เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

ผ่านไปหลายวันก็ยังหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋ไม่พบ ความจริงแล้วก็ควรเป็นเช่นนี้ เพราะนี่ไม่ใช่เกมกำจัดปีศาจที่จะรอให้บอสใหญ่ปรากฏตัวออกมาเอง…

ฟางหนิงฝึกฝนทักษะ ‘การแปลงร่างมังกร’ ด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ต้องพูดถึงอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ไฟดับ เขาไม่สามารถเล่นมันได้ ส่วนนิยายก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้เขาจึงเศร้ามาก…

ไม่ได้การ ฟางหนิงไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปแล้ว เขานึกถึงบางอย่างที่ต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำ แต่ต้องทำให้เทพแห่งระบบเห็นด้วยก่อน รอให้เขาสามารถคืนค่าพลังงานเครือข่ายกลับมาให้ได้ก่อนเถอะ

ฟางหนิง “ผีสองตนนั่นที่สมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ต้องถูกจับมาทรมานเพื่อหาเบาะแสจากมัน กล้าดียังไงสมรู้ร่วมคิดมาทำร้ายเรา ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตระกูลไป๋ยอมแพ้ไปก่อน เราอาจต้องสูญเสียบางอย่างไป! ไม่ว่าจะหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋เจอหรือไม่ก็ต้องฆ่าวิญญาณสองตัวนั่นให้ได้ ให้พวกมันได้รู้ว่าไม่ควรที่จะมาตลบหลังเราอีก!”

ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ระบบจะเฉื่อยชาเป็นพิเศษ ทั้งความหวังของมันที่จะขโมยสมบัติจากบอสใหญ่ก็ดูไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน

สุดท้ายระบบก็เห็นด้วยกับแผนของฟางหนิง “สิ่งที่โฮสต์พูดมาก็สมเหตุสมผลดี ตราบใดที่มันสามารถเพิ่มปัจจัยด้านความปลอดภัยของเราได้ เราก็จะทำ หลังจากจัดการพวกมันแล้ว เราก็จะสามารถบันทึกคะแนนประสบการณ์กลับคืนมาได้”

ฟางหนิงได้โอกาสพูดต่อ “จากนั้นฉันก็จะถามคนในเครือข่ายถึงตำแหน่งของพวกเขา”

ระบบเอ่ย “ไม่จำเป็นหรอก พวกเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ และพวกเขาก็ไม่รู้วิธีปลิดลมหายใจของสามพี่น้องตระกูลไป๋ ระบบสามารถค้นหาพวกมันได้จากแผนที่ พวกมันถูกเรียกว่าผีรองและกุ่ยชี อยู่ในหุบเขาเร้นลับที่สองสามีภรรยาหนูยักษ์ฆ่าตัวตายครั้งล่าสุด แต่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

ฟางหนิงนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่ง ‘จอมยุทธ์ท่านช่างเก่งกาจอะไรอย่างนี้ ฉันนี่กดดันแทบตาย’

อย่างไรก็ตาม แผนการของเขาในการฟื้นฟูเครือข่ายพลังงานก็ต้องล้มเหลวอีกครั้ง เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีนิสัยชอบซื้อหนังสือ ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนกับ ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ต่อไป…

ในหุบเขาเร้นลับเงียบสลัดมากและปกคลุมไปด้วยหมอก ผีกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การนำของผีสาวแดงเพลิงกระจายตัวไปทั่วหุบเขา เข้าแทรกซึมในทุกถ้ำ

ในถ้ำหินแห่งหนึ่ง ใลหน้าหนูสีเทาฉายชัดถึงความกังวล มันกระตุ้นให้หนูภูเขาตัวใหญ่ฟังการเคลื่อนไหว

“ฟันเหล็ก เจ้าขุดทางผ่านถ้ำที่อยู่ข้างหน้าได้หรือเปล่า? ผีพวกนั้นกำลังจะมาแล้ว”

“อีกนิดเดียวฝ่าบาท” หนูภูเขาตัวใหญ่กล่าวตอบพร้อมฝังหัวของมันลงไปบนทางเดิน กัดเจาะเข้าที่กำแพงหินอย่างสิ้นหวังพลางเงยหน้าขึ้นพูด ทันทีที่มันอ้าปาก ฟันแหลมคมของมันก็เผยแสงเย็นวาบออกมา

“งั้นก็รีบเข้า เด็กๆ เข้าแถวหลังฟันเหล็กอีกนิดเดียวแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นให้ผ่านไปทีละตัว!” หนูสีเทากระตุ้น

หนูภูเขากลุ่มใหญ่ ดูท่าทางวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันรวมต่อต่อแถวอยู่หลังฟันเหล็ก รอคอยเวลาผ่านทางเดินนั้น

ในเวลานี้ที่ด้านล่างของหุบเขา กุ่ยชีอยู่กับผีกลุ่มใหญ่ ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือจูซานเม่ย ส่วนที่เหลือคือพวกที่เขาได้รวบรวมมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีศักดิ์น้อยกว่าภูมิหลังของผีรอง

ผีรองยืนอยู่ข้างกายเขา มันยังคงสวมหน้ากากสีขาว เฝ้ามองผีรับใช้ที่ไม่ยอมออกมา

ผีรองมองไปที่มันครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กุ่ยชีเจ้าค้นหามาสองวันแล้วทำไมถึงยังไม่พบราชาหนูภูเขาที่เจ้ากล่าวถึงอีก? หรือว่าที่นี่จะไม่มีราชาหนู? ต้องการให้ข้าช่วยหาไหม?”

“พี่รอง กล้าดียังไงมาแทรกแซงงานของข้า อดทนไว้เถอะ ข้าชำนาญเรื่องนี้มาก เดินทางมาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้ว ข้าแน่ใจว่ามีหนูภูเขาจำนวนหนึ่งและในหมู่พวกมันก็มีราชา แม้ว่าขนาดจะเป็นเพียงหนูธรรมดา แต่เขาฉลาดมาก เหมาะจะเป็นวิญญาณหลักของหุ่นเชิดศพ ก่อนหน้านี้พวกมันเคยอาศัยอยู่ร่วมกับหนูยักษ์ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นฐานที่มั่นของตระกูลไป๋ด้วย ก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้าทำอะไรก็เพราะตระกูลไป๋ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นหนี้…”

เขากำลังจะพูดต่อ แต่เสียงกระแอมไปของผีรองกลับขัดจังหวะขึ้นก่อน “ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นสิ่งชั่วร้าย ตอนนี้กำลังถูกไล่ล่าและปราบปรามโดยสำนักสัจธรรม อีกอย่างอัศวิน A ยังเสนอเงินรางวัลเพื่อตามล่าเขาในเฉินโจวอีก สมาคมราชาผีของเราจะไม่มีวันจัดการกับเรื่องดังกล่าว”

จากนั้นกุ่ยชีก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ใช่ๆ พี่รองกล่าวว่าตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังซ่อนตัวอยู่ ที่มั่นแห่งนี้ก็ถูกพวกเขาทอดทิ้งเช่นกัน เพิ่งมาถูกราชาหนูภูเขายึดครอง มันจะต้องอยู่อาศัยที่นี่แน่ แค่เห็นเมล็ดพืชที่ปลูกที่ก้นหุบเขาแล้วรดน้ำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าก็รู้ว่าพวกมันรีบหนีไปเพราะความกลัว อาจยังไปไม่ไกลจากที่นี่มากนัก”

ผีรองกล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบค้นหามันเถอะ นี่อาจทำให้ภารกิจของอัศวิน A ล่าช้า เจ้าก็รู้ว่ามีซากศพอสูรหนูยักษ์รอเราอยู่ เพราะเจ้าเต็มใจที่จะเสียสละจิตวิญญาณของราชาหนูที่มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่นี้ ข้าจะมอบศพปีศาจตนสุดท้ายให้กับเจ้า”

กุ่ยชีกล่าวอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่รองมาก”

ผีรอง “พูดได้ดีๆ”

ทันใดนั้นกุ่ยชีก็ดีใจขึ้นมาอีกรอบ “ผีรับใช้ของข้าพบพวกมันแล้ว”

ผีรองท่าทางประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบจับมันซะ ข้าอยากรู้ว่ามันฉลาดแค่ไหนกันเชียว แม้ว่าหนูยักษ์จะดุร้าย แต่ความเฉลียวฉลาดของมันกลับไม่สูงมาก สมบัติของตระกูลไป๋มีประโยชน์มากมาย เราสามารถทำให้พวกมันหวาดกลัวได้แต่เราไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ หากราชาหนูภูเขาฉลาดมากพอ ก็คงไม่ย่ำแย่ไปกว่าราชาหนูยักษ์หรอก”

ในตอนนี้เอง ผีสาวจูซานเม่ยก็พบตัวราชาหนูภูเขาเข้าแล้วจริงๆ

หนูสีเทายืนอยู่หน้าอุโมงค์สุดท้ายที่ขุด ปล่อยให้หนูภูเขาตัวสุดท้ายมุดเข้าไป มันใช้ร่างตัวเองปิดกั้นรูเอาไว้และกรีดร้องใส่ผีสาวสีแดงเพลิงที่อยู่ข้างหน้า

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร และจะขอบอกเจ้าเอาไว้ว่าข้าเองก็มีผู้สนับสนุน!”

