เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 12 ยุคใหม่มาถึงอย่างเงียบเชียบ

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 12 ยุคใหม่มาถึงอย่างเงียบเชียบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘ตอนนี้ถึงเวลาสำคัญแล้ว แต่ว่านั่นมันอะไรกัน ไอ้เจ้าบ้านี่มาจากไหน ตัวคนเดียวแต่ใช้แค่ดาบปลายปืนก็สังหารได้ถึงเจ็ดคน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้บัญชาการของอีกฝั่งหนึ่งด้วย’ ฟางหนิงช่วยระบบทำงานใหญ่สำเร็จแล้วก็กลับมาเล่นเกม เขามาถึงอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบอย่างมีความสุข และสลับกลับไปเล่นเกมออนไลน์ที่เขาเล่นเมื่อครู่ พอมองเห็นชัยชนะเกมนี้ก็รู้สึกพึงพอใจมากๆ

เขาเปิดรายงานการต่อสู้ ตั้งใจที่จะดูกระบวนท่าของเทพเจ้าแห่งดาบปลายปืนให้ละเอียด เมื่อเห็นว่าชื่อเทพผู้ยิ่งใหญ่คือ ‘Long Live Ulala’ ก็เปิดกล่องสนทนากับอีกฝ่ายทันที ผ่านไปสักพักฟางหนิงก็ถูกเทพดึงไปเล่นเกมต่อสู้ด้วยอีกเกมหนึ่ง จิตใจหวาดกลัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ระบบยังกังวลอยู่ ตัวมันก็เป็นแค่กุนซือที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น

“เดี๋ยวก่อนสิท่านเทพ รับมือคนเดียวก่อน ไม่ต้องกลัว สู้ต่อไป ข้าปวดฉี่ เดี๋ยวกลับมา!” ฟางหนิงเล่นต่อไปไม่นานก็รีบออกจากเกมใหม่และตัวเลือกของระบบก็ปรากฏขึ้นอีกรอบ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเล่นเกมต่อไป

ในเวลานี้ร่างกายของเขาที่ถูกระบบครองร่างได้มาถึงสวนป่าอันเงียบสงบแล้ว ที่นี่ค่อนข้างลับสายตาผู้คนเพราะฉะนั้นจึงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับคู่รัก

ตอนนี้ตัวเขาอยู่ในป่ากับสาวสวยคนหนึ่ง ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยต่างฝ่ายไม่ได้พูดอะไร

‘ฉีเยียนกำลังขอค่าตอบแทนการแสดงเมื่อครู่ ทางเลือกของคุณคือ

ตัวเลือกแรก: มอบตำรา “เป้าผูจื่อ[1]” ของลัทธิเต๋าให้ หลังจากฝึกฝนแล้วรับรองว่าคุณจะได้เรียนรู้กำลังภายในของลัทธิเต๋าแท้ๆ

ตัวเลือกสอง: ให้เธอเลือกหนึ่งในสามศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกฝนเอง ได้แก่ วิชาดาบสะบัดวายุขั้นต้น วิชาตัวเบาขั้นต้นลากลิ้ง วิชากำลังภายในพื้นฐานล้มครึ่งก้าว

ตัวเลือกสาม: ให้ค่าจ้างการแสดงกับเธอสักหนึ่งหมื่น ซึ่งอีกฝ่ายจะต้องปฏิเสธแน่นอน’

“ตัวเลือกที่ต้องถูกปฏิเสธแน่ๆ ยังจะเอาออกมาให้เลือกอีก” ฟางหนิงที่ถูกรบกวนขณะกำลังสนุกอยู่กับการเล่นเกมมองดูอย่างเกียจคร้านแล้วเลือกข้อสองโดยไม่ลังเล

ข้อแรกเป็นลัทธิเต๋าแท้ก็จริง แต่สิ่งที่บันทึกไว้ในตำราเป็นศิลปะบนเตียง เขาไม่หน้าหนาพอ

