เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 11 สะสมความโกรธก่อนปล่อยท่าไม้ตาย

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 11 สะสมความโกรธก่อนปล่อยท่าไม้ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“มันง่ายมาก เพราะต้องใช้ค่าความโกรธ”

ฟางหนิงได้ยินแบบนั้นก็ตกตะลึง แน่นอนว่าเขาคุ้นเคยกับค่าความโกรธดี เพราะเขาเล่นเกมมาเยอะมาก ก่อนจะปล่อยท่าไม้ตายออกมาได้ ค่าความโกรธต้องเต็มก่อน นี่เป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป

หรือพูดได้ว่าระบบด้านการต่อสู้ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน

“อ้อ งั้นก็หมายความว่าหลังจากที่แกสะสมค่าความโกรธได้เต็มขีดจำกัดแล้ว ก็จะปล่อยท่าไม้ตายออกมาได้เหมือนในเกมสินะ” ฟางหนิงเข้าใจแล้ว

“ถูกต้อง” ระบบให้คำตอบยืนยัน

“แต่ว่าตอนนี้จำเป็นด้วยเหรอ ดูเหมือนว่าจะยังไม่เจอศัตรูตัวฉกาจนะ” ไม่บ่อยนักที่ฟางหนิงจะสนใจความคืบหน้าของระบบ ถึงเขาจะเล่นมาเกือบสองเดือนแล้วก็ตาม แต่พูดตามตรงแล้ว บ่อยครั้งที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจนัก อีกด้านหนึ่งก็หมายความว่าคู่ต่อสู้มีเวลาที่จะพัฒนาถึงสองเดือนแล้ว สวรรค์รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด มีพวกเก่งกาจที่อยากจะออกมาดูอีกตั้งเท่าไหร่

“ตอนนี้ระบบอัปเกรดถึงเลเวลสิบแล้ว อาวุธเทพที่จำเป็นทั้งหมดในแผนจับปีศาจที่เคยเสนอก็กำลังสร้าง ยังต้องสะสมค่าประสบการณ์จำนวนหนึ่งถึงจะทำสำเร็จ แต่ว่าพอสร้างเสร็จแล้วก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ดึงดูดศัตรูตัวฉกาจเข้ามาได้ อีกอย่างเมื่อดูจากทักษะของระบบตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้…” บางสิ่งเมื่อยิ่งหวาดกลัวก็ยิ่งจะได้เจอ คำอธิบายของระบบตอนนี้ ทำให้ฟางหนิงรู้สึกทั้งกังวลและยินดี

เรื่องที่น่ายินดีก็คือเขาไม่ต้องกังวลมาก ระบบผู้ขยันขันแข็งใช้เวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนก็โหดขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเลื่อนไปถึงเลเวลสิบได้ เขารู้ว่าการจะอัปเกรดเลเวลได้ถึงขนาดนี้ยากแค่ไหนและการใช้เวลาเพียงแค่นี้ก็รวดเร็วมากๆ เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้ว ประวัติการเก็บเลเวลที่เป็นตำนานของเขาในอดีตก็กลายเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องตะลอนไปทั่วเพื่อค้นหาและจับปีศาจ ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาที่ทั้งเกียจคร้านและไร้ซึ่งความอดทนล่ะก็…ให้วิ่งไปทั่วคอยกำจัดปีศาจเพื่อเก็บเลเวลแบบนั้น ในตอนแรกบางทีอาจจะเป็นเพราะเสแสร้งได้ถึงมีแรงจูงใจบ้าง แต่พอเสแสร้งไปได้สักพักก็คงจะเบื่อ เพราะฉะนั้นจับได้ถึงเลเวลสามหรือสี่ก็ดีเท่าไรแล้ว

ต่อให้เป็นคนขยันจริงๆ อย่างมากที่สุดก็ได้แค่เลเวลห้าหรือหกเท่านั้น ไม่มีใครจับปีศาจโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดวันตลอดคืนเหมือนเจ้าระบบบ้านี่หรอก…

