เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 22 ยังคงต้องเชื่อฟังโฮสต์

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 22 ยังคงต้องเชื่อฟังโฮสต์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้อดีอย่างหนึ่งของฟางหนิงคือเขามีจินตนาการโลดแล่น คิดมากพอ (แต่ทำน้อย) อีกทั้งยังไม่เคยสิ้นหวัง เขาฟื้นตัวจากความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากได้รวดเร็วและยังปลอบใจตัวเองได้อีก พร้อมทั้งตระหนักได้ว่า ระบบของตนเองอาจไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนคนอื่นๆ มันไม่มีร้านค้าและไม่ได้ขายฟังก์ชันฟื้นคืนชีพ เพราะฉะนั้นหากระบบทำเช่นนี้ก็เข้าใจได้

เพราะนิสัยขี้เกียจสันหลังยาวของฟางหนิง แม้จะได้ยินระบบอธิบายถึงขนาดนี้แล้ว แต่เขาก็ยังปล่อยมันไปได้ เพราะยังไงก็ยังมีนิยายและเกมใหม่ให้เล่น ไม่มีเวลามากพอที่จะจู้จี้เรื่องนี้หรอก…

ทว่า เมื่อฟางหนิงกลับไปที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ระบบเพื่อเล่นต่อ จู่ๆ สมองก็พลันได้สติขึ้นมา และตัดสินใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยเจ้าระบบงี่เง่าไปง่ายๆ…

เขานึกถึงปัญหาร้ายแรงได้อย่างหนึ่ง ระบบถอดส่วนต่างๆ ของร่างกายออกเพื่อสำรองการป้องกันการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ไม่ควรให้มันแตะต้องอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ตามอำเภอใจ อย่าลืมว่าเมื่อครู่มันยังคิดจะแตะต้องน้องชายของเขาอยู่เลย ถ้าเกิดวันหนึ่งมันไปยุ่งกับสมองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น…

ปัญหาร้ายแรงขนาดนี้ ฟางหนิงพยายามคิดหนัก ในที่สุดก็นึกถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจึงเอ่ยถามทันที

“ระบบ แกย้ายนั่นย้ายนี่ ไม่กลัวจะกระทบการทำงานภายในร่างกายจนความแข็งแกร่งของพวกเราลดลงเหรอ”

“ไม่มีปัญหา เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดนั้นไม่ได้เติบโตในผิวหนังและเนื้อ แต่อยู่ในชั้นที่ลึกลงไป และไม่ใช่สิ่งที่จะมองเห็นได้ ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างแขนขาขาด มันจะไม่ส่งผลอะไรต่อความแข็งแกร่งของร่างกาย ร่างกายนี้ต่างไปจากคนอื่น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นขาดอวัยวะภายในย่อมมีปัญหาตอนฝึกฝนกำลังภายในแน่นอน และเป็นไปได้ว่ากำลังภายในอาจพังทลาย เรื่องที่ซับซ้อนกว่านี้อธิบายไปโฮสต์ก็ไม่เข้าใจหรอก” ระบบมั่นใจในความรู้ทางเทคนิคของตนเองจึงวิจารณ์ออกไป

แม้ระบบจะพูดจาแบบนี้ ฟางหนิงก็ยังเข้าใจได้ ระบบก็คือระบบ นี่คือจุดแตกต่างจากอัศวินทั่วไป ตราบใดที่การทำงานของพลังภายในและปราณแท้สอดคล้องกับกฎของตัวระบบก็จะไม่มีอันตราย

แต่เขาจะยอมเลิกราแค่นี้ไม่ได้ ต้องยิงคำถามอีก

“ยังมีอีกเรื่อง แกเป็นระบบด้านการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ แล้วไปเรียนรู้เทคโนโลยีทางการแพทย์ทันสมัยอย่างการปลูกถ่ายอวัยวะตั้งแต่ตอนไหนกัน ไม่กลัวว่าถอดออกแล้วจะประกอบกลับไม่ได้หรือไง”

