เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 15 ไม่ละทิ้งและไม่ยอมแพ้

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 15 ไม่ละทิ้งและไม่ยอมแพ้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ใหญ่หม่า หนิวซื่อ ตอนนี้พวกแกสองคนไปมุดหัวอยู่ที่ไหน รีบออกมาจัดการศัตรูสิ ช่วยพี่น้องหน่อย…” ในที่สุดหัวขโมยหลี่ว์เอ้อร์ก็วางศักดิ์ศรีลง เขาคำรามใส่หูฟังข้างคอเสื้อด้วยต้องการเรียกกำลังเสริม

“เรากำลังดื่มเบียร์กินกับแกล้มกันที่ตลาดกลางคืนชานเมืองตะวันออก หลี่ว์เอ้อร์แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพลังพิเศษของแกพัฒนาเป็นขั้นสองแล้ว อัศวินกระจอกนั่นไม่มีทางวิ่งทันแกได้ อย่ายอมแพ้สิ วิ่งต่อไป ถ้าคืนนี้แกสลัดมันหลุด ต่อไปนี้ฉันจะเรียกแกพี่ใหญ่หลี่ว์เลย แล้วฉันจะเป็นหม่าเอ้อร์แทน ฉันกับหนิวซื่อสองคนจะนับถือแกเป็นหัวหน้า ต่อไปจะเชื่อฟังทุกอย่าง!” เสียงของพี่ใหญ่หม่าดังลอดออกมาจากหูฟัง

“ไม่ไหวแล้ว พี่ใหญ่มาช่วยฉันหน่อยเถอะ รีบมาช่วยเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นฉันต้องถูกคนของหน่วยกิจการพิเศษเก็บเป็นศพแน่นอน!” หลี่ว์เอ้อร์กระหืดกระหอบ น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว และหวังว่าพวกพี่น้องจะเห็นใจ

ทว่าบทสนทนาระหว่างพรรคพวกที่ดังจากหูฟังทำเอาเขาหมดอาลัยตายอยาก

“หนิวซื่อ ดูท่าหลี่ว์เอ้อร์จะไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเรากินเสร็จแล้วลองไปถามหน่อยเถอะว่ามีใครรู้จักคนในหน่วยกิจการพิเศษบ้าง แล้วอีกสักพักค่อยหาวิธีช่วยเขา หวังว่าจะยังทันนะ” นอกจากพวกเขาจะไม่ออกมาช่วยเหลือแล้ว น้ำเสียงยังไม่ใส่ใจว่าหลี่ว์เอ้อร์จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรอีกด้วย

หลี่ว์เอ้อร์รู้สึกสลดใจขึ้นมาทันที คบเพื่อนผิดจนตัวตาย ดูเหมือนเขาจะเห็นหลักสูตรทั้งหมดในห้องมืดของหน่วยกิจการพิเศษกำลังกวักมือเรียกตนเอง ไม่คิดเงินสักเหรียญ มาเร็วๆ มีคนสอนให้รับรองเรียนจนเป็นและยังช่วยหางานให้ด้วย

“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้แล้วกัน พี่ใหญ่คิดรอบคอบ น้องชายขอคารวะอีกแก้ว พวกเราชนแก้ว”

“โอเค ชนแก้ว!”

บทสนทนาอันไร้น้ำใจระหว่างเพื่อนตายทั้งสองทำให้หลี่ว์เอ้อร์รู้ว่าเขาถูกทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี และเมื่อหันไปมองอัศวิน A ที่ไล่ตามหลังมาสองชั่วโมงอย่างไม่ยอมลดละ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าอะไรเรียกว่าไม่ละทิ้งและยอมแพ้…

หลี่ว์เอ้อร์หวนนึกถึงตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมสามและแอบหนีออกไปเล่นอินเทอร์เน็ต แต่กลับถูกอาจารย์ใหญ่ไล่ตามหลังมา อาจารย์ไล่ตามได้แค่สองร้อยเมตรเท่านั้นก็เลิกรา แล้วสุดท้ายจึงโทรเรียกพ่อของเขามาแทน