“เฮ้ อัศวิน A คุณจะไม่เบี้ยวใช่ไหม ฉันยอมเสียสละชื่อเสียงอุตส่าห์ลดตัวลงเพื่อมาเล่นละครกับคุณเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสัญญาจะสอนศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานให้ ฉันจะไม่รีบนั่งรถไปช่วยคุณทั้งๆ ที่ไม่แต่งหน้าหรอก เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่สอนเฉยๆ แต่ยังต้องสอนให้ฉันทำได้ด้วย”

ฉีเยียนเมื่อเห็นการตอบสนองของฟางหนิงเชื่องช้าขนาดนั้น เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกกังวล แล้วชี้นิ้วเรียวพลางพูดจาเร่งเขาเสียงสั่น

เธอคิดในใจว่าคงไม่ใช่เพราะทักษะศิลปะการต่อสู้นั้นล้ำค่าหรอก แต่อัศวิน A คนนี้อาจเหมือนกับคนเฒ่าคนแก่ในตระกูล หวงวิชาจึงไม่ยอมเผยแพร่มันให้คนภายนอก

เธอรู้จักกับอัศวิน A ในคืนหนึ่ง ตอนนั้นอีกฝ่ายกำลังจับขโมยใกล้บ้านของเธอ ทำให้เธอได้เห็นวิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศของอีกฝ่าย

แต่การที่สามารถรู้รหัสแฟ้มของอีกฝ่ายได้เป็นเพราะพวกคนแก่ในตระกูลที่รู้จักกับคนในหน่วยกิจการพิเศษ

ขณะที่คุณหนูตระกูลฉีคิดว่าอัศวิน A จะเปลี่ยนใจ ฟางหนิงก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว โดยห่างจากเธอไปเพียงศอกเดียวเท่านั้น

“นี่ คุณจะทำอะไรน่ะ นี่มันกลางวันแสกๆ นะ…” ฉีเยียนกำลังจะกรีดร้องแต่ก็ต้องปิดปากทันที ทำไมเดี๋ยวเดียวก็เกือบจะพูดคำพูดติดปากของผู้ชายคนนี้ออกมา เรื่องนี้ต้องโทษหมอนี่คนเดียว

“ในเมื่อเธอเลือกแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยให้เธอเข้าใจกระจ่างถึงความลับของมัน ในฐานะอัศวินผู้กล้า ฉันถือสัญญาเป็นสัญญาเสมอมา!”

“ฟางหนิง” หน้าไม่เปลี่ยนสีขณะขานชื่อของศิลปะการต่อสู้ทั้งสามออกมาตามลำดับ

คุณหนูตระกูลฉีได้ฟังแล้วก็ยิ่งหน้าดำหน้าแดง ผู้ชายคนนี้จงใจล้อเลียนเธอแน่นอน แต่เห็นใบหน้าหล่อเหลาทำหน้าตาเฉยเมย มองยังไงก็ไม่เหมือนตั้งใจล้อเลียน เพียงแต่คำพูดเกรียนขนาดนั้น ทำไมถึงได้พูดเรื่องจริงจังได้หน้าตาเฉยอยู่เรื่อยกันนะ

“ฉันเลือกข้อสาม” คุณหนูตระกูลฉีกัดฟันเลือก ในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อใจ เธอคิดถึงธุรกิจของตระกูลว่าอาจได้ความช่วยเหลือจากกำลังภายในเพื่อที่จะออกผลิตภัณฑ์อัศจรรย์ต่างๆ เมื่อลองเปรียบเทียบดูแล้ว เธอเลือกข้อสามคงจะดีกว่า

อีกอย่างสองข้อแรกก็น่าอายเกินไปด้วย เรียนไปก็คงไม่กล้าใช้มัน เว้นแต่ทุกครั้งที่ใช้งานจะปิดปากทุกคนที่อยู่ในที่นั้น แต่เธอไม่ใช่ฆาตกรและแน่นอนว่าไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นด้วย

หลังจากฟางหนิงที่อยู่ในพื้นที่ระบบได้ฟังก็พูดไม่ออก ระบบไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด ถึงได้ขุดหลุมฝังสาวสวยหน้าตาดีอย่างนี้ได้ลงคอ

ถ้าเป็นเขาไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามฉวยโอกาสซ้ำเติมศัตรูยามเสียเปรียบ แต่โชคดีที่นับได้ว่าเธอเพิ่งจะช่วยระบบทำงาน

แต่ระบบหักหลังเธอเร็วเกินไปแล้ว ไม่รู้สึกว่าจะทำร้ายคนดีหรือไง ใช่สิ เจ็บก็เจ็บที่ใจของฉัน เจ้าระบบงี่เง่าไม่มีหัวใจย่อมไม่มีทางสนใจเรื่องแบบนี้หรอก!

