เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ

รถเบนซ์คันหนึ่งขับไปอย่างเชื่องช้าบนถนนจากเขตเมืองฉีมุ่งหน้าสู่ฟาร์มย่านชานเมืองของอัศวิน A ตามมาด้วยรถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่งพร้อมด้วยรถบรรทุกคันใหญ่

นี่เป็นขบวนรถที่ร้านอาหารตระกูลฟางส่งมา ตอนนี้ภายในรถเบนซ์ที่นำอยู่ มีบทสนทนาลับๆ กำลังเกิดขึ้น

จ้าวอิ๋งมองไปยังเถ้าแก่ที่นั่งขรึมข้างคนขับ ในใจก็พูดอะไรไม่ออก เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่ แค่พริบตาเถ้าแก่ก็หดหัวกลับไปอีกแล้ว แถมยังส่งหุ่นเชิดออกมารับมือสถานการณ์แทน สมกับที่เป็นโอตาคุตัวพ่อ

เธออุ้มหนูแฮมสเตอร์ ก้มหน้าลงพลางส่งเสียงลับ แต่ทักษะยังไม่คล่องแคล่วบางครั้งจึงพูดติดอ่าง

“เสี่ยว เสี่ยวชาง เธอ…แน่ใจนะ นี่คือการมาเจอเทพบุตรของฉัน เขายังกล้าหาคนมาสวมรอยออกหน้า ไม่กลัวว่าเทพบุตรของฉันจะพิโรธเอาเหรอ”

หนูแฮมสเตอร์ถึงกับพูดไม่ออก “‘พิโรธงั้นเหรอ’ พี่ยังคิดว่าเทพบุตรของพี่เป็น ‘คุณชายสี่’ จริงๆ แต่ฉันคิดว่าเขาไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลัง หรือว่ามังกรแท้อาจขี้เกียจจะคิดหยุมหยิม ถึงแม้ตัวปลอมจะเหมือนตัวจริงเปี๊ยบ แต่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งที่การรับรู้ว่องไวมากเพียงมองปราดเดียวก็เห็นทะลุปรุโปร่ง”

จ้าวอิ๋งขยี้พุงขาวๆ ของแฮมสเตอร์ “เอ๊ะ เสี่ยวชางแกก็เป็นผู้แข็งแกร่งใช่ไหม ทำไมฉันถึงมองไม่ออกล่ะ”

หนูแฮมสเตอร์รู้สึกจนใจ คิดในใจเพราะฉันกับคุณชางเป็นคนดีน่ะสิ ถ้าเปลี่ยนเป็น อีกคนคงจะขู่ให้พี่กลัวจนมุดใต้เตียงตั้งนานแล้ว…

มันไม่ได้พูดออกมา เพียงแต่ตอบไปว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เปรียบเทียบกับใคร…”

ในตอนนี้ จู่ๆ รถเบนซ์ก็ส่ายไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จ้าวอิ๋งรู้สึกได้เพียงกระแสปราณที่ไหลผ่านทั่วร่าง ช่วยยึดร่างกายที่เหวี่ยงไปมาอย่างแรงของเธอให้อยู่นิ่ง

น้ำเสียงของเธอค่อนข้างสับสน “ตอนนี้ฉันเริ่มเชื่อเธอบ้างแล้ว แต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

โชคดีที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ตัวรถก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง

คนขับเบนซ์ค่อยๆ ชะลอรถ เปิดไฟกะพริบจอดรถข้างทาง รถสองคันที่ตามหลังมาก็จอดรถตาม

คนขับรถหันกลับมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงตื่นเต้น “เมื่อกี้เหมือนว่าพื้นดินจะสั่นไหว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เถ้าแก่ครับ พวกเราจะขับต่อไปดีไหม”

มนุษย์กลไกหุ่นเชิดของฟางหนิงรู้สึกลังเลตัดสินใจไม่ได้จึงนิ่งเงียบ

ในเวลานี้จ้าวอิ๋งก็เอ่ยขึ้น “เถ้าแก่ ขับต่อไปเถอะค่ะ รีบไปที่บ้านของท่านท่านอัศวิน ที่นั่นจะปลอดภัยที่สุด “

เมื่อฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็ตอบ “อึม ทำตามผู้จัดการจ้าวละกัน ขับต่อไปเถอะ”

คนขับรถพยักหน้าแล้วใช้วิทยุคุยกับคนขับรถสองคันข้างหลังก่อนที่จะสตาร์ทรถ

ฟางหนิงล่วงหน้าไปที่วิลล่าฟาร์มก่อนแล้วให้ระบบครองร่างของตนเอง แสร้งทำเป็นเก็บตัว แต่ผ่านไปพักหนึ่งก็รับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดินจึงออกมาทันที

เห็นแต่เจิ้งต้าว สุนัขสดำกับสุนัขเหลืองสองตัวและพนักงานของวิลล่ารีบออกมารวมตัวกันในสวน

พวกผู้ที่ติดตามระบบก็สงบลงแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาเคยประสบเหตุการณ์ใหญ่มาไม่น้อย

แต่พวกคนงานในฟาร์มต่างก็กระสับกระส่าย พากันกระซิบกระซาบ

หลังจากที่อัศวิน A ปรากฏตัวออกมา พวกเขาถึงได้สงบลง

“ไม่ต้องกลัว ไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ เป็นสถานที่ห่างไกล” หลังจากที่เขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนก็ผ่อนคลายลง แล้วเริ่มกระซิบกันในใจ

“ในเมื่อท่านอัศวินพูดอย่างนี้ จะต้องไม่มีอะไรแน่”

“เอ๊ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก คาดว่าคงไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา ดูจากข่าวสารออนไลน์ล่าสุด ภัยธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์แปลกๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเหมือนแต่ก่อน” พนักงานหนุ่มกระซิบ

“พวกเราไม่ต้องกังวลไปหรอก มีท่านอัศวินคอยดูแล สิ่งชั่วร้ายก็ทำอะไรเราไม่ได้” มีใครคนหนึ่งเอ่ยปลอบใจ

ตอนนี้สุนัขเหลืองได้รับโทรศัพท์ แต่หลังจากรับสา ใบหน้าสุนัขของมันก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง แล้วหันไปเอ่ยกับหมาดำ

“ตันตันบอกว่าเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้มันกลัว สองสามวันนี้ไม่กล้าออกจากบ้าน น่าเสียดาย เมื่อกี้เชฟฟางเพิ่งโทรมาบอกว่าวันนี้อยากจะพบท่านเทพ จึงถือโอกาสลงมือทำอาหาร ตอนนี้กำลังเดินทางมา ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

สุนัขดำเอ่ยอย่างสมน้ำหน้า “ฮ่าฮ่า ลูกพี่หวง สวรรค์ต้องการให้พี่เป็นโสดต่อไป…”

สุนัขเหลืองตอกกลับ “เย็นนี้จะไม่ติวให้แกแล้ว เชิญแกฝึกด้วยตัวเองเถอะ”

สุนัขดำ “…”

“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” ผ่านไปครู่หนึ่ง อัศวิน A ก็เอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จิตใจก็สงบลงและทยอยกันออกไป