พ่อไล่ตามเขาไปอยู่สามร้าน แต่ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้และขอให้แม่เป็นคนไปตามแทน

แต่แม่กลับไม่สนใจเขาเลย หลี่ว์เอ้อร์รู้สึกหิวจนสุดท้ายก็ยอมกลับบ้านเอง เป็นไปดังคาดว่าตนถูกพ่อกับแม่ฟาดไม่ยั้ง แต่หลังจากผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียวทั้งคู่ก็หมดแรงจนยอมวางมือไปเอง และเขาก็ไม่ร้องเพราะความเจ็บปวดออกมาสักแอะ

ประสบการณ์ตอนนั้นบอกว่าความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด และหากขีดจำกัดของเขามีมากกว่า ขอแค่เขาอดทนไหวเท่านั้นก็พอแล้ว…

ความจริงแล้วหลี่ว์เอ้อร์คิดไม่ผิดหรอก เพียงแต่ว่าคนที่เขาเจอครั้งนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นระบบที่ครองร่างของฟางหนิงเอาไว้ หากเปลี่ยนเป็นตัวฟางหนิงมาวิ่งเองล่ะก็…เกรงว่าแค่สิบนาทีก็คงยอมแพ้แล้ว การเผชิญหน้ากับอมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่จะหลี่ว์เอ้อร์จะรับมือได้…

หลังจากจับตัวได้แล้ว ค่าประสบการณ์อาวุธเทพที่ระบบกำลังสร้างก็สมบูรณ์ทันที แม้จะอัปเกรดไม่ได้แต่ก็ดีกว่าเดิม ตอนนี้ปีศาจหายากมาก ระบบจับมันไม่ได้มาสองวันติดแล้ว แต่คิดว่ามันจะยอมแพ้หรือ ไม่มีทางหรอก! ด้านฟางหนิงกำลังอ่านนิยายด้วยความเพลิดเพลินอยู่ในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบ เฝ้าดูว่าการไล่ล่าจะยืดเยื้อไปถึงตอนไหน เขาอดเห็นใจหัวขโมยคนนั้นไม่ได้

ในที่สุดสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานก็สิ้นสุดลงในตอนรุ่งสาง

ราวตีสี่หลี่ว์เอ้อร์ก็กระตุ้นพลังพิเศษของเขาหลายครั้ง หลังจากรีดพลังหยดสุดท้ายออกมาจากร่างกาย หลี่ว์เอ้อร์ก็หมดแรงฟุบลงกับพื้น

ตอนนี้ทั้งสองวิ่งไล่ล่ากันมาสี่ชั่วโมงเต็ม ระยะทางเทียบเท่ากับการวิ่งมาราธอนไม่รู้กี่รอบ รู้แต่ว่าถ้าวิ่งเป็นเส้นตรงล่ะก็ คงวิ่งจากเมืองฉีไปถึงเมืองถาน[1]ตั้งนานแล้ว

หลี่ว์เอ้อร์หมดแรงจนต้องทรุดร่างลงไปกองกับพื้น แต่ยังโชคดีหน่อยที่อัศวิน A ไม่ตบเขาเพิ่มอีกฉาดหนึ่ง เพราะเดิมเขาเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวได้…

ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาช่างไร้เดียงสา ไม่นานหลังจากที่นอนอยู่บนพื้นก็เห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขา คนคนนั้นก็คืออัศวิน A หลี่ว์เอ้อร์พยายามฝืนยิ้มเอาใจออกมา…

ระบบที่ไล่ตามหลังหลี่ว์เอ้อร์ เวลานี้ใบหน้าปราศจากอารมณ์สุดๆ มันหิ้วเขาขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ฟาดหลี่ว์เอ้อร์แล้วเหวี่ยงหมุนกลางอากาศเจ็ดร้อยยี่สิบองศา ตัวหลี่ว์เอ้อร์ยังอยู่กลางอากาศก็หมดสติไปแล้ว ศีรษะกระแทกเข้ากับแผงขายผลไม้ข้างทาง ตัวเลอะเทอะแตงโม แอปเปิล และกล้วยหอม สภาพดูไม่จืดเลยสักนิด…

ฟางหนิงเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนอีกฝ่ายไม่น้อย เมื่อก่อนระบบไม่เคยตบหน้าใครเลย แม้ว่าจะสังหารใครก็แค่หมัดเดียวเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าระบบเกลียดหลี่ว์เอ้อร์ที่ทำให้มันลดประสิทธิภาพการจับปีศาจคืนนี้มากเพียงใด ปีศาจสามตัวใหญ่แต่ท้ายที่สุดกลับเหลือแค่ตัวเดียว แถมยังใช้เวลาตั้งสี่ชั่วโมงถึงจะจับได้…

ระบบทำเหมือนอย่างเคยค้นตัวหลี่ว์เอ้อร์อย่างละเอียดทันที ก่อนผละไปหยิบเงินที่ค้นได้จากตัวหลี่ว์เอ้อร์แล้วโยนเงินหนึ่งพันหยวนให้แผงขายผลไม้ที่เละเทะถือเป็นค่าชดเชย

หลังจากระบบตรวจสอบผลงานแล้วก็พอใจทีเดียว จึงจากไปอย่างสง่าผ่าเผย

ผ่านไปพักใหญ่ ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ห่างออกไปจากพื้นที่ตรงนั้นเล็กน้อย

ตอนนั้นเอง ชายสองคนก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากตรอกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ คนหนึ่งโผล่มาได้แค่ครึ่งก้าวก็กวาดตามองไปรอบๆ และขณะที่กำลังจะเดินตรงไปยังหลี่ว์เอ้อร์ที่นอนแผ่อยู่บนพื้น ใครอีกคนก็กระชากตัวเขากลับไป

ไม่นานนักก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ

จากนั้นรถเก๋งสีดำสามคันก็เคลื่อนเข้ามา คนกลุ่มหนึ่งในชุดเครื่องแบบสีดำปักลายดาบและโล่ก้าวลงมาจากรถ

พวกเขาไม่พูดอะไร ต่างพากันกระจายตัวออกไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบและหลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่งแล้ว ใครบางคนก็ดึงร่างชายคนหนึ่งออกมาจากกองผลไม้ ใบหน้าของชายคนนี้บวมเป่ง ใบหน้าด้านหนึ่งคล้ายกำลังยิ้ม ส่วนอีกด้านบิดเบี้ยวชัดเจน…

คนพวกนี้รีบใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนให้หลี่ว์เอ้อร์อย่างรวดเร็ว…

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พูดกับวิทยุสื่อสารว่า “ยืนยันเป้าหมาย หลี่ว์เอ้อร์ รหัสแฟ้มคือ ‘หนูเหาะ’ สถานะปัจจุบันสลบ คาดว่าเกิดจากการวิ่งมากเกินไปและการโจมตีจากแรงภายนอก”

พวกเขาลากร่างหลี่ว์เอ้อร์ที่สภาพเหมือนศพออกไปวางที่เบาะหลังของรถแล้วขับออกไปทันที

หลังจากคนกลุ่มนั้นขับรถออกไปแล้ว ตอนนี้ชายสองคนที่เมื่อกี้โผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของตรอกก็โผล่หน้าออกมาอีกครั้ง พวกเขากวาดสายตามองรอบตัวอย่างระแวดระวังถึงค่อยก้าวออกมา

ทั้งสองมองไปทางรถที่วิ่งห่างออกไปแล้ว ก่อนจะหันมองไปยังจุดที่หลี่ว์เอ้อร์นอนสลบอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีก พวกเขาสบตากันด้วยความจนใจ จากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

“พี่ใหญ่หม่า อย่างที่พี่คิดจริงๆ คนของหน่วยกิจการพิเศษจับตาดูเราตลอดเวลา ถ้าพี่ไม่หลอกหลี่ว์เอ้อร์แบบนั้น ตอนนี้เราสองคนคงซวยไปด้วยแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไปกันดีล่ะ”