ระบบไม่แยแสคำบ่นของฟางหนิง หลังจากที่คุณหนูตระกูลฉีเลือกเสร็จแล้วมันก็ตบหน้าผากของอีกฝ่าย ท่าทางแบบเดียวกับตอนที่จับปีศาจเป๊ะ ไม่ทะนุถนอมหญิงสาวแม้แต่น้อย

โชคดีที่ไม่ใช่กิจวัตรประจำวันอย่างการจับปีศาจและคุณหนูตระกูลฉีก็ไม่ได้ถูกตบจนล้มลง ตอนนั้นเอง กระแสปราณสายหนึ่งที่อธิบายไม่ได้ก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกดีใจ อัศวิน A ก็น่าเชื่อถือในระดับหนึ่งเลยทีเดียว…

กระแสปราณไหลผ่านร่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แต่ในที่สุดมันก็หยุดอยู่ที่หน้าอกแล้วตรึงอยู่ตรงนั้น

คุณหนูตระกูลฉีรู้สึกผิดปกติ แต่เธอบอกไม่ถูก อย่างไรก็ตาม ความรู้ศิลปะการต่อสู้ของเธอก่อนหน้านี้ก็ได้แต่ฟังเอาจากคนเก่าคนแก่ในตระกูลเท่านั้น

พวกคนแก่นั่นแค่พูดคร่าวๆ ไม่มีใครเคยจับมือสอนเลยสักนิด เพียงเพราะเอาแต่คิดว่าสักวันเธอจะต้องแต่งงานออกไป

หลังจากที่กระแสปราณหยุดไหล อัศวิน A ก็บินหนีไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของฉีเยียน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน แต่หน้าปกนั่นเขียนไว้ว่า ‘วิชาภายในพื้นฐานล้มครึ่งก้าว’

เธอก้มหน้าด้วยความดีใจและเปิดอ่านมันทันที หลังจากอ่านได้แค่หน้าแรกก็ตกตะลึง ใบหน้าของเธอค่อยๆ แดงเรื่อด้วยความอาย จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและตะโกนไปทางที่อัศวิน A จากไป

“อัศวิน A ไปตายซะ! อย่าให้ฉันเจอแกอีก!”

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของฉีเยียนที่มีต่อคุณทะลุปรอทแล้ว ดูดซับทันที สถานะปัจจุบันของสล็อตความโกรธทั้งสามระดับมีดังนี้ สล็อตความโกรธระดับแรกเต็มแล้ว และส่วนที่เกินจะถูกโอนไปจัดเก็บยังสล็อตความโกรธระดับถัดไปโดยอัตโนมัติ ความคืบหน้าขณะนี้ของสล็อตความโกรธระดับสอง: ร้อยละ 20

เอาล่ะ เพียงแค่สะสมความโกรธของผู้หญิงสองคน เดิมทีสล็อตความโกรธระดับแรกความโกรธร้อยละ 70 เต็มแล้ว และไปถึงสล็อตความโกรธระดับสองได้เยอะทีเดียว ถึงได้พูดกันอย่ายั่วโมโหผู้หญิงเด็ดขาด

แต่เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์มันจึงไม่หวาดกลัว และกล้าท้าทายความโกรธของพวกผู้หญิงทุกคน…

ในใจฟางหนิงเริ่มสั่นไหว หนุ่มโสดอายุยี่สิบแปดเริ่มเป็นกังวลแล้ว

ในช่วงเวลานั้น เขาจึงตัดสินใจได้ว่าควรจะเป็นโสดไปก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

ดังนั้นเขาจึงอ่านนิยายและเล่นเกมต่อไปในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบทุกวัน นอกเหนือจากเวลาที่ระบบไปทำงานแล้ว มันก็ใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า จับปีศาจ ปิดระบบ จับปีศาจ ปิดระบบ และบางครั้งก็เรียกฟางหนิงไปช่วยสะสมสล็อตความโกรธด้วย