“อ๋อ ไม่กี่วันก่อนปิดระบบ ระบบได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะชีวิตและทักษะการแพทย์ ถ้าเป็นขั้นตอนตัดศีรษะควักหัวใจอันนั้นยังไม่กล้าทำหรอก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะถอดอะไหล่ของโฮสต์สองสามชิ้นแล้วประกอบกลับเข้าไป แน่นอนว่าถ้าระบบทำให้คนอื่นก็จะต้องใช้พลังมากหน่อย แต่ทำให้โฮสต์นั้นง่ายพอๆ กับหยิบฟืนจากพื้น ปราณแท้พลังภายในทำงานมานานและมันเชื่อมต่อกันทุกส่วนของร่างกายแล้ว มันง่ายมากที่จะควบคุมการรวมกลุ่มหรือกระจายตัวของเซลล์ร่างกาย นอกจากไม่เสียเลือดมาก ยังไม่มีทางประกอบกลับไม่ได้…”

‘อ้อ เกือบลืมไป ร่างกายของเราถูกระบบครองร่างมาได้สักพักแล้ว ทุกเซลล์คงถูกสัมผัสหมดแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันอยากเอาอะไรไปก็ได้ อยากจะใส่อะไรก็ได้…’

เอาเถอะ คำถามนี้คงยังไม่พอ มันง่ายเกินไปจนเจ้างี่เง่านี้ตอบได้ งั้นต้องตั้งคำถามใหม่

“จริงสิ อวัยวะที่แกถอดออกมาก็อยู่ในพื้นที่ของระบบด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นเลย ที่นั่นปลอดภัยไหม มีโอกาสเสื่อมสภาพหรือเปล่า”

“เพราะระบบหวังดีกลัวโฮสต์จะตกใจก็เลยซ่อนไว้ ระบบเปิดพื้นที่เก็บรักษาความสดโดยเฉพาะ ที่นั่นเวลาหยุดนิ่ง รับประกันว่าสภาพอวัยวะที่ถอดออกมาเทียบกับตอนใส่กลับเข้าไปจะเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน” ระบบตอบคำถามได้สบายๆ

แต่แล้วระบบก็พบว่าฟางหนิงเอาแต่ถามไม่หยุดหย่อน ท่าทางแปลกไปจากเดิม เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่อยากให้ตนเตรียมการให้พร้อม ชักจะไม่ได้การ มันต้องหาทางชิงพูดขึ้นก่อนที่ฟางหนิงจะยิงคำถามต่อไป

“อย่าเพิ่งถามนู่นถามนี่ไม่หยุดสิ เรื่องเมื่อกี้ที่บอกว่าจะเก็บอัณฑะออกอันหนึ่ง โฮสต์ตกลงไหม”

“ไม่มีทางเด็ดขาด” ฟางหนิงปฏิเสธทันควัน เขารู้สึกพ่ายแพ้ ปกติระบบโง่อย่างกับอะไรดี แต่วันนี้คำถามสามข้อกลับตอบได้สบายมาก หรือว่าเขาจะเล่นมากเกินไปจนทำให้ความฉลาดลดลง เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้

“ดี ถ้าอย่างนั้นระบบจะเริ่มย้ายแล้ว” ระบบเพิ่งจะพูดจบ ฟางหนิงก็รู้สึกว่าตัวเขาเบาหวิวราวกับมีบางอย่างหายออกไปจากตัว

ยังมีความรู้สึก แสดงว่าอวัยวะส่วนอื่นที่หายไปก่อนหน้านี้ ระบบคงฉวยโอกาสลงมือตอนที่เขาหลับ…

“ฉันบอกว่าไม่เห็นด้วยไง” ฟางหนิงโกรธหน้าดำหน้าแดง

“อ้อ เมื่อกี้ระบบบอกแล้วไง ก็แค่บอกก่อนเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าโฮสต์ไม่เห็นด้วยแล้วจะไม่ลงมือซะหน่อย” สุดท้ายระบบก็เก็บอวัยวะสุดที่รักของฟางหนิงลงในพื้นที่เก็บความสดแห่งหนึ่งในพื้นที่ระบบพลางพูดกับเขา