ไม่นานนักอัศวิน A ก็เห็นมนุษย์กลไกตัวแทนของตัวเองพาคนจากร้านอาหารตระกูลฟางเข้ามา

หลังจากทักทายกันแล้ว มนุษย์กลไกตัวแทนก็พาเจ้าแฮมสเตอร์มาหาอัศวิน A

จากนั้นหนึ่งคนกับหนึ่งหนูก็มายังห้องรับรอง

ภายในห้องรับรองแขก แสงแดดฤดูหนาวกำลังส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบลงบนร่างทำให้รู้สึกอบอุ่น

ตอนนี้แฮมสเตอร์ได้หมอบลงบนโต๊ะ ดวงตาเล็กๆ คู่นั้นมองอัศวิน A อย่างสับสน มันไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

ตอนนี้ฟางหนิงรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยทักทายสั้นๆ แต่อีกฝ่ายกลับอึกอัก ดูเหมือนมีเรื่องที่ลำบากใจจะพูดออกมา

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันถูกคอ เห็นว่าระดับความชื่นชอบกำลังจะกลายเป็นสีเขียว ถ้าไม่ถูกจ้าวอิ๋งขัดจังหวะเสียก่อน…

แล้วทำไมถึงกลายเป็นไม่รู้จักกันอีกแล้วล่ะ

ระบบ “ทำไมมันไม่พูดอะไรเลย หรือว่าจะเป็นคนละคนงั้นเหรอ”

เมื่อฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “แกเดาได้ถูกเผง เจ้าแฮมสเตอร์ตัวนี้มีวิญญาณสองคนอยู่ในนั้น ตอนนี้จะต้องเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง มันอาจเคยทำผิดต่อพวกเราก่อนหน้านี้ถึงได้รู้สึกละอายใจ ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากยังไงดี”

ระบบ “อ๋อ งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว คนอื่นแข็งแกร่งกว่าคุณแต่หน้าคุณหนากว่ามันเยอะ พอทำเรื่องน่าละอายแล้วถูกฉันเปิดโปงก็ยังไม่สะกสะท้าน”

ฟางหนิงพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “มีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”

ระบบ “จะไม่มีได้ไง ครั้งก่อนที่ฉันให้วันหยุดยาวกับคุณ คุณแอบขโมยเงินฉันตอนที่ฉันเก็บตัว และกลัวว่าฉันจะจับได้ถึงได้ลองทุบกำแพงก่อนเพื่อดูว่าฉันอยู่หรือเปล่า และสุดท้ายก็ถูกฉันจับได้อยู่ดี”

ฟางหนิงปฏิเสธไม่ได้จึงเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยฝืนพูดขึ้น”ความจำแกดีจริงๆ ผ่านมาตั้งนานแล้วยังจำได้อีกเหรอเนี่ย แล้วมันมีความหมายไหมล่ะ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันไหม”

ระบบ “แน่นอนว่ามีความหมายสิ ทีแรกคุณบอกว่าจะเปิดร้านค้าออนไลน์ให้เจิ้งต้าวเป็นตัวแทนขายยาให้ฉัน ทุกข้อตกลงเป็นธุรกิจใหญ่ ฉันพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนคุณว่าอย่าหวังจะได้ค่านายหน้าล่ะ นั่นจะเสียแรงเปล่า มีแต่จะเสียเวลาการโอนเงินของฉัน”

ในที่สุดฟางหนิงก็ได้สติเริ่มตอบโต้กลับ “ถ้าแกอยากจะพูดอย่างนี้ แกก็เคยทำเรื่องน่าละอายใจเหมือนกัน วันหยุดครั้งก่อนแกฉวยโอกาสตอนที่ฉันนอนหลับขโมยเวลาพักผ่อนของฉันไป ตัวเองเสียเปรียบ พอเกิดเรื่องแล้วยังกัดฉัน ‘ไม่เตือนเร็วหน่อย’ งั้นแกก็หน้าหนากว่าฉันเยอะ…”

ระบบ “…”

ตอนที่ฟางหนิงกำลังเถียงกับระบบ ในหัวของแฮมสเตอร์ก็มีสองคนกำลังเถียงกัน

เวลานี้ไป๋รั่วชางสงสัย “คุณชายชาง เราตกลงกันดิบดีแล้วคุณจะผูกมิตรกับเขา ตอนนี้เรื่องก็มาถึงตรงหน้าแล้ว เขาทักทายพูดด้วย แล้วทำไมคุณถึงทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูดล่ะ”

คุณชายชางตอบพลางส่ายหน้า “เฮ่อ ตอนที่ฉันเห็นเขาก็รู้สึกละอายใจมาก พูดอะไรไม่ออกจริงๆ ไม่งั้นนายออกไปแทนดีกว่า”

ไป๋รั่วชางงุนงง “วันนี้พวกเราแค่มาพบเขาทำความรู้จักสนิทสนม พูดคุยเรื่องการฝึกฝนและคบหาเป็นเพื่อนกัน ขอบคุณที่เขาคุ้มครองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และถือโอกาสช่วยพี่อิ๋งที่วันๆ เอาแต่คลั่งไคล้ผู้ชายได้สมหวัง…คุณมีอะไรที่น่าละอายใจกันล่ะ”

คุณชายชางตอบ “เดิมทีก็เป็นอย่างนี้จริง แต่หลังจากที่ได้เจอหน้ากันเมื่อกี้ สัญชาตญาณบอกฉันว่าวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในร่างอัศวิน A นั้นบาดเจ็บหนักภายใน จากนั้นฉันก็พบว่ามันรุนแรงยิ่งขึ้น คิดๆ ดูแล้วพวกเราในไม่กี่เดือนมานี้ สุขสบายเพราะได้รับความคุ้มครองจากเขา ขณะที่เขาวิ่งวุ่นผดุงคุณธรรม ที่นี่ถึงได้สงบสุข ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนักจะต้องเจอกับอันตรายอันใหญ่หลวงมาก่อนแน่ๆ…”

ไป๋รั่วชางได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้คุณชายชางเคยพูดว่า ราชวงศ์หนูยักษ์มีพรสวรรค์พิเศษที่เรียกว่า ‘สัญชาตญาณความตาย’ คุณก้าวหน้าไปอีกขั้น สามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่มีอยู่ คุณเสียใจที่พวกเราไม่ได้มาเจอกับเขาเร็วกว่านี้จะช่วยเขาได้ใช่ไหม”

คุณชายชางพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “เรื่องมันเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าฉันได้พบเขาเร็วกว่านี้ ไม่รอจนถึงป่านนี้ บางทีอาจช่วยเขาไม่ให้บาดเจ็บหนักขนาดนี้…”

ไป๋รั่วชางเอ่ยปลอบใจ “หัวใจของคุณชายช่างงดงาม เรื่องนี้จะตำหนิคุณก็ไม่ได้ ตอนนั้นเราต้องพยายามเต็มที่ถึงจะเข้าครองร่างของหนูแฮมสเตอร์ใกล้ตายได้ ตอนนี้ก็กังวลว่าจะทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน หลังจากพักฟื้นหลายเดือน พละกำลังถึงค่อยฟื้นคืนแล้ว วันนี้เพิ่งได้มาเยี่ยมและขอบคุณก็ยังไม่สายเกินไป คุณอย่าได้โทษตัวเองมากเกินไป”

คุณชายชางเอ่ย “นายพูดแบบนี้ ฉันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เอาเถอะ งั้นเดี๋ยวฉันคุยเอง”

