เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง

เฉียวอันผิงเห็นดังนั้นก็ปฏิเสธพัลวัน “ไม่ได้หรอกครับ ท่านเทพเก็บไว้ให้ท่านเอง… ไม่สิ บาดแผลของเฉียวโหม่วโชคดีที่ได้ท่านเทพเมตตามอบยาให้ครั้งก่อน ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ”

ฟางหนิงก็ไม่พูดอะไร ยื่นยาให้เจิ้งต้าวที่อยู่ข้างๆ บอก “พ่อบ้านเจิ้ง เดี๋ยวส่งไปที่บ้านของสหายเฉียวนะ ”

คนอื่นมองตาเขม็ง ทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนไม่ได้โง่งม มองแราดเดียวก็รู้ว่า ‘ยาเก้าหันคืนวิญญาณ’ สามเม็ดนั้นไม่ธรรมดา กลิ่นหอมอบอวล ไม่ใช่อย่างที่ซื้อในเขาเทียนชิงจะเทียบได้…

“ดูท่าเขาคงเป็นร่างแท้ของมังกรจริงๆ รากฐานลึกล้ำ ไม่ต้องเกรงกลัวเขาเทียนชิง ” คนบางกลุ่มเริ่มซุบซิบกันอีก

“แล้วทำไมเขาไม่ใช้เองล่ะ เกรงว่าคงเป็นบาดแผลทางวิญญาณ ยากต่อการรักษาแล้วกระมัง ” มีคนคาดเดา

ไม่ต้องสงสัยว่าความคิดของมนุษย์ผิดเพี้ยนแค่ไหน…

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดกู่ปู้เหวยแห่งเขาเทียนชิงก็ปรากฏตัว!

ต่างจากคนอื่นๆ ที่เดินเข้ามาทางประตู เขาปรากฏตัวอยู่บนเวที

คล้ายว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่งคลายวิชาพลางตัวจึงทำให้ทุกคนมองเห็นได้

คนบางพวกพลันรู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้เข้าไปทักทายอัศวิน A ถ้ากู่ปู้เหวยเห็นเข้า หลังจากนี้ตนเองจะยังอยู่ดีได้เหรอ

น่าเสียดาย ไม่รู้ทำไมเขาเทียนชิงที่วางตัวสูงส่งไม่เคยคบค้ากับคนธรรมดา ทุกสามปีจะมีออกมาสองคน ทำให้พวกเขาอยากสานสัมพันธ์ก็ไม่มีที่ให้สานสัมพันธ์

หนึ่งเดียวที่เป็นทางพูดคุยได้ก็คืองานแลกเปลี่ยนของวิเศษแห่งนี้ อีกที่หนึ่งไม่ใช่การพูดคุย เมื่อเขาเทียนชิงปรากฏย่อมหมายถึงศิษย์ของพวกเขาจะถูกเขาเทียนชิงเอาตัวไป… หากสำนักนั้นไม่ยินยอม ก็จะเป็นเหมือนสำนักราชาผีที่ได้ชื่นชมความสามารถของเขาเทียนชิง

ยามนี้พนักงานของสำนักงานสัจธรรมเดินขึ้นมาบนเวทีแล้ว เตรียมเปิดผ้าไหมบนแท่นกระเบื้องเคลือบ

กู่ปู้เหวยยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกพวกเขาหยุดมือ พนักงานทั้สามแม้สงสัยแต่ก็หยุดมือพร้อมกัน

กู่ปู้เหวยเดินลงจากเวทีทีละขั้น มุ่งไปทางอัศวิน A ที่นั่งอยู่แถวแรก

ทุกคนพลันอกสั่นขวัญแขวน ทั้งสองจะปะทะกันอย่างดุเดือดงั้นเหรอ

บางคนมองลู่ทางหลบหนีไว้แล้ว ห้องโถงนี้พวกเขาเคยมาเมื่อสามปีก่อน จดจำเส้นทางหลบหนีได้อย่างแม่นยำ ที่นี่ใช้โล่ห์ดินกำบังไม่ได้ เพราะถูกค่ายกลผนึกตายเอาไว้ อยากหลบหนีต้องหนีทางทางเข้าเท่านั้น

ระยะทางสั้นนิดเดียว ทว่าในใจคนอื่น กู่ปู้เหวยคล้ายใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึง

จากนั้นพวกเขาจึงเห็นว่ากู่ปู้เหวยกล่าวกับอัศวิน A อย่างราบเรียบ “อัศวิน A ได้เวลาแล้ว เสนอราคาได้เลย…”

คนอื่นพากันประหลาดใจ แต่ละคนลืมตาอ้าปากค้าง กู่ปู้เหวยมีเขาเทียนชิงหนุนหลัง เพรียบพร้อมทุกอย่าง คราวนี้ยังต้องซื้อของจากอัศวิน A ด้วยเหรอ !

ผู้แข็งแกร่งบางคนขบคิด แต่ก็ไม่กล้าเชื่ออย่างที่ใจคิด

ทว่าทุกคนมองออก กู่ปู้เหวยไม่ตกใจหรือดีใจ ไม่เสียใจหรือโมโห คล้ายกำลังซื้อของธรรมดาชิ้นหนึ่ง

อัศวัน A ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงมองอีกฝ่ายเงียบๆ

เฉียวอันผิงไม่ได้ลุกขึ้นเช่นกัน มองเงียบๆ เช่นเดียวกัน

เจิ้งต้าว ‘ผมก็มองเงียบๆ …’

ระบบ “คุณทำอะไรอยู่ ”

ฟางหนิง “อะไร รีดไถคนไงเล่า ต่อหน้าคนอย่างนี้ ทำอย่างกับเราเป็นพวกจับตัวเรียกค่าไถ่…”

ระบบ “นั่นสิ ฉันเป็นระบบอัศวินนะ ถึงจะอยากได้ค่าไถ่จากเขาก็เถอะ แต่ทำโจ่งแจ้งอย่างนี้ไม่ได้มั้ง…”

ฟางหนิง “อย่าโพล่งออกมาตรงๆ อย่างนี้สิ… ฉันขอคิดก่อน ใช่แล้ว แกเอาวิญญาณของฉีเหมยทำเป็นลูกบอลขายให้เขาสิ แค่นี้ก็ได้แล้ว เราไม่ได้ขายคน แค่ขายบอลลูกเดียว…”

ระบบ “ก็ดี ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนอวดดี พอเข้าไปในห้องขังก็ยอมแพ้อย่างไว กากยิ่งกว่าเจ้าเด็กหัวรั้นสองคนนั่นเยอะ รายงานให้แอนเดอร์สันทำเสร็จแล้ว คาดว่าการรายงานรายสัปดาห์นี้เขาคงจะเอาข่าวที่เกี่ยวข้องมาให้คุณ ”

ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็เห็นว่าที่มือของอัศวิน A มีลูกบอลสีม่วงปรากฏออกมา

แววตากู่ปู้เหวยสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ เพราะเขายังไม่ได้ยินราคาจากอีกฝ่าย

ฟางหนิงว่าเสียงราบเรียบ “คุณว่าบอลลูกนี้มีค่าเท่าไหร่ พูดกันให้ชัดเจนก่อน ข้าต้องการเพียงวัตถุดิบในงานครั้งนี้ อาวุธหรือยาธรรมดาเหล่านั้นของพวกคุณ ในสายตาข้าก็แค่ของดาษดื่นเท่านั้น ”