แต่สิ่งที่ฟางหนิงรู้สึกกลัวก็คือตอนนี้ระบบผู้ขยันขันแข็งในการอัปเกรดเลเวลกำลังหวาดหวั่น เพราะมันเอ่ยปากบอกเองว่าตอนนี้อาจมีศัตรูที่ตนรับมือไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น แกก็ต้องอาศัยค่าความโกรธนี่เพื่อปล่อยท่าไม้ตายแล้วปราบศัตรูที่ทรงพลังพวกนั้นรวดเดียวสินะ” ฟางหนิงเข้าใจกระจ่างแล้ว

“ใช่ ตอนนี้ระบบอยู่ที่เลเวลสิบ โฮสต์สามารถใช้ค่าประสบการณ์จำนวนหนึ่งเพื่อเรียนรู้ทักษะสุดยอด และยังสามารถพัฒนาศิลปะการต่อสู้ธรรมดาที่ใช้ประจำเป็นศิลปะการต่อสู้สุดยอดได้ แต่การปลดปล่อยทักษะสุดยอดต้องการค่าความโกรธ การเผชิญหน้าศัตรูที่ทรงพลังกว่า มีแต่ต้องอาศัยทักษะสุดยอดเท่านั้นถึงจะมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ยังหนีทัน”

“ค่าความโกรธจะได้รับจากร่างกายคนเท่านั้น โฮสต์สร้างค่าความโกรธได้เอง คนที่โกรธเพราะโฮสต์เป็นปัจจัยก็จะสร้างค่าความโกรธได้ด้วย ระบบสามารถรวบรวมค่าความโกรธที่เกี่ยวข้องกับโฮสต์ได้ ซึ่งสามารถใช้สะสมล่วงหน้าเพื่อเปิดใช้งานสล็อตความโกรธ ในตอนเริ่มต้นจะมีหนึ่งสล็อต จากนั้นสล็อตความโกรธก็จะเพิ่มขึ้นทุกห้าเลเวลและทุกครั้งที่ปลดปล่อยทักษะสุดยอดก็จะใช้อย่างน้อยหนึ่งสล็อต ปัจจุบันมีสล็อตความโกรธสามสล็อต โดยความก้าวหน้าของสล็อตความโกรธเลเวลหนึ่งตอนนี้ถึงร้อยละ 70 แล้ว”

เอาเถอะ ฉันรู้ดีว่าถึงเจ้าระบบนี้จะงี่เง่า แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องน่าเบื่อ ฟางหนิงรับรู้ถึงคุณค่าสำคัญของค่าความโกรธแล้ว ถ้าพูดอย่างไม่เกรงใจมันก็เหมือนกับไพ่ตายเลยทีเดียว หากค่าความโกรธถึงขีดสุดเมื่อไหร่ก็จะสามารถใช้ทักษะสุดยอดทำลายการป้องกัน และถึงตอนนั้นก็จะเอาชนะได้ หรือไม่ก็วิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาทั้งสองมีแต่ตายสถานเดียวแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่…

หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว ฟางหนิงก็หันมองจ้าวอิ๋งที่ดูจะถูกตาถูกใจในสถานะอัศวินของตนเอง แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีกับสาวสวยที่เคยหยอกล้อเขาอยู่บ้าง ในเมื่อมองเธอแล้วรู้สึกสบายใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะคบหากับอีกฝ่าย

ประการแรกคือเขารู้ว่าจ้าวอิ๋งมีประวัติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอมักจะชอบจับผู้ชายรวยๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือตอนนี้เขาพึ่งพาระบบจนมีความก้าวหน้าแล้ว ความคิดบางอย่างที่อธิบายไม่ได้จึงหวนกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง

แต่วันนี้ก็ยังต้องจัดการยัยตัวร้ายนี่ซะหน่อย อันดับแรกเลยเธอจะได้เลิกมองร่างจริงของเขาเป็นของเล่น เพราะนั่นทำให้เขาอึดอัดจนทนแทบไม่ไหวทุกครั้ง และอีกอย่างนี่ยังช่วยระบบสะสมทุนเอาชีวิตรอดได้ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแล้วกัน

ฟางหนิงไม่ใช่ระบบงี่เง่านั่นซะหน่อย ทำเป็นแต่สร้างความเกลียดชังกันซึ่งๆ หน้า เขามีวิธีที่ดีกว่านั้นตั้งเยอะ

“ระบบ ให้ฉันดูคอนเนกชั่นอัศวินของพวกเราหลังแปลงโฉมหน่อยสิ” ฟางหนิงถาม

ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับความแข็งแกร่งแล้ว ระบบจะตอบกลับรวดเร็วเสมอ และไม่นานนัก แผนผังคอนเนกชั่นของอัศวิน A ก็ส่งมายังคอมพิวเตอร์ที่ฟางหนิงกำลังเล่น

ฟางหนิงเหลือบมอง หลังจากกวาดสายตาดูความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา เขาหาวิธีที่จะทำให้ระบบได้ค่าความโกรธจำนวนมากได้แล้ว

“ระบบ สามตัวเลือกที่แกเคยให้ฉันก่อนหน้านี้ยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ปล่อยฉันเร็ว!”

จ้าวอิ๋งเข้าใจว่าหลังจากเธอเข้าไปสนทนาด้วยแล้ว เทพบุตรสุดหล่อคนนี้จะมอบรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้เธอ

เขาสุภาพมากจริงๆ การที่หันมาพยักหน้าให้เธอแบบนั้น แสดงให้เห็นว่าเขาประทับใจเธอเช่นกัน

ตอนที่เธอพูดคุยด้วย ท่าทางของเขาก็ดูเกรงอกเกรงใจไม่น้อย และขณะที่พยายามกระชับความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอีกขั้น ตอนนั้นเองเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“ที่รักคะ คนนี้ใครเหรอ คุณรู้จักเธอด้วยเหรอคะ”

‘ใครกันที่กล้ามาเรียกเทพบุตรของฉันว่าที่รักนะ’ จ้าวอิ๋งหันขวับมองไปตามเสียง ก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งบุคลิกท่วงท่าสง่างาม ยังแต่งหน้าไม่เสร็จกำลังเดินเข้ามา

หญิงสาวหน้าตาสวยจัดคนนี้อยู่ในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หน้าอกหน้าใจโดดเด่นมาก ใบหน้าก็งดงามหมดจด ชุดนั้นอย่างต่ำต้องหลักแสนแน่นอน อีกอย่างท่วงท่าการเดินนั่นก็สง่างามมั่นคง ใบหน้าของเธอยังประดับด้วยรอยยิ้ม ดูก็รู้ว่ามาจากตระกูลผู้ดี

เรื่องนี้ยิ่งทำให้จ้าวอิ๋งอดไม่ได้ที่จะโมโหยิ่งกว่าเดิม

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของจ้าวอิ๋งเริ่มสูงขึ้น

“อ๋อ ก็แค่คนที่ผมบังเอิญช่วยชีวิตไว้น่ะ ผมจำเธอไม่ค่อยได้หรอก แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นพนักงานที่นี่ เยียนเอ๋อร์ ผมสั่งอาหารไว้แล้ว อีกเดี๋ยวคงจะมาเสิร์ฟ ร้านนี้ใช้ได้ทีเดียว”

“ที่รักรู้ใจฉันสุดๆ เลยค่ะ จุ๊บๆ” ผู้หญิงคนนั้นแนบกายชิดลงบนตัวเทพบุตรสุดหล่อ ก่อนจะจูบแก้มของเขาอย่างสนิทสนม