ระบบ “เอ๊ะ ดูสิว่าเจ้าแฮมสเตอร์เป็นสีเขียวแล้ว”

ฟางหนิง “ดีจริงๆ อยากให้มันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วเท่าสุนัขเหลืองกับสุนัขดำ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหนูแฮมสเตอร์ก็ขยับปากพูด

คราวนี้น้ำเสียงแตกต่างจากเสียงเด็กหนุ่มคนเดิมอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงมีเสน่ห์ อ่อนโยนและสูงศักดิ์”ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว ข้าควรมาพบท่านเร็วกว่านี้ รอจนถึงวันนี้ค่อยมาคารวะ รู้สึกละอายจริงๆ”

เมื่อเห็นแฮมสเตอร์พูด ระบบก็ผลักฟางหนิงออกไปรับหน้าเพราะมันหลอกคนอื่นไม่เก่ง

ฟางหนิง “ไม่เป็นไร เจ้าคือเสี่ยวชางที่เถ้าแก่ฟางแนะนำใช่ไหม”

คุณชายชางรับคำ “ใช่แล้ว ข้าชื่อ ‘ชาง’ คำเดียว ฐานะที่แท้จริงคือลูกชายคนโตของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ เพียงแต่มีบางเรื่องที่ยากจะเล่าได้หมด ตอนนี้ข้าตัดขาดจากพวกเขาแล้ว”

ฟางหนิงพยักหน้า “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณชายชางเลือกที่จะมาเจอข้า น่าจะมีเรื่องที่อยากจะพูดด้วยใช่ไหม”

คุณชายชาง “ข้ารู้สึกละอายใจ หลายเดือนนี้พึ่งพาท่านอัศวินปกป้องความปลอดภัย แต่กลับไม่เคยตอบแทนอะไรเลย ที่จริงแล้วข้าพอมีความสามารถพิเศษสัมผัสภยันตรายได้มากมาย ถ้าท่านอัศวินจะไปผดุงคุณธรรมที่ใด บางทีข้าอาจจะช่วยเตือนท่านได้ ท่านอัศวินจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายอีก”

ฟางหนิงได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ระบบยังงุนงงจึงเอ่ยถาม “เขาพูดวกไปวนมา ตกลงแล้วหมายความว่ายังไง คุณช่วยแปลให้ฟังหน่อย”

ฟางหนิง “แผนแกล้งทำเป็นอ่อนแอได้ผลดีเยี่ยมสัญชาตญาณของเขาสูงมาก แม้จะเป็นแค่ผู้เล่นระดับอ่างน้ำ เหลือเชื่อจะสัมผัสได้ว่าอัศวิน A บาดเจ็บหนัก เขารู้สึกว่าการติดตามอัศวิน A จึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่าสงบสุขได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีพรสวรรค์ในการเตือนภัยล่วงหน้า แต่กลับไม่ออกไปปกป้องโลกกับอัศวิน A แค่ให้อัศวิน A วิ่งไปทั่ว ผลคือได้รับบาดเจ็บหนัก ดังนั้นจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก คิดว่าตัวเองไม่มีความรับผิดชอบเท่าที่ควร”

ระบบ “อ๋อ พูดอย่างนี้เขาคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไปจริงๆ…โฮสต์ ทำไมคุณเดาได้แม่นขนาดนี้ เมื่อก่อนเคยทำเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหม”

ฟางหนิงพูดไม่ออก ตัวเองทายได้แม่นยำแต่เจ้าระบบงี่เง่ากลับไม่ชมเชยเขาเป็น ‘โฮสต์อัจฉริยะ’ มันกลับฉวยโอกาสโจมตี ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นซะจริง

แต่ครั้งนี้มันคาดเดาได้ถูกต้อง เมื่อก่อนตัวเองมักจะแอบอ่านนิยายตอนทำงานจึงมักจะรู้สึกผิดเสมอ…

ระบบยังคงพูดต่อไป “เขารู้สึกผิดขนาดนี้ แล้วทำไมยังไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินมาเป็นพวกเราล่ะ ฉันไม่ต้องการความสามารถเตือนภัยล่วงหน้าของเขา ฉันเก่งกว่าเขามากเรื่องการรับรู้ถึงอันตราย”

ฟางหนิง “ไร้สาระ ไม่ได้ยินที่เขาพูดถึงชาติตระกูลของตัวเองหรือไง คุณชายของตระกูลใหญ่เชียวนะ ต้องระมัดระวังหน่อย ไม่เหมือนกับเจ้าสุนัขเหลืองกับสุนัขดำสองตัวนั่น”

ระบบ “ยุ่งยากชะมัด ระมัดระวังมีประโยชน์ งั้นคุณลองคิดหาวิธีทำให้เขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ ละกัน”

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ

รถเบนซ์คันหนึ่งขับไปอย่างเชื่องช้าบนถนนจากเขตเมืองฉีมุ่งหน้าสู่ฟาร์มย่านชานเมืองของอัศวิน A ตามมาด้วยรถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่งพร้อมด้วยรถบรรทุกคันใหญ่

นี่เป็นขบวนรถที่ร้านอาหารตระกูลฟางส่งมา ตอนนี้ภายในรถเบนซ์ที่นำอยู่ มีบทสนทนาลับๆ กำลังเกิดขึ้น

จ้าวอิ๋งมองไปยังเถ้าแก่ที่นั่งขรึมข้างคนขับ ในใจก็พูดอะไรไม่ออก เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่ แค่พริบตาเถ้าแก่ก็หดหัวกลับไปอีกแล้ว แถมยังส่งหุ่นเชิดออกมารับมือสถานการณ์แทน สมกับที่เป็นโอตาคุตัวพ่อ

เธออุ้มหนูแฮมสเตอร์ ก้มหน้าลงพลางส่งเสียงลับ แต่ทักษะยังไม่คล่องแคล่วบางครั้งจึงพูดติดอ่าง

“เสี่ยว เสี่ยวชาง เธอ…แน่ใจนะ นี่คือการมาเจอเทพบุตรของฉัน เขายังกล้าหาคนมาสวมรอยออกหน้า ไม่กลัวว่าเทพบุตรของฉันจะพิโรธเอาเหรอ”

หนูแฮมสเตอร์ถึงกับพูดไม่ออก “‘พิโรธงั้นเหรอ’ พี่ยังคิดว่าเทพบุตรของพี่เป็น ‘คุณชายสี่’ จริงๆ แต่ฉันคิดว่าเขาไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลัง หรือว่ามังกรแท้อาจขี้เกียจจะคิดหยุมหยิม ถึงแม้ตัวปลอมจะเหมือนตัวจริงเปี๊ยบ แต่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งที่การรับรู้ว่องไวมากเพียงมองปราดเดียวก็เห็นทะลุปรุโปร่ง”

จ้าวอิ๋งขยี้พุงขาวๆ ของแฮมสเตอร์ “เอ๊ะ เสี่ยวชางแกก็เป็นผู้แข็งแกร่งใช่ไหม ทำไมฉันถึงมองไม่ออกล่ะ”

หนูแฮมสเตอร์รู้สึกจนใจ คิดในใจเพราะฉันกับคุณชางเป็นคนดีน่ะสิ ถ้าเปลี่ยนเป็น อีกคนคงจะขู่ให้พี่กลัวจนมุดใต้เตียงตั้งนานแล้ว…

