดับมืดจัดขึ้นมานานกว่าสิบปีแล้ว ผลตอบรับดีมาก ตอนนี้สามารถลอกเลียนแบบมาใช้ได้โดยตรงทั้งหมด ดึงเอาพลังของผู้วิเศษที่กระจัดกระจายในหมู่ประชาชนออกมาได้เต็มที่ ถ้าเป็นอย่างนี้ ชั้นเรียนฝึกอบรมเศรษฐีที่สถาบันฝึกอบรมพิเศษกำลังจัดก็จะมีประโยชน์มากขึ้นเช่นกัน

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+