“จะทำอะไรได้ล่ะ เจ้าทึ่มหลี่ว์เอ้อร์ อยากจะแย่งอำนาจแย่งสิทธิ์ของฉัน แต่คราวนี้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ดีแล้วมันจะได้เจียมตัวบ้าง จริงสิ หนิวซื่อ เมื่อกี้อัดคลิปไว้แล้วใช่ไหม” พี่ใหญ่หม่าเอ่ยน้ำเสียงชิงชัง

“อัดเก็บไว้หมดแล้ว สองคนนี้วิ่งเก่งจริงๆ พวกเราขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา วิ่งมาถึงตรงนี้น้ำมันแทบจะหมด แถมยังไม่กล้าเข้าใกล้มากอีก เพราะกลัวว่าจะถูกอัศวิน A นั่นตบตาย”

“ดีๆ ขายคลิปนี้ให้พวก ‘ฮัมมิ่งเบิร์ด’ ยังพอแลกเงินค่าน้ำมันได้นิดหน่อย แล้วค่อยบอกหลี่ว์เอ้อร์ว่าพวกเราทำเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก อดทนวิ่งได้ไกลถึงสองร้อยห้าสิบกิโลเมตร ทำให้รถฮาร์เลย์พังๆ คันนี้ของเราน้ำมันแทบหมด แล้วกลุ่มคนของหน่วยกิจการพิเศษยังไล่ตามมาอีก พวกเราจนปัญญาจริงๆ”

แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า ถ้าระบบอยากจะวิ่งขึ้นมา การวิ่งทั้งวันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

ตอนนั้นเอง เจ้าหน้าประสานงานหน่วยกิจการพิเศษก็เอ่ยถึงอัศวินคนนี้ในรถเช่นกัน

“อัศวิน A นี่มีความแค้นอะไรกับคนนี้นัก ไล่ตามเขาตั้งสี่ชั่วโมง ฉันดูจากกล้องจนเหนื่อยเลย นับถือความอดทนของเขาจริงๆ!”

“เหอะๆ แต่ฉันไม่แปลกใจหรอก พวกนายไม่รู้หรือไงว่าความอดทนของอัศวิน A สูงแค่ไหน ครั้งหนึ่งเขาอยู่ที่ตลาดชานเมืองตะวันออก ดักซุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จับนักล้วงกระเป๋าได้ยี่สิบเอ็ดคนติดต่อกันโดยไม่เหน็ดเหนื่อย”

“ฮ่าฮ่า งั้นวันนี้เจ้าหลี่ว์เอ้อร์ก็ดวงกุดแล้วล่ะ ดันเจอเข้ากับคนที่ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้จนได้”

“ยังมีโชคร้ายกว่านี้รอเขาอยู่ หลี่ว์เอ้อร์ปฏิเสธโปรแกรมเรียนซ้ำหลายครั้ง และยังหลบหนีพวกเราอีกหลายต่อหลายครั้งด้วย ต้องเสียแรงไปไม่น้อยเลย เขามักจะเตร็ดเตร่ไปทั่วในเมือง ไม่ก่อเรื่องใหญ่โต แต่ก็สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน ในที่สุดวันนี้ก็จับตัวได้สำเร็จเสียที หัวหน้าจางของโปรแกรมเรียนซ้ำมีบทเรียนใหม่อีกแล้ว เจ้าหลี่ว์เอ้อร์ลื่นเป็นปลาไหลมาก แต่วันนี้มันจะได้ลิ้มรสแล้วว่าอะไรคือการไม่ละทิ้งและไม่ยอมแพ้ที่แท้จริง…”

……………………………………………………..

