เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน

เมื่อหนอนเขียวยักษ์ได้ยินก็เงยหน้ามองอัศวิน A นัยน์ตาแสดงความแปลกใจทันที

“เจ้ารู้ว่าพลังลมปราณของข้าแข็งแกร่งเช่นนี้ ยังไม่กลัวข้าอีกเหรอ”

อัศวิน A กล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ข้ามีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและประชาชน จะเป็นคนที่เอนเอียงตามอำนาจ หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกผู้อ่อนแอได้อย่างไร! ก่อนกินข้าว ท่านเคยคิดไหมว่า อย่ารบกวนความสงบเรียบร้อย เคยคิดไหมว่ามีเงินจ่ายค่าอาหารหรือเปล่า”

หนอนเขียวยักษ์เบิกตาสีเขียวสองข้างของตัวเอง และจ้องมองอัศวิน A พลังลมปราณบนร่างแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยทันใด

เห็นได้ชัดว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้น

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ด้านนอกประตูตกใจทันที แต่ละคนเตรียมพร้อมมาก เพียงแต่บางคนก็เตรียมหยุดยั้งสถานการณ์ บางคนก็เตรียมหนี…

ทว่าอัศวิน A ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ยังคงแสดงท่าทางเด็ดเดี่ยว

ฟางหนิงจ้องมองฉากนี้อยู่ในพื้นที่ของระบบ และคิดในใจ หนอนตัวใหญ่อย่างแกหลอกลวงกลุ่มคนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของแกอย่างชัดเจนไปก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎของระบบ

เขาพลิกหนังสือเกมที่รัก ซึ่งแสดงข้อมูลของอีกฝ่ายอยู่

“หนอนเขียวยักษ์: เพศหญิง งานอดิเรก: กิน ร้องเพลง และอื่นๆ ไม่ทราบอายุ สถานะ: ปัจจุบันเป็นผู้นำหนอนเผ่าฉงหลิง ไม่ทราบสถานะก่อนหน้านี้”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: ยุติธรรมระดับกลาง”

“การประเมินพลัง: ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ขนาดโดยละเอียด: เคยเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทียนหู ระดับความยากยังไม่ทราบ ต้องการอาหารปราณกำเนิดจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูพลัง ความสามารถอำพรางตัว สามารถอำพรางพลังจนถึงช่วงที่เฟื่องฟูได้”

หนอนเขียวยักษ์สบตากับเขา นัยน์ตาดุร้าย ท่าทางก้าวร้าวไม่แพ้กันเลย อันที่จริงมันกำลังทุกข์ใจ ‘ท่านพ่อหลอกข้าอีกแล้ว ท่านพูดอย่างชัดเจนว่า คนธรรมดาในโลกเบื้องล่างมุทะลุมาก

แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งล้วนรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี มีสติปัญญา จะไม่ผลีผลามปะทะกับข้าเพราะข้ากินเยอะอย่างแน่นอน

จงใช้ความสามารถของตัวเองอำพรางตัวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน อย่าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองให้ผู้อื่นรู้ หลังจากนั้นหาโอกาสกินอาหารจำนวนมากเข้าไปเพื่อฟื้นฟูพลังที่แท้จริง

สองสามขั้นแรกเป็นไปด้วยดี คนอื่นต่างก็นำอาหารมาให้ตนกินอย่างเชื่อฟัง ทว่าขั้นสุดท้าย เหตุใดจึงพบกับคนมุทะลุที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมเช่นนี้

สิ่งสำคัญคือตอนนี้ด้วยพลังของเขาสามารถล้มข้าได้อย่างง่ายดาย…ข้าไม่กลัวคนที่อ่อนแอกว่า’

หนอนเขียวยักษ์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ดวงตาที่จ้องมองอัศวิน A ดุร้ายขึ้นเล็กน้อย ‘บัดซบ ไอ้ละอ่อนนี่ ข้าไม่ได้กินข้าวบ้านเจ้าสักหน่อย เหตุใดเจ้าถึงยุ่งไม่เข้าเรื่องเช่นนี้

รอให้ข้ากินอีกสักเดือน และฟื้นฟูพลัง ข้าก็สามารถล้มเจ้าได้เช่นกัน…

ช่างเถอะ ดูจากท่าทางของเขา น่าจะเป็นคนดี ท่านพ่อบอกว่าไม่ควรทำร้ายคนดี…’

เวลานี้ เหรินรั่วเฟิงที่อยู่ด้านนอกร้านเห็นท่าทีแล้วก็อดส่งเสียงลับหาอัศวิน A ไม่ได้ “ท่านเทพ อาหารมื้อนี้คิดบัญชีกับพวกเราสำนักงานสัจธรรม อย่าปะทะกับมันเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปสู่หายนะ”

อัศวิน A ตอบกลับ “หากผู้แข็งแกร่งลงมาจากโลกเบื้องบน ก็ต้องเลี้ยงดูภายใต้การขู่เข็ญของพวกเขา เสินโจวนั้นใหญ่มาก แต่ด้วยความอยากอาหารของพวกเขา จะสามารถเลี้ยงดูได้สักกี่คนเชียว ในเมื่อข้าแบกรับโชคชะตาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนใช้พลังดูดกลืนน้ำพักน้ำแรงของประชาชน กรณีนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพเจ้าลงมาจุติ ข้าก็ต้องจัดการมัน”

เหรินรั่วเฟิงทั้งอับอายและชื่นชม มีอีกฝ่ายอยู่ด้านหน้า เขารีบสั่งให้ผู้อำนวยการแห่งหน่วยกิจการพิเศษที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่ ทำความสะอาดรอบๆ และอพยพคนธรรมดาบริเวณรอบๆ ในระยะห้ากิโลเมตร เขามั่นใจว่าการอาศัยเครือข่ายเทียนลั่ว สามารถควบคุมผลพวงจากการต่อสู้ของทั้งสองภายในระยะนี้ได้ และคงไม่แผ่กระจายออกไป

เมื่อเห็นว่าพลังไม่สามารถกดดันอัศวิน A ได้ หนอนเขียวยักษ์ก็หันไปทางพนักงานเหล่านั้น “รีบไปบอกให้เถ้าแก่ของพวกเจ้าเสิร์ฟอาหารให้ข้า ข้าไม่มีเงิน แต่พวกเขามีเงิน พวกเขาจะเลี้ยงอาหารข้าและจ่ายเงินค่าอาหาร…”

แม้ว่าน้ำเสียงจะยังแข็งกร้าว แต่ผู้เฉลียวฉลาดย่อมฟังออก เห็นได้ชัดว่ามีคำใบ้ในคำอธิบาย

พวกเขานึกกลัวขึ้นในใจ อัศวิน A เป็นคนเที่ยงธรรมและหนักแน่น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดระดับทะเลสาบก็ยังหวาดกลัวพลังของเขา ต้องอธิบายเล็กน้อย…ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่กลัวทุกคนในเขาเทียนชิง

เมื่ออัศวิน A ได้ยินเช่นนั้น เขาก็กวาดตามองเฉียวจื่อเจียงและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในร้านอาหาร และส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ

จากนั้นเขาก็หันกลับมา และจ้องมองหนอนเขียวยักษ์ “หากเจ้าไม่ปล่อยพลังลมปราณออกมา พวกเขาจะเชิญเจ้ากินข้าวหรือ หากเจ้าอยากกินข้าว เจ้าก็ควรอาศัยพลังอันแข็งแกร่งของตัวเองไปทำงานก่อน หลังจากได้รับเงินก็มาที่นี่เพื่อกินข้าวได้ ไม่ใช่อาศัยพลังเบียดเบียนผู้อื่น นี่เป็นกฎ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาอาละวาดในเสินโจวเป็นอันขาด”