ขยันโชว์หวานน่าหมั่นไส้จริงๆ จ้าวอิ๋งกลอกตา รู้สึกว่ายิ่งเธอยืนแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนพนักงานเสิร์ฟจริงๆ

“เอ๊ะ นี่เธอ อย่าเอาแต่ยืนเหม่อสิ ไปยกอาหารมาได้แล้ว ให้ตายสิ เพราะเป็นร้านเล็กๆ อาจจะไม่ได้รับการอบรมดีพอ แต่ก็อย่าท้อไปเลยนะคะ ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็แล้วกัน เรียนภาษาอังกฤษให้มากหน่อยจะดีที่สุด เป็นประโยชน์กับอาชีพคุณมากที่สุดเลยล่ะ เพราะต่อไปยังสามารถไปทำงานโรงแรมต่างชาติได้บ้าง ตระกูลของฉันเปิดโรงแรมหลายแห่ง ถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำให้นะคะ” สาวสวยกระซิบกับจ้าวอิ๋ง ใบหน้าแสดงถึงความหวังดี

‘ขอบใจที่แนะนำย่ะ’ จ้าวอิ๋งฝืนฉีกยิ้มให้ ไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทต่อหน้าเทพบุตรของเธอ

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของจ้าวอิ๋งถึงเกณฑ์และสามารถดูดซับได้

ตอนนั้นเอง พนักงานชายอีกคนก็ยกอาหารเข้ามา

“ดูแล้วก็หน้าตางั้นๆ นะ ไม่ได้ดูดีเท่าป้าหวังทำ แต่ก็หอมมากทีเดียว” หญิงสาวขมวดคิ้วนิดๆ หลังจากนั้นใบหน้าก็ประหลาดใจเล็กน้อยแล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“ทำไมถึงสั่งเยอะนักล่ะ ปกติฉันกินไม่เยอะ ที่รักกินเยอะๆ นะคะ”

“จ้ะ”

สองคนกินอาหารกระหนุงกระหนิง เพลิดเพลินกับอาหารรสอร่อยที่จ้าวอิ๋งสั่งพ่อครัวปรุงเป็นพิเศษ

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของจ้าวอิ๋งเต็มขีดจำกัดแล้ว ดำเนินการดูดซับได้ ความคืบหน้าสล็อตความโกรธระดับหนึ่งขณะนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 80

จ้าวอิ๋งใช้พลังมากที่สุดในชีวิตเพื่อควบคุมไม่ให้ตัวเองระเบิดอารมณ์ตรงนั้น แล้วเดินกลับไปที่แผนกต้อนรับในห้องโถงก่อนจะนั่งลงจ้องทั้งสองตาไม่กะพริบ

ฮ่าๆ ยัยตัวร้ายเริ่มทนไม่ไหวแล้วสิ… ฟางหนิงเห็นท่าทางนั้นของจ้าวอิ๋งก็รู้สึกสะใจมาก

ระบบก็พอใจมากเช่นกัน ทำไมมันถึงคิดลูกไม้แบบนี้ไม่ได้นะ คงเป็นความจริงที่มนุษย์เท่านั้นจะเข้าใจมนุษย์ด้วยกันดีที่สุด

หลังอาหารมื้อนั้น เทพบุตรสุดหล่อก็พาสาวงามเดินเชิดหน้าออกไป เหลือแต่จ้าวอิ๋งที่อกหักและเจ็บใจ วันนี้ทุกคนรู้ว่า ‘สาวงามไซซี’ อารมณ์บูดสุดๆ แต่ละคนจึงเลี่ยงที่จะเดินผ่านจนเธอไม่รู้จะระบายอารมณ์กับใคร

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 11 สะสมความโกรธก่อนปล่อยท่าไม้ตาย

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 11 สะสมความโกรธก่อนปล่อยท่าไม้ตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“มันง่ายมาก เพราะต้องใช้ค่าความโกรธ”