ฟางหนิงที่อัณฑะหายไปข้างหนึ่งโมโหแล้ว เขาด่าอีกฝ่าย

“เฮ้ย ฉันว่าแกทำเกินไปหน่อยแล้ว ครองร่างฉันยังพอว่า ถอดอวัยวะที่ไม่กระทบต่อรางกายก็ยอมแล้ว ตอนนี้แม้แต่สัญลักษณ์ของลูกผู้ชายก็ยังกล้าลงมือ ไม่ห่วงว่าฉันจะกลายเป็นกระเทยหรือไง”

“วางใจเถอะ ระบบตรวจสอบมาแล้ว ขาดอัณฑะไปอันหนึ่งจะไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติทางเพศของผู้ชายหรอก ไม่อย่างนั้นระบบจะทำได้ไง โฮสต์เคยได้ยินไหมล่ะขันทีกับกระเทยคนไหนได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษ…” ระบบไม่แยแสสักนิด

แม้ว่าฟางหนิงจะรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่เขายังคิดหนัก อันตรายบางอย่างที่แฝงอาจปรากฏขึ้นมา

ในที่สุด ตอนที่เขาเห็นมนุษย์กลไกระดับกลางที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่ระบบหมาดๆ ฟางหนิงก็เข้าใจทันที เขาร้องเสียงหลง

“ไอ้งั่ง ระบบเห็นแก่ตัว!”

ระบบงงเล็กน้อย ตอนไหนที่ไอ้คนขี้ขลาดนี้กล้าด่าตนเองแบบนี้กัน เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะตัดเวลาพักผ่อนเป็นศูนย์และเรียกคาเฟ่อินเทอร์เน็ตของระบบคืนหรือไง

แน่นอนว่าฟางหนิงกลัวการลงโทษทั้งสองแบบจากระบบเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว เพราะระบบงี่เง่ามองข้ามปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งไป

“แกเก็บสำรองไว้ย่อมดีแน่นอน แต่แกอย่าลืมสิ เราทำมนุษย์กลไกระดับกลางไปเพื่ออะไร!”

ระบบยังคงไม่เข้าใจ ตอบกลับอย่างสับสน

“แน่นอนว่าเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง คนที่เก่งกาจในโลกนี้มากมายเหลือเกิน ไม่พัฒนาเงียบๆ จะตายเร็ว”

“ถูกต้อง แกคิดแต่ว่าจะไม่ยุ่งกับอวัยวะภายนอก แต่แกไม่รู้เลยในโลกนี้ยังมีความสามารถอย่างหนึ่งที่เรียกว่ามองทะลุ แกไม่เคยไปโรงพยาบาล ไม่เคยเห็นอุปกรณ์ตรวจสอบพวกนั้นหรอก แต่น่าจะรู้จักของพวกนี้จากความทรงจำของฉัน เครื่องมือพวกนั้นมองเห็นได้ง่ายกว่าอวัยวะภายในครึ่งหนึ่งในร่างกายขาดหายไป ตับอาจจะเกิดใหม่ได้ แต่อวัยวะอื่นทำไม่ได้ ถ้าถูกอุปกรณ์อื่นค้นพบว่าฉันกับอัศวิน A มีอวัยวะอย่างเดียวกันหายไป จะมีใครสงสัยไหม”

ระบบคิดว่าฟางหนิงคิดแค่นั้นก็เริ่มโมโหทันที

“อัศวิน A ไม่มีทางไปสถานที่แบบนั้นและไม่มีทางเปิดเผยว่าภายในร่างกายขาดอวัยวะอะไรบ้าง ถ้าถูกจับไปตรวจสอบแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิดตัวตน ตราบใดที่อัศวิน A ไม่ถูกเปิดเผย ไม่สำคัญว่าตัวตนที่แท้จริงของโฮสต์จะถูกตรวจสอบหรือไม่”