เมื่อหนอนเขียวยักษ์ได้ยินก็ไม่พูดไม่จา เพียงแค่จ้องมองจานที่ว่างเปล่า และพึมพำในใจ: หากข้ามีพลังที่แข็งแกร่งตั้งแต่แรก ข้าจะไปหาเงินแน่นอน แต่ตอนนี้ต้องกินข้าวให้อิ่มก่อนถึงจะมีไม่ใช่หรือไง

ท่านพ่อบอกข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองกับใคร อย่าบอกใครว่า ตัวเองต้องกินข้าวให้อิ่มเพื่อฟื้นฟูพลัง

เห็นๆ อยู่ว่าอยากกินให้อิ่มก่อนค่อยไปหาเงิน ผลคือคนมุทะลุผู้ชอบธรรมกดดันข้าจนมาถึงทางตัน เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้หรือ ข้าควรทำอย่างไรดี

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตัวสั่นไม่หยุด อัศวิน A แข็งแกร่งมาก เขาตำหนิผู้แข็งแกร่งระดับนี้จนพูดไม่ออก ไม่แปลกที่เขาจะไม่สนใจกู่ปู้เหวย…

“พูดได้ดี” ในร้านอาหาร จู่ๆ เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกวิดีโอก็ปรบมือ แฟนของนางรีบดึงนาง และส่งสัญญาณว่าอย่าพูดแทรก

แต่หลายคนก็ปรบมือพร้อมกัน

พวกเขาไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ผู้คนที่สวมเครื่องแบบแตกต่างกันซึ่งล้อมรอบอยู่ด้านนอก ภิกษุและกลุ่มนักพรตรู้ว่าหนอนเขียวยักษ์ตัวนี้มีที่มาไม่ธรรมดา

พวกเขาคิดว่าความอยากอาหารของอัศวิน A ก็เยอะมากเช่นกัน แต่เขามากินข้าวที่นี่ก็จ่ายเงินเองทุกครั้ง ไม่เคยกินฟรีๆ

หลังจากหลายคนที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยิน สีหน้าก็สงบนิ่ง ในใจทั้งอายทั้งโกรธ: ในหมู่พวกเขาหลายคนอาศัยพลังที่ฝึกฝนมา เพื่อดำรงตำแหน่งในบางองค์กร กินหุ้นลม ไม่ทำงานเลย คนอื่นจึงยังไม่กล้าพูดอะไรมาก

บางคนคิดอย่างมุ่งร้าย หนอนเขียวยักษ์ตัวนี้รีบโกรธเร็วๆ เถอะ กินอัศวิน A ให้เกลี้ยง ทำให้เขาเสแสร้งอีก…

ทุกคนฝึกฝนพลังอย่างหนัก ไม่ใช่เพื่ออยู่เหนือคนธรรมดาหรือ หากต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเหมือนคนธรรมดาทุกวัน แล้วจะมีแรงจูงใจอะไรไปฝึกฝน จะมีเวลาฝึกฝนได้อย่างไร

แต่คนธรรมดาส่วนใหญ่กลับคิดว่า ในยุคใหม่จำเป็นต้องมีผู้แข็งแกร่งที่ชอบธรรมเช่นนี้ เพื่อไม่ให้มันถูกบิดเบือนไปสู่ยุคมืด…

เหนือความคาดหมายของทุกคน หลังจากเผชิญหน้ากันเป็นเวลานาน หนอนเขียวยักษ์ก็ยอม มันพูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ข้าจะไม่อาศัยพลังอันแข็งแกร่งเพื่อหาเงิน…แต่ข้าจะร้องเพลง สามารถหาเงินได้หรือไม่”

อัศวิน A เอ่ยอย่างจริงจัง “ร้องเพลงสามารถหาเงินได้มหาศาล แต่เจ้าตัวใหญ่เช่นนี้ ขึ้นเวทีไม่ได้ จะทำให้ผู้คนกลัว…เจ้าตามข้ามา ข้าจะให้โอกาสเจ้าทำเงินมหาศาล”

ฟางหนิง ‘ช่วยเทพแห่งระบบเก็บเลเวล…ให้อาหารกินตามประสิทธิภาพ’

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง อัศวิน A ช่างไม่กลัวตายจริงๆ จะบีบให้ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานก้มหัวจริงๆ หรือ

ต้องรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนักที่ร่างกาย ไม่คาดคิดว่าจะยังกล้าทำเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะยอมตายดีกว่ายอมประนีประนอม

และผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานผู้นี้เป็นคนมีเหตุผลจริงๆ หรือ

จากนั้นเหรินรั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก็ตกใจเมื่อพบว่า พลังลมปราณที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบนั่นลดลงในทันที แล้วก็จางหายไปโดยสมบูรณ์

หลังจากนั้นหนอนเขียวขนาดเท่าฝ่ามือก็ลอยตามหลังอัศวิน A ออกมา! และท่าทางยังจริงจังมากอีกด้วย…

อัศวิน A เอ่ยกับเสมียนที่แสดงความขอบคุณอย่างสูงอยู่ข้างหลังเขาเบาๆ “หมดเรื่องแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายได้ ฟื้นฟูความเรียบร้อยและทำงานตามปกติ”

เวลานี้ เหรินรั่วเฟิงเป็นผู้นำคารวะอัศวิน A และผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็คารวะทีละคน สีหน้าเต็มไปด้วยความยำเกรงในตัวอัศวิน A

มีคนประเภทหนึ่ง แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็จะไม่ล้ม…ยังคงกล้าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งและชักดาบออกมา!

ดินแดนมรดก สำนักงานสัจธรรมอยู่ในฐานบัญชาการของที่แห่งนี้

ไม่ได้มีหลายอย่างที่รอให้ทำอีกต่อไปแล้ว ความคืบหน้าก็ไม่เลว พนักงานหลายคนของสำนักงานสัจธรรมกำลังรีบทำความสะอาดสวนยาของฐานที่ถูกพวกสัตว์ปีศาจกระหายเลือดทำลาย และจัดเตรียมค่ายกลคุ้มกันอีกครั้ง ดูเหมือนจะทำเสร็จในไม่ช้า

ในเวลานี้ อัศวิน A เพิ่งเดินออกมาจากประตูทางเข้า และเข้าไปในลานของฐาน

บนไหล่ของเขามีหนอนเขียวยักษ์ขนาดเท่าฝ่ามือนอนอยู่ ตอนนี้มันเถรตรงมาก ไม่ได้น่าเกรงขามเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว

ระบบพูดกับฟางหนิงว่า “เอาละ มีเจ้านี่เป็นผู้ช่วย ปราบปรามสัตว์ป่าระดับบ่อน้ำฝูงนั้นด้วยกัน หลังจากข้าใช้ทักษะเฉพาะตัวก็สามารถปัดได้อีก”

ฟางหนิงอยากรูอยากเห็น จึงเอ่ยถาม “ทักษะเฉพาะตัวของแกคืออะไรเหรอ”

ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ

การแจ้งเตือนของระบบ (ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 30 ล้านเพื่ออัปเกรด ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เป็นระดับปรมาจารย์ ถึงระดับคอขวดในปัจจุบันแล้ว ระบบได้รับบัฟใหม่:

หนึ่ง: เสริมร่างปราณแท้ ระดับปัจจุบันสามารถสำรองพลังปราณได้มากขึ้นสี่เท่าจากจำนวนสล็อตพลังปราณปัจจุบัน จำนวนสล็อตพลังปราณปัจจุบัน สล็อตพลังปราณพื้นฐานคือ 8 สามารถสำรองได้ 40 สุนัขเหลืองเซวป้าให้ 2 คุณชายชางให้ 2 เจิ้งต้าวให้ 1 รวมเป็น 45 สล็อตพลังปราณ

สอง: เพิ่มโบนัสพลังของศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดหลังจากใช้พลังปราณ ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 200%