ฟางหนิงได้ยินแบบนั้นก็ตกตะลึง แน่นอนว่าเขาคุ้นเคยกับค่าความโกรธดี เพราะเขาเล่นเกมมาเยอะมาก ก่อนจะปล่อยท่าไม้ตายออกมาได้ ค่าความโกรธต้องเต็มก่อน นี่เป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป

หรือพูดได้ว่าระบบด้านการต่อสู้ก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน

“อ้อ งั้นก็หมายความว่าหลังจากที่แกสะสมค่าความโกรธได้เต็มขีดจำกัดแล้ว ก็จะปล่อยท่าไม้ตายออกมาได้เหมือนในเกมสินะ” ฟางหนิงเข้าใจแล้ว

“ถูกต้อง” ระบบให้คำตอบยืนยัน

“แต่ว่าตอนนี้จำเป็นด้วยเหรอ ดูเหมือนว่าจะยังไม่เจอศัตรูตัวฉกาจนะ” ไม่บ่อยนักที่ฟางหนิงจะสนใจความคืบหน้าของระบบ ถึงเขาจะเล่นมาเกือบสองเดือนแล้วก็ตาม แต่พูดตามตรงแล้ว บ่อยครั้งที่เขายังไม่ค่อยเข้าใจนัก อีกด้านหนึ่งก็หมายความว่าคู่ต่อสู้มีเวลาที่จะพัฒนาถึงสองเดือนแล้ว สวรรค์รู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด มีพวกเก่งกาจที่อยากจะออกมาดูอีกตั้งเท่าไหร่

“ตอนนี้ระบบอัปเกรดถึงเลเวลสิบแล้ว อาวุธเทพที่จำเป็นทั้งหมดในแผนจับปีศาจที่เคยเสนอก็กำลังสร้าง ยังต้องสะสมค่าประสบการณ์จำนวนหนึ่งถึงจะทำสำเร็จ แต่ว่าพอสร้างเสร็จแล้วก็อาจจะเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ดึงดูดศัตรูตัวฉกาจเข้ามาได้ อีกอย่างเมื่อดูจากทักษะของระบบตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้…” บางสิ่งเมื่อยิ่งหวาดกลัวก็ยิ่งจะได้เจอ คำอธิบายของระบบตอนนี้ ทำให้ฟางหนิงรู้สึกทั้งกังวลและยินดี

เรื่องที่น่ายินดีก็คือเขาไม่ต้องกังวลมาก ระบบผู้ขยันขันแข็งใช้เวลาสั้นๆ เพียงสองเดือนก็โหดขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะเลื่อนไปถึงเลเวลสิบได้ เขารู้ว่าการจะอัปเกรดเลเวลได้ถึงขนาดนี้ยากแค่ไหนและการใช้เวลาเพียงแค่นี้ก็รวดเร็วมากๆ เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้ว ประวัติการเก็บเลเวลที่เป็นตำนานของเขาในอดีตก็กลายเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องตะลอนไปทั่วเพื่อค้นหาและจับปีศาจ ถ้าเปลี่ยนเป็นเขาที่ทั้งเกียจคร้านและไร้ซึ่งความอดทนล่ะก็…ให้วิ่งไปทั่วคอยกำจัดปีศาจเพื่อเก็บเลเวลแบบนั้น ในตอนแรกบางทีอาจจะเป็นเพราะเสแสร้งได้ถึงมีแรงจูงใจบ้าง แต่พอเสแสร้งไปได้สักพักก็คงจะเบื่อ เพราะฉะนั้นจับได้ถึงเลเวลสามหรือสี่ก็ดีเท่าไรแล้ว

ต่อให้เป็นคนขยันจริงๆ อย่างมากที่สุดก็ได้แค่เลเวลห้าหรือหกเท่านั้น ไม่มีใครจับปีศาจโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดวันตลอดคืนเหมือนเจ้าระบบบ้านี่หรอก…