ได้ยินคำพูดของเขา คนอื่นต่างเหงื่อตก สมบัติที่พวกเขาปรารถนา ในสายตาอีกฝ่ายกลับไม่น่าชายตาแลเลย

กู้ปู้เหวยไม่พูดจา ไพล่มือไปข้างหลัง เห็นเพียงของบนแท่นกระเบื้องเคลือบบนเวทีทยอยหายไปทีละอย่าง เหลือเพียงป้ายชื่อที่ยังอยู่ที่เดิม…

วัตถุดิบล้ำค่าคุ้นตาของทุกคนถูกกู่ปู้เหวยเก็บคืนกลางคัน

ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าแท่นเครื่องเคลือบบนเวทีหายไปเกือบครึ่ง…

หลายคนยิ่งประหลาดใจ ของในมืออัศวิน A คืออะไรกันแน่

ราคาสูงขนาดเทียบเท่าวัตถุดิบบนเวทีครึ่งหนึ่ง… ต้องรู้ว่าข้างบนนั้นหลายอย่างล้วนเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเขาเทียนชิง

อัศวิน A ไม่ได้พยักหน้า แท่นเครื่องเคลือบบนเวทีลดลงอย่างต่อเนื่อง

จากครึ่งหนึ่ง เหลือหนึ่งในสี่ จนถึงหนึ่งในสิบ กระทั่งเหลือเพียงอาวุธและยา อัศวิน A จึงพยักหน้า

“คุณก็รู้จักคำว่ายุติธรรมนี่ ตกลง จำไว้ หลังจากนี้ข้าไม่ได้คุยง่ายๆ อย่างนี้แล้ว…”

เขาว่าพลางดันก้อนกลมสีม่วงออกไป บอลลูกนั้นค่อยๆ ลอยไปหากู่ปู้เหวย

มือของกู่ปู้เหวยมีแหวนทองแดงวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา ลอยช้าๆ ไปหาอัศวิน A

คนอื่นมองเห็นภาพนี้นึกกลัวในใจ การกระซิบกระซาบเมื่อครู่ทำให้พวกเขารู้ว่าวิญญาณของอัศวิน A บาดเจ็บหนัก ตอนนี้กลับยังกล้าพูดจากับกู่ปู้เหวยอย่างนี้!

หรือว่าอัศวิน A น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ จนเขาเทียนชิงที่แข็งแกร่งอย่างนี้ก็ต้องก้มหัวให้

หรือพวกเขามีข้อแลกเปลี่ยนลับอะไรด้วย

ไม่สิ บางทีเขาเทียนชิงอาจแค่เกรงกลัวตัวตนของอีกฝ่าย กังวลว่าจะมีเผ่ามังกรจากภพเบื้องบนลงมาอีก…

หลายคนที่ไม่รู้ความจริง ยามนี้ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียดายและเสียใจภายหลัง รู้อย่างนี้คงไปสานสัมพันธ์กับอัศวิน A ตั้งนานแล้ว ได้ยินว่าแม้เขาจะหยิ่งยโส แต่ความจริงเป็นคนคุยง่ายมาก

เรื่องนี้ไม่เหมือนกับเขาเทียนชิงที่ไว้ตัวสูงส่ง เชิดมองคนอื่น ไม่คบค้ากับใคร…

แต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดในห้องกลับลอบหลุดขำ ไม่ใยดีกับพวกคนหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านั้น

พวกเขาสัมผัสได้ว่าลูกบอลสีม่วงนั่นคืออะไร ข้างในคือวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง จึงเข้าใจว่าทำไมกู่ปู้เหวยต้องข่มโทสะเอาไว้

มีจุดอ่อนอยู่ในมือคนอื่น ย่อมต้องก้มหัวชั่วคราว

แต่พวกเขาเขื่อว่า หลังจากวันนี้ รอเมื่อกู่ปู้เหวยนำวิญญาณฉีเหมยกลับเขาไปแล้ว นั่นเป็นเวลาที่เขาจะสร้างความลำบากต่ออัศวิน A!

ในสายตาผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดเหล่านี้ ผู้จุติจากภพเบื้องบนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น พวกเขาลงมาก็ต้องเคารพกติกาของภพนี้ พลังก็เสียหายไม่น้อย ต่อให้ขั้นพลังปราณเดิมสูงก็ต้องฟื้นฟูพลังทีละนิด… โชคไม่ดีอาจจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูพลัง

เลวร้ายที่สุดต้องพิจารณาสุนัขดำกับสุนัขเหลืองสองตัวที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ หากอัศวิน A ไม่ปรากฏกายคงถูกมนุษย์นำไปทำเนื้อสุนัขตุ๋นแล้ว…

อีกอย่าง มังกรแท้เดิมทีก็เป็นเผ่าพันธ์ที่มีน้อยนิด จุติลงมาหนึ่งคนในเวลาอันสั้นก็ถึงขีดจำกัด คนต่อไปอีกร้อยปีหลังก็ไม่แน่ว่าจะปรากฎ พวกเขาไม่คิดว่าเขาเทียนชิงจะกลัวมังกรแท้ในอีกร้อยปีข้างหน้า

เกรงว่าถึงตอนนั้นพวกเขาคงทะยานขึ้นฟ้าได้นานแล้ว

กู่ปู้เหวยรับลูกบอลสีม่วงมาแล้วเดินกลับขึ้นเวที กล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สามปีหนึ่งหน งานแลกเปลี่ยนของวิเศษของเขาเทียนชิงเริ่มขึ้นแล้ว… ทุกท่านดูราคากับคำอธิบายบนหน้าจอได้ จากนั้นเสนอราคาซื้อตามความเหมาะสม ”

พนักงานสามคนได้ยินดังนั้นก็รีบมาเปิดผ้าไหมที่เหลือออก ในที่สุดทุกคนก็ได้เห็นอาวุธและยาของจริง

อาวุธยังพอว่า พอเห็นยาหลายคนก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง มียาเก้าหันคืนวิญญาณของท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณอยู่ตรงหน้า พอเห็นของเขาเทียนชิงพลันรู้สึกใจสลาย

บนหน้าจอใหญ่กำลังฉายภาพของแต่ละชิ้น ขณะเดียวกันก็มีราคาพื้นฐานว่าต้องใช้วัตถุดิบเท่าไหร่ถึงจะซื้อได้

แน่นอนว่าหากมีหลายคนแตะตาของชิ้นเดียวกัน ต้องชิงเสนอราคาหรือตกลงกันเอง

ทุกคนตกใจที่พบว่าอัศวิน A ที่เพิ่งหอบวัตถุดิบกว่าครึ่งบนเวทีไปมองของอย่างตั้งใจกว่าใคร พวกเขาใจเย็นวาบ ถ้าเขาร่วมชิงเสนอราคา ใครจะสู้เขาได้ล่ะ

โชคดีที่หลังจากของวิเศษเก็บสมบัติชิ้นแรกถูกคนซื้อไปแล้ว อัศวิน A ก็ไม่มีท่าทีจะร่วมเสนอราคาอีก เพียงนั่งดื่มชาพาทีกับคนอื่น