จูซานเม่ยมีใบหน้ากลมเรียว ก่อนตายเธอคงจะเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีไม่น้อย ในตอนนี้เธอเห็นการกระทำทั้งหมดของราชาหนูภูเขาแล้ว ภาพในอดีตบางส่วนจึงปรากฏขึ้นในหัวใจของเธอ เธอไม่ได้เข้าไปจับอีกฝ่ายในทันที แต่กลับเห็นอกเห็นใจมันเล็กน้อย คอยฟังสิ่งที่หนูสีเทาตัวน้อยนี้พูด

“ผู้สนับสนุนของฉันคือมังกรเพลิงตัวใหญ่!”

“ทันทีที่เขาปรากฏตัว ปีศาจหนูยักษ์สองตัวที่วิ่งมาที่นี่ก่อนหน้านี้ก็กลัวจนต้องฆ่าตัวตาย!”

“ส่วนหนูยักษ์ที่เหลือก็ตกใจจนหนีหายไปหมด!”

“พวกข้าไม่เป็นไรเลยสักนิด เพราะเขาขับไล่ปีศาจหนูยักษ์ไปให้แล้ว และพวกข้าก็ยังสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ตามที่เขาอนุญาต ถ้าเจ้าสังหารข้า เขาจะต้องโกรธแน่นอน และหายนะจะมาสู่เจ้านายของเจ้า!”

จูซานเม่ยรู้สึกขบขัน แต่ลึกๆ ก็รู้สึกสงสารลึก เธอคิดในใจ ‘โลกนี้ช่างอันตรายและคาดเดาไม่ได้จริงๆ สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้แข็งแกร่งมากสามารถฆ่าได้ด้วยกรงเล็บเดียว แต่ก็ยังมีคนเกือบฆ่าตัวตายด้วยฝ่ามือเดียว มีเพียงผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเท่านั้นที่จะรู้สึกปลอดภัย’

แต่ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ หากจะปล่อยอีกฝ่ายไปก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน ท้ายที่สุดเจ้านายผู้เจ้าเล่ห์อาจใช้บทลงโทษที่รุนแรงที่สุดกับเธอ

ความเห็นอกเห็นใจของเธอเพียงพอที่จะให้ราชาหนูภูเขาพูดจนจบ

เธอยื่นกรงเล็บผีออกมาและหยิบหนูภูเขาขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจหนูภูเขาที่กรีดร้องอยู่ในทางเดิน

หนูสีเทาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความอาลัยโหยหาอย่างล้ำลึก มันมองดูหนูน้อยบนภูเขาที่อยู่ตรงทางเดินพลางออกคำสั่ง “ฟันเหล็ก พาเด็กๆ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้…”

“มังกรเพลิงตัวใหญ่ใดกันที่คอยหนุนหลังหนูภูเขา ไร้สาระสิ้นดี กล้าหลอกลวงนายท่านงั้นหรือ สมควรแก่ความตายจริงๆ!” กุ่ยชีถือหนูสีเทาไว้ในมือขวา หลังจากฟังคำพูดของจูซานเม่ย มันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลางออกแรงทั้งหมดในมือบีบคั้นมันให้ตาย

“เดี๋ยวก่อน” ผีรองรีบห้ามเอาไว้

กุ่ยชีงุนงง “พี่รอง เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินที่มันพูดแล้ว มันหลอกเรา ปีศาจบนภูเขาเช่นนี้จะมีมังกรเพลิงคอยหนุนหลังได้อย่างไร” ”

ผีรองโบกมือ “ข้าขอถามมันมันสักสองสามข้อก่อน”

ผีรองมองไปที่หนูสีเทา ดวงตาของหนูสีเทากลิ้งกลอกไปมา แม้ว่ามันจะกลัวเขาแต่ก็ยังสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ ผีรองจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูด “ข้าขอถามหน่อย มังกรเพลิงตัวใหญ่นั่นกลายร่างเป็นได้คนหรือไม่?”

หนูสีเทารู้สึกมีความหวัง เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็รีบตอบกลับทันที “ได้ มังกรเพลิงสามารถเปลี่ยนร่างเป็นคน พูดจาเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้า รูปลักษณ์หล่อเหล่าไม่น้อย ท่าทางน่าสะพรึงกลัว ชนิดที่ว่าผู้หญิงเห็นเป็นอันต้องอยากตั้งครรภ์ด้วย ผีสาวเห็นคงอยากเกิดใหม่ทันทีเชียวล่ะ…”

“พอแล้ว หยุดโอ้อวดสักที ข้ารู้แล้วว่าเป็นเขา ดูเหมือนว่าอัศวิน A อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับมันจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรมันเลย ปล่อยมันไปเถอะ” ผีรองรีบพุ่งเข้าไปหากุ่ยชีเพื่อส่งสัญญาณให้ปล่อยอีกฝ่ายไป

กุ่ยชีกลับไม่อยากทำแบบนั้น เขามองหนูสีเทาตัวนี้อยู่นาน เขาเคยถูกข่มตระกูลไป๋ข่มขู่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่กล้าลงมือ แต่ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่อีกฝ่ายจะได้รับน้ำใจจากเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเห็นอกเห็นใจกันได้ เดิมทีเขาตั้งใจใช้มันเป็นตัวแทนของซากหนูยักษ์ตัวนั้น ถ้าปล่อยไป เขาจะหาหุ่นเชิดอันล้ำค่าที่ได้มาโดยง่ายเช่นนี้ได้จากที่ไหนอีก?

มีหนูยักษ์ใต้ดินจำนวนมากในเมืองฉีง เดิมทีสมาคมราชาผีของเขาไม่สามารถยับยั้งราชาหนูยักษ์ได้เลย และเป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ด้วย เพราะฉะนั้นหากต้องการทำภารกิจของอัศวิน A ให้สำเร็จ มีเพียงผีรองเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “พี่รองทำไมท่านถึงระวังตัวเช่นนี้ล่ะ? สิ่งเล็กน้อยนี่อาจไม่เกี่ยวอะไรกับอัศวิน A ก็ได้ ครั้งสุดท้ายที่อัศวิน A บีบบังคับสองสามีภรรยาตระกูลไป๋ให้ฆ่าตัวตาย อาจเป็นเพราะบังเอิญเห็นฉากต่อสู้บางอย่างเข้า เลยกุเรื่องโกหกขึ้นมา ไม่ได้มีความความสัมพันธ์ใดด้วย?”