สาม: เพิ่มฟังก์ชันใหม่ของโมดูลพลังปราณ ทักษะที่มีอยู่ ‘เกราะป้องกันปราณแท้’ ‘ดูดซับพลังปราณ’ และ ‘เจตจำนงของเรารวมกันเป็นป้อมปราการ’ ระบบเรียนรู้ขอบเขตของศิลปะการต่อสู้ใหม่ ‘พลังปราณแท้จักรวาล’ ผลลัพธ์: สามารถใช้ได้หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากใช้จะเติมเต็มสล็อตพลังปราณทั้งหมด เงื่อนไขการใช้: รับประกันบนแผนที่ระบบที่เปิดใช้แล้ว พลังฝั่งความชอบธรรมจะได้เปรียบ)

ฟางหนิงอ่านถึงตรงนี้ก็คิดว่า ที่แท้ทักษะเฉพาะตัวก็คือเติมเกมนี่เอง ตอนนี้แกมีเงินเท่าไหร่กัน น่าจะมีค่าประสบการณ์ 177 ล้าน

เขาเอ่ยปากถาม “เติมเสร็จแล้วเหรอ”

ระบบ “รออย่างอดทน”

จากนั้นฟางหนิงก็ได้ยินการแจ้งเตือนอีกหนึ่งชุด ที่แท้แกก็อัปเกรด ‘วิชากระบี่ลี้ฟ้า’ ที่เพิ่งเรียนไปจนถึงระดับปรมาจารย์…

(ระบบใช้ค่าประสบการณ์ทั้งหมด 45 ล้านเพื่ออัปเกรด ‘วิชากระบี่ลี้ฟ้า’ จนถึงระดับปรมาจารย์ มีผลลัพธ์ดังนี้:

หนึ่ง: เพิ่มพลังศิลปะการต่อสู้ประเภทกระบี่ขึ้น 200%

สอง: เพิ่มความเร็วในการควบคุมกระบี่ขึ้น 120%

สาม: ศิลปะการต่อสู้ประเภทกระบี่ทั้งหมดผสานเข้าด้วยกันเรียบร้อย ระบบเรียนรู้กระบวนท่าอันทรงพลัง ‘ดรรชนีกระบี่หนีสวรรค์’ ระบบเรียนรู้ขอบเขตศิลปะการต่อสู้ใหม่: ‘กายกระบี่เป็นหนึ่ง’ ผลลัพธ์: สามารถรวมร่างกับอุปกรณ์ประเภทกระบี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ พลังป้องกัน พลังโจมตี และความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากพร้อมกัน เนื่องจากพลังแข็งแกร่งเกินไป จึงเป็นภาระต่อร่างกายอย่างมาก ปัจจุบันขอบเขตนี้สามารถคงไว้ได้เพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น หลังจากใช้ขอบเขตนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกภายในหนึ่งเดือน หลังจากพลังเพิ่มขึ้นสามารถยืดระยะเวลาคงสภาพไว้ได้ และลดระยะเวลาคูลดาวน์ลง)

ฟางหนิงรออย่างอดทน ไม่กล้ารบกวนนักวิชาการฉ้อฉลอย่างเปิดเผย…

เมื่อปัดการแจ้งเตือนของระบบหมด เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “มีอีก 132 ล้านที่ยังไม่ได้ใช้ แกจะใช้ไหม”

ระบบ “แน่นอนว่าเก็บ ตอนนี้พลังมากพอจะจัดการพวกเขาแล้ว ทว่าระยะเวลาในการคงสภาพสั้นมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเผชิญหน้ากับหนอนเขียวยักษ์ที่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเช่นนี้ คงไม่มีวิธีปัดได้ ทำได้เพียงรอจนถึงสิ้นปีค่อยปัดอีกครั้ง”

ฟางหนิงใช้สมองและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็พอจะเข้าใจแล้วว่าแกจะฆ่าสัตว์ประหลาดฝูงนั้นอย่างไร”

ระบบ “เอ๊ะ พ่อคนรวย นายน่ะเป็นนักเรียนยอดแย่ในเรื่องการต่อสู้หรือ ฉันยังไม่ได้ใช้เลย คุณก็รู้แล้วหรือ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ฉันไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่งหนีนะ เห็นแกวิ่งมาหลายครั้ง ฉันก็เข้าใจกิจวัตรของแกแล้ว ฉันพูดได้ประโยคเดียว ‘ห่างกันพันลี้แสนไกล บุพเพเชื่อมไว้ด้วยด้ายแดง’”

ระบบ “คุณดุฉันอีกแล้ว…แต่ครั้งนี้คุณทำถูกแล้วจริงๆ ในเมื่อคุณเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปทำงานให้ฉันเร็ว”

ฟางหนิงเข้าใจว่าเทพแห่งระบบหมายถึงอะไร จึงพูดทันที “ได้ งั้นฉันจะไปติดต่อสำนักงานสัจธรรม ให้พวกเขาหาสถานที่ที่กว้างขวาง และขุดคูน้ำลึกก่อน”

………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน

เมื่อหนอนเขียวยักษ์ได้ยินก็เงยหน้ามองอัศวิน A นัยน์ตาแสดงความแปลกใจทันที

“เจ้ารู้ว่าพลังลมปราณของข้าแข็งแกร่งเช่นนี้ ยังไม่กลัวข้าอีกเหรอ”

อัศวิน A กล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ข้ามีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและประชาชน จะเป็นคนที่เอนเอียงตามอำนาจ หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกผู้อ่อนแอได้อย่างไร! ก่อนกินข้าว ท่านเคยคิดไหมว่า อย่ารบกวนความสงบเรียบร้อย เคยคิดไหมว่ามีเงินจ่ายค่าอาหารหรือเปล่า”

หนอนเขียวยักษ์เบิกตาสีเขียวสองข้างของตัวเอง และจ้องมองอัศวิน A พลังลมปราณบนร่างแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยทันใด

เห็นได้ชัดว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้น

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ด้านนอกประตูตกใจทันที แต่ละคนเตรียมพร้อมมาก เพียงแต่บางคนก็เตรียมหยุดยั้งสถานการณ์ บางคนก็เตรียมหนี…

ทว่าอัศวิน A ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ยังคงแสดงท่าทางเด็ดเดี่ยว

ฟางหนิงจ้องมองฉากนี้อยู่ในพื้นที่ของระบบ และคิดในใจ หนอนตัวใหญ่อย่างแกหลอกลวงกลุ่มคนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของแกอย่างชัดเจนไปก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎของระบบ

เขาพลิกหนังสือเกมที่รัก ซึ่งแสดงข้อมูลของอีกฝ่ายอยู่

“หนอนเขียวยักษ์: เพศหญิง งานอดิเรก: กิน ร้องเพลง และอื่นๆ ไม่ทราบอายุ สถานะ: ปัจจุบันเป็นผู้นำหนอนเผ่าฉงหลิง ไม่ทราบสถานะก่อนหน้านี้”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: ยุติธรรมระดับกลาง”

“การประเมินพลัง: ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ขนาดโดยละเอียด: เคยเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทียนหู ระดับความยากยังไม่ทราบ ต้องการอาหารปราณกำเนิดจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูพลัง ความสามารถอำพรางตัว สามารถอำพรางพลังจนถึงช่วงที่เฟื่องฟูได้”

หนอนเขียวยักษ์สบตากับเขา นัยน์ตาดุร้าย ท่าทางก้าวร้าวไม่แพ้กันเลย อันที่จริงมันกำลังทุกข์ใจ ‘ท่านพ่อหลอกข้าอีกแล้ว ท่านพูดอย่างชัดเจนว่า คนธรรมดาในโลกเบื้องล่างมุทะลุมาก

แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งล้วนรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี มีสติปัญญา จะไม่ผลีผลามปะทะกับข้าเพราะข้ากินเยอะอย่างแน่นอน

