เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 42 ให้ทั้งปีศาจ ให้ทั้งเงิน

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 42 ให้ทั้งปีศาจ ให้ทั้งเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนสายของวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า และเมืองฉีซึ่งผ่านพ้นภัยพิบัติมาอย่างเงียบๆ ก็ย้อมไปด้วยแสงอ่อนๆ อีกครั้ง ทุกอย่างดูเงียบสงบ การเปลี่ยนแปลงชั่วขณะของโอตาคุบางคนไม่ได้ส่งผลต่อกฎแห่งสวรรค์และโลก ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นจากทิศตะวันออกเช่นเดิม

หากแต่สำนักงานใหญ่หน่วยกิจการพิเศษเมืองฉี สำนักอธิการบดี ตอนนี้บรรยากาศกลับมาคุ

“แม่มันเถอะ ไอ้พวกหยิ่งผยอง! กล้าเยาะเย้ยรายงานของฉันที่อุตส่าห์ทำมาทั้งคืนว่าเหมือนอ่านนิยาย! กล้าดูถูกฉันที่ไม่รู้ว่ามังกรจริงคืออะไร และกล้ามากที่เหยียดหยามกัน หลังจากฉันตัดต่อวิดีโอ!”

โม่ซิ่งระเบิดอารมณ์ลงกลางสำนักงาน

หลายคนที่นั่งอยู่ในนั้น รวมทั้งอาจารย์ใหญ่จาง และรองผู้อำนวยการต่างไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ และไม่มีใครกล้าเกลี้ยกล่อม

“พวกคุณไม่อยากดึงคนเข้ามาในสำนักสัจธรรมเหรอ ดี ดีจริงๆ ตอนแรกฉันก็อยากจะทำเฉยต่อไป แต่ตอนนี้ฉันต้องสอดขาเข้ามาก่อน!” โม่ซิ่งยกแว่นตาขึ้น แววตาของเขาเย็นชา พลางกวาดสายตามองทุกคน

“รองผู้อำนวยการหลิว คุณควรติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อค้นหาความเคลื่อนไหวของอัศวิน A และเมื่อระบุตำแหน่งได้แล้ว เราจะออกเดินทางทันที!”

“ครับ ผู้อำนวยการโม่” ชายผู้เฉียบแหลมในวัยสี่สิบลุกขึ้นคำนับ จากนั้นก็หันหลังออกจากสำนักงานไป

หลังจากเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ โม่ซิ่งก็หวนนึกถึงโทรด่วนจากใครบางคนในวันนี้ที่บอกบางสิ่งกับเขา

สำนักสัจธรรมได้ตัดสินใจร่วมกันจัดประชุมเร่งด่วนเมื่อเช้า แล้วให้ความเห็นว่าควรจะเรียกตัวผู้ที่สามารถเชิญเทพมังกรที่แท้จริงได้ให้เข้ามาพบโดยเร็วที่สุด

เป็นการยากที่จะทำในพื้นที่นั้น เพราะมีผู้นำอยู่มาก และเมื่อสิ้นสุดภารกิจแต่ละครั้ง หน่วยกิจการพิเศษในพื้นที่จะต้องส่งเอกสารการรายงานไปยังสำนักสัจธรรมและสำนักงานใหญ่ของหน่วยกิจการพิเศษในเมืองเฉินโจวพร้อมกัน

สำนักสัจธรรมมีสิทธิ์ได้รับข้อมูลรายงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกรอกสรุปบันทึกหลังจากแต่ละเหตุการณ์ สำนักงานใหญ่ของหน่วยกิจการพิเศษเมืองเฉินโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าโดยตรง และการรายงานทุกอย่างเป็นกฎพื้นฐาน

หลังจากการทำงานหนัก ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและไม่มีใครเสียชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับเครดิตใดๆ เช่นกัน คนของสำนักสัจธรรมต่างมุ่งความสนใจไปที่การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของเทพมังกรตัวจริง แต่พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลย ผู้คนที่สำนักงานใหญ่ไม่ได้ให้โอกาสตัวเองเลยสักนิด พวกเขาแค่ปล่อยให้ตนทำงานร่วมกับคนของสำนักสัจธรรมต่อไป