แน่นอนว่าฟางหนิงไม่มีทางคิดตื้นๆ แค่นี้เด็ดขาด เขายิ้มเย็น รู้สึกว่าในที่สุดเขาก็เหนือกว่าเจ้าระบบงี่เง่าอีกครั้ง

“เจ้าทึ่ม แกไม่รู้ว่าพลังพิเศษมีเป็นพันเป็นหมื่น ทำไมถึงจะไม่มีคนที่มีความสามารถมองทะลุได้ล่ะ อย่าบอกว่าปราณแท้คุ้มกายของแกมองทะลุไม่ได้ ในโลกนี้ย่อมมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ…”

“แล้วไงล่ะ” ระบบเพิ่งตอบไปก็นึกเสียใจทันที มันนึกถึงเรื่องหนึ่ง…

ฟางหนิงไม่รอให้มันพูดจบก็เอ่ยต่อ

“หึๆ อย่าลืมสิ ศัตรูมีโอกาสเยอะแยะที่จะมองออกว่าฉันกับอันวิน A คือคนเดียวกัน…”

“หยุดพูดเถอะ ระบบเข้าใจแล้ว ถ้ามีคนบังเอิญเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราและพบว่ามีอวัยวะบางส่วนขาดหายไป และอวัยวะพวกนั้นยังเป็นตำแหน่งเดียวกันทั้งหมด ก็เป็นไปได้ที่จะสังเกตเห็นว่าทั้งสองขาดอวัยวะตำแหน่งและประเภทเดียวกัน อย่างนั้นก็ไม่ต้องสงสัยอีก ทั้งสองน่าจะเป็นคนคนเดียวกันแน่นอน”

ท้ายประโยคที่ระบบพูดออกมานั้น น้ำเสียงของมันห่อเหี่ยวใจมากทีเดียว

ฟางหนิงสังเกตเห็นปัญหาที่ระบบมองข้ามไป เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์ และไม่มีอารมณ์ความปรารถนาเหมือนมนุษย์ มันจะท้อใจได้ยังไงล่ะ ดูท่าคงเป็นเพราะครองร่างตนเองนานเกินไป จึงอาจได้รับอิทธิพลบางอย่าง

แต่ได้ยินน้ำเสียงท้อใจของมันแบบนั้น เขาก็ต้องปลอบใจเจ้างี่เง่านี่สินะ ขืนมันคิดว่าชีวิตไม่มีความหมายแล้วจะต้องแย่แน่นอน…

ความจริงแล้วฟางหนิงคิดมากเกินไป ระบบคือหลักการแรกของการเอาชีวิตรอด ชีวิตไร้ความหมายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมันสักนิด

“เอาล่ะ ตอนนี้ระบบจะคืนให้ก่อน เฮ้อ เสียเวลาเปล่าไปตั้งมากมาย คราวนี้คิดว่ารอบคอบแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังต้องรับฟังคำแนะนำจากโฮสต์ วันหน้าวันหลังมีเรื่องอะไรอีกระบบจะขอความยินยอมจากโฮสต์ก่อน” น้ำเสียงของระบบผิดหวังมากทีเดียว

“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว” ฟางหนิงดีใจลิงโลด ภายในพริบตาก็รู้สึกว่าน้องชายของเขากลับมาครบแล้ว

ความรู้สึกตอนนี้ประกอบกับความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่อัณฑะถูกเคลื่อนย้าย ทำให้ฟางหนิงที่กำลังดีใจเกิดหัวแล่นอีกครั้ง พอคิดถึงเรื่องสำคัญได้ก็พูดขึ้นทันที “เดี๋ยวก่อน ที่แกบอกเมื่อกี้ไม่ถูก มันไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรอก แกเชี่ยวชาญทักษะนี้แล้ว ดูเหมือนว่าต่อไปจะมีประโยชน์มากทีเดียวเลยล่ะ”