เฉียวอันผิงทราบข่าวมาจากเริ่นรั่วเฟิงก่อนแล้ว รู้ว่าเขาเทียนชิงมีแผนการอื่น ไม่ฉีกหน้าอัศวิน A เป็นการชั่วคราว

เขามั่นใจว่ากู่ปู้เหวยจะไม่ลงมือ ดังนั้นจึงนั่งติดกับที่ไม่ขยับไปไหน

เรื่องนี้ฝั่งนั้นไร้เหตุผล ฉีเหมยก่อเรื่องโดยไร้สาเหตุก่อน ต่อให้กู่ปู้เหวยไม่กล้าลงมือ ในยามนี้เครือข่ายเทียนหลัวก็กักขังเธอได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยอื่น

ยิ่งกว่านั้นเขาแอบได้ยินผู้เฒ่าห้าคนเคยพูดถึง เจ้านายของพวกเขา บุคคลที่หากไม่ใช่ธุระสำคัญจะไม่ปรากฏกายท่านนั้น ก่อนหน้านี้ตกลงบางอย่างกับ ‘ซางชิงเทียน’ ผู้นำเขาเทียนชิง ทำนองว่าเคยสาบานสัตย์เอาไว้…

ครั้งก่อนที่ท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกมีลมปราณของผู้แข็งแกร่งนิรนามปรากฏ กลับปลุกขวัญเจ้านายแล้วครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในสายตาเจ้านาย ผู้แข็งแกร่งท่านนั้นเป็นภัยคุกคามร้ายแรง…

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เครือข่ายข่าวต่างแดน และเครือข่ายเทียนหลัวล้วนจับร่องรอยความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไม่ได้

หลายวันผ่านไป อีกฝ่ายคล้ายลอยหายไปตามลม ได้ยินว่าเจ้านายยังวางแผนจะออกไปสำรวจด้วยตัวเองสักครั้ง บังเอิญมีเรื่องของเขาเทียนชิงพอดีจึงวางเรื่องนี้ลงก่อน ติดตามเรื่องนี้อย่างลับๆ

ดังนั้นจึงไม่มีการต่อสู้กัน เห็นชัดว่าคราวนี้ทำหลายคนทั้งในและนอกเสินโจวผิดหวังแล้ว…

ทุกครั้งที่มีคนคร่ำครวญว่าสำนักงานสัจธรรมจัดการเข้มงวดเกินไป อยากให้ตัวเองเป็นที่ขบขัน พวกเขามักไม่ได้สมปรารถนา…

บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้ หลังจากอาวุธกลุ่มแรกเริ่มประมูลออกไปก็ผ่อนคลายขึ้นมาก ทุกคนไม่ได้แอบกระซิบกระซาบ แต่พูดคุยกันเสียงเบา

“ดูท่าสำนักงานสัจธรรมแอบจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังจัดมาถึงภายนอกให้พวกเราดู นี่กำลังอวดอำนาจของพวกเขาอยู่ล่ะสิ…”

“คงใช่แหละ พวกเขากำลังบอกพวกเราว่า แข็งแกร่งอย่างเขาเทียนชิงก็ต้องอยู่ภายใต้กฏที่พวกเขาตั้ง บรรลุข้อตกลงกับอัศวิน A ทั้งห้ามลงไม้ลงมือในเสินโจว ”

วางแผนมาดีจริงๆ อย่างนี้คำที่พวกเขาพูดยิ่งเป็นใช้การได้ เช่นนั้นการแข่งขันหุ่นยนต์แห่งจิตวิญญาณในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ หากพวกเขาประกาศออกมา เกรงว่าคนเข้าร่วมจะยิ่งเยอะน่ะสิ ”

“นั่นสิ เสียดายที่พวกเราต้องขาดอิสระต่อไป ได้แต่ทำตามคำสั่งพวกเขาโดยไม่มีข้อแม้ ”

“แล้วทำไมคุณไม่หนีออกไปนอกเสินโจวล่ะ ได้ยินว่าหลายประเทศเล็กๆ ล้วนเปิดไฟเขียวรอให้ผู้วิเศษย้ายถิ่นฐานไป ยังมอบตำแหน่งราชครูให้อีกด้วย เหมือนกับสมัยโบราณไม่มีผิด…”

“ไปถึงที่นั่นสวัสดิการก็ดีมากอยู่หรอก แถมยังอิสระ แต่ถ้าวันไหนมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวโผล่มา คุณจะให้ผมรอความตายอยู่ที่นั่นเหรอ! ถ้าหนีไปโดยไม่สนใจประชาชน ยังไงก็ต้องติดหนี้ก่อนหนึ่งไว้ มโนธรรมในใจไม่สงบน่ะสิ ”

แต่ละคนออกความเห็น ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบงานแลกเปลี่ยนของวิเศษจบลงอย่างเป็นทางการในเวลาอันรวดเร็ว

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง

เฉียวอันผิงเห็นดังนั้นก็ปฏิเสธพัลวัน “ไม่ได้หรอกครับ ท่านเทพเก็บไว้ให้ท่านเอง… ไม่สิ บาดแผลของเฉียวโหม่วโชคดีที่ได้ท่านเทพเมตตามอบยาให้ครั้งก่อน ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ”

ฟางหนิงก็ไม่พูดอะไร ยื่นยาให้เจิ้งต้าวที่อยู่ข้างๆ บอก “พ่อบ้านเจิ้ง เดี๋ยวส่งไปที่บ้านของสหายเฉียวนะ ”

คนอื่นมองตาเขม็ง ทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนไม่ได้โง่งม มองแราดเดียวก็รู้ว่า ‘ยาเก้าหันคืนวิญญาณ’ สามเม็ดนั้นไม่ธรรมดา กลิ่นหอมอบอวล ไม่ใช่อย่างที่ซื้อในเขาเทียนชิงจะเทียบได้…

“ดูท่าเขาคงเป็นร่างแท้ของมังกรจริงๆ รากฐานลึกล้ำ ไม่ต้องเกรงกลัวเขาเทียนชิง ” คนบางกลุ่มเริ่มซุบซิบกันอีก

“แล้วทำไมเขาไม่ใช้เองล่ะ เกรงว่าคงเป็นบาดแผลทางวิญญาณ ยากต่อการรักษาแล้วกระมัง ” มีคนคาดเดา

ไม่ต้องสงสัยว่าความคิดของมนุษย์ผิดเพี้ยนแค่ไหน…

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดกู่ปู้เหวยแห่งเขาเทียนชิงก็ปรากฏตัว!