โม่ซิ่งจินตนาการถึงการปกปิดของการมีอยู่ของอัศวิน A แต่แล้วมันก็ถูกเปิดเผยได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่งพอ แต่เพราะเขาไม่ได้มีเส้นสายในสำนักสัจธรรม เขาจึงไม่สามารถล่วงรู้ความลับอันสำคัญหลายประการได้ ดังนั้นเขาจึงถูกมองว่าเป็นคนโง่ที่ต้องคอยหลบซ่อน

ความอัปยศอดสูดังกล่าวเป็นที่มาของความโกรธอันเหลือทนของเขา เขาถามตัวเองว่าไอคิวของเขาสูงกว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเขาถึงถูกคนบ้าพวกนี้หัวเราะเยาะ เขาจะทนคำพูดพวกนี้ได้ยังไงกัน?

เขาตั้งใจจะไต่เต้าตำแหน่งสูงขึ้นไปให้ได้มากที่สุด เพราะคิดว่าถ้าเขาสามารถกุมอำนาจได้ เขาก็จะได้ล่วงรู้ความลับมากมาย และเขาจะไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนครั้งก่อน

ภายใต้ความโมโหนี้ โม่ซิ่งก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้น และเป็นไปไม่ได้ที่คนของสำนักสัจธรรมจะล่วงรู้เรื่องของอัศวิน A แต่นั่นมันก็ไร้สาระมาก เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถึงเขาเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของอัศวิน A ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่าย แต่ก็ยังพยายามค้นหาข้อมูลของอัศวิน A อย่างละเอียด

และในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป ชายผู้หยิ่งผยองคนนี้ จอมยุทธ์ที่มักจะอยู่ใน ‘สถานที่นี้’ และ ‘สถานที่นั้น’ ตลอดเวลา ยอมจำนนต่อระบบและปล่อยให้ผู้คนโห่ร้องได้ยังไง! ในระบบว่ากันว่าลูกน้องต้องเชื่อฟังเจ้านาย พฤติกรรมของอัศวิน A คนนี้ไม่เข้ากันกับระบบโดยสิ้นเชิง

โม่ซิ่งพยายามเมินเฉย ในสถานการณ์ที่อันตราย เขาพยายามอย่างมากที่จะรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โจมตีศัตรูที่มีความสำคัญและอันตราย เขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมของอัศวิน A เลย แล้วยังปิดผนึกไฟล์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายในองค์กรรักษาความปลอดภัยสาธารณะในนามของหน่วยกิจการพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาทำตามขั้นตอนปกติ นี่เป็นความสามัคคีในแบบที่แตกต่างออกไป และผลลัพธ์สุดท้ายก็ออกมาดีมาก เมืองฉีได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองต้นแบบที่มีอาชญากรรมน้อย

ในทางกลับกัน คนของสำนักสัจธรรมกลับหยิ่งผยอง พวกเขาคิดว่าตนเหนือกว่า มีความชอบธรรมอยู่ในมือ และผูกขาดทรัพยากรที่หายาก

เขาสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าคนที่สำนักสัจธรรมส่งมาจะต้องหัวแตกเลือดไหลอย่างแน่นอน อัศวิน A คนนี้ไม่ใช่ผู้ใช้พลังเหนือธรรมชาติปกติ ผู้ชายที่สามารถอัญเชิญเทพมังกรตัวจริงได้ ได้สร้างจิตวิญญาณความเคารพของอีกฝ่ายแล้วอย่างแน่นอน และไม่ใส่ใจกับการเรียกประชุมเช่นนี้หรอก

ดวงตาของโม่ซิ่งหรี่ลงเล็กน้อย คิดถึงสิ่งที่จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายแก่เขาในอนาคตอันใกล้นี้…