“มีประโยชน์ยังไงเหรอโฮสต์” ระบบย้อนถาม

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 22 ยังคงต้องเชื่อฟังโฮสต์

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 22 ยังคงต้องเชื่อฟังโฮสต์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้อดีอย่างหนึ่งของฟางหนิงคือเขามีจินตนาการโลดแล่น คิดมากพอ (แต่ทำน้อย) อีกทั้งยังไม่เคยสิ้นหวัง เขาฟื้นตัวจากความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากได้รวดเร็วและยังปลอบใจตัวเองได้อีก พร้อมทั้งตระหนักได้ว่า ระบบของตนเองอาจไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนคนอื่นๆ มันไม่มีร้านค้าและไม่ได้ขายฟังก์ชันฟื้นคืนชีพ เพราะฉะนั้นหากระบบทำเช่นนี้ก็เข้าใจได้

เพราะนิสัยขี้เกียจสันหลังยาวของฟางหนิง แม้จะได้ยินระบบอธิบายถึงขนาดนี้แล้ว แต่เขาก็ยังปล่อยมันไปได้ เพราะยังไงก็ยังมีนิยายและเกมใหม่ให้เล่น ไม่มีเวลามากพอที่จะจู้จี้เรื่องนี้หรอก…

ทว่า เมื่อฟางหนิงกลับไปที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ระบบเพื่อเล่นต่อ จู่ๆ สมองก็พลันได้สติขึ้นมา และตัดสินใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยเจ้าระบบงี่เง่าไปง่ายๆ…

เขานึกถึงปัญหาร้ายแรงได้อย่างหนึ่ง ระบบถอดส่วนต่างๆ ของร่างกายออกเพื่อสำรองการป้องกันการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ก็ไม่ควรให้มันแตะต้องอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ตามอำเภอใจ อย่าลืมว่าเมื่อครู่มันยังคิดจะแตะต้องน้องชายของเขาอยู่เลย ถ้าเกิดวันหนึ่งมันไปยุ่งกับสมองขึ้นมาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น…

ปัญหาร้ายแรงขนาดนี้ ฟางหนิงพยายามคิดหนัก ในที่สุดก็นึกถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจึงเอ่ยถามทันที

“ระบบ แกย้ายนั่นย้ายนี่ ไม่กลัวจะกระทบการทำงานภายในร่างกายจนความแข็งแกร่งของพวกเราลดลงเหรอ”

“ไม่มีปัญหา เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดนั้นไม่ได้เติบโตในผิวหนังและเนื้อ แต่อยู่ในชั้นที่ลึกลงไป และไม่ใช่สิ่งที่จะมองเห็นได้ ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อย่างแขนขาขาด มันจะไม่ส่งผลอะไรต่อความแข็งแกร่งของร่างกาย ร่างกายนี้ต่างไปจากคนอื่น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นขาดอวัยวะภายในย่อมมีปัญหาตอนฝึกฝนกำลังภายในแน่นอน และเป็นไปได้ว่ากำลังภายในอาจพังทลาย เรื่องที่ซับซ้อนกว่านี้อธิบายไปโฮสต์ก็ไม่เข้าใจหรอก” ระบบมั่นใจในความรู้ทางเทคนิคของตนเองจึงวิจารณ์ออกไป

แม้ระบบจะพูดจาแบบนี้ ฟางหนิงก็ยังเข้าใจได้ ระบบก็คือระบบ นี่คือจุดแตกต่างจากอัศวินทั่วไป ตราบใดที่การทำงานของพลังภายในและปราณแท้สอดคล้องกับกฎของตัวระบบก็จะไม่มีอันตราย

แต่เขาจะยอมเลิกราแค่นี้ไม่ได้ ต้องยิงคำถามอีก

“ยังมีอีกเรื่อง แกเป็นระบบด้านการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ แล้วไปเรียนรู้เทคโนโลยีทางการแพทย์ทันสมัยอย่างการปลูกถ่ายอวัยวะตั้งแต่ตอนไหนกัน ไม่กลัวว่าถอดออกแล้วจะประกอบกลับไม่ได้หรือไง”