ต่างจากคนอื่นๆ ที่เดินเข้ามาทางประตู เขาปรากฏตัวอยู่บนเวที

คล้ายว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่งคลายวิชาพลางตัวจึงทำให้ทุกคนมองเห็นได้

คนบางพวกพลันรู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้เข้าไปทักทายอัศวิน A ถ้ากู่ปู้เหวยเห็นเข้า หลังจากนี้ตนเองจะยังอยู่ดีได้เหรอ

น่าเสียดาย ไม่รู้ทำไมเขาเทียนชิงที่วางตัวสูงส่งไม่เคยคบค้ากับคนธรรมดา ทุกสามปีจะมีออกมาสองคน ทำให้พวกเขาอยากสานสัมพันธ์ก็ไม่มีที่ให้สานสัมพันธ์

หนึ่งเดียวที่เป็นทางพูดคุยได้ก็คืองานแลกเปลี่ยนของวิเศษแห่งนี้ อีกที่หนึ่งไม่ใช่การพูดคุย เมื่อเขาเทียนชิงปรากฏย่อมหมายถึงศิษย์ของพวกเขาจะถูกเขาเทียนชิงเอาตัวไป… หากสำนักนั้นไม่ยินยอม ก็จะเป็นเหมือนสำนักราชาผีที่ได้ชื่นชมความสามารถของเขาเทียนชิง

ยามนี้พนักงานของสำนักงานสัจธรรมเดินขึ้นมาบนเวทีแล้ว เตรียมเปิดผ้าไหมบนแท่นกระเบื้องเคลือบ

กู่ปู้เหวยยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกพวกเขาหยุดมือ พนักงานทั้สามแม้สงสัยแต่ก็หยุดมือพร้อมกัน

กู่ปู้เหวยเดินลงจากเวทีทีละขั้น มุ่งไปทางอัศวิน A ที่นั่งอยู่แถวแรก

ทุกคนพลันอกสั่นขวัญแขวน ทั้งสองจะปะทะกันอย่างดุเดือดงั้นเหรอ

บางคนมองลู่ทางหลบหนีไว้แล้ว ห้องโถงนี้พวกเขาเคยมาเมื่อสามปีก่อน จดจำเส้นทางหลบหนีได้อย่างแม่นยำ ที่นี่ใช้โล่ห์ดินกำบังไม่ได้ เพราะถูกค่ายกลผนึกตายเอาไว้ อยากหลบหนีต้องหนีทางทางเข้าเท่านั้น

ระยะทางสั้นนิดเดียว ทว่าในใจคนอื่น กู่ปู้เหวยคล้ายใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึง

จากนั้นพวกเขาจึงเห็นว่ากู่ปู้เหวยกล่าวกับอัศวิน A อย่างราบเรียบ “อัศวิน A ได้เวลาแล้ว เสนอราคาได้เลย…”

คนอื่นพากันประหลาดใจ แต่ละคนลืมตาอ้าปากค้าง กู่ปู้เหวยมีเขาเทียนชิงหนุนหลัง เพรียบพร้อมทุกอย่าง คราวนี้ยังต้องซื้อของจากอัศวิน A ด้วยเหรอ !

ผู้แข็งแกร่งบางคนขบคิด แต่ก็ไม่กล้าเชื่ออย่างที่ใจคิด

ทว่าทุกคนมองออก กู่ปู้เหวยไม่ตกใจหรือดีใจ ไม่เสียใจหรือโมโห คล้ายกำลังซื้อของธรรมดาชิ้นหนึ่ง

อัศวัน A ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงมองอีกฝ่ายเงียบๆ

เฉียวอันผิงไม่ได้ลุกขึ้นเช่นกัน มองเงียบๆ เช่นเดียวกัน

เจิ้งต้าว ‘ผมก็มองเงียบๆ …’

ระบบ “คุณทำอะไรอยู่ ”

ฟางหนิง “อะไร รีดไถคนไงเล่า ต่อหน้าคนอย่างนี้ ทำอย่างกับเราเป็นพวกจับตัวเรียกค่าไถ่…”

ระบบ “นั่นสิ ฉันเป็นระบบอัศวินนะ ถึงจะอยากได้ค่าไถ่จากเขาก็เถอะ แต่ทำโจ่งแจ้งอย่างนี้ไม่ได้มั้ง…”

ฟางหนิง “อย่าโพล่งออกมาตรงๆ อย่างนี้สิ… ฉันขอคิดก่อน ใช่แล้ว แกเอาวิญญาณของฉีเหมยทำเป็นลูกบอลขายให้เขาสิ แค่นี้ก็ได้แล้ว เราไม่ได้ขายคน แค่ขายบอลลูกเดียว…”

ระบบ “ก็ดี ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนอวดดี พอเข้าไปในห้องขังก็ยอมแพ้อย่างไว กากยิ่งกว่าเจ้าเด็กหัวรั้นสองคนนั่นเยอะ รายงานให้แอนเดอร์สันทำเสร็จแล้ว คาดว่าการรายงานรายสัปดาห์นี้เขาคงจะเอาข่าวที่เกี่ยวข้องมาให้คุณ ”

ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็เห็นว่าที่มือของอัศวิน A มีลูกบอลสีม่วงปรากฏออกมา

แววตากู่ปู้เหวยสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ เพราะเขายังไม่ได้ยินราคาจากอีกฝ่าย

ฟางหนิงว่าเสียงราบเรียบ “คุณว่าบอลลูกนี้มีค่าเท่าไหร่ พูดกันให้ชัดเจนก่อน ข้าต้องการเพียงวัตถุดิบในงานครั้งนี้ อาวุธหรือยาธรรมดาเหล่านั้นของพวกคุณ ในสายตาข้าก็แค่ของดาษดื่นเท่านั้น ”

ได้ยินคำพูดของเขา คนอื่นต่างเหงื่อตก สมบัติที่พวกเขาปรารถนา ในสายตาอีกฝ่ายกลับไม่น่าชายตาแลเลย

กู้ปู้เหวยไม่พูดจา ไพล่มือไปข้างหลัง เห็นเพียงของบนแท่นกระเบื้องเคลือบบนเวทีทยอยหายไปทีละอย่าง เหลือเพียงป้ายชื่อที่ยังอยู่ที่เดิม…

วัตถุดิบล้ำค่าคุ้นตาของทุกคนถูกกู่ปู้เหวยเก็บคืนกลางคัน

ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าแท่นเครื่องเคลือบบนเวทีหายไปเกือบครึ่ง…

หลายคนยิ่งประหลาดใจ ของในมืออัศวิน A คืออะไรกันแน่

ราคาสูงขนาดเทียบเท่าวัตถุดิบบนเวทีครึ่งหนึ่ง… ต้องรู้ว่าข้างบนนั้นหลายอย่างล้วนเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเขาเทียนชิง

อัศวิน A ไม่ได้พยักหน้า แท่นเครื่องเคลือบบนเวทีลดลงอย่างต่อเนื่อง

จากครึ่งหนึ่ง เหลือหนึ่งในสี่ จนถึงหนึ่งในสิบ กระทั่งเหลือเพียงอาวุธและยา อัศวิน A จึงพยักหน้า

“คุณก็รู้จักคำว่ายุติธรรมนี่ ตกลง จำไว้ หลังจากนี้ข้าไม่ได้คุยง่ายๆ อย่างนี้แล้ว…”

เขาว่าพลางดันก้อนกลมสีม่วงออกไป บอลลูกนั้นค่อยๆ ลอยไปหากู่ปู้เหวย

มือของกู่ปู้เหวยมีแหวนทองแดงวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา ลอยช้าๆ ไปหาอัศวิน A

คนอื่นมองเห็นภาพนี้นึกกลัวในใจ การกระซิบกระซาบเมื่อครู่ทำให้พวกเขารู้ว่าวิญญาณของอัศวิน A บาดเจ็บหนัก ตอนนี้กลับยังกล้าพูดจากับกู่ปู้เหวยอย่างนี้!