จงใช้ความสามารถของตัวเองอำพรางตัวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน อย่าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองให้ผู้อื่นรู้ หลังจากนั้นหาโอกาสกินอาหารจำนวนมากเข้าไปเพื่อฟื้นฟูพลังที่แท้จริง

สองสามขั้นแรกเป็นไปด้วยดี คนอื่นต่างก็นำอาหารมาให้ตนกินอย่างเชื่อฟัง ทว่าขั้นสุดท้าย เหตุใดจึงพบกับคนมุทะลุที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมเช่นนี้

สิ่งสำคัญคือตอนนี้ด้วยพลังของเขาสามารถล้มข้าได้อย่างง่ายดาย…ข้าไม่กลัวคนที่อ่อนแอกว่า’

หนอนเขียวยักษ์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ดวงตาที่จ้องมองอัศวิน A ดุร้ายขึ้นเล็กน้อย ‘บัดซบ ไอ้ละอ่อนนี่ ข้าไม่ได้กินข้าวบ้านเจ้าสักหน่อย เหตุใดเจ้าถึงยุ่งไม่เข้าเรื่องเช่นนี้

รอให้ข้ากินอีกสักเดือน และฟื้นฟูพลัง ข้าก็สามารถล้มเจ้าได้เช่นกัน…

ช่างเถอะ ดูจากท่าทางของเขา น่าจะเป็นคนดี ท่านพ่อบอกว่าไม่ควรทำร้ายคนดี…’

เวลานี้ เหรินรั่วเฟิงที่อยู่ด้านนอกร้านเห็นท่าทีแล้วก็อดส่งเสียงลับหาอัศวิน A ไม่ได้ “ท่านเทพ อาหารมื้อนี้คิดบัญชีกับพวกเราสำนักงานสัจธรรม อย่าปะทะกับมันเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปสู่หายนะ”

อัศวิน A ตอบกลับ “หากผู้แข็งแกร่งลงมาจากโลกเบื้องบน ก็ต้องเลี้ยงดูภายใต้การขู่เข็ญของพวกเขา เสินโจวนั้นใหญ่มาก แต่ด้วยความอยากอาหารของพวกเขา จะสามารถเลี้ยงดูได้สักกี่คนเชียว ในเมื่อข้าแบกรับโชคชะตาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนใช้พลังดูดกลืนน้ำพักน้ำแรงของประชาชน กรณีนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพเจ้าลงมาจุติ ข้าก็ต้องจัดการมัน”

เหรินรั่วเฟิงทั้งอับอายและชื่นชม มีอีกฝ่ายอยู่ด้านหน้า เขารีบสั่งให้ผู้อำนวยการแห่งหน่วยกิจการพิเศษที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่ ทำความสะอาดรอบๆ และอพยพคนธรรมดาบริเวณรอบๆ ในระยะห้ากิโลเมตร เขามั่นใจว่าการอาศัยเครือข่ายเทียนลั่ว สามารถควบคุมผลพวงจากการต่อสู้ของทั้งสองภายในระยะนี้ได้ และคงไม่แผ่กระจายออกไป

เมื่อเห็นว่าพลังไม่สามารถกดดันอัศวิน A ได้ หนอนเขียวยักษ์ก็หันไปทางพนักงานเหล่านั้น “รีบไปบอกให้เถ้าแก่ของพวกเจ้าเสิร์ฟอาหารให้ข้า ข้าไม่มีเงิน แต่พวกเขามีเงิน พวกเขาจะเลี้ยงอาหารข้าและจ่ายเงินค่าอาหาร…”

แม้ว่าน้ำเสียงจะยังแข็งกร้าว แต่ผู้เฉลียวฉลาดย่อมฟังออก เห็นได้ชัดว่ามีคำใบ้ในคำอธิบาย

พวกเขานึกกลัวขึ้นในใจ อัศวิน A เป็นคนเที่ยงธรรมและหนักแน่น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดระดับทะเลสาบก็ยังหวาดกลัวพลังของเขา ต้องอธิบายเล็กน้อย…ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่กลัวทุกคนในเขาเทียนชิง

เมื่ออัศวิน A ได้ยินเช่นนั้น เขาก็กวาดตามองเฉียวจื่อเจียงและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในร้านอาหาร และส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ

จากนั้นเขาก็หันกลับมา และจ้องมองหนอนเขียวยักษ์ “หากเจ้าไม่ปล่อยพลังลมปราณออกมา พวกเขาจะเชิญเจ้ากินข้าวหรือ หากเจ้าอยากกินข้าว เจ้าก็ควรอาศัยพลังอันแข็งแกร่งของตัวเองไปทำงานก่อน หลังจากได้รับเงินก็มาที่นี่เพื่อกินข้าวได้ ไม่ใช่อาศัยพลังเบียดเบียนผู้อื่น นี่เป็นกฎ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาอาละวาดในเสินโจวเป็นอันขาด”

เมื่อหนอนเขียวยักษ์ได้ยินก็ไม่พูดไม่จา เพียงแค่จ้องมองจานที่ว่างเปล่า และพึมพำในใจ: หากข้ามีพลังที่แข็งแกร่งตั้งแต่แรก ข้าจะไปหาเงินแน่นอน แต่ตอนนี้ต้องกินข้าวให้อิ่มก่อนถึงจะมีไม่ใช่หรือไง

ท่านพ่อบอกข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองกับใคร อย่าบอกใครว่า ตัวเองต้องกินข้าวให้อิ่มเพื่อฟื้นฟูพลัง

เห็นๆ อยู่ว่าอยากกินให้อิ่มก่อนค่อยไปหาเงิน ผลคือคนมุทะลุผู้ชอบธรรมกดดันข้าจนมาถึงทางตัน เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้หรือ ข้าควรทำอย่างไรดี

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตัวสั่นไม่หยุด อัศวิน A แข็งแกร่งมาก เขาตำหนิผู้แข็งแกร่งระดับนี้จนพูดไม่ออก ไม่แปลกที่เขาจะไม่สนใจกู่ปู้เหวย…

“พูดได้ดี” ในร้านอาหาร จู่ๆ เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกวิดีโอก็ปรบมือ แฟนของนางรีบดึงนาง และส่งสัญญาณว่าอย่าพูดแทรก

แต่หลายคนก็ปรบมือพร้อมกัน

พวกเขาไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ผู้คนที่สวมเครื่องแบบแตกต่างกันซึ่งล้อมรอบอยู่ด้านนอก ภิกษุและกลุ่มนักพรตรู้ว่าหนอนเขียวยักษ์ตัวนี้มีที่มาไม่ธรรมดา

พวกเขาคิดว่าความอยากอาหารของอัศวิน A ก็เยอะมากเช่นกัน แต่เขามากินข้าวที่นี่ก็จ่ายเงินเองทุกครั้ง ไม่เคยกินฟรีๆ

หลังจากหลายคนที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยิน สีหน้าก็สงบนิ่ง ในใจทั้งอายทั้งโกรธ: ในหมู่พวกเขาหลายคนอาศัยพลังที่ฝึกฝนมา เพื่อดำรงตำแหน่งในบางองค์กร กินหุ้นลม ไม่ทำงานเลย คนอื่นจึงยังไม่กล้าพูดอะไรมาก

บางคนคิดอย่างมุ่งร้าย หนอนเขียวยักษ์ตัวนี้รีบโกรธเร็วๆ เถอะ กินอัศวิน A ให้เกลี้ยง ทำให้เขาเสแสร้งอีก…

ทุกคนฝึกฝนพลังอย่างหนัก ไม่ใช่เพื่ออยู่เหนือคนธรรมดาหรือ หากต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเหมือนคนธรรมดาทุกวัน แล้วจะมีแรงจูงใจอะไรไปฝึกฝน จะมีเวลาฝึกฝนได้อย่างไร