คืนนั้นหลังเวลา 21.00 น. ในที่สุดรองผู้อำนวยการหลิวก็ระบุตำแหน่งของอัศวิน A ได้ ด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โม่ซิ่งพาคนไปพบกับรองผู้อำนวยการหลิว และสกัดกั้นอัศวิน A ที่สี่แยกได้สำเร็จ

ในเวลานี้อีกฝ่ายกำลังสกัดกั้นคนขี้เมาที่กำลังพยายามลวนลามผู้หญิง

สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกก็คือดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่มีรูปร่างโปร่งแสงอยู่รอบๆ อัศวิน A ด้วย

แน่นอนว่าคนขี้เมาถูกกระแทกล้ม กลิ้งไปมาบนพื้น

โม่ซิ่งกระแอมไอเล็กน้อย เพื่อเตือนอีกฝ่ายให้ใส่ใจกับการปรากฏตัวของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นในระดับหนึ่งว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรู

อัศวิน A หันมามองก็พบว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนคุ้นเคยที่เขาไม่รู้จักชื่อ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าพวกเขาทั้งหมดคือคนของหน่วยกิจการพิเศษแห่งเมืองฉี และเพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

โม่ซิ่งเตรียมพร้อมแล้ว เขาส่งสัญญาณให้รองผู้อำนวยการหลิวที่อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายมักจะชอบดูศิลปะการต่อสู้ ความจริงแล้วเขาอยากพานักเขียนเซ่าหานมาด้วย แต่อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้ติดเขียนนิยาย

รองผู้อำนวยการหลิวเริ่มเอ่ยปาก “ท่านอัศวิน เมื่อวันก่อน คุณได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่และช่วยชีวิตผู้คนแปดล้านคนในเมืองฉีเอาไว้ ความดีของคุณมีมากมายมหาศาล พวกเรามาที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณ”

อัศวิน A กล่าว “การขอบคุณไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพวกคุณอยู่ที่นี่ แต่ฉันแค่อยากถาม ได้ยินมาว่าพวกคุณมีรางวัลให้ฮีโร่ผู้กล้าหาญด้วยไม่ใช่เหรอ ฉันจำได้ว่าถ้าช่วยคนคนหนึ่งจะให้เงินห้าหมื่นหยวน ฉันช่วยไปแปดล้านคน ถึงจะไม่เก่งเรื่องคำนวณมากนัก แต่ว่าฉันควรจะได้มันเท่าไร”

หลังจากได้ยิน ทุกคนก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา

รองประธานหลิวได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งตกตะลึง แบบนี้ไม่ถูกต้องสิ

เขาไม่ได้ศึกษาข้อมูลพิเศษใดๆ เกี่ยวกับอัศวิน A ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่จอมยุทธ์ปกติ

มีเพียงโม่ซิ่งเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง พลางยิ้มเยาะในใจ ‘ตามที่คาดไว้ อัศวิน A ไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่มีเมตตาต่อคนอวดดี เป็นความจริงที่เขาทำตัวกล้าหาญ และเป็นความจริงที่เขาไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นนักบุญ บุคคลนี้มีจุดอ่อนที่สำคัญสองประการ อย่างหนึ่งคือชื่อเสียงและอีกประการหนึ่งคือผลประโยชน์’

สำนักสัจธรรมไม่สามารถตอบสนองความอยากของจอมยุทธ์ได้หรอก ง่ายมาก หากเขาได้รางวัลจริงๆ จากภารกิจนี้ สำนักงานสัจธรรมก็ควรถูกยุบ…

เขาสามารถคำนวณเงินจำนวนห้าหมื่น คูณแปดล้าน เป็นสี่แสนล้านได้ในไม่กี่วินาที และมันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นล้านในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีกี่องค์กรกันที่สามารถให้เงินจำนวนนี้ได้?