หรือว่าอัศวิน A น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ จนเขาเทียนชิงที่แข็งแกร่งอย่างนี้ก็ต้องก้มหัวให้

หรือพวกเขามีข้อแลกเปลี่ยนลับอะไรด้วย

ไม่สิ บางทีเขาเทียนชิงอาจแค่เกรงกลัวตัวตนของอีกฝ่าย กังวลว่าจะมีเผ่ามังกรจากภพเบื้องบนลงมาอีก…

หลายคนที่ไม่รู้ความจริง ยามนี้ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียดายและเสียใจภายหลัง รู้อย่างนี้คงไปสานสัมพันธ์กับอัศวิน A ตั้งนานแล้ว ได้ยินว่าแม้เขาจะหยิ่งยโส แต่ความจริงเป็นคนคุยง่ายมาก

เรื่องนี้ไม่เหมือนกับเขาเทียนชิงที่ไว้ตัวสูงส่ง เชิดมองคนอื่น ไม่คบค้ากับใคร…

แต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดในห้องกลับลอบหลุดขำ ไม่ใยดีกับพวกคนหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านั้น

พวกเขาสัมผัสได้ว่าลูกบอลสีม่วงนั่นคืออะไร ข้างในคือวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง จึงเข้าใจว่าทำไมกู่ปู้เหวยต้องข่มโทสะเอาไว้

มีจุดอ่อนอยู่ในมือคนอื่น ย่อมต้องก้มหัวชั่วคราว

แต่พวกเขาเขื่อว่า หลังจากวันนี้ รอเมื่อกู่ปู้เหวยนำวิญญาณฉีเหมยกลับเขาไปแล้ว นั่นเป็นเวลาที่เขาจะสร้างความลำบากต่ออัศวิน A!

ในสายตาผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดเหล่านี้ ผู้จุติจากภพเบื้องบนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น พวกเขาลงมาก็ต้องเคารพกติกาของภพนี้ พลังก็เสียหายไม่น้อย ต่อให้ขั้นพลังปราณเดิมสูงก็ต้องฟื้นฟูพลังทีละนิด… โชคไม่ดีอาจจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูพลัง

เลวร้ายที่สุดต้องพิจารณาสุนัขดำกับสุนัขเหลืองสองตัวที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ หากอัศวิน A ไม่ปรากฏกายคงถูกมนุษย์นำไปทำเนื้อสุนัขตุ๋นแล้ว…

อีกอย่าง มังกรแท้เดิมทีก็เป็นเผ่าพันธ์ที่มีน้อยนิด จุติลงมาหนึ่งคนในเวลาอันสั้นก็ถึงขีดจำกัด คนต่อไปอีกร้อยปีหลังก็ไม่แน่ว่าจะปรากฎ พวกเขาไม่คิดว่าเขาเทียนชิงจะกลัวมังกรแท้ในอีกร้อยปีข้างหน้า

เกรงว่าถึงตอนนั้นพวกเขาคงทะยานขึ้นฟ้าได้นานแล้ว

กู่ปู้เหวยรับลูกบอลสีม่วงมาแล้วเดินกลับขึ้นเวที กล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สามปีหนึ่งหน งานแลกเปลี่ยนของวิเศษของเขาเทียนชิงเริ่มขึ้นแล้ว… ทุกท่านดูราคากับคำอธิบายบนหน้าจอได้ จากนั้นเสนอราคาซื้อตามความเหมาะสม ”

พนักงานสามคนได้ยินดังนั้นก็รีบมาเปิดผ้าไหมที่เหลือออก ในที่สุดทุกคนก็ได้เห็นอาวุธและยาของจริง

อาวุธยังพอว่า พอเห็นยาหลายคนก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง มียาเก้าหันคืนวิญญาณของท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณอยู่ตรงหน้า พอเห็นของเขาเทียนชิงพลันรู้สึกใจสลาย

บนหน้าจอใหญ่กำลังฉายภาพของแต่ละชิ้น ขณะเดียวกันก็มีราคาพื้นฐานว่าต้องใช้วัตถุดิบเท่าไหร่ถึงจะซื้อได้

แน่นอนว่าหากมีหลายคนแตะตาของชิ้นเดียวกัน ต้องชิงเสนอราคาหรือตกลงกันเอง

ทุกคนตกใจที่พบว่าอัศวิน A ที่เพิ่งหอบวัตถุดิบกว่าครึ่งบนเวทีไปมองของอย่างตั้งใจกว่าใคร พวกเขาใจเย็นวาบ ถ้าเขาร่วมชิงเสนอราคา ใครจะสู้เขาได้ล่ะ

โชคดีที่หลังจากของวิเศษเก็บสมบัติชิ้นแรกถูกคนซื้อไปแล้ว อัศวิน A ก็ไม่มีท่าทีจะร่วมเสนอราคาอีก เพียงนั่งดื่มชาพาทีกับคนอื่น

เฉียวอันผิงทราบข่าวมาจากเริ่นรั่วเฟิงก่อนแล้ว รู้ว่าเขาเทียนชิงมีแผนการอื่น ไม่ฉีกหน้าอัศวิน A เป็นการชั่วคราว

เขามั่นใจว่ากู่ปู้เหวยจะไม่ลงมือ ดังนั้นจึงนั่งติดกับที่ไม่ขยับไปไหน

เรื่องนี้ฝั่งนั้นไร้เหตุผล ฉีเหมยก่อเรื่องโดยไร้สาเหตุก่อน ต่อให้กู่ปู้เหวยไม่กล้าลงมือ ในยามนี้เครือข่ายเทียนหลัวก็กักขังเธอได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยอื่น

ยิ่งกว่านั้นเขาแอบได้ยินผู้เฒ่าห้าคนเคยพูดถึง เจ้านายของพวกเขา บุคคลที่หากไม่ใช่ธุระสำคัญจะไม่ปรากฏกายท่านนั้น ก่อนหน้านี้ตกลงบางอย่างกับ ‘ซางชิงเทียน’ ผู้นำเขาเทียนชิง ทำนองว่าเคยสาบานสัตย์เอาไว้…

ครั้งก่อนที่ท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกมีลมปราณของผู้แข็งแกร่งนิรนามปรากฏ กลับปลุกขวัญเจ้านายแล้วครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในสายตาเจ้านาย ผู้แข็งแกร่งท่านนั้นเป็นภัยคุกคามร้ายแรง…

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เครือข่ายข่าวต่างแดน และเครือข่ายเทียนหลัวล้วนจับร่องรอยความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไม่ได้

หลายวันผ่านไป อีกฝ่ายคล้ายลอยหายไปตามลม ได้ยินว่าเจ้านายยังวางแผนจะออกไปสำรวจด้วยตัวเองสักครั้ง บังเอิญมีเรื่องของเขาเทียนชิงพอดีจึงวางเรื่องนี้ลงก่อน ติดตามเรื่องนี้อย่างลับๆ

ดังนั้นจึงไม่มีการต่อสู้กัน เห็นชัดว่าคราวนี้ทำหลายคนทั้งในและนอกเสินโจวผิดหวังแล้ว…

ทุกครั้งที่มีคนคร่ำครวญว่าสำนักงานสัจธรรมจัดการเข้มงวดเกินไป อยากให้ตัวเองเป็นที่ขบขัน พวกเขามักไม่ได้สมปรารถนา…

บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้ หลังจากอาวุธกลุ่มแรกเริ่มประมูลออกไปก็ผ่อนคลายขึ้นมาก ทุกคนไม่ได้แอบกระซิบกระซาบ แต่พูดคุยกันเสียงเบา