แต่คนธรรมดาส่วนใหญ่กลับคิดว่า ในยุคใหม่จำเป็นต้องมีผู้แข็งแกร่งที่ชอบธรรมเช่นนี้ เพื่อไม่ให้มันถูกบิดเบือนไปสู่ยุคมืด…

เหนือความคาดหมายของทุกคน หลังจากเผชิญหน้ากันเป็นเวลานาน หนอนเขียวยักษ์ก็ยอม มันพูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ข้าจะไม่อาศัยพลังอันแข็งแกร่งเพื่อหาเงิน…แต่ข้าจะร้องเพลง สามารถหาเงินได้หรือไม่”

อัศวิน A เอ่ยอย่างจริงจัง “ร้องเพลงสามารถหาเงินได้มหาศาล แต่เจ้าตัวใหญ่เช่นนี้ ขึ้นเวทีไม่ได้ จะทำให้ผู้คนกลัว…เจ้าตามข้ามา ข้าจะให้โอกาสเจ้าทำเงินมหาศาล”

ฟางหนิง ‘ช่วยเทพแห่งระบบเก็บเลเวล…ให้อาหารกินตามประสิทธิภาพ’

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง อัศวิน A ช่างไม่กลัวตายจริงๆ จะบีบให้ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานก้มหัวจริงๆ หรือ

ต้องรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนักที่ร่างกาย ไม่คาดคิดว่าจะยังกล้าทำเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะยอมตายดีกว่ายอมประนีประนอม

และผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานผู้นี้เป็นคนมีเหตุผลจริงๆ หรือ

จากนั้นเหรินรั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก็ตกใจเมื่อพบว่า พลังลมปราณที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบนั่นลดลงในทันที แล้วก็จางหายไปโดยสมบูรณ์

หลังจากนั้นหนอนเขียวขนาดเท่าฝ่ามือก็ลอยตามหลังอัศวิน A ออกมา! และท่าทางยังจริงจังมากอีกด้วย…

อัศวิน A เอ่ยกับเสมียนที่แสดงความขอบคุณอย่างสูงอยู่ข้างหลังเขาเบาๆ “หมดเรื่องแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายได้ ฟื้นฟูความเรียบร้อยและทำงานตามปกติ”

เวลานี้ เหรินรั่วเฟิงเป็นผู้นำคารวะอัศวิน A และผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็คารวะทีละคน สีหน้าเต็มไปด้วยความยำเกรงในตัวอัศวิน A

มีคนประเภทหนึ่ง แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็จะไม่ล้ม…ยังคงกล้าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งและชักดาบออกมา!

ดินแดนมรดก สำนักงานสัจธรรมอยู่ในฐานบัญชาการของที่แห่งนี้

ไม่ได้มีหลายอย่างที่รอให้ทำอีกต่อไปแล้ว ความคืบหน้าก็ไม่เลว พนักงานหลายคนของสำนักงานสัจธรรมกำลังรีบทำความสะอาดสวนยาของฐานที่ถูกพวกสัตว์ปีศาจกระหายเลือดทำลาย และจัดเตรียมค่ายกลคุ้มกันอีกครั้ง ดูเหมือนจะทำเสร็จในไม่ช้า

ในเวลานี้ อัศวิน A เพิ่งเดินออกมาจากประตูทางเข้า และเข้าไปในลานของฐาน

บนไหล่ของเขามีหนอนเขียวยักษ์ขนาดเท่าฝ่ามือนอนอยู่ ตอนนี้มันเถรตรงมาก ไม่ได้น่าเกรงขามเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว

ระบบพูดกับฟางหนิงว่า “เอาละ มีเจ้านี่เป็นผู้ช่วย ปราบปรามสัตว์ป่าระดับบ่อน้ำฝูงนั้นด้วยกัน หลังจากข้าใช้ทักษะเฉพาะตัวก็สามารถปัดได้อีก”

ฟางหนิงอยากรูอยากเห็น จึงเอ่ยถาม “ทักษะเฉพาะตัวของแกคืออะไรเหรอ”

ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ

การแจ้งเตือนของระบบ (ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 30 ล้านเพื่ออัปเกรด ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เป็นระดับปรมาจารย์ ถึงระดับคอขวดในปัจจุบันแล้ว ระบบได้รับบัฟใหม่:

หนึ่ง: เสริมร่างปราณแท้ ระดับปัจจุบันสามารถสำรองพลังปราณได้มากขึ้นสี่เท่าจากจำนวนสล็อตพลังปราณปัจจุบัน จำนวนสล็อตพลังปราณปัจจุบัน สล็อตพลังปราณพื้นฐานคือ 8 สามารถสำรองได้ 40 สุนัขเหลืองเซวป้าให้ 2 คุณชายชางให้ 2 เจิ้งต้าวให้ 1 รวมเป็น 45 สล็อตพลังปราณ

สอง: เพิ่มโบนัสพลังของศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดหลังจากใช้พลังปราณ ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 200%

สาม: เพิ่มฟังก์ชันใหม่ของโมดูลพลังปราณ ทักษะที่มีอยู่ ‘เกราะป้องกันปราณแท้’ ‘ดูดซับพลังปราณ’ และ ‘เจตจำนงของเรารวมกันเป็นป้อมปราการ’ ระบบเรียนรู้ขอบเขตของศิลปะการต่อสู้ใหม่ ‘พลังปราณแท้จักรวาล’ ผลลัพธ์: สามารถใช้ได้หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากใช้จะเติมเต็มสล็อตพลังปราณทั้งหมด เงื่อนไขการใช้: รับประกันบนแผนที่ระบบที่เปิดใช้แล้ว พลังฝั่งความชอบธรรมจะได้เปรียบ)

ฟางหนิงอ่านถึงตรงนี้ก็คิดว่า ที่แท้ทักษะเฉพาะตัวก็คือเติมเกมนี่เอง ตอนนี้แกมีเงินเท่าไหร่กัน น่าจะมีค่าประสบการณ์ 177 ล้าน

เขาเอ่ยปากถาม “เติมเสร็จแล้วเหรอ”

ระบบ “รออย่างอดทน”

จากนั้นฟางหนิงก็ได้ยินการแจ้งเตือนอีกหนึ่งชุด ที่แท้แกก็อัปเกรด ‘วิชากระบี่ลี้ฟ้า’ ที่เพิ่งเรียนไปจนถึงระดับปรมาจารย์…

(ระบบใช้ค่าประสบการณ์ทั้งหมด 45 ล้านเพื่ออัปเกรด ‘วิชากระบี่ลี้ฟ้า’ จนถึงระดับปรมาจารย์ มีผลลัพธ์ดังนี้:

หนึ่ง: เพิ่มพลังศิลปะการต่อสู้ประเภทกระบี่ขึ้น 200%

สอง: เพิ่มความเร็วในการควบคุมกระบี่ขึ้น 120%

สาม: ศิลปะการต่อสู้ประเภทกระบี่ทั้งหมดผสานเข้าด้วยกันเรียบร้อย ระบบเรียนรู้กระบวนท่าอันทรงพลัง ‘ดรรชนีกระบี่หนีสวรรค์’ ระบบเรียนรู้ขอบเขตศิลปะการต่อสู้ใหม่: ‘กายกระบี่เป็นหนึ่ง’ ผลลัพธ์: สามารถรวมร่างกับอุปกรณ์ประเภทกระบี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ พลังป้องกัน พลังโจมตี และความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากพร้อมกัน เนื่องจากพลังแข็งแกร่งเกินไป จึงเป็นภาระต่อร่างกายอย่างมาก ปัจจุบันขอบเขตนี้สามารถคงไว้ได้เพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น หลังจากใช้ขอบเขตนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกภายในหนึ่งเดือน หลังจากพลังเพิ่มขึ้นสามารถยืดระยะเวลาคงสภาพไว้ได้ และลดระยะเวลาคูลดาวน์ลง)