การที่จะจัดการกับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วยหลักการและบรรทัดฐาน เพียงลดท่าทีลง เสนอให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่เรียกเก็บเงินจากราคาที่สูงลิ่วเพื่อต่อสู้กับพวกปีศาจชั่วร้ายเหล่านั้น

ดังนั้นโม่ซิ่งจึงพยายามสงบอารมณ์ พร้อมกับเผยยิ้มออกมา เขาก้าวไปข้างหน้า ดึงตัวรองผู้อำนวยการหลิวออกไปพร้อมกล่าวว่า “เรื่องรางวัลนั้นต้องให้แน่นอนอยู่แล้ว ท่านอัศวินใจดีและยุติธรรม จะไม่ยกย่องได้อย่างไร แต่หน่วยกิจการพิเศษในพื้นที่ของเรามีงบประมาณน้อยนิด ความกล้าหาญนี้ไม่ได้คำนวณจากจำนวนคน แต่พิจารณาจากความรุนแรงและระดับความอันตรายของเหตุการณ์ ตามระดับความรุนแรงของเหตุการณ์เมื่อวันก่อน ห้าล้านคนก็ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเรา ซึ่งก็คือความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราแล้ว”

หลังจากได้ยิน อัศวิน A ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่ดูเหมือนเขาจะมึนงง และไม่พอใจอยู่บ้าง

หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง โม่ซิ่งก็เริ่มกระวนกระวายแล้ว

โชคดีที่อัศวิน A เอ่ยปากขึ้นก่อน “โอเค ฉันไม่สนใจเรื่องอื่นหรอก ห้าล้านก็ห้าล้านสิ คุณจะจ่ายเมื่อไร”

ดวงตาของโม่ซิ่งเป็นประกายอีกครั้ง รีบเอ่ย “จ่ายตรงเวลา ไม่มีการค้างชำระอย่างแน่นอน แต่ว่าท่านอัศวิน…หากคราวหน้ามีปัญหาอีก พวกเราจะยังใช้ราคานี้มาขอให้ท่านช่วยร่วมมือได้ไหม”

อัศวิน A มึนงงก่อนกล่าวตอบ “ย่อมได้ เพียงแต่ว่าแจ้งล่วงหน้าสักนิด อีกอย่างฉันไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรอกนะ”

โม่ซิ่งรู้สึกขอบคุณ เขาแอบลิงโลดอยู่ข้างในใจ ‘ตราบใดที่แสดงด้านที่ต่างออกไปของตัวเอง รอจนคนของสำนักสัจธรรมมาถึง ก็จะรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าควรจะคบหากับใคร และเมื่อถึงเวลานั้น ก็จะมีพื้นที่เป็นของตัวเองแล้ว’

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิงและเทพแห่งระบบกำลังเฉลิมฉลองด้วยกัน

ฟางหนิงเอ่ย “โชคดีจริงๆ ที่ออกมาวันนี้ จู่ๆ ก็มีคนส่งปีศาจและเงินมาให้ อีกอย่างชายคนนี้ก็เก่งกว่าคนจากฮัมมิงเบิร์ดครั้งที่แล้วมาก”

ระบบเองก็มีความสุข “ใช่แล้ว เขาดูเป็นคนดี เมื่อก่อนพวกเรายินดีทำให้ตั้งหลายครั้งแต่ไม่มีใครให้เงินเลย เขาเป็นคนแรก คนนี้ไม่เลวๆ”

ฟางหนิงเอ่ย “เหอะๆ ฉันแน่ใจว่าเขามีจุดประสงค์อื่นอีก แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรอก แค่รู้ว่าเขาสามารถให้เงินและปีศาจแก่เราได้ก็พอแล้ว”

ระบบกล่าว “ระบบไม่ค่อยเข้าใจ…”

……………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 42 ให้ทั้งปีศาจ ให้ทั้งเงิน