“อัศวิน A เป็นจอมยุทธ์ไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราใส่ร้ายเขาลับหลังเหมือนคราวที่แล้ว เขาได้ยินอย่างชัดเจนแน่นอน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาอาจจัดการเราก็ได้ ราชาหนูภูเขาตัวน้อยนี้ เราจะอ้างว่าในเวลานั้นจำเป็นต้องกำจัดภัยพิบัติของหนูยักษ์ในเมืองฉี แม้ว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับเขาก็จริง แต่เกรงว่าเขาจะต้องยอมเสียสละชีวิตของสิ่งเล็กน้อยนี้เพื่อแลกกับผู้คนในเมือง”

ดูเหมือนว่าหนูสีเทาจะเข้าใจโดยสมบูรณ์แล้ว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง

กุ่ยชีอธิบายไปมากมาย แต่ผีรองกลับไม่ได้กล่าวอะไร เพียงขยิบตาให้เขาทีหนึ่ง ฉับพลันร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

ผ่านไปหลายวันก็ยังหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋ไม่พบ ความจริงแล้วก็ควรเป็นเช่นนี้ เพราะนี่ไม่ใช่เกมกำจัดปีศาจที่จะรอให้บอสใหญ่ปรากฏตัวออกมาเอง…

ฟางหนิงฝึกฝนทักษะ ‘การแปลงร่างมังกร’ ด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ต้องพูดถึงอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ไฟดับ เขาไม่สามารถเล่นมันได้ ส่วนนิยายก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้เขาจึงเศร้ามาก…

ไม่ได้การ ฟางหนิงไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปแล้ว เขานึกถึงบางอย่างที่ต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำ แต่ต้องทำให้เทพแห่งระบบเห็นด้วยก่อน รอให้เขาสามารถคืนค่าพลังงานเครือข่ายกลับมาให้ได้ก่อนเถอะ

ฟางหนิง “ผีสองตนนั่นที่สมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ต้องถูกจับมาทรมานเพื่อหาเบาะแสจากมัน กล้าดียังไงสมรู้ร่วมคิดมาทำร้ายเรา ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตระกูลไป๋ยอมแพ้ไปก่อน เราอาจต้องสูญเสียบางอย่างไป! ไม่ว่าจะหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋เจอหรือไม่ก็ต้องฆ่าวิญญาณสองตัวนั่นให้ได้ ให้พวกมันได้รู้ว่าไม่ควรที่จะมาตลบหลังเราอีก!”

ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ระบบจะเฉื่อยชาเป็นพิเศษ ทั้งความหวังของมันที่จะขโมยสมบัติจากบอสใหญ่ก็ดูไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน

สุดท้ายระบบก็เห็นด้วยกับแผนของฟางหนิง “สิ่งที่โฮสต์พูดมาก็สมเหตุสมผลดี ตราบใดที่มันสามารถเพิ่มปัจจัยด้านความปลอดภัยของเราได้ เราก็จะทำ หลังจากจัดการพวกมันแล้ว เราก็จะสามารถบันทึกคะแนนประสบการณ์กลับคืนมาได้”

ฟางหนิงได้โอกาสพูดต่อ “จากนั้นฉันก็จะถามคนในเครือข่ายถึงตำแหน่งของพวกเขา”

ระบบเอ่ย “ไม่จำเป็นหรอก พวกเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ และพวกเขาก็ไม่รู้วิธีปลิดลมหายใจของสามพี่น้องตระกูลไป๋ ระบบสามารถค้นหาพวกมันได้จากแผนที่ พวกมันถูกเรียกว่าผีรองและกุ่ยชี อยู่ในหุบเขาเร้นลับที่สองสามีภรรยาหนูยักษ์ฆ่าตัวตายครั้งล่าสุด แต่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

ฟางหนิงนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่ง ‘จอมยุทธ์ท่านช่างเก่งกาจอะไรอย่างนี้ ฉันนี่กดดันแทบตาย’

อย่างไรก็ตาม แผนการของเขาในการฟื้นฟูเครือข่ายพลังงานก็ต้องล้มเหลวอีกครั้ง เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีนิสัยชอบซื้อหนังสือ ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนกับ ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ต่อไป…

ในหุบเขาเร้นลับเงียบสลัดมากและปกคลุมไปด้วยหมอก ผีกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การนำของผีสาวแดงเพลิงกระจายตัวไปทั่วหุบเขา เข้าแทรกซึมในทุกถ้ำ

ในถ้ำหินแห่งหนึ่ง ใลหน้าหนูสีเทาฉายชัดถึงความกังวล มันกระตุ้นให้หนูภูเขาตัวใหญ่ฟังการเคลื่อนไหว

“ฟันเหล็ก เจ้าขุดทางผ่านถ้ำที่อยู่ข้างหน้าได้หรือเปล่า? ผีพวกนั้นกำลังจะมาแล้ว”

“อีกนิดเดียวฝ่าบาท” หนูภูเขาตัวใหญ่กล่าวตอบพร้อมฝังหัวของมันลงไปบนทางเดิน กัดเจาะเข้าที่กำแพงหินอย่างสิ้นหวังพลางเงยหน้าขึ้นพูด ทันทีที่มันอ้าปาก ฟันแหลมคมของมันก็เผยแสงเย็นวาบออกมา

“งั้นก็รีบเข้า เด็กๆ เข้าแถวหลังฟันเหล็กอีกนิดเดียวแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นให้ผ่านไปทีละตัว!” หนูสีเทากระตุ้น

หนูภูเขากลุ่มใหญ่ ดูท่าทางวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันรวมต่อต่อแถวอยู่หลังฟันเหล็ก รอคอยเวลาผ่านทางเดินนั้น

ในเวลานี้ที่ด้านล่างของหุบเขา กุ่ยชีอยู่กับผีกลุ่มใหญ่ ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือจูซานเม่ย ส่วนที่เหลือคือพวกที่เขาได้รวบรวมมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีศักดิ์น้อยกว่าภูมิหลังของผีรอง

ผีรองยืนอยู่ข้างกายเขา มันยังคงสวมหน้ากากสีขาว เฝ้ามองผีรับใช้ที่ไม่ยอมออกมา

ผีรองมองไปที่มันครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กุ่ยชีเจ้าค้นหามาสองวันแล้วทำไมถึงยังไม่พบราชาหนูภูเขาที่เจ้ากล่าวถึงอีก? หรือว่าที่นี่จะไม่มีราชาหนู? ต้องการให้ข้าช่วยหาไหม?”

“พี่รอง กล้าดียังไงมาแทรกแซงงานของข้า อดทนไว้เถอะ ข้าชำนาญเรื่องนี้มาก เดินทางมาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้ว ข้าแน่ใจว่ามีหนูภูเขาจำนวนหนึ่งและในหมู่พวกมันก็มีราชา แม้ว่าขนาดจะเป็นเพียงหนูธรรมดา แต่เขาฉลาดมาก เหมาะจะเป็นวิญญาณหลักของหุ่นเชิดศพ ก่อนหน้านี้พวกมันเคยอาศัยอยู่ร่วมกับหนูยักษ์ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นฐานที่มั่นของตระกูลไป๋ด้วย ก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้าทำอะไรก็เพราะตระกูลไป๋ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นหนี้…”

เขากำลังจะพูดต่อ แต่เสียงกระแอมไปของผีรองกลับขัดจังหวะขึ้นก่อน “ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นสิ่งชั่วร้าย ตอนนี้กำลังถูกไล่ล่าและปราบปรามโดยสำนักสัจธรรม อีกอย่างอัศวิน A ยังเสนอเงินรางวัลเพื่อตามล่าเขาในเฉินโจวอีก สมาคมราชาผีของเราจะไม่มีวันจัดการกับเรื่องดังกล่าว”

จากนั้นกุ่ยชีก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ใช่ๆ พี่รองกล่าวว่าตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังซ่อนตัวอยู่ ที่มั่นแห่งนี้ก็ถูกพวกเขาทอดทิ้งเช่นกัน เพิ่งมาถูกราชาหนูภูเขายึดครอง มันจะต้องอยู่อาศัยที่นี่แน่ แค่เห็นเมล็ดพืชที่ปลูกที่ก้นหุบเขาแล้วรดน้ำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าก็รู้ว่าพวกมันรีบหนีไปเพราะความกลัว อาจยังไปไม่ไกลจากที่นี่มากนัก”

ผีรองกล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบค้นหามันเถอะ นี่อาจทำให้ภารกิจของอัศวิน A ล่าช้า เจ้าก็รู้ว่ามีซากศพอสูรหนูยักษ์รอเราอยู่ เพราะเจ้าเต็มใจที่จะเสียสละจิตวิญญาณของราชาหนูที่มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่นี้ ข้าจะมอบศพปีศาจตนสุดท้ายให้กับเจ้า”