“อ๋อ ไม่กี่วันก่อนปิดระบบ ระบบได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะชีวิตและทักษะการแพทย์ ถ้าเป็นขั้นตอนตัดศีรษะควักหัวใจอันนั้นยังไม่กล้าทำหรอก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะถอดอะไหล่ของโฮสต์สองสามชิ้นแล้วประกอบกลับเข้าไป แน่นอนว่าถ้าระบบทำให้คนอื่นก็จะต้องใช้พลังมากหน่อย แต่ทำให้โฮสต์นั้นง่ายพอๆ กับหยิบฟืนจากพื้น ปราณแท้พลังภายในทำงานมานานและมันเชื่อมต่อกันทุกส่วนของร่างกายแล้ว มันง่ายมากที่จะควบคุมการรวมกลุ่มหรือกระจายตัวของเซลล์ร่างกาย นอกจากไม่เสียเลือดมาก ยังไม่มีทางประกอบกลับไม่ได้…”

‘อ้อ เกือบลืมไป ร่างกายของเราถูกระบบครองร่างมาได้สักพักแล้ว ทุกเซลล์คงถูกสัมผัสหมดแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันอยากเอาอะไรไปก็ได้ อยากจะใส่อะไรก็ได้…’

เอาเถอะ คำถามนี้คงยังไม่พอ มันง่ายเกินไปจนเจ้างี่เง่านี้ตอบได้ งั้นต้องตั้งคำถามใหม่

“จริงสิ อวัยวะที่แกถอดออกมาก็อยู่ในพื้นที่ของระบบด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นเลย ที่นั่นปลอดภัยไหม มีโอกาสเสื่อมสภาพหรือเปล่า”

“เพราะระบบหวังดีกลัวโฮสต์จะตกใจก็เลยซ่อนไว้ ระบบเปิดพื้นที่เก็บรักษาความสดโดยเฉพาะ ที่นั่นเวลาหยุดนิ่ง รับประกันว่าสภาพอวัยวะที่ถอดออกมาเทียบกับตอนใส่กลับเข้าไปจะเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน” ระบบตอบคำถามได้สบายๆ

แต่แล้วระบบก็พบว่าฟางหนิงเอาแต่ถามไม่หยุดหย่อน ท่าทางแปลกไปจากเดิม เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่อยากให้ตนเตรียมการให้พร้อม ชักจะไม่ได้การ มันต้องหาทางชิงพูดขึ้นก่อนที่ฟางหนิงจะยิงคำถามต่อไป

“อย่าเพิ่งถามนู่นถามนี่ไม่หยุดสิ เรื่องเมื่อกี้ที่บอกว่าจะเก็บอัณฑะออกอันหนึ่ง โฮสต์ตกลงไหม”

“ไม่มีทางเด็ดขาด” ฟางหนิงปฏิเสธทันควัน เขารู้สึกพ่ายแพ้ ปกติระบบโง่อย่างกับอะไรดี แต่วันนี้คำถามสามข้อกลับตอบได้สบายมาก หรือว่าเขาจะเล่นมากเกินไปจนทำให้ความฉลาดลดลง เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้

“ดี ถ้าอย่างนั้นระบบจะเริ่มย้ายแล้ว” ระบบเพิ่งจะพูดจบ ฟางหนิงก็รู้สึกว่าตัวเขาเบาหวิวราวกับมีบางอย่างหายออกไปจากตัว

ยังมีความรู้สึก แสดงว่าอวัยวะส่วนอื่นที่หายไปก่อนหน้านี้ ระบบคงฉวยโอกาสลงมือตอนที่เขาหลับ…

“ฉันบอกว่าไม่เห็นด้วยไง” ฟางหนิงโกรธหน้าดำหน้าแดง

“อ้อ เมื่อกี้ระบบบอกแล้วไง ก็แค่บอกก่อนเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าโฮสต์ไม่เห็นด้วยแล้วจะไม่ลงมือซะหน่อย” สุดท้ายระบบก็เก็บอวัยวะสุดที่รักของฟางหนิงลงในพื้นที่เก็บความสดแห่งหนึ่งในพื้นที่ระบบพลางพูดกับเขา