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 42 ให้ทั้งปีศาจ ให้ทั้งเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนสายของวันรุ่งขึ้น ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า และเมืองฉีซึ่งผ่านพ้นภัยพิบัติมาอย่างเงียบๆ ก็ย้อมไปด้วยแสงอ่อนๆ อีกครั้ง ทุกอย่างดูเงียบสงบ การเปลี่ยนแปลงชั่วขณะของโอตาคุบางคนไม่ได้ส่งผลต่อกฎแห่งสวรรค์และโลก ดวงอาทิตย์ยังคงขึ้นจากทิศตะวันออกเช่นเดิม

หากแต่สำนักงานใหญ่หน่วยกิจการพิเศษเมืองฉี สำนักอธิการบดี ตอนนี้บรรยากาศกลับมาคุ

“แม่มันเถอะ ไอ้พวกหยิ่งผยอง! กล้าเยาะเย้ยรายงานของฉันที่อุตส่าห์ทำมาทั้งคืนว่าเหมือนอ่านนิยาย! กล้าดูถูกฉันที่ไม่รู้ว่ามังกรจริงคืออะไร และกล้ามากที่เหยียดหยามกัน หลังจากฉันตัดต่อวิดีโอ!”

โม่ซิ่งระเบิดอารมณ์ลงกลางสำนักงาน

หลายคนที่นั่งอยู่ในนั้น รวมทั้งอาจารย์ใหญ่จาง และรองผู้อำนวยการต่างไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ และไม่มีใครกล้าเกลี้ยกล่อม

“พวกคุณไม่อยากดึงคนเข้ามาในสำนักสัจธรรมเหรอ ดี ดีจริงๆ ตอนแรกฉันก็อยากจะทำเฉยต่อไป แต่ตอนนี้ฉันต้องสอดขาเข้ามาก่อน!” โม่ซิ่งยกแว่นตาขึ้น แววตาของเขาเย็นชา พลางกวาดสายตามองทุกคน

“รองผู้อำนวยการหลิว คุณควรติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อค้นหาความเคลื่อนไหวของอัศวิน A และเมื่อระบุตำแหน่งได้แล้ว เราจะออกเดินทางทันที!”

“ครับ ผู้อำนวยการโม่” ชายผู้เฉียบแหลมในวัยสี่สิบลุกขึ้นคำนับ จากนั้นก็หันหลังออกจากสำนักงานไป

หลังจากเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ โม่ซิ่งก็หวนนึกถึงโทรด่วนจากใครบางคนในวันนี้ที่บอกบางสิ่งกับเขา

สำนักสัจธรรมได้ตัดสินใจร่วมกันจัดประชุมเร่งด่วนเมื่อเช้า แล้วให้ความเห็นว่าควรจะเรียกตัวผู้ที่สามารถเชิญเทพมังกรที่แท้จริงได้ให้เข้ามาพบโดยเร็วที่สุด

เป็นการยากที่จะทำในพื้นที่นั้น เพราะมีผู้นำอยู่มาก และเมื่อสิ้นสุดภารกิจแต่ละครั้ง หน่วยกิจการพิเศษในพื้นที่จะต้องส่งเอกสารการรายงานไปยังสำนักสัจธรรมและสำนักงานใหญ่ของหน่วยกิจการพิเศษในเมืองเฉินโจวพร้อมกัน

สำนักสัจธรรมมีสิทธิ์ได้รับข้อมูลรายงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกรอกสรุปบันทึกหลังจากแต่ละเหตุการณ์ สำนักงานใหญ่ของหน่วยกิจการพิเศษเมืองเฉินโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าโดยตรง และการรายงานทุกอย่างเป็นกฎพื้นฐาน

หลังจากการทำงานหนัก ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและไม่มีใครเสียชีวิต แต่พวกเขาก็ไม่ได้รับเครดิตใดๆ เช่นกัน คนของสำนักสัจธรรมต่างมุ่งความสนใจไปที่การปรากฏตัวอย่างฉับพลันของเทพมังกรตัวจริง แต่พวกเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลย ผู้คนที่สำนักงานใหญ่ไม่ได้ให้โอกาสตัวเองเลยสักนิด พวกเขาแค่ปล่อยให้ตนทำงานร่วมกับคนของสำนักสัจธรรมต่อไป