ฟางหนิงรออย่างอดทน ไม่กล้ารบกวนนักวิชาการฉ้อฉลอย่างเปิดเผย…

เมื่อปัดการแจ้งเตือนของระบบหมด เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “มีอีก 132 ล้านที่ยังไม่ได้ใช้ แกจะใช้ไหม”

ระบบ “แน่นอนว่าเก็บ ตอนนี้พลังมากพอจะจัดการพวกเขาแล้ว ทว่าระยะเวลาในการคงสภาพสั้นมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเผชิญหน้ากับหนอนเขียวยักษ์ที่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเช่นนี้ คงไม่มีวิธีปัดได้ ทำได้เพียงรอจนถึงสิ้นปีค่อยปัดอีกครั้ง”

ฟางหนิงใช้สมองและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็พอจะเข้าใจแล้วว่าแกจะฆ่าสัตว์ประหลาดฝูงนั้นอย่างไร”

ระบบ “เอ๊ะ พ่อคนรวย นายน่ะเป็นนักเรียนยอดแย่ในเรื่องการต่อสู้หรือ ฉันยังไม่ได้ใช้เลย คุณก็รู้แล้วหรือ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ฉันไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่งหนีนะ เห็นแกวิ่งมาหลายครั้ง ฉันก็เข้าใจกิจวัตรของแกแล้ว ฉันพูดได้ประโยคเดียว ‘ห่างกันพันลี้แสนไกล บุพเพเชื่อมไว้ด้วยด้ายแดง’”

ระบบ “คุณดุฉันอีกแล้ว…แต่ครั้งนี้คุณทำถูกแล้วจริงๆ ในเมื่อคุณเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปทำงานให้ฉันเร็ว”

ฟางหนิงเข้าใจว่าเทพแห่งระบบหมายถึงอะไร จึงพูดทันที “ได้ งั้นฉันจะไปติดต่อสำนักงานสัจธรรม ให้พวกเขาหาสถานที่ที่กว้างขวาง และขุดคูน้ำลึกก่อน”

………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 203 ขุดคูน้ำลึกก่อน

เมื่อหนอนเขียวยักษ์ได้ยินก็เงยหน้ามองอัศวิน A นัยน์ตาแสดงความแปลกใจทันที

“เจ้ารู้ว่าพลังลมปราณของข้าแข็งแกร่งเช่นนี้ ยังไม่กลัวข้าอีกเหรอ”

อัศวิน A กล่าวด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “ข้ามีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติและประชาชน จะเป็นคนที่เอนเอียงตามอำนาจ หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งและรังแกผู้อ่อนแอได้อย่างไร! ก่อนกินข้าว ท่านเคยคิดไหมว่า อย่ารบกวนความสงบเรียบร้อย เคยคิดไหมว่ามีเงินจ่ายค่าอาหารหรือเปล่า”

หนอนเขียวยักษ์เบิกตาสีเขียวสองข้างของตัวเอง และจ้องมองอัศวิน A พลังลมปราณบนร่างแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยทันใด

เห็นได้ชัดว่าจะเกิดการปะทะกันขึ้น

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ด้านนอกประตูตกใจทันที แต่ละคนเตรียมพร้อมมาก เพียงแต่บางคนก็เตรียมหยุดยั้งสถานการณ์ บางคนก็เตรียมหนี…

ทว่าอัศวิน A ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ยังคงแสดงท่าทางเด็ดเดี่ยว

ฟางหนิงจ้องมองฉากนี้อยู่ในพื้นที่ของระบบ และคิดในใจ หนอนตัวใหญ่อย่างแกหลอกลวงกลุ่มคนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของแกอย่างชัดเจนไปก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎของระบบ

เขาพลิกหนังสือเกมที่รัก ซึ่งแสดงข้อมูลของอีกฝ่ายอยู่

“หนอนเขียวยักษ์: เพศหญิง งานอดิเรก: กิน ร้องเพลง และอื่นๆ ไม่ทราบอายุ สถานะ: ปัจจุบันเป็นผู้นำหนอนเผ่าฉงหลิง ไม่ทราบสถานะก่อนหน้านี้”

“แนวโน้มความดีและความชั่ว: ยุติธรรมระดับกลาง”

“การประเมินพลัง: ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ขนาดโดยละเอียด: เคยเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทียนหู ระดับความยากยังไม่ทราบ ต้องการอาหารปราณกำเนิดจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูพลัง ความสามารถอำพรางตัว สามารถอำพรางพลังจนถึงช่วงที่เฟื่องฟูได้”

หนอนเขียวยักษ์สบตากับเขา นัยน์ตาดุร้าย ท่าทางก้าวร้าวไม่แพ้กันเลย อันที่จริงมันกำลังทุกข์ใจ ‘ท่านพ่อหลอกข้าอีกแล้ว ท่านพูดอย่างชัดเจนว่า คนธรรมดาในโลกเบื้องล่างมุทะลุมาก

แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งล้วนรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี มีสติปัญญา จะไม่ผลีผลามปะทะกับข้าเพราะข้ากินเยอะอย่างแน่นอน

จงใช้ความสามารถของตัวเองอำพรางตัวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก่อน อย่าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองให้ผู้อื่นรู้ หลังจากนั้นหาโอกาสกินอาหารจำนวนมากเข้าไปเพื่อฟื้นฟูพลังที่แท้จริง

สองสามขั้นแรกเป็นไปด้วยดี คนอื่นต่างก็นำอาหารมาให้ตนกินอย่างเชื่อฟัง ทว่าขั้นสุดท้าย เหตุใดจึงพบกับคนมุทะลุที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมเช่นนี้

สิ่งสำคัญคือตอนนี้ด้วยพลังของเขาสามารถล้มข้าได้อย่างง่ายดาย…ข้าไม่กลัวคนที่อ่อนแอกว่า’

หนอนเขียวยักษ์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ดวงตาที่จ้องมองอัศวิน A ดุร้ายขึ้นเล็กน้อย ‘บัดซบ ไอ้ละอ่อนนี่ ข้าไม่ได้กินข้าวบ้านเจ้าสักหน่อย เหตุใดเจ้าถึงยุ่งไม่เข้าเรื่องเช่นนี้

รอให้ข้ากินอีกสักเดือน และฟื้นฟูพลัง ข้าก็สามารถล้มเจ้าได้เช่นกัน…

ช่างเถอะ ดูจากท่าทางของเขา น่าจะเป็นคนดี ท่านพ่อบอกว่าไม่ควรทำร้ายคนดี…’

เวลานี้ เหรินรั่วเฟิงที่อยู่ด้านนอกร้านเห็นท่าทีแล้วก็อดส่งเสียงลับหาอัศวิน A ไม่ได้ “ท่านเทพ อาหารมื้อนี้คิดบัญชีกับพวกเราสำนักงานสัจธรรม อย่าปะทะกับมันเลย เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปสู่หายนะ”

อัศวิน A ตอบกลับ “หากผู้แข็งแกร่งลงมาจากโลกเบื้องบน ก็ต้องเลี้ยงดูภายใต้การขู่เข็ญของพวกเขา เสินโจวนั้นใหญ่มาก แต่ด้วยความอยากอาหารของพวกเขา จะสามารถเลี้ยงดูได้สักกี่คนเชียว ในเมื่อข้าแบกรับโชคชะตาไว้ ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนใช้พลังดูดกลืนน้ำพักน้ำแรงของประชาชน กรณีนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเทพเจ้าลงมาจุติ ข้าก็ต้องจัดการมัน”