ฟางหนิงที่อัณฑะหายไปข้างหนึ่งโมโหแล้ว เขาด่าอีกฝ่าย

“เฮ้ย ฉันว่าแกทำเกินไปหน่อยแล้ว ครองร่างฉันยังพอว่า ถอดอวัยวะที่ไม่กระทบต่อรางกายก็ยอมแล้ว ตอนนี้แม้แต่สัญลักษณ์ของลูกผู้ชายก็ยังกล้าลงมือ ไม่ห่วงว่าฉันจะกลายเป็นกระเทยหรือไง”

“วางใจเถอะ ระบบตรวจสอบมาแล้ว ขาดอัณฑะไปอันหนึ่งจะไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติทางเพศของผู้ชายหรอก ไม่อย่างนั้นระบบจะทำได้ไง โฮสต์เคยได้ยินไหมล่ะขันทีกับกระเทยคนไหนได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษ…” ระบบไม่แยแสสักนิด

แม้ว่าฟางหนิงจะรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่เขายังคิดหนัก อันตรายบางอย่างที่แฝงอาจปรากฏขึ้นมา

ในที่สุด ตอนที่เขาเห็นมนุษย์กลไกระดับกลางที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่ระบบหมาดๆ ฟางหนิงก็เข้าใจทันที เขาร้องเสียงหลง

“ไอ้งั่ง ระบบเห็นแก่ตัว!”

ระบบงงเล็กน้อย ตอนไหนที่ไอ้คนขี้ขลาดนี้กล้าด่าตนเองแบบนี้กัน เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะตัดเวลาพักผ่อนเป็นศูนย์และเรียกคาเฟ่อินเทอร์เน็ตของระบบคืนหรือไง

แน่นอนว่าฟางหนิงกลัวการลงโทษทั้งสองแบบจากระบบเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้ว เพราะระบบงี่เง่ามองข้ามปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งไป

“แกเก็บสำรองไว้ย่อมดีแน่นอน แต่แกอย่าลืมสิ เราทำมนุษย์กลไกระดับกลางไปเพื่ออะไร!”

ระบบยังคงไม่เข้าใจ ตอบกลับอย่างสับสน

“แน่นอนว่าเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง คนที่เก่งกาจในโลกนี้มากมายเหลือเกิน ไม่พัฒนาเงียบๆ จะตายเร็ว”

“ถูกต้อง แกคิดแต่ว่าจะไม่ยุ่งกับอวัยวะภายนอก แต่แกไม่รู้เลยในโลกนี้ยังมีความสามารถอย่างหนึ่งที่เรียกว่ามองทะลุ แกไม่เคยไปโรงพยาบาล ไม่เคยเห็นอุปกรณ์ตรวจสอบพวกนั้นหรอก แต่น่าจะรู้จักของพวกนี้จากความทรงจำของฉัน เครื่องมือพวกนั้นมองเห็นได้ง่ายกว่าอวัยวะภายในครึ่งหนึ่งในร่างกายขาดหายไป ตับอาจจะเกิดใหม่ได้ แต่อวัยวะอื่นทำไม่ได้ ถ้าถูกอุปกรณ์อื่นค้นพบว่าฉันกับอัศวิน A มีอวัยวะอย่างเดียวกันหายไป จะมีใครสงสัยไหม”

ระบบคิดว่าฟางหนิงคิดแค่นั้นก็เริ่มโมโหทันที

“อัศวิน A ไม่มีทางไปสถานที่แบบนั้นและไม่มีทางเปิดเผยว่าภายในร่างกายขาดอวัยวะอะไรบ้าง ถ้าถูกจับไปตรวจสอบแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิดตัวตน ตราบใดที่อัศวิน A ไม่ถูกเปิดเผย ไม่สำคัญว่าตัวตนที่แท้จริงของโฮสต์จะถูกตรวจสอบหรือไม่”