โม่ซิ่งจินตนาการถึงการปกปิดของการมีอยู่ของอัศวิน A แต่แล้วมันก็ถูกเปิดเผยได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่งพอ แต่เพราะเขาไม่ได้มีเส้นสายในสำนักสัจธรรม เขาจึงไม่สามารถล่วงรู้ความลับอันสำคัญหลายประการได้ ดังนั้นเขาจึงถูกมองว่าเป็นคนโง่ที่ต้องคอยหลบซ่อน

ความอัปยศอดสูดังกล่าวเป็นที่มาของความโกรธอันเหลือทนของเขา เขาถามตัวเองว่าไอคิวของเขาสูงกว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเขาถึงถูกคนบ้าพวกนี้หัวเราะเยาะ เขาจะทนคำพูดพวกนี้ได้ยังไงกัน?

เขาตั้งใจจะไต่เต้าตำแหน่งสูงขึ้นไปให้ได้มากที่สุด เพราะคิดว่าถ้าเขาสามารถกุมอำนาจได้ เขาก็จะได้ล่วงรู้ความลับมากมาย และเขาจะไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนครั้งก่อน

ภายใต้ความโมโหนี้ โม่ซิ่งก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้น และเป็นไปไม่ได้ที่คนของสำนักสัจธรรมจะล่วงรู้เรื่องของอัศวิน A แต่นั่นมันก็ไร้สาระมาก เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถึงเขาเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของอัศวิน A ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่าย แต่ก็ยังพยายามค้นหาข้อมูลของอัศวิน A อย่างละเอียด

และในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป ชายผู้หยิ่งผยองคนนี้ จอมยุทธ์ที่มักจะอยู่ใน ‘สถานที่นี้’ และ ‘สถานที่นั้น’ ตลอดเวลา ยอมจำนนต่อระบบและปล่อยให้ผู้คนโห่ร้องได้ยังไง! ในระบบว่ากันว่าลูกน้องต้องเชื่อฟังเจ้านาย พฤติกรรมของอัศวิน A คนนี้ไม่เข้ากันกับระบบโดยสิ้นเชิง

โม่ซิ่งพยายามเมินเฉย ในสถานการณ์ที่อันตราย เขาพยายามอย่างมากที่จะรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โจมตีศัตรูที่มีความสำคัญและอันตราย เขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมของอัศวิน A เลย แล้วยังปิดผนึกไฟล์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายในองค์กรรักษาความปลอดภัยสาธารณะในนามของหน่วยกิจการพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาทำตามขั้นตอนปกติ นี่เป็นความสามัคคีในแบบที่แตกต่างออกไป และผลลัพธ์สุดท้ายก็ออกมาดีมาก เมืองฉีได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองต้นแบบที่มีอาชญากรรมน้อย

ในทางกลับกัน คนของสำนักสัจธรรมกลับหยิ่งผยอง พวกเขาคิดว่าตนเหนือกว่า มีความชอบธรรมอยู่ในมือ และผูกขาดทรัพยากรที่หายาก

เขาสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าคนที่สำนักสัจธรรมส่งมาจะต้องหัวแตกเลือดไหลอย่างแน่นอน อัศวิน A คนนี้ไม่ใช่ผู้ใช้พลังเหนือธรรมชาติปกติ ผู้ชายที่สามารถอัญเชิญเทพมังกรตัวจริงได้ ได้สร้างจิตวิญญาณความเคารพของอีกฝ่ายแล้วอย่างแน่นอน และไม่ใส่ใจกับการเรียกประชุมเช่นนี้หรอก

ดวงตาของโม่ซิ่งหรี่ลงเล็กน้อย คิดถึงสิ่งที่จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายแก่เขาในอนาคตอันใกล้นี้…