เหรินรั่วเฟิงทั้งอับอายและชื่นชม มีอีกฝ่ายอยู่ด้านหน้า เขารีบสั่งให้ผู้อำนวยการแห่งหน่วยกิจการพิเศษที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่ ทำความสะอาดรอบๆ และอพยพคนธรรมดาบริเวณรอบๆ ในระยะห้ากิโลเมตร เขามั่นใจว่าการอาศัยเครือข่ายเทียนลั่ว สามารถควบคุมผลพวงจากการต่อสู้ของทั้งสองภายในระยะนี้ได้ และคงไม่แผ่กระจายออกไป

เมื่อเห็นว่าพลังไม่สามารถกดดันอัศวิน A ได้ หนอนเขียวยักษ์ก็หันไปทางพนักงานเหล่านั้น “รีบไปบอกให้เถ้าแก่ของพวกเจ้าเสิร์ฟอาหารให้ข้า ข้าไม่มีเงิน แต่พวกเขามีเงิน พวกเขาจะเลี้ยงอาหารข้าและจ่ายเงินค่าอาหาร…”

แม้ว่าน้ำเสียงจะยังแข็งกร้าว แต่ผู้เฉลียวฉลาดย่อมฟังออก เห็นได้ชัดว่ามีคำใบ้ในคำอธิบาย

พวกเขานึกกลัวขึ้นในใจ อัศวิน A เป็นคนเที่ยงธรรมและหนักแน่น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดระดับทะเลสาบก็ยังหวาดกลัวพลังของเขา ต้องอธิบายเล็กน้อย…ไม่แปลกเลยที่เขาจะไม่กลัวทุกคนในเขาเทียนชิง

เมื่ออัศวิน A ได้ยินเช่นนั้น เขาก็กวาดตามองเฉียวจื่อเจียงและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในร้านอาหาร และส่งสัญญาณให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ

จากนั้นเขาก็หันกลับมา และจ้องมองหนอนเขียวยักษ์ “หากเจ้าไม่ปล่อยพลังลมปราณออกมา พวกเขาจะเชิญเจ้ากินข้าวหรือ หากเจ้าอยากกินข้าว เจ้าก็ควรอาศัยพลังอันแข็งแกร่งของตัวเองไปทำงานก่อน หลังจากได้รับเงินก็มาที่นี่เพื่อกินข้าวได้ ไม่ใช่อาศัยพลังเบียดเบียนผู้อื่น นี่เป็นกฎ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาอาละวาดในเสินโจวเป็นอันขาด”

เมื่อหนอนเขียวยักษ์ได้ยินก็ไม่พูดไม่จา เพียงแค่จ้องมองจานที่ว่างเปล่า และพึมพำในใจ: หากข้ามีพลังที่แข็งแกร่งตั้งแต่แรก ข้าจะไปหาเงินแน่นอน แต่ตอนนี้ต้องกินข้าวให้อิ่มก่อนถึงจะมีไม่ใช่หรือไง

ท่านพ่อบอกข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตัวเองกับใคร อย่าบอกใครว่า ตัวเองต้องกินข้าวให้อิ่มเพื่อฟื้นฟูพลัง

เห็นๆ อยู่ว่าอยากกินให้อิ่มก่อนค่อยไปหาเงิน ผลคือคนมุทะลุผู้ชอบธรรมกดดันข้าจนมาถึงทางตัน เปิดเผยรายละเอียดไม่ได้หรือ ข้าควรทำอย่างไรดี

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตัวสั่นไม่หยุด อัศวิน A แข็งแกร่งมาก เขาตำหนิผู้แข็งแกร่งระดับนี้จนพูดไม่ออก ไม่แปลกที่เขาจะไม่สนใจกู่ปู้เหวย…

“พูดได้ดี” ในร้านอาหาร จู่ๆ เด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกวิดีโอก็ปรบมือ แฟนของนางรีบดึงนาง และส่งสัญญาณว่าอย่าพูดแทรก

แต่หลายคนก็ปรบมือพร้อมกัน

พวกเขาไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งแกร่งเพียงใด แต่ผู้คนที่สวมเครื่องแบบแตกต่างกันซึ่งล้อมรอบอยู่ด้านนอก ภิกษุและกลุ่มนักพรตรู้ว่าหนอนเขียวยักษ์ตัวนี้มีที่มาไม่ธรรมดา

พวกเขาคิดว่าความอยากอาหารของอัศวิน A ก็เยอะมากเช่นกัน แต่เขามากินข้าวที่นี่ก็จ่ายเงินเองทุกครั้ง ไม่เคยกินฟรีๆ

หลังจากหลายคนที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยิน สีหน้าก็สงบนิ่ง ในใจทั้งอายทั้งโกรธ: ในหมู่พวกเขาหลายคนอาศัยพลังที่ฝึกฝนมา เพื่อดำรงตำแหน่งในบางองค์กร กินหุ้นลม ไม่ทำงานเลย คนอื่นจึงยังไม่กล้าพูดอะไรมาก

บางคนคิดอย่างมุ่งร้าย หนอนเขียวยักษ์ตัวนี้รีบโกรธเร็วๆ เถอะ กินอัศวิน A ให้เกลี้ยง ทำให้เขาเสแสร้งอีก…

ทุกคนฝึกฝนพลังอย่างหนัก ไม่ใช่เพื่ออยู่เหนือคนธรรมดาหรือ หากต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเหมือนคนธรรมดาทุกวัน แล้วจะมีแรงจูงใจอะไรไปฝึกฝน จะมีเวลาฝึกฝนได้อย่างไร

แต่คนธรรมดาส่วนใหญ่กลับคิดว่า ในยุคใหม่จำเป็นต้องมีผู้แข็งแกร่งที่ชอบธรรมเช่นนี้ เพื่อไม่ให้มันถูกบิดเบือนไปสู่ยุคมืด…

เหนือความคาดหมายของทุกคน หลังจากเผชิญหน้ากันเป็นเวลานาน หนอนเขียวยักษ์ก็ยอม มันพูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ข้าจะไม่อาศัยพลังอันแข็งแกร่งเพื่อหาเงิน…แต่ข้าจะร้องเพลง สามารถหาเงินได้หรือไม่”

อัศวิน A เอ่ยอย่างจริงจัง “ร้องเพลงสามารถหาเงินได้มหาศาล แต่เจ้าตัวใหญ่เช่นนี้ ขึ้นเวทีไม่ได้ จะทำให้ผู้คนกลัว…เจ้าตามข้ามา ข้าจะให้โอกาสเจ้าทำเงินมหาศาล”

ฟางหนิง ‘ช่วยเทพแห่งระบบเก็บเลเวล…ให้อาหารกินตามประสิทธิภาพ’

เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึง อัศวิน A ช่างไม่กลัวตายจริงๆ จะบีบให้ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานก้มหัวจริงๆ หรือ

ต้องรู้ว่าเขาได้รับบาดเจ็บหนักที่ร่างกาย ไม่คาดคิดว่าจะยังกล้าทำเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะยอมตายดีกว่ายอมประนีประนอม

และผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานผู้นี้เป็นคนมีเหตุผลจริงๆ หรือ

จากนั้นเหรินรั่วเฟิงและคนอื่นๆ ก็ตกใจเมื่อพบว่า พลังลมปราณที่แข็งแกร่งหาใดเปรียบนั่นลดลงในทันที แล้วก็จางหายไปโดยสมบูรณ์

หลังจากนั้นหนอนเขียวขนาดเท่าฝ่ามือก็ลอยตามหลังอัศวิน A ออกมา! และท่าทางยังจริงจังมากอีกด้วย…

อัศวิน A เอ่ยกับเสมียนที่แสดงความขอบคุณอย่างสูงอยู่ข้างหลังเขาเบาๆ “หมดเรื่องแล้ว พวกเจ้าแยกย้ายได้ ฟื้นฟูความเรียบร้อยและทำงานตามปกติ”

เวลานี้ เหรินรั่วเฟิงเป็นผู้นำคารวะอัศวิน A และผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ก็คารวะทีละคน สีหน้าเต็มไปด้วยความยำเกรงในตัวอัศวิน A

มีคนประเภทหนึ่ง แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนัก เขาก็จะไม่ล้ม…ยังคงกล้าเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งและชักดาบออกมา!