[1] เมืองถานคือเมืองระดับอำเภอค่อนข้างไกลที่อยู่ใต้การปกครองของเมืองฉี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 15 ไม่ละทิ้งและไม่ยอมแพ้

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 15 ไม่ละทิ้งและไม่ยอมแพ้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่ใหญ่หม่า หนิวซื่อ ตอนนี้พวกแกสองคนไปมุดหัวอยู่ที่ไหน รีบออกมาจัดการศัตรูสิ ช่วยพี่น้องหน่อย…” ในที่สุดหัวขโมยหลี่ว์เอ้อร์ก็วางศักดิ์ศรีลง เขาคำรามใส่หูฟังข้างคอเสื้อด้วยต้องการเรียกกำลังเสริม

“เรากำลังดื่มเบียร์กินกับแกล้มกันที่ตลาดกลางคืนชานเมืองตะวันออก หลี่ว์เอ้อร์แกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพลังพิเศษของแกพัฒนาเป็นขั้นสองแล้ว อัศวินกระจอกนั่นไม่มีทางวิ่งทันแกได้ อย่ายอมแพ้สิ วิ่งต่อไป ถ้าคืนนี้แกสลัดมันหลุด ต่อไปนี้ฉันจะเรียกแกพี่ใหญ่หลี่ว์เลย แล้วฉันจะเป็นหม่าเอ้อร์แทน ฉันกับหนิวซื่อสองคนจะนับถือแกเป็นหัวหน้า ต่อไปจะเชื่อฟังทุกอย่าง!” เสียงของพี่ใหญ่หม่าดังลอดออกมาจากหูฟัง

“ไม่ไหวแล้ว พี่ใหญ่มาช่วยฉันหน่อยเถอะ รีบมาช่วยเร็วเข้า ไม่อย่างนั้นฉันต้องถูกคนของหน่วยกิจการพิเศษเก็บเป็นศพแน่นอน!” หลี่ว์เอ้อร์กระหืดกระหอบ น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว และหวังว่าพวกพี่น้องจะเห็นใจ

ทว่าบทสนทนาระหว่างพรรคพวกที่ดังจากหูฟังทำเอาเขาหมดอาลัยตายอยาก

“หนิวซื่อ ดูท่าหลี่ว์เอ้อร์จะไม่ไหวแล้วจริงๆ พวกเรากินเสร็จแล้วลองไปถามหน่อยเถอะว่ามีใครรู้จักคนในหน่วยกิจการพิเศษบ้าง แล้วอีกสักพักค่อยหาวิธีช่วยเขา หวังว่าจะยังทันนะ” นอกจากพวกเขาจะไม่ออกมาช่วยเหลือแล้ว น้ำเสียงยังไม่ใส่ใจว่าหลี่ว์เอ้อร์จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรอีกด้วย

หลี่ว์เอ้อร์รู้สึกสลดใจขึ้นมาทันที คบเพื่อนผิดจนตัวตาย ดูเหมือนเขาจะเห็นหลักสูตรทั้งหมดในห้องมืดของหน่วยกิจการพิเศษกำลังกวักมือเรียกตนเอง ไม่คิดเงินสักเหรียญ มาเร็วๆ มีคนสอนให้รับรองเรียนจนเป็นและยังช่วยหางานให้ด้วย

“โอเค ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้แล้วกัน พี่ใหญ่คิดรอบคอบ น้องชายขอคารวะอีกแก้ว พวกเราชนแก้ว”

“โอเค ชนแก้ว!”

บทสนทนาอันไร้น้ำใจระหว่างเพื่อนตายทั้งสองทำให้หลี่ว์เอ้อร์รู้ว่าเขาถูกทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี และเมื่อหันไปมองอัศวิน A ที่ไล่ตามหลังมาสองชั่วโมงอย่างไม่ยอมลดละ ในที่สุดเขาก็รู้ว่าอะไรเรียกว่าไม่ละทิ้งและยอมแพ้…

หลี่ว์เอ้อร์หวนนึกถึงตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นประถมสามและแอบหนีออกไปเล่นอินเทอร์เน็ต แต่กลับถูกอาจารย์ใหญ่ไล่ตามหลังมา อาจารย์ไล่ตามได้แค่สองร้อยเมตรเท่านั้นก็เลิกรา แล้วสุดท้ายจึงโทรเรียกพ่อของเขามาแทน