“ดูท่าสำนักงานสัจธรรมแอบจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังจัดมาถึงภายนอกให้พวกเราดู นี่กำลังอวดอำนาจของพวกเขาอยู่ล่ะสิ…”

“คงใช่แหละ พวกเขากำลังบอกพวกเราว่า แข็งแกร่งอย่างเขาเทียนชิงก็ต้องอยู่ภายใต้กฏที่พวกเขาตั้ง บรรลุข้อตกลงกับอัศวิน A ทั้งห้ามลงไม้ลงมือในเสินโจว ”

วางแผนมาดีจริงๆ อย่างนี้คำที่พวกเขาพูดยิ่งเป็นใช้การได้ เช่นนั้นการแข่งขันหุ่นยนต์แห่งจิตวิญญาณในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ หากพวกเขาประกาศออกมา เกรงว่าคนเข้าร่วมจะยิ่งเยอะน่ะสิ ”

“นั่นสิ เสียดายที่พวกเราต้องขาดอิสระต่อไป ได้แต่ทำตามคำสั่งพวกเขาโดยไม่มีข้อแม้ ”

“แล้วทำไมคุณไม่หนีออกไปนอกเสินโจวล่ะ ได้ยินว่าหลายประเทศเล็กๆ ล้วนเปิดไฟเขียวรอให้ผู้วิเศษย้ายถิ่นฐานไป ยังมอบตำแหน่งราชครูให้อีกด้วย เหมือนกับสมัยโบราณไม่มีผิด…”

“ไปถึงที่นั่นสวัสดิการก็ดีมากอยู่หรอก แถมยังอิสระ แต่ถ้าวันไหนมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวโผล่มา คุณจะให้ผมรอความตายอยู่ที่นั่นเหรอ! ถ้าหนีไปโดยไม่สนใจประชาชน ยังไงก็ต้องติดหนี้ก่อนหนึ่งไว้ มโนธรรมในใจไม่สงบน่ะสิ ”

แต่ละคนออกความเห็น ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบงานแลกเปลี่ยนของวิเศษจบลงอย่างเป็นทางการในเวลาอันรวดเร็ว

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 199 แค่ขายบอลลูกหนึ่ง

เฉียวอันผิงเห็นดังนั้นก็ปฏิเสธพัลวัน “ไม่ได้หรอกครับ ท่านเทพเก็บไว้ให้ท่านเอง… ไม่สิ บาดแผลของเฉียวโหม่วโชคดีที่ได้ท่านเทพเมตตามอบยาให้ครั้งก่อน ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้ ”

ฟางหนิงก็ไม่พูดอะไร ยื่นยาให้เจิ้งต้าวที่อยู่ข้างๆ บอก “พ่อบ้านเจิ้ง เดี๋ยวส่งไปที่บ้านของสหายเฉียวนะ ”

คนอื่นมองตาเขม็ง ทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนไม่ได้โง่งม มองแราดเดียวก็รู้ว่า ‘ยาเก้าหันคืนวิญญาณ’ สามเม็ดนั้นไม่ธรรมดา กลิ่นหอมอบอวล ไม่ใช่อย่างที่ซื้อในเขาเทียนชิงจะเทียบได้…

“ดูท่าเขาคงเป็นร่างแท้ของมังกรจริงๆ รากฐานลึกล้ำ ไม่ต้องเกรงกลัวเขาเทียนชิง ” คนบางกลุ่มเริ่มซุบซิบกันอีก

“แล้วทำไมเขาไม่ใช้เองล่ะ เกรงว่าคงเป็นบาดแผลทางวิญญาณ ยากต่อการรักษาแล้วกระมัง ” มีคนคาดเดา

ไม่ต้องสงสัยว่าความคิดของมนุษย์ผิดเพี้ยนแค่ไหน…

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่สุดกู่ปู้เหวยแห่งเขาเทียนชิงก็ปรากฏตัว!

ต่างจากคนอื่นๆ ที่เดินเข้ามาทางประตู เขาปรากฏตัวอยู่บนเวที

คล้ายว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่งคลายวิชาพลางตัวจึงทำให้ทุกคนมองเห็นได้

คนบางพวกพลันรู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้เข้าไปทักทายอัศวิน A ถ้ากู่ปู้เหวยเห็นเข้า หลังจากนี้ตนเองจะยังอยู่ดีได้เหรอ

น่าเสียดาย ไม่รู้ทำไมเขาเทียนชิงที่วางตัวสูงส่งไม่เคยคบค้ากับคนธรรมดา ทุกสามปีจะมีออกมาสองคน ทำให้พวกเขาอยากสานสัมพันธ์ก็ไม่มีที่ให้สานสัมพันธ์

หนึ่งเดียวที่เป็นทางพูดคุยได้ก็คืองานแลกเปลี่ยนของวิเศษแห่งนี้ อีกที่หนึ่งไม่ใช่การพูดคุย เมื่อเขาเทียนชิงปรากฏย่อมหมายถึงศิษย์ของพวกเขาจะถูกเขาเทียนชิงเอาตัวไป… หากสำนักนั้นไม่ยินยอม ก็จะเป็นเหมือนสำนักราชาผีที่ได้ชื่นชมความสามารถของเขาเทียนชิง

ยามนี้พนักงานของสำนักงานสัจธรรมเดินขึ้นมาบนเวทีแล้ว เตรียมเปิดผ้าไหมบนแท่นกระเบื้องเคลือบ

กู่ปู้เหวยยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกพวกเขาหยุดมือ พนักงานทั้สามแม้สงสัยแต่ก็หยุดมือพร้อมกัน

กู่ปู้เหวยเดินลงจากเวทีทีละขั้น มุ่งไปทางอัศวิน A ที่นั่งอยู่แถวแรก

ทุกคนพลันอกสั่นขวัญแขวน ทั้งสองจะปะทะกันอย่างดุเดือดงั้นเหรอ

บางคนมองลู่ทางหลบหนีไว้แล้ว ห้องโถงนี้พวกเขาเคยมาเมื่อสามปีก่อน จดจำเส้นทางหลบหนีได้อย่างแม่นยำ ที่นี่ใช้โล่ห์ดินกำบังไม่ได้ เพราะถูกค่ายกลผนึกตายเอาไว้ อยากหลบหนีต้องหนีทางทางเข้าเท่านั้น

ระยะทางสั้นนิดเดียว ทว่าในใจคนอื่น กู่ปู้เหวยคล้ายใช้เวลานานมากกว่าจะมาถึง

จากนั้นพวกเขาจึงเห็นว่ากู่ปู้เหวยกล่าวกับอัศวิน A อย่างราบเรียบ “อัศวิน A ได้เวลาแล้ว เสนอราคาได้เลย…”

คนอื่นพากันประหลาดใจ แต่ละคนลืมตาอ้าปากค้าง กู่ปู้เหวยมีเขาเทียนชิงหนุนหลัง เพรียบพร้อมทุกอย่าง คราวนี้ยังต้องซื้อของจากอัศวิน A ด้วยเหรอ !