ดินแดนมรดก สำนักงานสัจธรรมอยู่ในฐานบัญชาการของที่แห่งนี้

ไม่ได้มีหลายอย่างที่รอให้ทำอีกต่อไปแล้ว ความคืบหน้าก็ไม่เลว พนักงานหลายคนของสำนักงานสัจธรรมกำลังรีบทำความสะอาดสวนยาของฐานที่ถูกพวกสัตว์ปีศาจกระหายเลือดทำลาย และจัดเตรียมค่ายกลคุ้มกันอีกครั้ง ดูเหมือนจะทำเสร็จในไม่ช้า

ในเวลานี้ อัศวิน A เพิ่งเดินออกมาจากประตูทางเข้า และเข้าไปในลานของฐาน

บนไหล่ของเขามีหนอนเขียวยักษ์ขนาดเท่าฝ่ามือนอนอยู่ ตอนนี้มันเถรตรงมาก ไม่ได้น่าเกรงขามเช่นก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว

ระบบพูดกับฟางหนิงว่า “เอาละ มีเจ้านี่เป็นผู้ช่วย ปราบปรามสัตว์ป่าระดับบ่อน้ำฝูงนั้นด้วยกัน หลังจากข้าใช้ทักษะเฉพาะตัวก็สามารถปัดได้อีก”

ฟางหนิงอยากรูอยากเห็น จึงเอ่ยถาม “ทักษะเฉพาะตัวของแกคืออะไรเหรอ”

ในไม่ช้าเขาก็เข้าใจ

การแจ้งเตือนของระบบ (ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 30 ล้านเพื่ออัปเกรด ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ เป็นระดับปรมาจารย์ ถึงระดับคอขวดในปัจจุบันแล้ว ระบบได้รับบัฟใหม่:

หนึ่ง: เสริมร่างปราณแท้ ระดับปัจจุบันสามารถสำรองพลังปราณได้มากขึ้นสี่เท่าจากจำนวนสล็อตพลังปราณปัจจุบัน จำนวนสล็อตพลังปราณปัจจุบัน สล็อตพลังปราณพื้นฐานคือ 8 สามารถสำรองได้ 40 สุนัขเหลืองเซวป้าให้ 2 คุณชายชางให้ 2 เจิ้งต้าวให้ 1 รวมเป็น 45 สล็อตพลังปราณ

สอง: เพิ่มโบนัสพลังของศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดหลังจากใช้พลังปราณ ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 200%

สาม: เพิ่มฟังก์ชันใหม่ของโมดูลพลังปราณ ทักษะที่มีอยู่ ‘เกราะป้องกันปราณแท้’ ‘ดูดซับพลังปราณ’ และ ‘เจตจำนงของเรารวมกันเป็นป้อมปราการ’ ระบบเรียนรู้ขอบเขตของศิลปะการต่อสู้ใหม่ ‘พลังปราณแท้จักรวาล’ ผลลัพธ์: สามารถใช้ได้หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ หลังจากใช้จะเติมเต็มสล็อตพลังปราณทั้งหมด เงื่อนไขการใช้: รับประกันบนแผนที่ระบบที่เปิดใช้แล้ว พลังฝั่งความชอบธรรมจะได้เปรียบ)

ฟางหนิงอ่านถึงตรงนี้ก็คิดว่า ที่แท้ทักษะเฉพาะตัวก็คือเติมเกมนี่เอง ตอนนี้แกมีเงินเท่าไหร่กัน น่าจะมีค่าประสบการณ์ 177 ล้าน

เขาเอ่ยปากถาม “เติมเสร็จแล้วเหรอ”

ระบบ “รออย่างอดทน”

จากนั้นฟางหนิงก็ได้ยินการแจ้งเตือนอีกหนึ่งชุด ที่แท้แกก็อัปเกรด ‘วิชากระบี่ลี้ฟ้า’ ที่เพิ่งเรียนไปจนถึงระดับปรมาจารย์…

(ระบบใช้ค่าประสบการณ์ทั้งหมด 45 ล้านเพื่ออัปเกรด ‘วิชากระบี่ลี้ฟ้า’ จนถึงระดับปรมาจารย์ มีผลลัพธ์ดังนี้:

หนึ่ง: เพิ่มพลังศิลปะการต่อสู้ประเภทกระบี่ขึ้น 200%

สอง: เพิ่มความเร็วในการควบคุมกระบี่ขึ้น 120%

สาม: ศิลปะการต่อสู้ประเภทกระบี่ทั้งหมดผสานเข้าด้วยกันเรียบร้อย ระบบเรียนรู้กระบวนท่าอันทรงพลัง ‘ดรรชนีกระบี่หนีสวรรค์’ ระบบเรียนรู้ขอบเขตศิลปะการต่อสู้ใหม่: ‘กายกระบี่เป็นหนึ่ง’ ผลลัพธ์: สามารถรวมร่างกับอุปกรณ์ประเภทกระบี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ พลังป้องกัน พลังโจมตี และความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมากพร้อมกัน เนื่องจากพลังแข็งแกร่งเกินไป จึงเป็นภาระต่อร่างกายอย่างมาก ปัจจุบันขอบเขตนี้สามารถคงไว้ได้เพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น หลังจากใช้ขอบเขตนี้จะไม่สามารถใช้ได้อีกภายในหนึ่งเดือน หลังจากพลังเพิ่มขึ้นสามารถยืดระยะเวลาคงสภาพไว้ได้ และลดระยะเวลาคูลดาวน์ลง)

ฟางหนิงรออย่างอดทน ไม่กล้ารบกวนนักวิชาการฉ้อฉลอย่างเปิดเผย…

เมื่อปัดการแจ้งเตือนของระบบหมด เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “มีอีก 132 ล้านที่ยังไม่ได้ใช้ แกจะใช้ไหม”

ระบบ “แน่นอนว่าเก็บ ตอนนี้พลังมากพอจะจัดการพวกเขาแล้ว ทว่าระยะเวลาในการคงสภาพสั้นมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเผชิญหน้ากับหนอนเขียวยักษ์ที่วางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คนเช่นนี้ คงไม่มีวิธีปัดได้ ทำได้เพียงรอจนถึงสิ้นปีค่อยปัดอีกครั้ง”

ฟางหนิงใช้สมองและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็พอจะเข้าใจแล้วว่าแกจะฆ่าสัตว์ประหลาดฝูงนั้นอย่างไร”

ระบบ “เอ๊ะ พ่อคนรวย นายน่ะเป็นนักเรียนยอดแย่ในเรื่องการต่อสู้หรือ ฉันยังไม่ได้ใช้เลย คุณก็รู้แล้วหรือ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ฉันไม่เคยกินเนื้อหมู แต่ก็เคยเห็นหมูวิ่งหนีนะ เห็นแกวิ่งมาหลายครั้ง ฉันก็เข้าใจกิจวัตรของแกแล้ว ฉันพูดได้ประโยคเดียว ‘ห่างกันพันลี้แสนไกล บุพเพเชื่อมไว้ด้วยด้ายแดง’”

ระบบ “คุณดุฉันอีกแล้ว…แต่ครั้งนี้คุณทำถูกแล้วจริงๆ ในเมื่อคุณเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็รีบไปทำงานให้ฉันเร็ว”

ฟางหนิงเข้าใจว่าเทพแห่งระบบหมายถึงอะไร จึงพูดทันที “ได้ งั้นฉันจะไปติดต่อสำนักงานสัจธรรม ให้พวกเขาหาสถานที่ที่กว้างขวาง และขุดคูน้ำลึกก่อน”

………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+