คุณหนูตระกูลฉีที่ถูกหัวหน้าระบบหลอกกลับไม่ได้ใช้ชีวิตสวยงามขนาดนั้น

เธอมาจากตระกูลผู้ดี แน่นอนว่าตอนนี้เหมือนกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ แตกกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วทุกสารทิศ ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติหลวมๆ ไม่สนิทสนมกันมากนัก ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตระกูลเศรษฐีที่มีอำนาจสมัยโบราณ

ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาจะรวมตัวกันครั้งหนึ่งก็เฉพาะช่วงวันขึ้นปีใหม่เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ขณะเดียวกันก็โอ้อวดสารพัด เมื่อก่อนเคยอวดความมั่งมีและตำแหน่งขุนนางใหญ่ แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือศิลปะการต่อสู้พลังพิเศษ

พลังพิเศษจำเป็นต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และยังไม่มีใครค้นพบกฎเกณฑ์วิธีการปลุกพลังพิเศษนี้ แต่ศิลปะการต่อสู้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพียงแต่การฝึกฝนชั่วชีวิตเทียบไม่ได้กับยิงปืนหนึ่งนัด โชคดีที่การฝึกฝนเพื่อสุขภาพอย่างน้อยก็มีประโยชน์ทำให้อายุยืน แต่การฝึกยิงปืนไม่มีประโยชน์อย่างนี้

ตระกูลฉีเป็นตระกูลใหญ่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ มีศิลปะการต่อสู้หลายอย่าง แต่ก็มีคนรุ่นต่อๆ มาอีกหลายคนที่ไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้เลย

มีแต่ผู้สูงอายุในตระกูลเท่านั้นที่ฝึกฝนบ่อยๆ เพื่อรักษาสุขภาพ และผลที่ได้ก็แข็งแกร่งกว่าการออกกำลังกายที่สอนกันทั่วไปเป็นอย่างมาก

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่รู้เพราะสาเหตุใด ผู้สูงอายุบางคนในกลุ่มที่อาศัยการฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษเพื่อรักษาสุขภาพกลับเริ่มฝึกกำลังภายในที่ไม่เคยมีใครฝึกฝนมาเป็นเวลานานได้ ทายาทตระกูลบางคนที่หัวไวก็ใช้กำลังภายในผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยยกระดับธุรกิจครอบครัวบางส่วนไปอีกขั้น ทำให้เหล่าคนในตระกูลเข้าใจว่ายุคใหม่กำลังจะมาถึง

เช่นคลินิกแพทย์แผนจีนที่สืบทอดกันในครอบครัว ในอดีตมีการใช้วิธีการรักษาและตำรับยาโบราณ กับบางคนและบางโรคถึงจะได้ผลอัศจรรย์ แต่ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแพทย์แผนปัจจุบันที่ครอบคลุมและเป็นระบบ

จนกระทั่งแพทย์แผนจีนสูงอายุในตระกูลคนนั้นฝึกฝนกำลังภายในและสามารถมองเห็นเส้นลมปราณในหนังสือโบราณได้จริง ทุกอย่างก็แตกต่างไป…

ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรครักษาไม่ได้ระยะสุดท้ายได้รับการรักษา โดยเขาใช้กำลังภายในประกอบกับวิธีการนำทางด้วยเข็มทองควบคุมการลุกลามของโรคได้สำเร็จ จนกระทั่งค่อยๆ ฟื้นตัวได้ ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดกันในวงแคบๆ เท่านั้น แต่ความจริงแล้วหลานชายของเขาเป็นผู้คิดค้นวิธีการนี้

……………………………………………………..