ผู้แข็งแกร่งบางคนขบคิด แต่ก็ไม่กล้าเชื่ออย่างที่ใจคิด

ทว่าทุกคนมองออก กู่ปู้เหวยไม่ตกใจหรือดีใจ ไม่เสียใจหรือโมโห คล้ายกำลังซื้อของธรรมดาชิ้นหนึ่ง

อัศวัน A ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงมองอีกฝ่ายเงียบๆ

เฉียวอันผิงไม่ได้ลุกขึ้นเช่นกัน มองเงียบๆ เช่นเดียวกัน

เจิ้งต้าว ‘ผมก็มองเงียบๆ …’

ระบบ “คุณทำอะไรอยู่ ”

ฟางหนิง “อะไร รีดไถคนไงเล่า ต่อหน้าคนอย่างนี้ ทำอย่างกับเราเป็นพวกจับตัวเรียกค่าไถ่…”

ระบบ “นั่นสิ ฉันเป็นระบบอัศวินนะ ถึงจะอยากได้ค่าไถ่จากเขาก็เถอะ แต่ทำโจ่งแจ้งอย่างนี้ไม่ได้มั้ง…”

ฟางหนิง “อย่าโพล่งออกมาตรงๆ อย่างนี้สิ… ฉันขอคิดก่อน ใช่แล้ว แกเอาวิญญาณของฉีเหมยทำเป็นลูกบอลขายให้เขาสิ แค่นี้ก็ได้แล้ว เราไม่ได้ขายคน แค่ขายบอลลูกเดียว…”

ระบบ “ก็ดี ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนอวดดี พอเข้าไปในห้องขังก็ยอมแพ้อย่างไว กากยิ่งกว่าเจ้าเด็กหัวรั้นสองคนนั่นเยอะ รายงานให้แอนเดอร์สันทำเสร็จแล้ว คาดว่าการรายงานรายสัปดาห์นี้เขาคงจะเอาข่าวที่เกี่ยวข้องมาให้คุณ ”

ในตอนนั้นเอง ทุกคนก็เห็นว่าที่มือของอัศวิน A มีลูกบอลสีม่วงปรากฏออกมา

แววตากู่ปู้เหวยสั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ เพราะเขายังไม่ได้ยินราคาจากอีกฝ่าย

ฟางหนิงว่าเสียงราบเรียบ “คุณว่าบอลลูกนี้มีค่าเท่าไหร่ พูดกันให้ชัดเจนก่อน ข้าต้องการเพียงวัตถุดิบในงานครั้งนี้ อาวุธหรือยาธรรมดาเหล่านั้นของพวกคุณ ในสายตาข้าก็แค่ของดาษดื่นเท่านั้น ”

ได้ยินคำพูดของเขา คนอื่นต่างเหงื่อตก สมบัติที่พวกเขาปรารถนา ในสายตาอีกฝ่ายกลับไม่น่าชายตาแลเลย

กู้ปู้เหวยไม่พูดจา ไพล่มือไปข้างหลัง เห็นเพียงของบนแท่นกระเบื้องเคลือบบนเวทีทยอยหายไปทีละอย่าง เหลือเพียงป้ายชื่อที่ยังอยู่ที่เดิม…

วัตถุดิบล้ำค่าคุ้นตาของทุกคนถูกกู่ปู้เหวยเก็บคืนกลางคัน

ไม่นาน พวกเขาก็พบว่าแท่นเครื่องเคลือบบนเวทีหายไปเกือบครึ่ง…

หลายคนยิ่งประหลาดใจ ของในมืออัศวิน A คืออะไรกันแน่

ราคาสูงขนาดเทียบเท่าวัตถุดิบบนเวทีครึ่งหนึ่ง… ต้องรู้ว่าข้างบนนั้นหลายอย่างล้วนเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเขาเทียนชิง

อัศวิน A ไม่ได้พยักหน้า แท่นเครื่องเคลือบบนเวทีลดลงอย่างต่อเนื่อง

จากครึ่งหนึ่ง เหลือหนึ่งในสี่ จนถึงหนึ่งในสิบ กระทั่งเหลือเพียงอาวุธและยา อัศวิน A จึงพยักหน้า

“คุณก็รู้จักคำว่ายุติธรรมนี่ ตกลง จำไว้ หลังจากนี้ข้าไม่ได้คุยง่ายๆ อย่างนี้แล้ว…”

เขาว่าพลางดันก้อนกลมสีม่วงออกไป บอลลูกนั้นค่อยๆ ลอยไปหากู่ปู้เหวย

มือของกู่ปู้เหวยมีแหวนทองแดงวงหนึ่งปรากฏขึ้นมา ลอยช้าๆ ไปหาอัศวิน A

คนอื่นมองเห็นภาพนี้นึกกลัวในใจ การกระซิบกระซาบเมื่อครู่ทำให้พวกเขารู้ว่าวิญญาณของอัศวิน A บาดเจ็บหนัก ตอนนี้กลับยังกล้าพูดจากับกู่ปู้เหวยอย่างนี้!

หรือว่าอัศวิน A น่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ จนเขาเทียนชิงที่แข็งแกร่งอย่างนี้ก็ต้องก้มหัวให้

หรือพวกเขามีข้อแลกเปลี่ยนลับอะไรด้วย

ไม่สิ บางทีเขาเทียนชิงอาจแค่เกรงกลัวตัวตนของอีกฝ่าย กังวลว่าจะมีเผ่ามังกรจากภพเบื้องบนลงมาอีก…

หลายคนที่ไม่รู้ความจริง ยามนี้ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียดายและเสียใจภายหลัง รู้อย่างนี้คงไปสานสัมพันธ์กับอัศวิน A ตั้งนานแล้ว ได้ยินว่าแม้เขาจะหยิ่งยโส แต่ความจริงเป็นคนคุยง่ายมาก

เรื่องนี้ไม่เหมือนกับเขาเทียนชิงที่ไว้ตัวสูงส่ง เชิดมองคนอื่น ไม่คบค้ากับใคร…

แต่ผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดในห้องกลับลอบหลุดขำ ไม่ใยดีกับพวกคนหน้าไหว้หลังหลอกเหล่านั้น

พวกเขาสัมผัสได้ว่าลูกบอลสีม่วงนั่นคืออะไร ข้างในคือวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง จึงเข้าใจว่าทำไมกู่ปู้เหวยต้องข่มโทสะเอาไว้

มีจุดอ่อนอยู่ในมือคนอื่น ย่อมต้องก้มหัวชั่วคราว

แต่พวกเขาเขื่อว่า หลังจากวันนี้ รอเมื่อกู่ปู้เหวยนำวิญญาณฉีเหมยกลับเขาไปแล้ว นั่นเป็นเวลาที่เขาจะสร้างความลำบากต่ออัศวิน A!