มันไม่ได้พูดออกมา เพียงแต่ตอบไปว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เปรียบเทียบกับใคร…”

ในตอนนี้ จู่ๆ รถเบนซ์ก็ส่ายไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จ้าวอิ๋งรู้สึกได้เพียงกระแสปราณที่ไหลผ่านทั่วร่าง ช่วยยึดร่างกายที่เหวี่ยงไปมาอย่างแรงของเธอให้อยู่นิ่ง

น้ำเสียงของเธอค่อนข้างสับสน “ตอนนี้ฉันเริ่มเชื่อเธอบ้างแล้ว แต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

โชคดีที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ตัวรถก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง

คนขับเบนซ์ค่อยๆ ชะลอรถ เปิดไฟกะพริบจอดรถข้างทาง รถสองคันที่ตามหลังมาก็จอดรถตาม

คนขับรถหันกลับมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงตื่นเต้น “เมื่อกี้เหมือนว่าพื้นดินจะสั่นไหว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เถ้าแก่ครับ พวกเราจะขับต่อไปดีไหม”

มนุษย์กลไกหุ่นเชิดของฟางหนิงรู้สึกลังเลตัดสินใจไม่ได้จึงนิ่งเงียบ

ในเวลานี้จ้าวอิ๋งก็เอ่ยขึ้น “เถ้าแก่ ขับต่อไปเถอะค่ะ รีบไปที่บ้านของท่านท่านอัศวิน ที่นั่นจะปลอดภัยที่สุด “

เมื่อฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็ตอบ “อึม ทำตามผู้จัดการจ้าวละกัน ขับต่อไปเถอะ”

คนขับรถพยักหน้าแล้วใช้วิทยุคุยกับคนขับรถสองคันข้างหลังก่อนที่จะสตาร์ทรถ

ฟางหนิงล่วงหน้าไปที่วิลล่าฟาร์มก่อนแล้วให้ระบบครองร่างของตนเอง แสร้งทำเป็นเก็บตัว แต่ผ่านไปพักหนึ่งก็รับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดินจึงออกมาทันที

เห็นแต่เจิ้งต้าว สุนัขสดำกับสุนัขเหลืองสองตัวและพนักงานของวิลล่ารีบออกมารวมตัวกันในสวน

พวกผู้ที่ติดตามระบบก็สงบลงแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาเคยประสบเหตุการณ์ใหญ่มาไม่น้อย

แต่พวกคนงานในฟาร์มต่างก็กระสับกระส่าย พากันกระซิบกระซาบ

หลังจากที่อัศวิน A ปรากฏตัวออกมา พวกเขาถึงได้สงบลง

“ไม่ต้องกลัว ไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ เป็นสถานที่ห่างไกล” หลังจากที่เขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนก็ผ่อนคลายลง แล้วเริ่มกระซิบกันในใจ

“ในเมื่อท่านอัศวินพูดอย่างนี้ จะต้องไม่มีอะไรแน่”

“เอ๊ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก คาดว่าคงไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา ดูจากข่าวสารออนไลน์ล่าสุด ภัยธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์แปลกๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเหมือนแต่ก่อน” พนักงานหนุ่มกระซิบ

“พวกเราไม่ต้องกังวลไปหรอก มีท่านอัศวินคอยดูแล สิ่งชั่วร้ายก็ทำอะไรเราไม่ได้” มีใครคนหนึ่งเอ่ยปลอบใจ

ตอนนี้สุนัขเหลืองได้รับโทรศัพท์ แต่หลังจากรับสา ใบหน้าสุนัขของมันก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง แล้วหันไปเอ่ยกับหมาดำ

“ตันตันบอกว่าเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้มันกลัว สองสามวันนี้ไม่กล้าออกจากบ้าน น่าเสียดาย เมื่อกี้เชฟฟางเพิ่งโทรมาบอกว่าวันนี้อยากจะพบท่านเทพ จึงถือโอกาสลงมือทำอาหาร ตอนนี้กำลังเดินทางมา ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

สุนัขดำเอ่ยอย่างสมน้ำหน้า “ฮ่าฮ่า ลูกพี่หวง สวรรค์ต้องการให้พี่เป็นโสดต่อไป…”

สุนัขเหลืองตอกกลับ “เย็นนี้จะไม่ติวให้แกแล้ว เชิญแกฝึกด้วยตัวเองเถอะ”

สุนัขดำ “…”

“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” ผ่านไปครู่หนึ่ง อัศวิน A ก็เอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จิตใจก็สงบลงและทยอยกันออกไป

ไม่นานนักอัศวิน A ก็เห็นมนุษย์กลไกตัวแทนของตัวเองพาคนจากร้านอาหารตระกูลฟางเข้ามา

หลังจากทักทายกันแล้ว มนุษย์กลไกตัวแทนก็พาเจ้าแฮมสเตอร์มาหาอัศวิน A

จากนั้นหนึ่งคนกับหนึ่งหนูก็มายังห้องรับรอง

ภายในห้องรับรองแขก แสงแดดฤดูหนาวกำลังส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบลงบนร่างทำให้รู้สึกอบอุ่น

ตอนนี้แฮมสเตอร์ได้หมอบลงบนโต๊ะ ดวงตาเล็กๆ คู่นั้นมองอัศวิน A อย่างสับสน มันไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

ตอนนี้ฟางหนิงรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยทักทายสั้นๆ แต่อีกฝ่ายกลับอึกอัก ดูเหมือนมีเรื่องที่ลำบากใจจะพูดออกมา

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันถูกคอ เห็นว่าระดับความชื่นชอบกำลังจะกลายเป็นสีเขียว ถ้าไม่ถูกจ้าวอิ๋งขัดจังหวะเสียก่อน…

แล้วทำไมถึงกลายเป็นไม่รู้จักกันอีกแล้วล่ะ

ระบบ “ทำไมมันไม่พูดอะไรเลย หรือว่าจะเป็นคนละคนงั้นเหรอ”

เมื่อฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “แกเดาได้ถูกเผง เจ้าแฮมสเตอร์ตัวนี้มีวิญญาณสองคนอยู่ในนั้น ตอนนี้จะต้องเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง มันอาจเคยทำผิดต่อพวกเราก่อนหน้านี้ถึงได้รู้สึกละอายใจ ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากยังไงดี”

ระบบ “อ๋อ งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว คนอื่นแข็งแกร่งกว่าคุณแต่หน้าคุณหนากว่ามันเยอะ พอทำเรื่องน่าละอายแล้วถูกฉันเปิดโปงก็ยังไม่สะกสะท้าน”

ฟางหนิงพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “มีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”

ระบบ “จะไม่มีได้ไง ครั้งก่อนที่ฉันให้วันหยุดยาวกับคุณ คุณแอบขโมยเงินฉันตอนที่ฉันเก็บตัว และกลัวว่าฉันจะจับได้ถึงได้ลองทุบกำแพงก่อนเพื่อดูว่าฉันอยู่หรือเปล่า และสุดท้ายก็ถูกฉันจับได้อยู่ดี”

ฟางหนิงปฏิเสธไม่ได้จึงเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยฝืนพูดขึ้น”ความจำแกดีจริงๆ ผ่านมาตั้งนานแล้วยังจำได้อีกเหรอเนี่ย แล้วมันมีความหมายไหมล่ะ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันไหม”