กุ่ยชีกล่าวอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่รองมาก”

ผีรอง “พูดได้ดีๆ”

ทันใดนั้นกุ่ยชีก็ดีใจขึ้นมาอีกรอบ “ผีรับใช้ของข้าพบพวกมันแล้ว”

ผีรองท่าทางประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบจับมันซะ ข้าอยากรู้ว่ามันฉลาดแค่ไหนกันเชียว แม้ว่าหนูยักษ์จะดุร้าย แต่ความเฉลียวฉลาดของมันกลับไม่สูงมาก สมบัติของตระกูลไป๋มีประโยชน์มากมาย เราสามารถทำให้พวกมันหวาดกลัวได้แต่เราไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ หากราชาหนูภูเขาฉลาดมากพอ ก็คงไม่ย่ำแย่ไปกว่าราชาหนูยักษ์หรอก”

ในตอนนี้เอง ผีสาวจูซานเม่ยก็พบตัวราชาหนูภูเขาเข้าแล้วจริงๆ

หนูสีเทายืนอยู่หน้าอุโมงค์สุดท้ายที่ขุด ปล่อยให้หนูภูเขาตัวสุดท้ายมุดเข้าไป มันใช้ร่างตัวเองปิดกั้นรูเอาไว้และกรีดร้องใส่ผีสาวสีแดงเพลิงที่อยู่ข้างหน้า

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร และจะขอบอกเจ้าเอาไว้ว่าข้าเองก็มีผู้สนับสนุน!”

จูซานเม่ยมีใบหน้ากลมเรียว ก่อนตายเธอคงจะเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีไม่น้อย ในตอนนี้เธอเห็นการกระทำทั้งหมดของราชาหนูภูเขาแล้ว ภาพในอดีตบางส่วนจึงปรากฏขึ้นในหัวใจของเธอ เธอไม่ได้เข้าไปจับอีกฝ่ายในทันที แต่กลับเห็นอกเห็นใจมันเล็กน้อย คอยฟังสิ่งที่หนูสีเทาตัวน้อยนี้พูด

“ผู้สนับสนุนของฉันคือมังกรเพลิงตัวใหญ่!”

“ทันทีที่เขาปรากฏตัว ปีศาจหนูยักษ์สองตัวที่วิ่งมาที่นี่ก่อนหน้านี้ก็กลัวจนต้องฆ่าตัวตาย!”

“ส่วนหนูยักษ์ที่เหลือก็ตกใจจนหนีหายไปหมด!”

“พวกข้าไม่เป็นไรเลยสักนิด เพราะเขาขับไล่ปีศาจหนูยักษ์ไปให้แล้ว และพวกข้าก็ยังสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ตามที่เขาอนุญาต ถ้าเจ้าสังหารข้า เขาจะต้องโกรธแน่นอน และหายนะจะมาสู่เจ้านายของเจ้า!”

จูซานเม่ยรู้สึกขบขัน แต่ลึกๆ ก็รู้สึกสงสารลึก เธอคิดในใจ ‘โลกนี้ช่างอันตรายและคาดเดาไม่ได้จริงๆ สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้แข็งแกร่งมากสามารถฆ่าได้ด้วยกรงเล็บเดียว แต่ก็ยังมีคนเกือบฆ่าตัวตายด้วยฝ่ามือเดียว มีเพียงผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเท่านั้นที่จะรู้สึกปลอดภัย’

แต่ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ หากจะปล่อยอีกฝ่ายไปก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน ท้ายที่สุดเจ้านายผู้เจ้าเล่ห์อาจใช้บทลงโทษที่รุนแรงที่สุดกับเธอ

ความเห็นอกเห็นใจของเธอเพียงพอที่จะให้ราชาหนูภูเขาพูดจนจบ

เธอยื่นกรงเล็บผีออกมาและหยิบหนูภูเขาขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจหนูภูเขาที่กรีดร้องอยู่ในทางเดิน

หนูสีเทาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความอาลัยโหยหาอย่างล้ำลึก มันมองดูหนูน้อยบนภูเขาที่อยู่ตรงทางเดินพลางออกคำสั่ง “ฟันเหล็ก พาเด็กๆ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้…”

“มังกรเพลิงตัวใหญ่ใดกันที่คอยหนุนหลังหนูภูเขา ไร้สาระสิ้นดี กล้าหลอกลวงนายท่านงั้นหรือ สมควรแก่ความตายจริงๆ!” กุ่ยชีถือหนูสีเทาไว้ในมือขวา หลังจากฟังคำพูดของจูซานเม่ย มันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลางออกแรงทั้งหมดในมือบีบคั้นมันให้ตาย

“เดี๋ยวก่อน” ผีรองรีบห้ามเอาไว้

กุ่ยชีงุนงง “พี่รอง เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินที่มันพูดแล้ว มันหลอกเรา ปีศาจบนภูเขาเช่นนี้จะมีมังกรเพลิงคอยหนุนหลังได้อย่างไร” ”

ผีรองโบกมือ “ข้าขอถามมันมันสักสองสามข้อก่อน”

ผีรองมองไปที่หนูสีเทา ดวงตาของหนูสีเทากลิ้งกลอกไปมา แม้ว่ามันจะกลัวเขาแต่ก็ยังสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ ผีรองจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูด “ข้าขอถามหน่อย มังกรเพลิงตัวใหญ่นั่นกลายร่างเป็นได้คนหรือไม่?”

หนูสีเทารู้สึกมีความหวัง เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็รีบตอบกลับทันที “ได้ มังกรเพลิงสามารถเปลี่ยนร่างเป็นคน พูดจาเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้า รูปลักษณ์หล่อเหล่าไม่น้อย ท่าทางน่าสะพรึงกลัว ชนิดที่ว่าผู้หญิงเห็นเป็นอันต้องอยากตั้งครรภ์ด้วย ผีสาวเห็นคงอยากเกิดใหม่ทันทีเชียวล่ะ…”

“พอแล้ว หยุดโอ้อวดสักที ข้ารู้แล้วว่าเป็นเขา ดูเหมือนว่าอัศวิน A อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับมันจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรมันเลย ปล่อยมันไปเถอะ” ผีรองรีบพุ่งเข้าไปหากุ่ยชีเพื่อส่งสัญญาณให้ปล่อยอีกฝ่ายไป

กุ่ยชีกลับไม่อยากทำแบบนั้น เขามองหนูสีเทาตัวนี้อยู่นาน เขาเคยถูกข่มตระกูลไป๋ข่มขู่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่กล้าลงมือ แต่ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่อีกฝ่ายจะได้รับน้ำใจจากเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเห็นอกเห็นใจกันได้ เดิมทีเขาตั้งใจใช้มันเป็นตัวแทนของซากหนูยักษ์ตัวนั้น ถ้าปล่อยไป เขาจะหาหุ่นเชิดอันล้ำค่าที่ได้มาโดยง่ายเช่นนี้ได้จากที่ไหนอีก?

มีหนูยักษ์ใต้ดินจำนวนมากในเมืองฉีง เดิมทีสมาคมราชาผีของเขาไม่สามารถยับยั้งราชาหนูยักษ์ได้เลย และเป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ด้วย เพราะฉะนั้นหากต้องการทำภารกิจของอัศวิน A ให้สำเร็จ มีเพียงผีรองเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “พี่รองทำไมท่านถึงระวังตัวเช่นนี้ล่ะ? สิ่งเล็กน้อยนี่อาจไม่เกี่ยวอะไรกับอัศวิน A ก็ได้ ครั้งสุดท้ายที่อัศวิน A บีบบังคับสองสามีภรรยาตระกูลไป๋ให้ฆ่าตัวตาย อาจเป็นเพราะบังเอิญเห็นฉากต่อสู้บางอย่างเข้า เลยกุเรื่องโกหกขึ้นมา ไม่ได้มีความความสัมพันธ์ใดด้วย?”