[1] เป้าผูจื่อ คือ ตำราของลัทธิเต๋าเรียบเรียงโดยเก๋อหง ว่าด้วยแนวคิดของเก๋อหงต่อลัทธิเต๋า วิธีการบรรลุเซียนและยาอายุวัฒนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 12 ยุคใหม่มาถึงอย่างเงียบเชียบ

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 12 ยุคใหม่มาถึงอย่างเงียบเชียบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

‘ตอนนี้ถึงเวลาสำคัญแล้ว แต่ว่านั่นมันอะไรกัน ไอ้เจ้าบ้านี่มาจากไหน ตัวคนเดียวแต่ใช้แค่ดาบปลายปืนก็สังหารได้ถึงเจ็ดคน แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้บัญชาการของอีกฝั่งหนึ่งด้วย’ ฟางหนิงช่วยระบบทำงานใหญ่สำเร็จแล้วก็กลับมาเล่นเกม เขามาถึงอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบอย่างมีความสุข และสลับกลับไปเล่นเกมออนไลน์ที่เขาเล่นเมื่อครู่ พอมองเห็นชัยชนะเกมนี้ก็รู้สึกพึงพอใจมากๆ

เขาเปิดรายงานการต่อสู้ ตั้งใจที่จะดูกระบวนท่าของเทพเจ้าแห่งดาบปลายปืนให้ละเอียด เมื่อเห็นว่าชื่อเทพผู้ยิ่งใหญ่คือ ‘Long Live Ulala’ ก็เปิดกล่องสนทนากับอีกฝ่ายทันที ผ่านไปสักพักฟางหนิงก็ถูกเทพดึงไปเล่นเกมต่อสู้ด้วยอีกเกมหนึ่ง จิตใจหวาดกลัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ระบบยังกังวลอยู่ ตัวมันก็เป็นแค่กุนซือที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น

“เดี๋ยวก่อนสิท่านเทพ รับมือคนเดียวก่อน ไม่ต้องกลัว สู้ต่อไป ข้าปวดฉี่ เดี๋ยวกลับมา!” ฟางหนิงเล่นต่อไปไม่นานก็รีบออกจากเกมใหม่และตัวเลือกของระบบก็ปรากฏขึ้นอีกรอบ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเล่นเกมต่อไป

ในเวลานี้ร่างกายของเขาที่ถูกระบบครองร่างได้มาถึงสวนป่าอันเงียบสงบแล้ว ที่นี่ค่อนข้างลับสายตาผู้คนเพราะฉะนั้นจึงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับคู่รัก

ตอนนี้ตัวเขาอยู่ในป่ากับสาวสวยคนหนึ่ง ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยต่างฝ่ายไม่ได้พูดอะไร

‘ฉีเยียนกำลังขอค่าตอบแทนการแสดงเมื่อครู่ ทางเลือกของคุณคือ

ตัวเลือกแรก: มอบตำรา “เป้าผูจื่อ[1]” ของลัทธิเต๋าให้ หลังจากฝึกฝนแล้วรับรองว่าคุณจะได้เรียนรู้กำลังภายในของลัทธิเต๋าแท้ๆ

ตัวเลือกสอง: ให้เธอเลือกหนึ่งในสามศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกฝนเอง ได้แก่ วิชาดาบสะบัดวายุขั้นต้น วิชาตัวเบาขั้นต้นลากลิ้ง วิชากำลังภายในพื้นฐานล้มครึ่งก้าว

ตัวเลือกสาม: ให้ค่าจ้างการแสดงกับเธอสักหนึ่งหมื่น ซึ่งอีกฝ่ายจะต้องปฏิเสธแน่นอน’

“ตัวเลือกที่ต้องถูกปฏิเสธแน่ๆ ยังจะเอาออกมาให้เลือกอีก” ฟางหนิงที่ถูกรบกวนขณะกำลังสนุกอยู่กับการเล่นเกมมองดูอย่างเกียจคร้านแล้วเลือกข้อสองโดยไม่ลังเล

ข้อแรกเป็นลัทธิเต๋าแท้ก็จริง แต่สิ่งที่บันทึกไว้ในตำราเป็นศิลปะบนเตียง เขาไม่หน้าหนาพอ

“เฮ้ อัศวิน A คุณจะไม่เบี้ยวใช่ไหม ฉันยอมเสียสละชื่อเสียงอุตส่าห์ลดตัวลงเพื่อมาเล่นละครกับคุณเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณสัญญาจะสอนศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานให้ ฉันจะไม่รีบนั่งรถไปช่วยคุณทั้งๆ ที่ไม่แต่งหน้าหรอก เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่สอนเฉยๆ แต่ยังต้องสอนให้ฉันทำได้ด้วย”