ระบบ “แน่นอนว่ามีความหมายสิ ทีแรกคุณบอกว่าจะเปิดร้านค้าออนไลน์ให้เจิ้งต้าวเป็นตัวแทนขายยาให้ฉัน ทุกข้อตกลงเป็นธุรกิจใหญ่ ฉันพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนคุณว่าอย่าหวังจะได้ค่านายหน้าล่ะ นั่นจะเสียแรงเปล่า มีแต่จะเสียเวลาการโอนเงินของฉัน”

ในที่สุดฟางหนิงก็ได้สติเริ่มตอบโต้กลับ “ถ้าแกอยากจะพูดอย่างนี้ แกก็เคยทำเรื่องน่าละอายใจเหมือนกัน วันหยุดครั้งก่อนแกฉวยโอกาสตอนที่ฉันนอนหลับขโมยเวลาพักผ่อนของฉันไป ตัวเองเสียเปรียบ พอเกิดเรื่องแล้วยังกัดฉัน ‘ไม่เตือนเร็วหน่อย’ งั้นแกก็หน้าหนากว่าฉันเยอะ…”

ระบบ “…”

ตอนที่ฟางหนิงกำลังเถียงกับระบบ ในหัวของแฮมสเตอร์ก็มีสองคนกำลังเถียงกัน

เวลานี้ไป๋รั่วชางสงสัย “คุณชายชาง เราตกลงกันดิบดีแล้วคุณจะผูกมิตรกับเขา ตอนนี้เรื่องก็มาถึงตรงหน้าแล้ว เขาทักทายพูดด้วย แล้วทำไมคุณถึงทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูดล่ะ”

คุณชายชางตอบพลางส่ายหน้า “เฮ่อ ตอนที่ฉันเห็นเขาก็รู้สึกละอายใจมาก พูดอะไรไม่ออกจริงๆ ไม่งั้นนายออกไปแทนดีกว่า”

ไป๋รั่วชางงุนงง “วันนี้พวกเราแค่มาพบเขาทำความรู้จักสนิทสนม พูดคุยเรื่องการฝึกฝนและคบหาเป็นเพื่อนกัน ขอบคุณที่เขาคุ้มครองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และถือโอกาสช่วยพี่อิ๋งที่วันๆ เอาแต่คลั่งไคล้ผู้ชายได้สมหวัง…คุณมีอะไรที่น่าละอายใจกันล่ะ”

คุณชายชางตอบ “เดิมทีก็เป็นอย่างนี้จริง แต่หลังจากที่ได้เจอหน้ากันเมื่อกี้ สัญชาตญาณบอกฉันว่าวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในร่างอัศวิน A นั้นบาดเจ็บหนักภายใน จากนั้นฉันก็พบว่ามันรุนแรงยิ่งขึ้น คิดๆ ดูแล้วพวกเราในไม่กี่เดือนมานี้ สุขสบายเพราะได้รับความคุ้มครองจากเขา ขณะที่เขาวิ่งวุ่นผดุงคุณธรรม ที่นี่ถึงได้สงบสุข ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนักจะต้องเจอกับอันตรายอันใหญ่หลวงมาก่อนแน่ๆ…”

ไป๋รั่วชางได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้คุณชายชางเคยพูดว่า ราชวงศ์หนูยักษ์มีพรสวรรค์พิเศษที่เรียกว่า ‘สัญชาตญาณความตาย’ คุณก้าวหน้าไปอีกขั้น สามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่มีอยู่ คุณเสียใจที่พวกเราไม่ได้มาเจอกับเขาเร็วกว่านี้จะช่วยเขาได้ใช่ไหม”

คุณชายชางพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “เรื่องมันเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าฉันได้พบเขาเร็วกว่านี้ ไม่รอจนถึงป่านนี้ บางทีอาจช่วยเขาไม่ให้บาดเจ็บหนักขนาดนี้…”

ไป๋รั่วชางเอ่ยปลอบใจ “หัวใจของคุณชายช่างงดงาม เรื่องนี้จะตำหนิคุณก็ไม่ได้ ตอนนั้นเราต้องพยายามเต็มที่ถึงจะเข้าครองร่างของหนูแฮมสเตอร์ใกล้ตายได้ ตอนนี้ก็กังวลว่าจะทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน หลังจากพักฟื้นหลายเดือน พละกำลังถึงค่อยฟื้นคืนแล้ว วันนี้เพิ่งได้มาเยี่ยมและขอบคุณก็ยังไม่สายเกินไป คุณอย่าได้โทษตัวเองมากเกินไป”

คุณชายชางเอ่ย “นายพูดแบบนี้ ฉันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เอาเถอะ งั้นเดี๋ยวฉันคุยเอง”

ระบบ “เอ๊ะ ดูสิว่าเจ้าแฮมสเตอร์เป็นสีเขียวแล้ว”

ฟางหนิง “ดีจริงๆ อยากให้มันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วเท่าสุนัขเหลืองกับสุนัขดำ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหนูแฮมสเตอร์ก็ขยับปากพูด

คราวนี้น้ำเสียงแตกต่างจากเสียงเด็กหนุ่มคนเดิมอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงมีเสน่ห์ อ่อนโยนและสูงศักดิ์”ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว ข้าควรมาพบท่านเร็วกว่านี้ รอจนถึงวันนี้ค่อยมาคารวะ รู้สึกละอายจริงๆ”

เมื่อเห็นแฮมสเตอร์พูด ระบบก็ผลักฟางหนิงออกไปรับหน้าเพราะมันหลอกคนอื่นไม่เก่ง

ฟางหนิง “ไม่เป็นไร เจ้าคือเสี่ยวชางที่เถ้าแก่ฟางแนะนำใช่ไหม”

คุณชายชางรับคำ “ใช่แล้ว ข้าชื่อ ‘ชาง’ คำเดียว ฐานะที่แท้จริงคือลูกชายคนโตของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ เพียงแต่มีบางเรื่องที่ยากจะเล่าได้หมด ตอนนี้ข้าตัดขาดจากพวกเขาแล้ว”

ฟางหนิงพยักหน้า “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณชายชางเลือกที่จะมาเจอข้า น่าจะมีเรื่องที่อยากจะพูดด้วยใช่ไหม”

คุณชายชาง “ข้ารู้สึกละอายใจ หลายเดือนนี้พึ่งพาท่านอัศวินปกป้องความปลอดภัย แต่กลับไม่เคยตอบแทนอะไรเลย ที่จริงแล้วข้าพอมีความสามารถพิเศษสัมผัสภยันตรายได้มากมาย ถ้าท่านอัศวินจะไปผดุงคุณธรรมที่ใด บางทีข้าอาจจะช่วยเตือนท่านได้ ท่านอัศวินจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายอีก”

ฟางหนิงได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ระบบยังงุนงงจึงเอ่ยถาม “เขาพูดวกไปวนมา ตกลงแล้วหมายความว่ายังไง คุณช่วยแปลให้ฟังหน่อย”