ในสายตาผู้แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดเหล่านี้ ผู้จุติจากภพเบื้องบนไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น พวกเขาลงมาก็ต้องเคารพกติกาของภพนี้ พลังก็เสียหายไม่น้อย ต่อให้ขั้นพลังปราณเดิมสูงก็ต้องฟื้นฟูพลังทีละนิด… โชคไม่ดีอาจจะไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูพลัง

เลวร้ายที่สุดต้องพิจารณาสุนัขดำกับสุนัขเหลืองสองตัวที่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ หากอัศวิน A ไม่ปรากฏกายคงถูกมนุษย์นำไปทำเนื้อสุนัขตุ๋นแล้ว…

อีกอย่าง มังกรแท้เดิมทีก็เป็นเผ่าพันธ์ที่มีน้อยนิด จุติลงมาหนึ่งคนในเวลาอันสั้นก็ถึงขีดจำกัด คนต่อไปอีกร้อยปีหลังก็ไม่แน่ว่าจะปรากฎ พวกเขาไม่คิดว่าเขาเทียนชิงจะกลัวมังกรแท้ในอีกร้อยปีข้างหน้า

เกรงว่าถึงตอนนั้นพวกเขาคงทะยานขึ้นฟ้าได้นานแล้ว

กู่ปู้เหวยรับลูกบอลสีม่วงมาแล้วเดินกลับขึ้นเวที กล่าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สามปีหนึ่งหน งานแลกเปลี่ยนของวิเศษของเขาเทียนชิงเริ่มขึ้นแล้ว… ทุกท่านดูราคากับคำอธิบายบนหน้าจอได้ จากนั้นเสนอราคาซื้อตามความเหมาะสม ”

พนักงานสามคนได้ยินดังนั้นก็รีบมาเปิดผ้าไหมที่เหลือออก ในที่สุดทุกคนก็ได้เห็นอาวุธและยาของจริง

อาวุธยังพอว่า พอเห็นยาหลายคนก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง มียาเก้าหันคืนวิญญาณของท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณอยู่ตรงหน้า พอเห็นของเขาเทียนชิงพลันรู้สึกใจสลาย

บนหน้าจอใหญ่กำลังฉายภาพของแต่ละชิ้น ขณะเดียวกันก็มีราคาพื้นฐานว่าต้องใช้วัตถุดิบเท่าไหร่ถึงจะซื้อได้

แน่นอนว่าหากมีหลายคนแตะตาของชิ้นเดียวกัน ต้องชิงเสนอราคาหรือตกลงกันเอง

ทุกคนตกใจที่พบว่าอัศวิน A ที่เพิ่งหอบวัตถุดิบกว่าครึ่งบนเวทีไปมองของอย่างตั้งใจกว่าใคร พวกเขาใจเย็นวาบ ถ้าเขาร่วมชิงเสนอราคา ใครจะสู้เขาได้ล่ะ

โชคดีที่หลังจากของวิเศษเก็บสมบัติชิ้นแรกถูกคนซื้อไปแล้ว อัศวิน A ก็ไม่มีท่าทีจะร่วมเสนอราคาอีก เพียงนั่งดื่มชาพาทีกับคนอื่น

เฉียวอันผิงทราบข่าวมาจากเริ่นรั่วเฟิงก่อนแล้ว รู้ว่าเขาเทียนชิงมีแผนการอื่น ไม่ฉีกหน้าอัศวิน A เป็นการชั่วคราว

เขามั่นใจว่ากู่ปู้เหวยจะไม่ลงมือ ดังนั้นจึงนั่งติดกับที่ไม่ขยับไปไหน

เรื่องนี้ฝั่งนั้นไร้เหตุผล ฉีเหมยก่อเรื่องโดยไร้สาเหตุก่อน ต่อให้กู่ปู้เหวยไม่กล้าลงมือ ในยามนี้เครือข่ายเทียนหลัวก็กักขังเธอได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยอื่น

ยิ่งกว่านั้นเขาแอบได้ยินผู้เฒ่าห้าคนเคยพูดถึง เจ้านายของพวกเขา บุคคลที่หากไม่ใช่ธุระสำคัญจะไม่ปรากฏกายท่านนั้น ก่อนหน้านี้ตกลงบางอย่างกับ ‘ซางชิงเทียน’ ผู้นำเขาเทียนชิง ทำนองว่าเคยสาบานสัตย์เอาไว้…

ครั้งก่อนที่ท้องฟ้าเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกมีลมปราณของผู้แข็งแกร่งนิรนามปรากฏ กลับปลุกขวัญเจ้านายแล้วครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าในสายตาเจ้านาย ผู้แข็งแกร่งท่านนั้นเป็นภัยคุกคามร้ายแรง…

แต่ไม่รู้ว่าทำไม เครือข่ายข่าวต่างแดน และเครือข่ายเทียนหลัวล้วนจับร่องรอยความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายไม่ได้

หลายวันผ่านไป อีกฝ่ายคล้ายลอยหายไปตามลม ได้ยินว่าเจ้านายยังวางแผนจะออกไปสำรวจด้วยตัวเองสักครั้ง บังเอิญมีเรื่องของเขาเทียนชิงพอดีจึงวางเรื่องนี้ลงก่อน ติดตามเรื่องนี้อย่างลับๆ

ดังนั้นจึงไม่มีการต่อสู้กัน เห็นชัดว่าคราวนี้ทำหลายคนทั้งในและนอกเสินโจวผิดหวังแล้ว…

ทุกครั้งที่มีคนคร่ำครวญว่าสำนักงานสัจธรรมจัดการเข้มงวดเกินไป อยากให้ตัวเองเป็นที่ขบขัน พวกเขามักไม่ได้สมปรารถนา…

บรรยากาศในห้องโถงตอนนี้ หลังจากอาวุธกลุ่มแรกเริ่มประมูลออกไปก็ผ่อนคลายขึ้นมาก ทุกคนไม่ได้แอบกระซิบกระซาบ แต่พูดคุยกันเสียงเบา

“ดูท่าสำนักงานสัจธรรมแอบจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังจัดมาถึงภายนอกให้พวกเราดู นี่กำลังอวดอำนาจของพวกเขาอยู่ล่ะสิ…”

“คงใช่แหละ พวกเขากำลังบอกพวกเราว่า แข็งแกร่งอย่างเขาเทียนชิงก็ต้องอยู่ภายใต้กฏที่พวกเขาตั้ง บรรลุข้อตกลงกับอัศวิน A ทั้งห้ามลงไม้ลงมือในเสินโจว ”

วางแผนมาดีจริงๆ อย่างนี้คำที่พวกเขาพูดยิ่งเป็นใช้การได้ เช่นนั้นการแข่งขันหุ่นยนต์แห่งจิตวิญญาณในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ หากพวกเขาประกาศออกมา เกรงว่าคนเข้าร่วมจะยิ่งเยอะน่ะสิ ”

“นั่นสิ เสียดายที่พวกเราต้องขาดอิสระต่อไป ได้แต่ทำตามคำสั่งพวกเขาโดยไม่มีข้อแม้ ”

“แล้วทำไมคุณไม่หนีออกไปนอกเสินโจวล่ะ ได้ยินว่าหลายประเทศเล็กๆ ล้วนเปิดไฟเขียวรอให้ผู้วิเศษย้ายถิ่นฐานไป ยังมอบตำแหน่งราชครูให้อีกด้วย เหมือนกับสมัยโบราณไม่มีผิด…”

“ไปถึงที่นั่นสวัสดิการก็ดีมากอยู่หรอก แถมยังอิสระ แต่ถ้าวันไหนมีสัตว์ประหลาดน่ากลัวโผล่มา คุณจะให้ผมรอความตายอยู่ที่นั่นเหรอ! ถ้าหนีไปโดยไม่สนใจประชาชน ยังไงก็ต้องติดหนี้ก่อนหนึ่งไว้ มโนธรรมในใจไม่สงบน่ะสิ ”

แต่ละคนออกความเห็น ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบงานแลกเปลี่ยนของวิเศษจบลงอย่างเป็นทางการในเวลาอันรวดเร็ว

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+