ฉีเยียนเมื่อเห็นการตอบสนองของฟางหนิงเชื่องช้าขนาดนั้น เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง ในใจรู้สึกกังวล แล้วชี้นิ้วเรียวพลางพูดจาเร่งเขาเสียงสั่น

เธอคิดในใจว่าคงไม่ใช่เพราะทักษะศิลปะการต่อสู้นั้นล้ำค่าหรอก แต่อัศวิน A คนนี้อาจเหมือนกับคนเฒ่าคนแก่ในตระกูล หวงวิชาจึงไม่ยอมเผยแพร่มันให้คนภายนอก

เธอรู้จักกับอัศวิน A ในคืนหนึ่ง ตอนนั้นอีกฝ่ายกำลังจับขโมยใกล้บ้านของเธอ ทำให้เธอได้เห็นวิชาตัวเบาเหาะเหินเดินอากาศของอีกฝ่าย

แต่การที่สามารถรู้รหัสแฟ้มของอีกฝ่ายได้เป็นเพราะพวกคนแก่ในตระกูลที่รู้จักกับคนในหน่วยกิจการพิเศษ

ขณะที่คุณหนูตระกูลฉีคิดว่าอัศวิน A จะเปลี่ยนใจ ฟางหนิงก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว โดยห่างจากเธอไปเพียงศอกเดียวเท่านั้น

“นี่ คุณจะทำอะไรน่ะ นี่มันกลางวันแสกๆ นะ…” ฉีเยียนกำลังจะกรีดร้องแต่ก็ต้องปิดปากทันที ทำไมเดี๋ยวเดียวก็เกือบจะพูดคำพูดติดปากของผู้ชายคนนี้ออกมา เรื่องนี้ต้องโทษหมอนี่คนเดียว

“ในเมื่อเธอเลือกแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยให้เธอเข้าใจกระจ่างถึงความลับของมัน ในฐานะอัศวินผู้กล้า ฉันถือสัญญาเป็นสัญญาเสมอมา!”

“ฟางหนิง” หน้าไม่เปลี่ยนสีขณะขานชื่อของศิลปะการต่อสู้ทั้งสามออกมาตามลำดับ

คุณหนูตระกูลฉีได้ฟังแล้วก็ยิ่งหน้าดำหน้าแดง ผู้ชายคนนี้จงใจล้อเลียนเธอแน่นอน แต่เห็นใบหน้าหล่อเหลาทำหน้าตาเฉยเมย มองยังไงก็ไม่เหมือนตั้งใจล้อเลียน เพียงแต่คำพูดเกรียนขนาดนั้น ทำไมถึงได้พูดเรื่องจริงจังได้หน้าตาเฉยอยู่เรื่อยกันนะ

“ฉันเลือกข้อสาม” คุณหนูตระกูลฉีกัดฟันเลือก ในที่สุดก็พ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อใจ เธอคิดถึงธุรกิจของตระกูลว่าอาจได้ความช่วยเหลือจากกำลังภายในเพื่อที่จะออกผลิตภัณฑ์อัศจรรย์ต่างๆ เมื่อลองเปรียบเทียบดูแล้ว เธอเลือกข้อสามคงจะดีกว่า

อีกอย่างสองข้อแรกก็น่าอายเกินไปด้วย เรียนไปก็คงไม่กล้าใช้มัน เว้นแต่ทุกครั้งที่ใช้งานจะปิดปากทุกคนที่อยู่ในที่นั้น แต่เธอไม่ใช่ฆาตกรและแน่นอนว่าไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้นด้วย

หลังจากฟางหนิงที่อยู่ในพื้นที่ระบบได้ฟังก็พูดไม่ออก ระบบไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสักนิด ถึงได้ขุดหลุมฝังสาวสวยหน้าตาดีอย่างนี้ได้ลงคอ

ถ้าเป็นเขาไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามฉวยโอกาสซ้ำเติมศัตรูยามเสียเปรียบ แต่โชคดีที่นับได้ว่าเธอเพิ่งจะช่วยระบบทำงาน

แต่ระบบหักหลังเธอเร็วเกินไปแล้ว ไม่รู้สึกว่าจะทำร้ายคนดีหรือไง ใช่สิ เจ็บก็เจ็บที่ใจของฉัน เจ้าระบบงี่เง่าไม่มีหัวใจย่อมไม่มีทางสนใจเรื่องแบบนี้หรอก!