“อัศวิน A เป็นจอมยุทธ์ไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราใส่ร้ายเขาลับหลังเหมือนคราวที่แล้ว เขาได้ยินอย่างชัดเจนแน่นอน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาอาจจัดการเราก็ได้ ราชาหนูภูเขาตัวน้อยนี้ เราจะอ้างว่าในเวลานั้นจำเป็นต้องกำจัดภัยพิบัติของหนูยักษ์ในเมืองฉี แม้ว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับเขาก็จริง แต่เกรงว่าเขาจะต้องยอมเสียสละชีวิตของสิ่งเล็กน้อยนี้เพื่อแลกกับผู้คนในเมือง”

ดูเหมือนว่าหนูสีเทาจะเข้าใจโดยสมบูรณ์แล้ว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง

กุ่ยชีอธิบายไปมากมาย แต่ผีรองกลับไม่ได้กล่าวอะไร เพียงขยิบตาให้เขาทีหนึ่ง ฉับพลันร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

ผ่านไปหลายวันก็ยังหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋ไม่พบ ความจริงแล้วก็ควรเป็นเช่นนี้ เพราะนี่ไม่ใช่เกมกำจัดปีศาจที่จะรอให้บอสใหญ่ปรากฏตัวออกมาเอง…

ฟางหนิงฝึกฝนทักษะ ‘การแปลงร่างมังกร’ ด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ต้องพูดถึงอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ไฟดับ เขาไม่สามารถเล่นมันได้ ส่วนนิยายก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้เขาจึงเศร้ามาก…

ไม่ได้การ ฟางหนิงไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปแล้ว เขานึกถึงบางอย่างที่ต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำ แต่ต้องทำให้เทพแห่งระบบเห็นด้วยก่อน รอให้เขาสามารถคืนค่าพลังงานเครือข่ายกลับมาให้ได้ก่อนเถอะ

ฟางหนิง “ผีสองตนนั่นที่สมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ต้องถูกจับมาทรมานเพื่อหาเบาะแสจากมัน กล้าดียังไงสมรู้ร่วมคิดมาทำร้ายเรา ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตระกูลไป๋ยอมแพ้ไปก่อน เราอาจต้องสูญเสียบางอย่างไป! ไม่ว่าจะหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋เจอหรือไม่ก็ต้องฆ่าวิญญาณสองตัวนั่นให้ได้ ให้พวกมันได้รู้ว่าไม่ควรที่จะมาตลบหลังเราอีก!”

ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ระบบจะเฉื่อยชาเป็นพิเศษ ทั้งความหวังของมันที่จะขโมยสมบัติจากบอสใหญ่ก็ดูไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน

สุดท้ายระบบก็เห็นด้วยกับแผนของฟางหนิง “สิ่งที่โฮสต์พูดมาก็สมเหตุสมผลดี ตราบใดที่มันสามารถเพิ่มปัจจัยด้านความปลอดภัยของเราได้ เราก็จะทำ หลังจากจัดการพวกมันแล้ว เราก็จะสามารถบันทึกคะแนนประสบการณ์กลับคืนมาได้”

ฟางหนิงได้โอกาสพูดต่อ “จากนั้นฉันก็จะถามคนในเครือข่ายถึงตำแหน่งของพวกเขา”

ระบบเอ่ย “ไม่จำเป็นหรอก พวกเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ และพวกเขาก็ไม่รู้วิธีปลิดลมหายใจของสามพี่น้องตระกูลไป๋ ระบบสามารถค้นหาพวกมันได้จากแผนที่ พวกมันถูกเรียกว่าผีรองและกุ่ยชี อยู่ในหุบเขาเร้นลับที่สองสามีภรรยาหนูยักษ์ฆ่าตัวตายครั้งล่าสุด แต่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

ฟางหนิงนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่ง ‘จอมยุทธ์ท่านช่างเก่งกาจอะไรอย่างนี้ ฉันนี่กดดันแทบตาย’

อย่างไรก็ตาม แผนการของเขาในการฟื้นฟูเครือข่ายพลังงานก็ต้องล้มเหลวอีกครั้ง เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีนิสัยชอบซื้อหนังสือ ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนกับ ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ต่อไป…

ในหุบเขาเร้นลับเงียบสลัดมากและปกคลุมไปด้วยหมอก ผีกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การนำของผีสาวแดงเพลิงกระจายตัวไปทั่วหุบเขา เข้าแทรกซึมในทุกถ้ำ

ในถ้ำหินแห่งหนึ่ง ใลหน้าหนูสีเทาฉายชัดถึงความกังวล มันกระตุ้นให้หนูภูเขาตัวใหญ่ฟังการเคลื่อนไหว

“ฟันเหล็ก เจ้าขุดทางผ่านถ้ำที่อยู่ข้างหน้าได้หรือเปล่า? ผีพวกนั้นกำลังจะมาแล้ว”

“อีกนิดเดียวฝ่าบาท” หนูภูเขาตัวใหญ่กล่าวตอบพร้อมฝังหัวของมันลงไปบนทางเดิน กัดเจาะเข้าที่กำแพงหินอย่างสิ้นหวังพลางเงยหน้าขึ้นพูด ทันทีที่มันอ้าปาก ฟันแหลมคมของมันก็เผยแสงเย็นวาบออกมา

“งั้นก็รีบเข้า เด็กๆ เข้าแถวหลังฟันเหล็กอีกนิดเดียวแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นให้ผ่านไปทีละตัว!” หนูสีเทากระตุ้น

หนูภูเขากลุ่มใหญ่ ดูท่าทางวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันรวมต่อต่อแถวอยู่หลังฟันเหล็ก รอคอยเวลาผ่านทางเดินนั้น

ในเวลานี้ที่ด้านล่างของหุบเขา กุ่ยชีอยู่กับผีกลุ่มใหญ่ ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือจูซานเม่ย ส่วนที่เหลือคือพวกที่เขาได้รวบรวมมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีศักดิ์น้อยกว่าภูมิหลังของผีรอง

ผีรองยืนอยู่ข้างกายเขา มันยังคงสวมหน้ากากสีขาว เฝ้ามองผีรับใช้ที่ไม่ยอมออกมา

ผีรองมองไปที่มันครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กุ่ยชีเจ้าค้นหามาสองวันแล้วทำไมถึงยังไม่พบราชาหนูภูเขาที่เจ้ากล่าวถึงอีก? หรือว่าที่นี่จะไม่มีราชาหนู? ต้องการให้ข้าช่วยหาไหม?”

“พี่รอง กล้าดียังไงมาแทรกแซงงานของข้า อดทนไว้เถอะ ข้าชำนาญเรื่องนี้มาก เดินทางมาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้ว ข้าแน่ใจว่ามีหนูภูเขาจำนวนหนึ่งและในหมู่พวกมันก็มีราชา แม้ว่าขนาดจะเป็นเพียงหนูธรรมดา แต่เขาฉลาดมาก เหมาะจะเป็นวิญญาณหลักของหุ่นเชิดศพ ก่อนหน้านี้พวกมันเคยอาศัยอยู่ร่วมกับหนูยักษ์ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นฐานที่มั่นของตระกูลไป๋ด้วย ก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้าทำอะไรก็เพราะตระกูลไป๋ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นหนี้…”

เขากำลังจะพูดต่อ แต่เสียงกระแอมไปของผีรองกลับขัดจังหวะขึ้นก่อน “ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นสิ่งชั่วร้าย ตอนนี้กำลังถูกไล่ล่าและปราบปรามโดยสำนักสัจธรรม อีกอย่างอัศวิน A ยังเสนอเงินรางวัลเพื่อตามล่าเขาในเฉินโจวอีก สมาคมราชาผีของเราจะไม่มีวันจัดการกับเรื่องดังกล่าว”

จากนั้นกุ่ยชีก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ใช่ๆ พี่รองกล่าวว่าตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังซ่อนตัวอยู่ ที่มั่นแห่งนี้ก็ถูกพวกเขาทอดทิ้งเช่นกัน เพิ่งมาถูกราชาหนูภูเขายึดครอง มันจะต้องอยู่อาศัยที่นี่แน่ แค่เห็นเมล็ดพืชที่ปลูกที่ก้นหุบเขาแล้วรดน้ำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าก็รู้ว่าพวกมันรีบหนีไปเพราะความกลัว อาจยังไปไม่ไกลจากที่นี่มากนัก”