ฟางหนิง “แผนแกล้งทำเป็นอ่อนแอได้ผลดีเยี่ยมสัญชาตญาณของเขาสูงมาก แม้จะเป็นแค่ผู้เล่นระดับอ่างน้ำ เหลือเชื่อจะสัมผัสได้ว่าอัศวิน A บาดเจ็บหนัก เขารู้สึกว่าการติดตามอัศวิน A จึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่าสงบสุขได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีพรสวรรค์ในการเตือนภัยล่วงหน้า แต่กลับไม่ออกไปปกป้องโลกกับอัศวิน A แค่ให้อัศวิน A วิ่งไปทั่ว ผลคือได้รับบาดเจ็บหนัก ดังนั้นจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก คิดว่าตัวเองไม่มีความรับผิดชอบเท่าที่ควร”

ระบบ “อ๋อ พูดอย่างนี้เขาคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไปจริงๆ…โฮสต์ ทำไมคุณเดาได้แม่นขนาดนี้ เมื่อก่อนเคยทำเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหม”

ฟางหนิงพูดไม่ออก ตัวเองทายได้แม่นยำแต่เจ้าระบบงี่เง่ากลับไม่ชมเชยเขาเป็น ‘โฮสต์อัจฉริยะ’ มันกลับฉวยโอกาสโจมตี ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นซะจริง

แต่ครั้งนี้มันคาดเดาได้ถูกต้อง เมื่อก่อนตัวเองมักจะแอบอ่านนิยายตอนทำงานจึงมักจะรู้สึกผิดเสมอ…

ระบบยังคงพูดต่อไป “เขารู้สึกผิดขนาดนี้ แล้วทำไมยังไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินมาเป็นพวกเราล่ะ ฉันไม่ต้องการความสามารถเตือนภัยล่วงหน้าของเขา ฉันเก่งกว่าเขามากเรื่องการรับรู้ถึงอันตราย”

ฟางหนิง “ไร้สาระ ไม่ได้ยินที่เขาพูดถึงชาติตระกูลของตัวเองหรือไง คุณชายของตระกูลใหญ่เชียวนะ ต้องระมัดระวังหน่อย ไม่เหมือนกับเจ้าสุนัขเหลืองกับสุนัขดำสองตัวนั่น”

ระบบ “ยุ่งยากชะมัด ระมัดระวังมีประโยชน์ งั้นคุณลองคิดหาวิธีทำให้เขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ ละกัน”

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System)บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 177 รีบเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ

รถเบนซ์คันหนึ่งขับไปอย่างเชื่องช้าบนถนนจากเขตเมืองฉีมุ่งหน้าสู่ฟาร์มย่านชานเมืองของอัศวิน A ตามมาด้วยรถแลนด์โรเวอร์คันหนึ่งพร้อมด้วยรถบรรทุกคันใหญ่

นี่เป็นขบวนรถที่ร้านอาหารตระกูลฟางส่งมา ตอนนี้ภายในรถเบนซ์ที่นำอยู่ มีบทสนทนาลับๆ กำลังเกิดขึ้น

จ้าวอิ๋งมองไปยังเถ้าแก่ที่นั่งขรึมข้างคนขับ ในใจก็พูดอะไรไม่ออก เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่ แค่พริบตาเถ้าแก่ก็หดหัวกลับไปอีกแล้ว แถมยังส่งหุ่นเชิดออกมารับมือสถานการณ์แทน สมกับที่เป็นโอตาคุตัวพ่อ

เธออุ้มหนูแฮมสเตอร์ ก้มหน้าลงพลางส่งเสียงลับ แต่ทักษะยังไม่คล่องแคล่วบางครั้งจึงพูดติดอ่าง

“เสี่ยว เสี่ยวชาง เธอ…แน่ใจนะ นี่คือการมาเจอเทพบุตรของฉัน เขายังกล้าหาคนมาสวมรอยออกหน้า ไม่กลัวว่าเทพบุตรของฉันจะพิโรธเอาเหรอ”

หนูแฮมสเตอร์ถึงกับพูดไม่ออก “‘พิโรธงั้นเหรอ’ พี่ยังคิดว่าเทพบุตรของพี่เป็น ‘คุณชายสี่’ จริงๆ แต่ฉันคิดว่าเขาไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลัง หรือว่ามังกรแท้อาจขี้เกียจจะคิดหยุมหยิม ถึงแม้ตัวปลอมจะเหมือนตัวจริงเปี๊ยบ แต่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งที่การรับรู้ว่องไวมากเพียงมองปราดเดียวก็เห็นทะลุปรุโปร่ง”

จ้าวอิ๋งขยี้พุงขาวๆ ของแฮมสเตอร์ “เอ๊ะ เสี่ยวชางแกก็เป็นผู้แข็งแกร่งใช่ไหม ทำไมฉันถึงมองไม่ออกล่ะ”

หนูแฮมสเตอร์รู้สึกจนใจ คิดในใจเพราะฉันกับคุณชางเป็นคนดีน่ะสิ ถ้าเปลี่ยนเป็น อีกคนคงจะขู่ให้พี่กลัวจนมุดใต้เตียงตั้งนานแล้ว…

มันไม่ได้พูดออกมา เพียงแต่ตอบไปว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เปรียบเทียบกับใคร…”

ในตอนนี้ จู่ๆ รถเบนซ์ก็ส่ายไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุ จ้าวอิ๋งรู้สึกได้เพียงกระแสปราณที่ไหลผ่านทั่วร่าง ช่วยยึดร่างกายที่เหวี่ยงไปมาอย่างแรงของเธอให้อยู่นิ่ง

น้ำเสียงของเธอค่อนข้างสับสน “ตอนนี้ฉันเริ่มเชื่อเธอบ้างแล้ว แต่เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

โชคดีที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ตัวรถก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง

คนขับเบนซ์ค่อยๆ ชะลอรถ เปิดไฟกะพริบจอดรถข้างทาง รถสองคันที่ตามหลังมาก็จอดรถตาม

คนขับรถหันกลับมาแล้วเอ่ยด้วยเสียงตื่นเต้น “เมื่อกี้เหมือนว่าพื้นดินจะสั่นไหว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เถ้าแก่ครับ พวกเราจะขับต่อไปดีไหม”

มนุษย์กลไกหุ่นเชิดของฟางหนิงรู้สึกลังเลตัดสินใจไม่ได้จึงนิ่งเงียบ

ในเวลานี้จ้าวอิ๋งก็เอ่ยขึ้น “เถ้าแก่ ขับต่อไปเถอะค่ะ รีบไปที่บ้านของท่านท่านอัศวิน ที่นั่นจะปลอดภัยที่สุด “

เมื่อฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็ตอบ “อึม ทำตามผู้จัดการจ้าวละกัน ขับต่อไปเถอะ”

คนขับรถพยักหน้าแล้วใช้วิทยุคุยกับคนขับรถสองคันข้างหลังก่อนที่จะสตาร์ทรถ

ฟางหนิงล่วงหน้าไปที่วิลล่าฟาร์มก่อนแล้วให้ระบบครองร่างของตนเอง แสร้งทำเป็นเก็บตัว แต่ผ่านไปพักหนึ่งก็รับรู้ถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดินจึงออกมาทันที

เห็นแต่เจิ้งต้าว สุนัขสดำกับสุนัขเหลืองสองตัวและพนักงานของวิลล่ารีบออกมารวมตัวกันในสวน

พวกผู้ที่ติดตามระบบก็สงบลงแล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาเคยประสบเหตุการณ์ใหญ่มาไม่น้อย