ระบบไม่แยแสคำบ่นของฟางหนิง หลังจากที่คุณหนูตระกูลฉีเลือกเสร็จแล้วมันก็ตบหน้าผากของอีกฝ่าย ท่าทางแบบเดียวกับตอนที่จับปีศาจเป๊ะ ไม่ทะนุถนอมหญิงสาวแม้แต่น้อย

โชคดีที่ไม่ใช่กิจวัตรประจำวันอย่างการจับปีศาจและคุณหนูตระกูลฉีก็ไม่ได้ถูกตบจนล้มลง ตอนนั้นเอง กระแสปราณสายหนึ่งที่อธิบายไม่ได้ก็ไหลออกมาจากหน้าผากของเธอ

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกดีใจ อัศวิน A ก็น่าเชื่อถือในระดับหนึ่งเลยทีเดียว…

กระแสปราณไหลผ่านร่างทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แต่ในที่สุดมันก็หยุดอยู่ที่หน้าอกแล้วตรึงอยู่ตรงนั้น

คุณหนูตระกูลฉีรู้สึกผิดปกติ แต่เธอบอกไม่ถูก อย่างไรก็ตาม ความรู้ศิลปะการต่อสู้ของเธอก่อนหน้านี้ก็ได้แต่ฟังเอาจากคนเก่าคนแก่ในตระกูลเท่านั้น

พวกคนแก่นั่นแค่พูดคร่าวๆ ไม่มีใครเคยจับมือสอนเลยสักนิด เพียงเพราะเอาแต่คิดว่าสักวันเธอจะต้องแต่งงานออกไป

หลังจากที่กระแสปราณหยุดไหล อัศวิน A ก็บินหนีไปอย่างรวดเร็ว หนังสือเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของฉีเยียน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน แต่หน้าปกนั่นเขียนไว้ว่า ‘วิชาภายในพื้นฐานล้มครึ่งก้าว’

เธอก้มหน้าด้วยความดีใจและเปิดอ่านมันทันที หลังจากอ่านได้แค่หน้าแรกก็ตกตะลึง ใบหน้าของเธอค่อยๆ แดงเรื่อด้วยความอาย จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและตะโกนไปทางที่อัศวิน A จากไป

“อัศวิน A ไปตายซะ! อย่าให้ฉันเจอแกอีก!”

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของฉีเยียนที่มีต่อคุณทะลุปรอทแล้ว ดูดซับทันที สถานะปัจจุบันของสล็อตความโกรธทั้งสามระดับมีดังนี้ สล็อตความโกรธระดับแรกเต็มแล้ว และส่วนที่เกินจะถูกโอนไปจัดเก็บยังสล็อตความโกรธระดับถัดไปโดยอัตโนมัติ ความคืบหน้าขณะนี้ของสล็อตความโกรธระดับสอง: ร้อยละ 20

เอาล่ะ เพียงแค่สะสมความโกรธของผู้หญิงสองคน เดิมทีสล็อตความโกรธระดับแรกความโกรธร้อยละ 70 เต็มแล้ว และไปถึงสล็อตความโกรธระดับสองได้เยอะทีเดียว ถึงได้พูดกันอย่ายั่วโมโหผู้หญิงเด็ดขาด

แต่เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์มันจึงไม่หวาดกลัว และกล้าท้าทายความโกรธของพวกผู้หญิงทุกคน…

ในใจฟางหนิงเริ่มสั่นไหว หนุ่มโสดอายุยี่สิบแปดเริ่มเป็นกังวลแล้ว

ในช่วงเวลานั้น เขาจึงตัดสินใจได้ว่าควรจะเป็นโสดไปก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

ดังนั้นเขาจึงอ่านนิยายและเล่นเกมต่อไปในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบทุกวัน นอกเหนือจากเวลาที่ระบบไปทำงานแล้ว มันก็ใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า จับปีศาจ ปิดระบบ จับปีศาจ ปิดระบบ และบางครั้งก็เรียกฟางหนิงไปช่วยสะสมสล็อตความโกรธด้วย