พ่อไล่ตามเขาไปอยู่สามร้าน แต่ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้และขอให้แม่เป็นคนไปตามแทน

แต่แม่กลับไม่สนใจเขาเลย หลี่ว์เอ้อร์รู้สึกหิวจนสุดท้ายก็ยอมกลับบ้านเอง เป็นไปดังคาดว่าตนถูกพ่อกับแม่ฟาดไม่ยั้ง แต่หลังจากผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียวทั้งคู่ก็หมดแรงจนยอมวางมือไปเอง และเขาก็ไม่ร้องเพราะความเจ็บปวดออกมาสักแอะ

ประสบการณ์ตอนนั้นบอกว่าความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด และหากขีดจำกัดของเขามีมากกว่า ขอแค่เขาอดทนไหวเท่านั้นก็พอแล้ว…

ความจริงแล้วหลี่ว์เอ้อร์คิดไม่ผิดหรอก เพียงแต่ว่าคนที่เขาเจอครั้งนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นระบบที่ครองร่างของฟางหนิงเอาไว้ หากเปลี่ยนเป็นตัวฟางหนิงมาวิ่งเองล่ะก็…เกรงว่าแค่สิบนาทีก็คงยอมแพ้แล้ว การเผชิญหน้ากับอมนุษย์ไม่ใช่เรื่องที่จะหลี่ว์เอ้อร์จะรับมือได้…

หลังจากจับตัวได้แล้ว ค่าประสบการณ์อาวุธเทพที่ระบบกำลังสร้างก็สมบูรณ์ทันที แม้จะอัปเกรดไม่ได้แต่ก็ดีกว่าเดิม ตอนนี้ปีศาจหายากมาก ระบบจับมันไม่ได้มาสองวันติดแล้ว แต่คิดว่ามันจะยอมแพ้หรือ ไม่มีทางหรอก! ด้านฟางหนิงกำลังอ่านนิยายด้วยความเพลิดเพลินอยู่ในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบ เฝ้าดูว่าการไล่ล่าจะยืดเยื้อไปถึงตอนไหน เขาอดเห็นใจหัวขโมยคนนั้นไม่ได้

ในที่สุดสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานก็สิ้นสุดลงในตอนรุ่งสาง

ราวตีสี่หลี่ว์เอ้อร์ก็กระตุ้นพลังพิเศษของเขาหลายครั้ง หลังจากรีดพลังหยดสุดท้ายออกมาจากร่างกาย หลี่ว์เอ้อร์ก็หมดแรงฟุบลงกับพื้น

ตอนนี้ทั้งสองวิ่งไล่ล่ากันมาสี่ชั่วโมงเต็ม ระยะทางเทียบเท่ากับการวิ่งมาราธอนไม่รู้กี่รอบ รู้แต่ว่าถ้าวิ่งเป็นเส้นตรงล่ะก็ คงวิ่งจากเมืองฉีไปถึงเมืองถาน[1]ตั้งนานแล้ว

หลี่ว์เอ้อร์หมดแรงจนต้องทรุดร่างลงไปกองกับพื้น แต่ยังโชคดีหน่อยที่อัศวิน A ไม่ตบเขาเพิ่มอีกฉาดหนึ่ง เพราะเดิมเขาเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวได้…

ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาช่างไร้เดียงสา ไม่นานหลังจากที่นอนอยู่บนพื้นก็เห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเขา คนคนนั้นก็คืออัศวิน A หลี่ว์เอ้อร์พยายามฝืนยิ้มเอาใจออกมา…

ระบบที่ไล่ตามหลังหลี่ว์เอ้อร์ เวลานี้ใบหน้าปราศจากอารมณ์สุดๆ มันหิ้วเขาขึ้นมาแล้วจากนั้นก็ฟาดหลี่ว์เอ้อร์แล้วเหวี่ยงหมุนกลางอากาศเจ็ดร้อยยี่สิบองศา ตัวหลี่ว์เอ้อร์ยังอยู่กลางอากาศก็หมดสติไปแล้ว ศีรษะกระแทกเข้ากับแผงขายผลไม้ข้างทาง ตัวเลอะเทอะแตงโม แอปเปิล และกล้วยหอม สภาพดูไม่จืดเลยสักนิด…

ฟางหนิงเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บแทนอีกฝ่ายไม่น้อย เมื่อก่อนระบบไม่เคยตบหน้าใครเลย แม้ว่าจะสังหารใครก็แค่หมัดเดียวเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าระบบเกลียดหลี่ว์เอ้อร์ที่ทำให้มันลดประสิทธิภาพการจับปีศาจคืนนี้มากเพียงใด ปีศาจสามตัวใหญ่แต่ท้ายที่สุดกลับเหลือแค่ตัวเดียว แถมยังใช้เวลาตั้งสี่ชั่วโมงถึงจะจับได้…

ระบบทำเหมือนอย่างเคยค้นตัวหลี่ว์เอ้อร์อย่างละเอียดทันที ก่อนผละไปหยิบเงินที่ค้นได้จากตัวหลี่ว์เอ้อร์แล้วโยนเงินหนึ่งพันหยวนให้แผงขายผลไม้ที่เละเทะถือเป็นค่าชดเชย

หลังจากระบบตรวจสอบผลงานแล้วก็พอใจทีเดียว จึงจากไปอย่างสง่าผ่าเผย

ผ่านไปพักใหญ่ ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ห่างออกไปจากพื้นที่ตรงนั้นเล็กน้อย

ตอนนั้นเอง ชายสองคนก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากตรอกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ คนหนึ่งโผล่มาได้แค่ครึ่งก้าวก็กวาดตามองไปรอบๆ และขณะที่กำลังจะเดินตรงไปยังหลี่ว์เอ้อร์ที่นอนแผ่อยู่บนพื้น ใครอีกคนก็กระชากตัวเขากลับไป

ไม่นานนักก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ

จากนั้นรถเก๋งสีดำสามคันก็เคลื่อนเข้ามา คนกลุ่มหนึ่งในชุดเครื่องแบบสีดำปักลายดาบและโล่ก้าวลงมาจากรถ

พวกเขาไม่พูดอะไร ต่างพากันกระจายตัวออกไปรอบๆ เพื่อตรวจสอบและหลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่งแล้ว ใครบางคนก็ดึงร่างชายคนหนึ่งออกมาจากกองผลไม้ ใบหน้าของชายคนนี้บวมเป่ง ใบหน้าด้านหนึ่งคล้ายกำลังยิ้ม ส่วนอีกด้านบิดเบี้ยวชัดเจน…

คนพวกนี้รีบใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนให้หลี่ว์เอ้อร์อย่างรวดเร็ว…

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็พูดกับวิทยุสื่อสารว่า “ยืนยันเป้าหมาย หลี่ว์เอ้อร์ รหัสแฟ้มคือ ‘หนูเหาะ’ สถานะปัจจุบันสลบ คาดว่าเกิดจากการวิ่งมากเกินไปและการโจมตีจากแรงภายนอก”

พวกเขาลากร่างหลี่ว์เอ้อร์ที่สภาพเหมือนศพออกไปวางที่เบาะหลังของรถแล้วขับออกไปทันที

หลังจากคนกลุ่มนั้นขับรถออกไปแล้ว ตอนนี้ชายสองคนที่เมื่อกี้โผล่ออกมาจากมุมหนึ่งของตรอกก็โผล่หน้าออกมาอีกครั้ง พวกเขากวาดสายตามองรอบตัวอย่างระแวดระวังถึงค่อยก้าวออกมา

ทั้งสองมองไปทางรถที่วิ่งห่างออกไปแล้ว ก่อนจะหันมองไปยังจุดที่หลี่ว์เอ้อร์นอนสลบอยู่ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครอยู่ที่นั่นอีก พวกเขาสบตากันด้วยความจนใจ จากนั้นจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