แต่สิ่งที่ฟางหนิงรู้สึกกลัวก็คือตอนนี้ระบบผู้ขยันขันแข็งในการอัปเกรดเลเวลกำลังหวาดหวั่น เพราะมันเอ่ยปากบอกเองว่าตอนนี้อาจมีศัตรูที่ตนรับมือไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น แกก็ต้องอาศัยค่าความโกรธนี่เพื่อปล่อยท่าไม้ตายแล้วปราบศัตรูที่ทรงพลังพวกนั้นรวดเดียวสินะ” ฟางหนิงเข้าใจกระจ่างแล้ว

“ใช่ ตอนนี้ระบบอยู่ที่เลเวลสิบ โฮสต์สามารถใช้ค่าประสบการณ์จำนวนหนึ่งเพื่อเรียนรู้ทักษะสุดยอด และยังสามารถพัฒนาศิลปะการต่อสู้ธรรมดาที่ใช้ประจำเป็นศิลปะการต่อสู้สุดยอดได้ แต่การปลดปล่อยทักษะสุดยอดต้องการค่าความโกรธ การเผชิญหน้าศัตรูที่ทรงพลังกว่า มีแต่ต้องอาศัยทักษะสุดยอดเท่านั้นถึงจะมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกมันได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ยังหนีทัน”

“ค่าความโกรธจะได้รับจากร่างกายคนเท่านั้น โฮสต์สร้างค่าความโกรธได้เอง คนที่โกรธเพราะโฮสต์เป็นปัจจัยก็จะสร้างค่าความโกรธได้ด้วย ระบบสามารถรวบรวมค่าความโกรธที่เกี่ยวข้องกับโฮสต์ได้ ซึ่งสามารถใช้สะสมล่วงหน้าเพื่อเปิดใช้งานสล็อตความโกรธ ในตอนเริ่มต้นจะมีหนึ่งสล็อต จากนั้นสล็อตความโกรธก็จะเพิ่มขึ้นทุกห้าเลเวลและทุกครั้งที่ปลดปล่อยทักษะสุดยอดก็จะใช้อย่างน้อยหนึ่งสล็อต ปัจจุบันมีสล็อตความโกรธสามสล็อต โดยความก้าวหน้าของสล็อตความโกรธเลเวลหนึ่งตอนนี้ถึงร้อยละ 70 แล้ว”

เอาเถอะ ฉันรู้ดีว่าถึงเจ้าระบบนี้จะงี่เง่า แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องน่าเบื่อ ฟางหนิงรับรู้ถึงคุณค่าสำคัญของค่าความโกรธแล้ว ถ้าพูดอย่างไม่เกรงใจมันก็เหมือนกับไพ่ตายเลยทีเดียว หากค่าความโกรธถึงขีดสุดเมื่อไหร่ก็จะสามารถใช้ทักษะสุดยอดทำลายการป้องกัน และถึงตอนนั้นก็จะเอาชนะได้ หรือไม่ก็วิ่งหนีไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นพวกเขาทั้งสองมีแต่ตายสถานเดียวแล้วกลับชาติมาเกิดใหม่…

หลังจากเข้าใจทุกอย่างแล้ว ฟางหนิงก็หันมองจ้าวอิ๋งที่ดูจะถูกตาถูกใจในสถานะอัศวินของตนเอง แม้ว่าเขาจะรู้สึกดีกับสาวสวยที่เคยหยอกล้อเขาอยู่บ้าง ในเมื่อมองเธอแล้วรู้สึกสบายใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะคบหากับอีกฝ่าย

ประการแรกคือเขารู้ว่าจ้าวอิ๋งมีประวัติไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอมักจะชอบจับผู้ชายรวยๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือตอนนี้เขาพึ่งพาระบบจนมีความก้าวหน้าแล้ว ความคิดบางอย่างที่อธิบายไม่ได้จึงหวนกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง

แต่วันนี้ก็ยังต้องจัดการยัยตัวร้ายนี่ซะหน่อย อันดับแรกเลยเธอจะได้เลิกมองร่างจริงของเขาเป็นของเล่น เพราะนั่นทำให้เขาอึดอัดจนทนแทบไม่ไหวทุกครั้ง และอีกอย่างนี่ยังช่วยระบบสะสมทุนเอาชีวิตรอดได้ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแล้วกัน

ฟางหนิงไม่ใช่ระบบงี่เง่านั่นซะหน่อย ทำเป็นแต่สร้างความเกลียดชังกันซึ่งๆ หน้า เขามีวิธีที่ดีกว่านั้นตั้งเยอะ

“ระบบ ให้ฉันดูคอนเนกชั่นอัศวินของพวกเราหลังแปลงโฉมหน่อยสิ” ฟางหนิงถาม

ขอเพียงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับความแข็งแกร่งแล้ว ระบบจะตอบกลับรวดเร็วเสมอ และไม่นานนัก แผนผังคอนเนกชั่นของอัศวิน A ก็ส่งมายังคอมพิวเตอร์ที่ฟางหนิงกำลังเล่น

ฟางหนิงเหลือบมอง หลังจากกวาดสายตาดูความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา เขาหาวิธีที่จะทำให้ระบบได้ค่าความโกรธจำนวนมากได้แล้ว

“ระบบ สามตัวเลือกที่แกเคยให้ฉันก่อนหน้านี้ยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ปล่อยฉันเร็ว!”

จ้าวอิ๋งเข้าใจว่าหลังจากเธอเข้าไปสนทนาด้วยแล้ว เทพบุตรสุดหล่อคนนี้จะมอบรอยยิ้มเป็นมิตรมาให้เธอ

เขาสุภาพมากจริงๆ การที่หันมาพยักหน้าให้เธอแบบนั้น แสดงให้เห็นว่าเขาประทับใจเธอเช่นกัน

ตอนที่เธอพูดคุยด้วย ท่าทางของเขาก็ดูเกรงอกเกรงใจไม่น้อย และขณะที่พยายามกระชับความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอีกขั้น ตอนนั้นเองเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“ที่รักคะ คนนี้ใครเหรอ คุณรู้จักเธอด้วยเหรอคะ”

‘ใครกันที่กล้ามาเรียกเทพบุตรของฉันว่าที่รักนะ’ จ้าวอิ๋งหันขวับมองไปตามเสียง ก็เห็นหญิงสาวสวยคนหนึ่งบุคลิกท่วงท่าสง่างาม ยังแต่งหน้าไม่เสร็จกำลังเดินเข้ามา

หญิงสาวหน้าตาสวยจัดคนนี้อยู่ในชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ หน้าอกหน้าใจโดดเด่นมาก ใบหน้าก็งดงามหมดจด ชุดนั้นอย่างต่ำต้องหลักแสนแน่นอน อีกอย่างท่วงท่าการเดินนั่นก็สง่างามมั่นคง ใบหน้าของเธอยังประดับด้วยรอยยิ้ม ดูก็รู้ว่ามาจากตระกูลผู้ดี

เรื่องนี้ยิ่งทำให้จ้าวอิ๋งอดไม่ได้ที่จะโมโหยิ่งกว่าเดิม

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของจ้าวอิ๋งเริ่มสูงขึ้น

“อ๋อ ก็แค่คนที่ผมบังเอิญช่วยชีวิตไว้น่ะ ผมจำเธอไม่ค่อยได้หรอก แต่ดูเหมือนเธอจะเป็นพนักงานที่นี่ เยียนเอ๋อร์ ผมสั่งอาหารไว้แล้ว อีกเดี๋ยวคงจะมาเสิร์ฟ ร้านนี้ใช้ได้ทีเดียว”

“ที่รักรู้ใจฉันสุดๆ เลยค่ะ จุ๊บๆ” ผู้หญิงคนนั้นแนบกายชิดลงบนตัวเทพบุตรสุดหล่อ ก่อนจะจูบแก้มของเขาอย่างสนิทสนม