คุณหนูตระกูลฉีที่ถูกหัวหน้าระบบหลอกกลับไม่ได้ใช้ชีวิตสวยงามขนาดนั้น

เธอมาจากตระกูลผู้ดี แน่นอนว่าตอนนี้เหมือนกับตระกูลใหญ่อื่น ๆ แตกกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วทุกสารทิศ ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติหลวมๆ ไม่สนิทสนมกันมากนัก ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับตระกูลเศรษฐีที่มีอำนาจสมัยโบราณ

ตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาจะรวมตัวกันครั้งหนึ่งก็เฉพาะช่วงวันขึ้นปีใหม่เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ ขณะเดียวกันก็โอ้อวดสารพัด เมื่อก่อนเคยอวดความมั่งมีและตำแหน่งขุนนางใหญ่ แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือศิลปะการต่อสู้พลังพิเศษ

พลังพิเศษจำเป็นต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และยังไม่มีใครค้นพบกฎเกณฑ์วิธีการปลุกพลังพิเศษนี้ แต่ศิลปะการต่อสู้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพียงแต่การฝึกฝนชั่วชีวิตเทียบไม่ได้กับยิงปืนหนึ่งนัด โชคดีที่การฝึกฝนเพื่อสุขภาพอย่างน้อยก็มีประโยชน์ทำให้อายุยืน แต่การฝึกยิงปืนไม่มีประโยชน์อย่างนี้

ตระกูลฉีเป็นตระกูลใหญ่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณ มีศิลปะการต่อสู้หลายอย่าง แต่ก็มีคนรุ่นต่อๆ มาอีกหลายคนที่ไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้เลย

มีแต่ผู้สูงอายุในตระกูลเท่านั้นที่ฝึกฝนบ่อยๆ เพื่อรักษาสุขภาพ และผลที่ได้ก็แข็งแกร่งกว่าการออกกำลังกายที่สอนกันทั่วไปเป็นอย่างมาก

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่รู้เพราะสาเหตุใด ผู้สูงอายุบางคนในกลุ่มที่อาศัยการฝึกศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษเพื่อรักษาสุขภาพกลับเริ่มฝึกกำลังภายในที่ไม่เคยมีใครฝึกฝนมาเป็นเวลานานได้ ทายาทตระกูลบางคนที่หัวไวก็ใช้กำลังภายในผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยยกระดับธุรกิจครอบครัวบางส่วนไปอีกขั้น ทำให้เหล่าคนในตระกูลเข้าใจว่ายุคใหม่กำลังจะมาถึง

เช่นคลินิกแพทย์แผนจีนที่สืบทอดกันในครอบครัว ในอดีตมีการใช้วิธีการรักษาและตำรับยาโบราณ กับบางคนและบางโรคถึงจะได้ผลอัศจรรย์ แต่ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยแพทย์แผนปัจจุบันที่ครอบคลุมและเป็นระบบ

จนกระทั่งแพทย์แผนจีนสูงอายุในตระกูลคนนั้นฝึกฝนกำลังภายในและสามารถมองเห็นเส้นลมปราณในหนังสือโบราณได้จริง ทุกอย่างก็แตกต่างไป…

ข้าราชการระดับสูงคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรครักษาไม่ได้ระยะสุดท้ายได้รับการรักษา โดยเขาใช้กำลังภายในประกอบกับวิธีการนำทางด้วยเข็มทองควบคุมการลุกลามของโรคได้สำเร็จ จนกระทั่งค่อยๆ ฟื้นตัวได้ ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดกันในวงแคบๆ เท่านั้น แต่ความจริงแล้วหลานชายของเขาเป็นผู้คิดค้นวิธีการนี้

……………………………………………………..

[1] เป้าผูจื่อ คือ ตำราของลัทธิเต๋าเรียบเรียงโดยเก๋อหง ว่าด้วยแนวคิดของเก๋อหงต่อลัทธิเต๋า วิธีการบรรลุเซียนและยาอายุวัฒนะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+