ผีรองกล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบค้นหามันเถอะ นี่อาจทำให้ภารกิจของอัศวิน A ล่าช้า เจ้าก็รู้ว่ามีซากศพอสูรหนูยักษ์รอเราอยู่ เพราะเจ้าเต็มใจที่จะเสียสละจิตวิญญาณของราชาหนูที่มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่นี้ ข้าจะมอบศพปีศาจตนสุดท้ายให้กับเจ้า”

กุ่ยชีกล่าวอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่รองมาก”

ผีรอง “พูดได้ดีๆ”

ทันใดนั้นกุ่ยชีก็ดีใจขึ้นมาอีกรอบ “ผีรับใช้ของข้าพบพวกมันแล้ว”

ผีรองท่าทางประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบจับมันซะ ข้าอยากรู้ว่ามันฉลาดแค่ไหนกันเชียว แม้ว่าหนูยักษ์จะดุร้าย แต่ความเฉลียวฉลาดของมันกลับไม่สูงมาก สมบัติของตระกูลไป๋มีประโยชน์มากมาย เราสามารถทำให้พวกมันหวาดกลัวได้แต่เราไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ หากราชาหนูภูเขาฉลาดมากพอ ก็คงไม่ย่ำแย่ไปกว่าราชาหนูยักษ์หรอก”

ในตอนนี้เอง ผีสาวจูซานเม่ยก็พบตัวราชาหนูภูเขาเข้าแล้วจริงๆ

หนูสีเทายืนอยู่หน้าอุโมงค์สุดท้ายที่ขุด ปล่อยให้หนูภูเขาตัวสุดท้ายมุดเข้าไป มันใช้ร่างตัวเองปิดกั้นรูเอาไว้และกรีดร้องใส่ผีสาวสีแดงเพลิงที่อยู่ข้างหน้า

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร และจะขอบอกเจ้าเอาไว้ว่าข้าเองก็มีผู้สนับสนุน!”

จูซานเม่ยมีใบหน้ากลมเรียว ก่อนตายเธอคงจะเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีไม่น้อย ในตอนนี้เธอเห็นการกระทำทั้งหมดของราชาหนูภูเขาแล้ว ภาพในอดีตบางส่วนจึงปรากฏขึ้นในหัวใจของเธอ เธอไม่ได้เข้าไปจับอีกฝ่ายในทันที แต่กลับเห็นอกเห็นใจมันเล็กน้อย คอยฟังสิ่งที่หนูสีเทาตัวน้อยนี้พูด

“ผู้สนับสนุนของฉันคือมังกรเพลิงตัวใหญ่!”

“ทันทีที่เขาปรากฏตัว ปีศาจหนูยักษ์สองตัวที่วิ่งมาที่นี่ก่อนหน้านี้ก็กลัวจนต้องฆ่าตัวตาย!”

“ส่วนหนูยักษ์ที่เหลือก็ตกใจจนหนีหายไปหมด!”

“พวกข้าไม่เป็นไรเลยสักนิด เพราะเขาขับไล่ปีศาจหนูยักษ์ไปให้แล้ว และพวกข้าก็ยังสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ตามที่เขาอนุญาต ถ้าเจ้าสังหารข้า เขาจะต้องโกรธแน่นอน และหายนะจะมาสู่เจ้านายของเจ้า!”

จูซานเม่ยรู้สึกขบขัน แต่ลึกๆ ก็รู้สึกสงสารลึก เธอคิดในใจ ‘โลกนี้ช่างอันตรายและคาดเดาไม่ได้จริงๆ สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้แข็งแกร่งมากสามารถฆ่าได้ด้วยกรงเล็บเดียว แต่ก็ยังมีคนเกือบฆ่าตัวตายด้วยฝ่ามือเดียว มีเพียงผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเท่านั้นที่จะรู้สึกปลอดภัย’

แต่ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ หากจะปล่อยอีกฝ่ายไปก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน ท้ายที่สุดเจ้านายผู้เจ้าเล่ห์อาจใช้บทลงโทษที่รุนแรงที่สุดกับเธอ

ความเห็นอกเห็นใจของเธอเพียงพอที่จะให้ราชาหนูภูเขาพูดจนจบ

เธอยื่นกรงเล็บผีออกมาและหยิบหนูภูเขาขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจหนูภูเขาที่กรีดร้องอยู่ในทางเดิน

หนูสีเทาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความอาลัยโหยหาอย่างล้ำลึก มันมองดูหนูน้อยบนภูเขาที่อยู่ตรงทางเดินพลางออกคำสั่ง “ฟันเหล็ก พาเด็กๆ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้…”

“มังกรเพลิงตัวใหญ่ใดกันที่คอยหนุนหลังหนูภูเขา ไร้สาระสิ้นดี กล้าหลอกลวงนายท่านงั้นหรือ สมควรแก่ความตายจริงๆ!” กุ่ยชีถือหนูสีเทาไว้ในมือขวา หลังจากฟังคำพูดของจูซานเม่ย มันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลางออกแรงทั้งหมดในมือบีบคั้นมันให้ตาย

“เดี๋ยวก่อน” ผีรองรีบห้ามเอาไว้

กุ่ยชีงุนงง “พี่รอง เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินที่มันพูดแล้ว มันหลอกเรา ปีศาจบนภูเขาเช่นนี้จะมีมังกรเพลิงคอยหนุนหลังได้อย่างไร” ”

ผีรองโบกมือ “ข้าขอถามมันมันสักสองสามข้อก่อน”

ผีรองมองไปที่หนูสีเทา ดวงตาของหนูสีเทากลิ้งกลอกไปมา แม้ว่ามันจะกลัวเขาแต่ก็ยังสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ ผีรองจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูด “ข้าขอถามหน่อย มังกรเพลิงตัวใหญ่นั่นกลายร่างเป็นได้คนหรือไม่?”

หนูสีเทารู้สึกมีความหวัง เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็รีบตอบกลับทันที “ได้ มังกรเพลิงสามารถเปลี่ยนร่างเป็นคน พูดจาเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้า รูปลักษณ์หล่อเหล่าไม่น้อย ท่าทางน่าสะพรึงกลัว ชนิดที่ว่าผู้หญิงเห็นเป็นอันต้องอยากตั้งครรภ์ด้วย ผีสาวเห็นคงอยากเกิดใหม่ทันทีเชียวล่ะ…”

“พอแล้ว หยุดโอ้อวดสักที ข้ารู้แล้วว่าเป็นเขา ดูเหมือนว่าอัศวิน A อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับมันจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรมันเลย ปล่อยมันไปเถอะ” ผีรองรีบพุ่งเข้าไปหากุ่ยชีเพื่อส่งสัญญาณให้ปล่อยอีกฝ่ายไป

กุ่ยชีกลับไม่อยากทำแบบนั้น เขามองหนูสีเทาตัวนี้อยู่นาน เขาเคยถูกข่มตระกูลไป๋ข่มขู่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่กล้าลงมือ แต่ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่อีกฝ่ายจะได้รับน้ำใจจากเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเห็นอกเห็นใจกันได้ เดิมทีเขาตั้งใจใช้มันเป็นตัวแทนของซากหนูยักษ์ตัวนั้น ถ้าปล่อยไป เขาจะหาหุ่นเชิดอันล้ำค่าที่ได้มาโดยง่ายเช่นนี้ได้จากที่ไหนอีก?

มีหนูยักษ์ใต้ดินจำนวนมากในเมืองฉีง เดิมทีสมาคมราชาผีของเขาไม่สามารถยับยั้งราชาหนูยักษ์ได้เลย และเป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ด้วย เพราะฉะนั้นหากต้องการทำภารกิจของอัศวิน A ให้สำเร็จ มีเพียงผีรองเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “พี่รองทำไมท่านถึงระวังตัวเช่นนี้ล่ะ? สิ่งเล็กน้อยนี่อาจไม่เกี่ยวอะไรกับอัศวิน A ก็ได้ ครั้งสุดท้ายที่อัศวิน A บีบบังคับสองสามีภรรยาตระกูลไป๋ให้ฆ่าตัวตาย อาจเป็นเพราะบังเอิญเห็นฉากต่อสู้บางอย่างเข้า เลยกุเรื่องโกหกขึ้นมา ไม่ได้มีความความสัมพันธ์ใดด้วย?”