คืนนั้นหลังเวลา 21.00 น. ในที่สุดรองผู้อำนวยการหลิวก็ระบุตำแหน่งของอัศวิน A ได้ ด้วยความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โม่ซิ่งพาคนไปพบกับรองผู้อำนวยการหลิว และสกัดกั้นอัศวิน A ที่สี่แยกได้สำเร็จ

ในเวลานี้อีกฝ่ายกำลังสกัดกั้นคนขี้เมาที่กำลังพยายามลวนลามผู้หญิง

สิ่งที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกก็คือดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่มีรูปร่างโปร่งแสงอยู่รอบๆ อัศวิน A ด้วย

แน่นอนว่าคนขี้เมาถูกกระแทกล้ม กลิ้งไปมาบนพื้น

โม่ซิ่งกระแอมไอเล็กน้อย เพื่อเตือนอีกฝ่ายให้ใส่ใจกับการปรากฏตัวของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นในระดับหนึ่งว่าพวกเขาไม่ใช่ศัตรู

อัศวิน A หันมามองก็พบว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนคุ้นเคยที่เขาไม่รู้จักชื่อ แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าพวกเขาทั้งหมดคือคนของหน่วยกิจการพิเศษแห่งเมืองฉี และเพิ่งเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน

โม่ซิ่งเตรียมพร้อมแล้ว เขาส่งสัญญาณให้รองผู้อำนวยการหลิวที่อยู่ข้างๆ อีกฝ่ายมักจะชอบดูศิลปะการต่อสู้ ความจริงแล้วเขาอยากพานักเขียนเซ่าหานมาด้วย แต่อีกฝ่ายบอกว่าวันนี้ติดเขียนนิยาย

รองผู้อำนวยการหลิวเริ่มเอ่ยปาก “ท่านอัศวิน เมื่อวันก่อน คุณได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่และช่วยชีวิตผู้คนแปดล้านคนในเมืองฉีเอาไว้ ความดีของคุณมีมากมายมหาศาล พวกเรามาที่นี่เพื่อแสดงความขอบคุณ”

อัศวิน A กล่าว “การขอบคุณไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพวกคุณอยู่ที่นี่ แต่ฉันแค่อยากถาม ได้ยินมาว่าพวกคุณมีรางวัลให้ฮีโร่ผู้กล้าหาญด้วยไม่ใช่เหรอ ฉันจำได้ว่าถ้าช่วยคนคนหนึ่งจะให้เงินห้าหมื่นหยวน ฉันช่วยไปแปดล้านคน ถึงจะไม่เก่งเรื่องคำนวณมากนัก แต่ว่าฉันควรจะได้มันเท่าไร”

หลังจากได้ยิน ทุกคนก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา

รองประธานหลิวได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งตกตะลึง แบบนี้ไม่ถูกต้องสิ

เขาไม่ได้ศึกษาข้อมูลพิเศษใดๆ เกี่ยวกับอัศวิน A ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่จอมยุทธ์ปกติ

มีเพียงโม่ซิ่งเท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่ง พลางยิ้มเยาะในใจ ‘ตามที่คาดไว้ อัศวิน A ไม่ได้เป็นวีรบุรุษที่มีเมตตาต่อคนอวดดี เป็นความจริงที่เขาทำตัวกล้าหาญ และเป็นความจริงที่เขาไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นนักบุญ บุคคลนี้มีจุดอ่อนที่สำคัญสองประการ อย่างหนึ่งคือชื่อเสียงและอีกประการหนึ่งคือผลประโยชน์’

สำนักสัจธรรมไม่สามารถตอบสนองความอยากของจอมยุทธ์ได้หรอก ง่ายมาก หากเขาได้รางวัลจริงๆ จากภารกิจนี้ สำนักงานสัจธรรมก็ควรถูกยุบ…

เขาสามารถคำนวณเงินจำนวนห้าหมื่น คูณแปดล้าน เป็นสี่แสนล้านได้ในไม่กี่วินาที และมันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นล้านในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะมีกี่องค์กรกันที่สามารถให้เงินจำนวนนี้ได้?