แต่พวกคนงานในฟาร์มต่างก็กระสับกระส่าย พากันกระซิบกระซาบ

หลังจากที่อัศวิน A ปรากฏตัวออกมา พวกเขาถึงได้สงบลง

“ไม่ต้องกลัว ไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ เป็นสถานที่ห่างไกล” หลังจากที่เขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนก็ผ่อนคลายลง แล้วเริ่มกระซิบกันในใจ

“ในเมื่อท่านอัศวินพูดอย่างนี้ จะต้องไม่มีอะไรแน่”

“เอ๊ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก คาดว่าคงไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา ดูจากข่าวสารออนไลน์ล่าสุด ภัยธรรมชาติส่วนใหญ่เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์แปลกๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเหมือนแต่ก่อน” พนักงานหนุ่มกระซิบ

“พวกเราไม่ต้องกังวลไปหรอก มีท่านอัศวินคอยดูแล สิ่งชั่วร้ายก็ทำอะไรเราไม่ได้” มีใครคนหนึ่งเอ่ยปลอบใจ

ตอนนี้สุนัขเหลืองได้รับโทรศัพท์ แต่หลังจากรับสา ใบหน้าสุนัขของมันก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง แล้วหันไปเอ่ยกับหมาดำ

“ตันตันบอกว่าเหตุการณ์เมื่อกี้ทำให้มันกลัว สองสามวันนี้ไม่กล้าออกจากบ้าน น่าเสียดาย เมื่อกี้เชฟฟางเพิ่งโทรมาบอกว่าวันนี้อยากจะพบท่านเทพ จึงถือโอกาสลงมือทำอาหาร ตอนนี้กำลังเดินทางมา ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

สุนัขดำเอ่ยอย่างสมน้ำหน้า “ฮ่าฮ่า ลูกพี่หวง สวรรค์ต้องการให้พี่เป็นโสดต่อไป…”

สุนัขเหลืองตอกกลับ “เย็นนี้จะไม่ติวให้แกแล้ว เชิญแกฝึกด้วยตัวเองเถอะ”

สุนัขดำ “…”

“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันเถอะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” ผ่านไปครู่หนึ่ง อัศวิน A ก็เอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น จิตใจก็สงบลงและทยอยกันออกไป

ไม่นานนักอัศวิน A ก็เห็นมนุษย์กลไกตัวแทนของตัวเองพาคนจากร้านอาหารตระกูลฟางเข้ามา

หลังจากทักทายกันแล้ว มนุษย์กลไกตัวแทนก็พาเจ้าแฮมสเตอร์มาหาอัศวิน A

จากนั้นหนึ่งคนกับหนึ่งหนูก็มายังห้องรับรอง

ภายในห้องรับรองแขก แสงแดดฤดูหนาวกำลังส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระทบลงบนร่างทำให้รู้สึกอบอุ่น

ตอนนี้แฮมสเตอร์ได้หมอบลงบนโต๊ะ ดวงตาเล็กๆ คู่นั้นมองอัศวิน A อย่างสับสน มันไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

ตอนนี้ฟางหนิงรู้สึกประหลาดใจ จึงเอ่ยทักทายสั้นๆ แต่อีกฝ่ายกลับอึกอัก ดูเหมือนมีเรื่องที่ลำบากใจจะพูดออกมา

เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เราคุยกันถูกคอ เห็นว่าระดับความชื่นชอบกำลังจะกลายเป็นสีเขียว ถ้าไม่ถูกจ้าวอิ๋งขัดจังหวะเสียก่อน…

แล้วทำไมถึงกลายเป็นไม่รู้จักกันอีกแล้วล่ะ

ระบบ “ทำไมมันไม่พูดอะไรเลย หรือว่าจะเป็นคนละคนงั้นเหรอ”

เมื่อฟางหนิงได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “แกเดาได้ถูกเผง เจ้าแฮมสเตอร์ตัวนี้มีวิญญาณสองคนอยู่ในนั้น ตอนนี้จะต้องเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง มันอาจเคยทำผิดต่อพวกเราก่อนหน้านี้ถึงได้รู้สึกละอายใจ ก็เลยไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากยังไงดี”

ระบบ “อ๋อ งั้นฉันก็เข้าใจแล้ว คนอื่นแข็งแกร่งกว่าคุณแต่หน้าคุณหนากว่ามันเยอะ พอทำเรื่องน่าละอายแล้วถูกฉันเปิดโปงก็ยังไม่สะกสะท้าน”

ฟางหนิงพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “มีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนั้น”

ระบบ “จะไม่มีได้ไง ครั้งก่อนที่ฉันให้วันหยุดยาวกับคุณ คุณแอบขโมยเงินฉันตอนที่ฉันเก็บตัว และกลัวว่าฉันจะจับได้ถึงได้ลองทุบกำแพงก่อนเพื่อดูว่าฉันอยู่หรือเปล่า และสุดท้ายก็ถูกฉันจับได้อยู่ดี”

ฟางหนิงปฏิเสธไม่ได้จึงเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยฝืนพูดขึ้น”ความจำแกดีจริงๆ ผ่านมาตั้งนานแล้วยังจำได้อีกเหรอเนี่ย แล้วมันมีความหมายไหมล่ะ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันไหม”

ระบบ “แน่นอนว่ามีความหมายสิ ทีแรกคุณบอกว่าจะเปิดร้านค้าออนไลน์ให้เจิ้งต้าวเป็นตัวแทนขายยาให้ฉัน ทุกข้อตกลงเป็นธุรกิจใหญ่ ฉันพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนคุณว่าอย่าหวังจะได้ค่านายหน้าล่ะ นั่นจะเสียแรงเปล่า มีแต่จะเสียเวลาการโอนเงินของฉัน”

ในที่สุดฟางหนิงก็ได้สติเริ่มตอบโต้กลับ “ถ้าแกอยากจะพูดอย่างนี้ แกก็เคยทำเรื่องน่าละอายใจเหมือนกัน วันหยุดครั้งก่อนแกฉวยโอกาสตอนที่ฉันนอนหลับขโมยเวลาพักผ่อนของฉันไป ตัวเองเสียเปรียบ พอเกิดเรื่องแล้วยังกัดฉัน ‘ไม่เตือนเร็วหน่อย’ งั้นแกก็หน้าหนากว่าฉันเยอะ…”

ระบบ “…”

ตอนที่ฟางหนิงกำลังเถียงกับระบบ ในหัวของแฮมสเตอร์ก็มีสองคนกำลังเถียงกัน

เวลานี้ไป๋รั่วชางสงสัย “คุณชายชาง เราตกลงกันดิบดีแล้วคุณจะผูกมิตรกับเขา ตอนนี้เรื่องก็มาถึงตรงหน้าแล้ว เขาทักทายพูดด้วย แล้วทำไมคุณถึงทำท่าอยากพูดแต่ก็ไม่พูดล่ะ”

คุณชายชางตอบพลางส่ายหน้า “เฮ่อ ตอนที่ฉันเห็นเขาก็รู้สึกละอายใจมาก พูดอะไรไม่ออกจริงๆ ไม่งั้นนายออกไปแทนดีกว่า”

ไป๋รั่วชางงุนงง “วันนี้พวกเราแค่มาพบเขาทำความรู้จักสนิทสนม พูดคุยเรื่องการฝึกฝนและคบหาเป็นเพื่อนกัน ขอบคุณที่เขาคุ้มครองในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และถือโอกาสช่วยพี่อิ๋งที่วันๆ เอาแต่คลั่งไคล้ผู้ชายได้สมหวัง…คุณมีอะไรที่น่าละอายใจกันล่ะ”