“อัศวิน A เป็นจอมยุทธ์ไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราใส่ร้ายเขาลับหลังเหมือนคราวที่แล้ว เขาได้ยินอย่างชัดเจนแน่นอน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาอาจจัดการเราก็ได้ ราชาหนูภูเขาตัวน้อยนี้ เราจะอ้างว่าในเวลานั้นจำเป็นต้องกำจัดภัยพิบัติของหนูยักษ์ในเมืองฉี แม้ว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับเขาก็จริง แต่เกรงว่าเขาจะต้องยอมเสียสละชีวิตของสิ่งเล็กน้อยนี้เพื่อแลกกับผู้คนในเมือง”

ดูเหมือนว่าหนูสีเทาจะเข้าใจโดยสมบูรณ์แล้ว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง

กุ่ยชีอธิบายไปมากมาย แต่ผีรองกลับไม่ได้กล่าวอะไร เพียงขยิบตาให้เขาทีหนึ่ง ฉับพลันร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 62 เก่งกาจแม้เราอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย

ผ่านไปหลายวันก็ยังหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋ไม่พบ ความจริงแล้วก็ควรเป็นเช่นนี้ เพราะนี่ไม่ใช่เกมกำจัดปีศาจที่จะรอให้บอสใหญ่ปรากฏตัวออกมาเอง…

ฟางหนิงฝึกฝนทักษะ ‘การแปลงร่างมังกร’ ด้วยความเบื่อหน่าย ไม่ต้องพูดถึงอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ไฟดับ เขาไม่สามารถเล่นมันได้ ส่วนนิยายก็อ่านไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้เขาจึงเศร้ามาก…

ไม่ได้การ ฟางหนิงไม่สามารถทำมันได้อีกต่อไปแล้ว เขานึกถึงบางอย่างที่ต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำ แต่ต้องทำให้เทพแห่งระบบเห็นด้วยก่อน รอให้เขาสามารถคืนค่าพลังงานเครือข่ายกลับมาให้ได้ก่อนเถอะ

ฟางหนิง “ผีสองตนนั่นที่สมรู้ร่วมคิดกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ ต้องถูกจับมาทรมานเพื่อหาเบาะแสจากมัน กล้าดียังไงสมรู้ร่วมคิดมาทำร้ายเรา ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสตระกูลไป๋ยอมแพ้ไปก่อน เราอาจต้องสูญเสียบางอย่างไป! ไม่ว่าจะหาตัวผู้อาวุโสตระกูลไป๋เจอหรือไม่ก็ต้องฆ่าวิญญาณสองตัวนั่นให้ได้ ให้พวกมันได้รู้ว่าไม่ควรที่จะมาตลบหลังเราอีก!”

ดูเหมือนว่าสองสามวันมานี้ระบบจะเฉื่อยชาเป็นพิเศษ ทั้งความหวังของมันที่จะขโมยสมบัติจากบอสใหญ่ก็ดูไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน

สุดท้ายระบบก็เห็นด้วยกับแผนของฟางหนิง “สิ่งที่โฮสต์พูดมาก็สมเหตุสมผลดี ตราบใดที่มันสามารถเพิ่มปัจจัยด้านความปลอดภัยของเราได้ เราก็จะทำ หลังจากจัดการพวกมันแล้ว เราก็จะสามารถบันทึกคะแนนประสบการณ์กลับคืนมาได้”

ฟางหนิงได้โอกาสพูดต่อ “จากนั้นฉันก็จะถามคนในเครือข่ายถึงตำแหน่งของพวกเขา”

ระบบเอ่ย “ไม่จำเป็นหรอก พวกเขาไม่ใช่ผู้อาวุโสตระกูลไป๋ และพวกเขาก็ไม่รู้วิธีปลิดลมหายใจของสามพี่น้องตระกูลไป๋ ระบบสามารถค้นหาพวกมันได้จากแผนที่ พวกมันถูกเรียกว่าผีรองและกุ่ยชี อยู่ในหุบเขาเร้นลับที่สองสามีภรรยาหนูยักษ์ฆ่าตัวตายครั้งล่าสุด แต่ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

ฟางหนิงนั่งนิ่งอยู่พักหนึ่ง ‘จอมยุทธ์ท่านช่างเก่งกาจอะไรอย่างนี้ ฉันนี่กดดันแทบตาย’

อย่างไรก็ตาม แผนการของเขาในการฟื้นฟูเครือข่ายพลังงานก็ต้องล้มเหลวอีกครั้ง เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่มีนิสัยชอบซื้อหนังสือ ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอดทนกับ ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ต่อไป…

ในหุบเขาเร้นลับเงียบสลัดมากและปกคลุมไปด้วยหมอก ผีกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การนำของผีสาวแดงเพลิงกระจายตัวไปทั่วหุบเขา เข้าแทรกซึมในทุกถ้ำ

ในถ้ำหินแห่งหนึ่ง ใลหน้าหนูสีเทาฉายชัดถึงความกังวล มันกระตุ้นให้หนูภูเขาตัวใหญ่ฟังการเคลื่อนไหว

“ฟันเหล็ก เจ้าขุดทางผ่านถ้ำที่อยู่ข้างหน้าได้หรือเปล่า? ผีพวกนั้นกำลังจะมาแล้ว”

“อีกนิดเดียวฝ่าบาท” หนูภูเขาตัวใหญ่กล่าวตอบพร้อมฝังหัวของมันลงไปบนทางเดิน กัดเจาะเข้าที่กำแพงหินอย่างสิ้นหวังพลางเงยหน้าขึ้นพูด ทันทีที่มันอ้าปาก ฟันแหลมคมของมันก็เผยแสงเย็นวาบออกมา

“งั้นก็รีบเข้า เด็กๆ เข้าแถวหลังฟันเหล็กอีกนิดเดียวแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นให้ผ่านไปทีละตัว!” หนูสีเทากระตุ้น

หนูภูเขากลุ่มใหญ่ ดูท่าทางวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พวกมันรวมต่อต่อแถวอยู่หลังฟันเหล็ก รอคอยเวลาผ่านทางเดินนั้น

ในเวลานี้ที่ด้านล่างของหุบเขา กุ่ยชีอยู่กับผีกลุ่มใหญ่ ซึ่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือจูซานเม่ย ส่วนที่เหลือคือพวกที่เขาได้รวบรวมมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีศักดิ์น้อยกว่าภูมิหลังของผีรอง

ผีรองยืนอยู่ข้างกายเขา มันยังคงสวมหน้ากากสีขาว เฝ้ามองผีรับใช้ที่ไม่ยอมออกมา

ผีรองมองไปที่มันครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “กุ่ยชีเจ้าค้นหามาสองวันแล้วทำไมถึงยังไม่พบราชาหนูภูเขาที่เจ้ากล่าวถึงอีก? หรือว่าที่นี่จะไม่มีราชาหนู? ต้องการให้ข้าช่วยหาไหม?”