การที่จะจัดการกับคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ด้วยหลักการและบรรทัดฐาน เพียงลดท่าทีลง เสนอให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่เรียกเก็บเงินจากราคาที่สูงลิ่วเพื่อต่อสู้กับพวกปีศาจชั่วร้ายเหล่านั้น

ดังนั้นโม่ซิ่งจึงพยายามสงบอารมณ์ พร้อมกับเผยยิ้มออกมา เขาก้าวไปข้างหน้า ดึงตัวรองผู้อำนวยการหลิวออกไปพร้อมกล่าวว่า “เรื่องรางวัลนั้นต้องให้แน่นอนอยู่แล้ว ท่านอัศวินใจดีและยุติธรรม จะไม่ยกย่องได้อย่างไร แต่หน่วยกิจการพิเศษในพื้นที่ของเรามีงบประมาณน้อยนิด ความกล้าหาญนี้ไม่ได้คำนวณจากจำนวนคน แต่พิจารณาจากความรุนแรงและระดับความอันตรายของเหตุการณ์ ตามระดับความรุนแรงของเหตุการณ์เมื่อวันก่อน ห้าล้านคนก็ยังอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเรา ซึ่งก็คือความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราแล้ว”

หลังจากได้ยิน อัศวิน A ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่ดูเหมือนเขาจะมึนงง และไม่พอใจอยู่บ้าง

หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง โม่ซิ่งก็เริ่มกระวนกระวายแล้ว

โชคดีที่อัศวิน A เอ่ยปากขึ้นก่อน “โอเค ฉันไม่สนใจเรื่องอื่นหรอก ห้าล้านก็ห้าล้านสิ คุณจะจ่ายเมื่อไร”

ดวงตาของโม่ซิ่งเป็นประกายอีกครั้ง รีบเอ่ย “จ่ายตรงเวลา ไม่มีการค้างชำระอย่างแน่นอน แต่ว่าท่านอัศวิน…หากคราวหน้ามีปัญหาอีก พวกเราจะยังใช้ราคานี้มาขอให้ท่านช่วยร่วมมือได้ไหม”

อัศวิน A มึนงงก่อนกล่าวตอบ “ย่อมได้ เพียงแต่ว่าแจ้งล่วงหน้าสักนิด อีกอย่างฉันไม่เคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์หรอกนะ”

โม่ซิ่งรู้สึกขอบคุณ เขาแอบลิงโลดอยู่ข้างในใจ ‘ตราบใดที่แสดงด้านที่ต่างออกไปของตัวเอง รอจนคนของสำนักสัจธรรมมาถึง ก็จะรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าควรจะคบหากับใคร และเมื่อถึงเวลานั้น ก็จะมีพื้นที่เป็นของตัวเองแล้ว’

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิงและเทพแห่งระบบกำลังเฉลิมฉลองด้วยกัน

ฟางหนิงเอ่ย “โชคดีจริงๆ ที่ออกมาวันนี้ จู่ๆ ก็มีคนส่งปีศาจและเงินมาให้ อีกอย่างชายคนนี้ก็เก่งกว่าคนจากฮัมมิงเบิร์ดครั้งที่แล้วมาก”

ระบบเองก็มีความสุข “ใช่แล้ว เขาดูเป็นคนดี เมื่อก่อนพวกเรายินดีทำให้ตั้งหลายครั้งแต่ไม่มีใครให้เงินเลย เขาเป็นคนแรก คนนี้ไม่เลวๆ”

ฟางหนิงเอ่ย “เหอะๆ ฉันแน่ใจว่าเขามีจุดประสงค์อื่นอีก แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรอก แค่รู้ว่าเขาสามารถให้เงินและปีศาจแก่เราได้ก็พอแล้ว”

ระบบกล่าว “ระบบไม่ค่อยเข้าใจ…”

……………………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+