“พี่ใหญ่หม่า อย่างที่พี่คิดจริงๆ คนของหน่วยกิจการพิเศษจับตาดูเราตลอดเวลา ถ้าพี่ไม่หลอกหลี่ว์เอ้อร์แบบนั้น ตอนนี้เราสองคนคงซวยไปด้วยแล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไปกันดีล่ะ”

“จะทำอะไรได้ล่ะ เจ้าทึ่มหลี่ว์เอ้อร์ อยากจะแย่งอำนาจแย่งสิทธิ์ของฉัน แต่คราวนี้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า ดีแล้วมันจะได้เจียมตัวบ้าง จริงสิ หนิวซื่อ เมื่อกี้อัดคลิปไว้แล้วใช่ไหม” พี่ใหญ่หม่าเอ่ยน้ำเสียงชิงชัง

“อัดเก็บไว้หมดแล้ว สองคนนี้วิ่งเก่งจริงๆ พวกเราขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา วิ่งมาถึงตรงนี้น้ำมันแทบจะหมด แถมยังไม่กล้าเข้าใกล้มากอีก เพราะกลัวว่าจะถูกอัศวิน A นั่นตบตาย”

“ดีๆ ขายคลิปนี้ให้พวก ‘ฮัมมิ่งเบิร์ด’ ยังพอแลกเงินค่าน้ำมันได้นิดหน่อย แล้วค่อยบอกหลี่ว์เอ้อร์ว่าพวกเราทำเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก อดทนวิ่งได้ไกลถึงสองร้อยห้าสิบกิโลเมตร ทำให้รถฮาร์เลย์พังๆ คันนี้ของเราน้ำมันแทบหมด แล้วกลุ่มคนของหน่วยกิจการพิเศษยังไล่ตามมาอีก พวกเราจนปัญญาจริงๆ”

แต่พวกเขากลับไม่รู้เลยว่า ถ้าระบบอยากจะวิ่งขึ้นมา การวิ่งทั้งวันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

ตอนนั้นเอง เจ้าหน้าประสานงานหน่วยกิจการพิเศษก็เอ่ยถึงอัศวินคนนี้ในรถเช่นกัน

“อัศวิน A นี่มีความแค้นอะไรกับคนนี้นัก ไล่ตามเขาตั้งสี่ชั่วโมง ฉันดูจากกล้องจนเหนื่อยเลย นับถือความอดทนของเขาจริงๆ!”

“เหอะๆ แต่ฉันไม่แปลกใจหรอก พวกนายไม่รู้หรือไงว่าความอดทนของอัศวิน A สูงแค่ไหน ครั้งหนึ่งเขาอยู่ที่ตลาดชานเมืองตะวันออก ดักซุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จับนักล้วงกระเป๋าได้ยี่สิบเอ็ดคนติดต่อกันโดยไม่เหน็ดเหนื่อย”

“ฮ่าฮ่า งั้นวันนี้เจ้าหลี่ว์เอ้อร์ก็ดวงกุดแล้วล่ะ ดันเจอเข้ากับคนที่ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้จนได้”

“ยังมีโชคร้ายกว่านี้รอเขาอยู่ หลี่ว์เอ้อร์ปฏิเสธโปรแกรมเรียนซ้ำหลายครั้ง และยังหลบหนีพวกเราอีกหลายต่อหลายครั้งด้วย ต้องเสียแรงไปไม่น้อยเลย เขามักจะเตร็ดเตร่ไปทั่วในเมือง ไม่ก่อเรื่องใหญ่โต แต่ก็สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน ในที่สุดวันนี้ก็จับตัวได้สำเร็จเสียที หัวหน้าจางของโปรแกรมเรียนซ้ำมีบทเรียนใหม่อีกแล้ว เจ้าหลี่ว์เอ้อร์ลื่นเป็นปลาไหลมาก แต่วันนี้มันจะได้ลิ้มรสแล้วว่าอะไรคือการไม่ละทิ้งและไม่ยอมแพ้ที่แท้จริง…”

……………………………………………………..

[1] เมืองถานคือเมืองระดับอำเภอค่อนข้างไกลที่อยู่ใต้การปกครองของเมืองฉี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+