คุณชายชางตอบ “เดิมทีก็เป็นอย่างนี้จริง แต่หลังจากที่ได้เจอหน้ากันเมื่อกี้ สัญชาตญาณบอกฉันว่าวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในร่างอัศวิน A นั้นบาดเจ็บหนักภายใน จากนั้นฉันก็พบว่ามันรุนแรงยิ่งขึ้น คิดๆ ดูแล้วพวกเราในไม่กี่เดือนมานี้ สุขสบายเพราะได้รับความคุ้มครองจากเขา ขณะที่เขาวิ่งวุ่นผดุงคุณธรรม ที่นี่ถึงได้สงบสุข ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนักจะต้องเจอกับอันตรายอันใหญ่หลวงมาก่อนแน่ๆ…”

ไป๋รั่วชางได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “อ้อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้คุณชายชางเคยพูดว่า ราชวงศ์หนูยักษ์มีพรสวรรค์พิเศษที่เรียกว่า ‘สัญชาตญาณความตาย’ คุณก้าวหน้าไปอีกขั้น สามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่มีอยู่ คุณเสียใจที่พวกเราไม่ได้มาเจอกับเขาเร็วกว่านี้จะช่วยเขาได้ใช่ไหม”

คุณชายชางพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “เรื่องมันเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้าฉันได้พบเขาเร็วกว่านี้ ไม่รอจนถึงป่านนี้ บางทีอาจช่วยเขาไม่ให้บาดเจ็บหนักขนาดนี้…”

ไป๋รั่วชางเอ่ยปลอบใจ “หัวใจของคุณชายช่างงดงาม เรื่องนี้จะตำหนิคุณก็ไม่ได้ ตอนนั้นเราต้องพยายามเต็มที่ถึงจะเข้าครองร่างของหนูแฮมสเตอร์ใกล้ตายได้ ตอนนี้ก็กังวลว่าจะทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน หลังจากพักฟื้นหลายเดือน พละกำลังถึงค่อยฟื้นคืนแล้ว วันนี้เพิ่งได้มาเยี่ยมและขอบคุณก็ยังไม่สายเกินไป คุณอย่าได้โทษตัวเองมากเกินไป”

คุณชายชางเอ่ย “นายพูดแบบนี้ ฉันค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เอาเถอะ งั้นเดี๋ยวฉันคุยเอง”

ระบบ “เอ๊ะ ดูสิว่าเจ้าแฮมสเตอร์เป็นสีเขียวแล้ว”

ฟางหนิง “ดีจริงๆ อยากให้มันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วเท่าสุนัขเหลืองกับสุนัขดำ”

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหนูแฮมสเตอร์ก็ขยับปากพูด

คราวนี้น้ำเสียงแตกต่างจากเสียงเด็กหนุ่มคนเดิมอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงมีเสน่ห์ อ่อนโยนและสูงศักดิ์”ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ ข้าชื่นชมท่านมานานแล้ว ข้าควรมาพบท่านเร็วกว่านี้ รอจนถึงวันนี้ค่อยมาคารวะ รู้สึกละอายจริงๆ”

เมื่อเห็นแฮมสเตอร์พูด ระบบก็ผลักฟางหนิงออกไปรับหน้าเพราะมันหลอกคนอื่นไม่เก่ง

ฟางหนิง “ไม่เป็นไร เจ้าคือเสี่ยวชางที่เถ้าแก่ฟางแนะนำใช่ไหม”

คุณชายชางรับคำ “ใช่แล้ว ข้าชื่อ ‘ชาง’ คำเดียว ฐานะที่แท้จริงคือลูกชายคนโตของบรรพบุรุษตระกูลไป๋ เพียงแต่มีบางเรื่องที่ยากจะเล่าได้หมด ตอนนี้ข้าตัดขาดจากพวกเขาแล้ว”

ฟางหนิงพยักหน้า “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง คุณชายชางเลือกที่จะมาเจอข้า น่าจะมีเรื่องที่อยากจะพูดด้วยใช่ไหม”

คุณชายชาง “ข้ารู้สึกละอายใจ หลายเดือนนี้พึ่งพาท่านอัศวินปกป้องความปลอดภัย แต่กลับไม่เคยตอบแทนอะไรเลย ที่จริงแล้วข้าพอมีความสามารถพิเศษสัมผัสภยันตรายได้มากมาย ถ้าท่านอัศวินจะไปผดุงคุณธรรมที่ใด บางทีข้าอาจจะช่วยเตือนท่านได้ ท่านอัศวินจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายอีก”

ฟางหนิงได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

ระบบยังงุนงงจึงเอ่ยถาม “เขาพูดวกไปวนมา ตกลงแล้วหมายความว่ายังไง คุณช่วยแปลให้ฟังหน่อย”

ฟางหนิง “แผนแกล้งทำเป็นอ่อนแอได้ผลดีเยี่ยมสัญชาตญาณของเขาสูงมาก แม้จะเป็นแค่ผู้เล่นระดับอ่างน้ำ เหลือเชื่อจะสัมผัสได้ว่าอัศวิน A บาดเจ็บหนัก เขารู้สึกว่าการติดตามอัศวิน A จึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่าสงบสุขได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีพรสวรรค์ในการเตือนภัยล่วงหน้า แต่กลับไม่ออกไปปกป้องโลกกับอัศวิน A แค่ให้อัศวิน A วิ่งไปทั่ว ผลคือได้รับบาดเจ็บหนัก ดังนั้นจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก คิดว่าตัวเองไม่มีความรับผิดชอบเท่าที่ควร”

ระบบ “อ๋อ พูดอย่างนี้เขาคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดไปจริงๆ…โฮสต์ ทำไมคุณเดาได้แม่นขนาดนี้ เมื่อก่อนเคยทำเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหม”

ฟางหนิงพูดไม่ออก ตัวเองทายได้แม่นยำแต่เจ้าระบบงี่เง่ากลับไม่ชมเชยเขาเป็น ‘โฮสต์อัจฉริยะ’ มันกลับฉวยโอกาสโจมตี ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นซะจริง

แต่ครั้งนี้มันคาดเดาได้ถูกต้อง เมื่อก่อนตัวเองมักจะแอบอ่านนิยายตอนทำงานจึงมักจะรู้สึกผิดเสมอ…

ระบบยังคงพูดต่อไป “เขารู้สึกผิดขนาดนี้ แล้วทำไมยังไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินมาเป็นพวกเราล่ะ ฉันไม่ต้องการความสามารถเตือนภัยล่วงหน้าของเขา ฉันเก่งกว่าเขามากเรื่องการรับรู้ถึงอันตราย”

ฟางหนิง “ไร้สาระ ไม่ได้ยินที่เขาพูดถึงชาติตระกูลของตัวเองหรือไง คุณชายของตระกูลใหญ่เชียวนะ ต้องระมัดระวังหน่อย ไม่เหมือนกับเจ้าสุนัขเหลืองกับสุนัขดำสองตัวนั่น”

ระบบ “ยุ่งยากชะมัด ระมัดระวังมีประโยชน์ งั้นคุณลองคิดหาวิธีทำให้เขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเร็วๆ ละกัน”

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+