ขยันโชว์หวานน่าหมั่นไส้จริงๆ จ้าวอิ๋งกลอกตา รู้สึกว่ายิ่งเธอยืนแบบนี้ก็ยิ่งเหมือนพนักงานเสิร์ฟจริงๆ

“เอ๊ะ นี่เธอ อย่าเอาแต่ยืนเหม่อสิ ไปยกอาหารมาได้แล้ว ให้ตายสิ เพราะเป็นร้านเล็กๆ อาจจะไม่ได้รับการอบรมดีพอ แต่ก็อย่าท้อไปเลยนะคะ ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็แล้วกัน เรียนภาษาอังกฤษให้มากหน่อยจะดีที่สุด เป็นประโยชน์กับอาชีพคุณมากที่สุดเลยล่ะ เพราะต่อไปยังสามารถไปทำงานโรงแรมต่างชาติได้บ้าง ตระกูลของฉันเปิดโรงแรมหลายแห่ง ถึงตอนนั้นฉันจะแนะนำให้นะคะ” สาวสวยกระซิบกับจ้าวอิ๋ง ใบหน้าแสดงถึงความหวังดี

‘ขอบใจที่แนะนำย่ะ’ จ้าวอิ๋งฝืนฉีกยิ้มให้ ไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียมารยาทต่อหน้าเทพบุตรของเธอ

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของจ้าวอิ๋งถึงเกณฑ์และสามารถดูดซับได้

ตอนนั้นเอง พนักงานชายอีกคนก็ยกอาหารเข้ามา

“ดูแล้วก็หน้าตางั้นๆ นะ ไม่ได้ดูดีเท่าป้าหวังทำ แต่ก็หอมมากทีเดียว” หญิงสาวขมวดคิ้วนิดๆ หลังจากนั้นใบหน้าก็ประหลาดใจเล็กน้อยแล้วกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

“ทำไมถึงสั่งเยอะนักล่ะ ปกติฉันกินไม่เยอะ ที่รักกินเยอะๆ นะคะ”

“จ้ะ”

สองคนกินอาหารกระหนุงกระหนิง เพลิดเพลินกับอาหารรสอร่อยที่จ้าวอิ๋งสั่งพ่อครัวปรุงเป็นพิเศษ

ระบบแจ้งเตือน: ความโกรธของจ้าวอิ๋งเต็มขีดจำกัดแล้ว ดำเนินการดูดซับได้ ความคืบหน้าสล็อตความโกรธระดับหนึ่งขณะนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 80

จ้าวอิ๋งใช้พลังมากที่สุดในชีวิตเพื่อควบคุมไม่ให้ตัวเองระเบิดอารมณ์ตรงนั้น แล้วเดินกลับไปที่แผนกต้อนรับในห้องโถงก่อนจะนั่งลงจ้องทั้งสองตาไม่กะพริบ

ฮ่าๆ ยัยตัวร้ายเริ่มทนไม่ไหวแล้วสิ… ฟางหนิงเห็นท่าทางนั้นของจ้าวอิ๋งก็รู้สึกสะใจมาก

ระบบก็พอใจมากเช่นกัน ทำไมมันถึงคิดลูกไม้แบบนี้ไม่ได้นะ คงเป็นความจริงที่มนุษย์เท่านั้นจะเข้าใจมนุษย์ด้วยกันดีที่สุด

หลังอาหารมื้อนั้น เทพบุตรสุดหล่อก็พาสาวงามเดินเชิดหน้าออกไป เหลือแต่จ้าวอิ๋งที่อกหักและเจ็บใจ วันนี้ทุกคนรู้ว่า ‘สาวงามไซซี’ อารมณ์บูดสุดๆ แต่ละคนจึงเลี่ยงที่จะเดินผ่านจนเธอไม่รู้จะระบายอารมณ์กับใคร

……………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+