แน่นอนว่าฟางหนิงไม่มีทางคิดตื้นๆ แค่นี้เด็ดขาด เขายิ้มเย็น รู้สึกว่าในที่สุดเขาก็เหนือกว่าเจ้าระบบงี่เง่าอีกครั้ง

“เจ้าทึ่ม แกไม่รู้ว่าพลังพิเศษมีเป็นพันเป็นหมื่น ทำไมถึงจะไม่มีคนที่มีความสามารถมองทะลุได้ล่ะ อย่าบอกว่าปราณแท้คุ้มกายของแกมองทะลุไม่ได้ ในโลกนี้ย่อมมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ…”

“แล้วไงล่ะ” ระบบเพิ่งตอบไปก็นึกเสียใจทันที มันนึกถึงเรื่องหนึ่ง…

ฟางหนิงไม่รอให้มันพูดจบก็เอ่ยต่อ

“หึๆ อย่าลืมสิ ศัตรูมีโอกาสเยอะแยะที่จะมองออกว่าฉันกับอันวิน A คือคนเดียวกัน…”

“หยุดพูดเถอะ ระบบเข้าใจแล้ว ถ้ามีคนบังเอิญเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราและพบว่ามีอวัยวะบางส่วนขาดหายไป และอวัยวะพวกนั้นยังเป็นตำแหน่งเดียวกันทั้งหมด ก็เป็นไปได้ที่จะสังเกตเห็นว่าทั้งสองขาดอวัยวะตำแหน่งและประเภทเดียวกัน อย่างนั้นก็ไม่ต้องสงสัยอีก ทั้งสองน่าจะเป็นคนคนเดียวกันแน่นอน”

ท้ายประโยคที่ระบบพูดออกมานั้น น้ำเสียงของมันห่อเหี่ยวใจมากทีเดียว

ฟางหนิงสังเกตเห็นปัญหาที่ระบบมองข้ามไป เพราะระบบไม่ใช่มนุษย์ และไม่มีอารมณ์ความปรารถนาเหมือนมนุษย์ มันจะท้อใจได้ยังไงล่ะ ดูท่าคงเป็นเพราะครองร่างตนเองนานเกินไป จึงอาจได้รับอิทธิพลบางอย่าง

แต่ได้ยินน้ำเสียงท้อใจของมันแบบนั้น เขาก็ต้องปลอบใจเจ้างี่เง่านี่สินะ ขืนมันคิดว่าชีวิตไม่มีความหมายแล้วจะต้องแย่แน่นอน…

ความจริงแล้วฟางหนิงคิดมากเกินไป ระบบคือหลักการแรกของการเอาชีวิตรอด ชีวิตไร้ความหมายไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมันสักนิด

“เอาล่ะ ตอนนี้ระบบจะคืนให้ก่อน เฮ้อ เสียเวลาเปล่าไปตั้งมากมาย คราวนี้คิดว่ารอบคอบแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังต้องรับฟังคำแนะนำจากโฮสต์ วันหน้าวันหลังมีเรื่องอะไรอีกระบบจะขอความยินยอมจากโฮสต์ก่อน” น้ำเสียงของระบบผิดหวังมากทีเดียว

“รู้อย่างนี้ก็ดีแล้ว” ฟางหนิงดีใจลิงโลด ภายในพริบตาก็รู้สึกว่าน้องชายของเขากลับมาครบแล้ว

ความรู้สึกตอนนี้ประกอบกับความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่อัณฑะถูกเคลื่อนย้าย ทำให้ฟางหนิงที่กำลังดีใจเกิดหัวแล่นอีกครั้ง พอคิดถึงเรื่องสำคัญได้ก็พูดขึ้นทันที “เดี๋ยวก่อน ที่แกบอกเมื่อกี้ไม่ถูก มันไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรอก แกเชี่ยวชาญทักษะนี้แล้ว ดูเหมือนว่าต่อไปจะมีประโยชน์มากทีเดียวเลยล่ะ”

“มีประโยชน์ยังไงเหรอโฮสต์” ระบบย้อนถาม

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+