“พี่รอง กล้าดียังไงมาแทรกแซงงานของข้า อดทนไว้เถอะ ข้าชำนาญเรื่องนี้มาก เดินทางมาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแล้ว ข้าแน่ใจว่ามีหนูภูเขาจำนวนหนึ่งและในหมู่พวกมันก็มีราชา แม้ว่าขนาดจะเป็นเพียงหนูธรรมดา แต่เขาฉลาดมาก เหมาะจะเป็นวิญญาณหลักของหุ่นเชิดศพ ก่อนหน้านี้พวกมันเคยอาศัยอยู่ร่วมกับหนูยักษ์ ซึ่งดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนั้นจะเป็นฐานที่มั่นของตระกูลไป๋ด้วย ก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้าทำอะไรก็เพราะตระกูลไป๋ แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นหนี้…”

เขากำลังจะพูดต่อ แต่เสียงกระแอมไปของผีรองกลับขัดจังหวะขึ้นก่อน “ผู้อาวุโสตระกูลไป๋เป็นสิ่งชั่วร้าย ตอนนี้กำลังถูกไล่ล่าและปราบปรามโดยสำนักสัจธรรม อีกอย่างอัศวิน A ยังเสนอเงินรางวัลเพื่อตามล่าเขาในเฉินโจวอีก สมาคมราชาผีของเราจะไม่มีวันจัดการกับเรื่องดังกล่าว”

จากนั้นกุ่ยชีก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว “ใช่ๆ พี่รองกล่าวว่าตอนนี้ผู้อาวุโสตระกูลไป๋กำลังซ่อนตัวอยู่ ที่มั่นแห่งนี้ก็ถูกพวกเขาทอดทิ้งเช่นกัน เพิ่งมาถูกราชาหนูภูเขายึดครอง มันจะต้องอยู่อาศัยที่นี่แน่ แค่เห็นเมล็ดพืชที่ปลูกที่ก้นหุบเขาแล้วรดน้ำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าก็รู้ว่าพวกมันรีบหนีไปเพราะความกลัว อาจยังไปไม่ไกลจากที่นี่มากนัก”

ผีรองกล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบค้นหามันเถอะ นี่อาจทำให้ภารกิจของอัศวิน A ล่าช้า เจ้าก็รู้ว่ามีซากศพอสูรหนูยักษ์รอเราอยู่ เพราะเจ้าเต็มใจที่จะเสียสละจิตวิญญาณของราชาหนูที่มีจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่นี้ ข้าจะมอบศพปีศาจตนสุดท้ายให้กับเจ้า”

กุ่ยชีกล่าวอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่รองมาก”

ผีรอง “พูดได้ดีๆ”

ทันใดนั้นกุ่ยชีก็ดีใจขึ้นมาอีกรอบ “ผีรับใช้ของข้าพบพวกมันแล้ว”

ผีรองท่าทางประหลาดใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบจับมันซะ ข้าอยากรู้ว่ามันฉลาดแค่ไหนกันเชียว แม้ว่าหนูยักษ์จะดุร้าย แต่ความเฉลียวฉลาดของมันกลับไม่สูงมาก สมบัติของตระกูลไป๋มีประโยชน์มากมาย เราสามารถทำให้พวกมันหวาดกลัวได้แต่เราไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ หากราชาหนูภูเขาฉลาดมากพอ ก็คงไม่ย่ำแย่ไปกว่าราชาหนูยักษ์หรอก”

ในตอนนี้เอง ผีสาวจูซานเม่ยก็พบตัวราชาหนูภูเขาเข้าแล้วจริงๆ

หนูสีเทายืนอยู่หน้าอุโมงค์สุดท้ายที่ขุด ปล่อยให้หนูภูเขาตัวสุดท้ายมุดเข้าไป มันใช้ร่างตัวเองปิดกั้นรูเอาไว้และกรีดร้องใส่ผีสาวสีแดงเพลิงที่อยู่ข้างหน้า

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการอะไร และจะขอบอกเจ้าเอาไว้ว่าข้าเองก็มีผู้สนับสนุน!”

จูซานเม่ยมีใบหน้ากลมเรียว ก่อนตายเธอคงจะเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดีไม่น้อย ในตอนนี้เธอเห็นการกระทำทั้งหมดของราชาหนูภูเขาแล้ว ภาพในอดีตบางส่วนจึงปรากฏขึ้นในหัวใจของเธอ เธอไม่ได้เข้าไปจับอีกฝ่ายในทันที แต่กลับเห็นอกเห็นใจมันเล็กน้อย คอยฟังสิ่งที่หนูสีเทาตัวน้อยนี้พูด

“ผู้สนับสนุนของฉันคือมังกรเพลิงตัวใหญ่!”

“ทันทีที่เขาปรากฏตัว ปีศาจหนูยักษ์สองตัวที่วิ่งมาที่นี่ก่อนหน้านี้ก็กลัวจนต้องฆ่าตัวตาย!”

“ส่วนหนูยักษ์ที่เหลือก็ตกใจจนหนีหายไปหมด!”

“พวกข้าไม่เป็นไรเลยสักนิด เพราะเขาขับไล่ปีศาจหนูยักษ์ไปให้แล้ว และพวกข้าก็ยังสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ตามที่เขาอนุญาต ถ้าเจ้าสังหารข้า เขาจะต้องโกรธแน่นอน และหายนะจะมาสู่เจ้านายของเจ้า!”

จูซานเม่ยรู้สึกขบขัน แต่ลึกๆ ก็รู้สึกสงสารลึก เธอคิดในใจ ‘โลกนี้ช่างอันตรายและคาดเดาไม่ได้จริงๆ สิ่งเล็กน้อยเช่นนี้แข็งแกร่งมากสามารถฆ่าได้ด้วยกรงเล็บเดียว แต่ก็ยังมีคนเกือบฆ่าตัวตายด้วยฝ่ามือเดียว มีเพียงผู้ที่ไม่รู้อะไรเลยเท่านั้นที่จะรู้สึกปลอดภัย’

แต่ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้ หากจะปล่อยอีกฝ่ายไปก็คงไม่ได้อีกเช่นกัน ท้ายที่สุดเจ้านายผู้เจ้าเล่ห์อาจใช้บทลงโทษที่รุนแรงที่สุดกับเธอ

ความเห็นอกเห็นใจของเธอเพียงพอที่จะให้ราชาหนูภูเขาพูดจนจบ

เธอยื่นกรงเล็บผีออกมาและหยิบหนูภูเขาขึ้นมาอย่างเบามือ จากนั้นจึงเดินออกไปโดยไม่ได้สนใจหนูภูเขาที่กรีดร้องอยู่ในทางเดิน

หนูสีเทาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความอาลัยโหยหาอย่างล้ำลึก มันมองดูหนูน้อยบนภูเขาที่อยู่ตรงทางเดินพลางออกคำสั่ง “ฟันเหล็ก พาเด็กๆ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้…”

“มังกรเพลิงตัวใหญ่ใดกันที่คอยหนุนหลังหนูภูเขา ไร้สาระสิ้นดี กล้าหลอกลวงนายท่านงั้นหรือ สมควรแก่ความตายจริงๆ!” กุ่ยชีถือหนูสีเทาไว้ในมือขวา หลังจากฟังคำพูดของจูซานเม่ย มันก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลางออกแรงทั้งหมดในมือบีบคั้นมันให้ตาย

“เดี๋ยวก่อน” ผีรองรีบห้ามเอาไว้

กุ่ยชีงุนงง “พี่รอง เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินที่มันพูดแล้ว มันหลอกเรา ปีศาจบนภูเขาเช่นนี้จะมีมังกรเพลิงคอยหนุนหลังได้อย่างไร” ”

ผีรองโบกมือ “ข้าขอถามมันมันสักสองสามข้อก่อน”

ผีรองมองไปที่หนูสีเทา ดวงตาของหนูสีเทากลิ้งกลอกไปมา แม้ว่ามันจะกลัวเขาแต่ก็ยังสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ ผีรองจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูด “ข้าขอถามหน่อย มังกรเพลิงตัวใหญ่นั่นกลายร่างเป็นได้คนหรือไม่?”

หนูสีเทารู้สึกมีความหวัง เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็รีบตอบกลับทันที “ได้ มังกรเพลิงสามารถเปลี่ยนร่างเป็นคน พูดจาเหมือนมนุษย์อย่างพวกเจ้า รูปลักษณ์หล่อเหล่าไม่น้อย ท่าทางน่าสะพรึงกลัว ชนิดที่ว่าผู้หญิงเห็นเป็นอันต้องอยากตั้งครรภ์ด้วย ผีสาวเห็นคงอยากเกิดใหม่ทันทีเชียวล่ะ…”

“พอแล้ว หยุดโอ้อวดสักที ข้ารู้แล้วว่าเป็นเขา ดูเหมือนว่าอัศวิน A อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับมันจริงๆ เพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรมันเลย ปล่อยมันไปเถอะ” ผีรองรีบพุ่งเข้าไปหากุ่ยชีเพื่อส่งสัญญาณให้ปล่อยอีกฝ่ายไป

กุ่ยชีกลับไม่อยากทำแบบนั้น เขามองหนูสีเทาตัวนี้อยู่นาน เขาเคยถูกข่มตระกูลไป๋ข่มขู่มาก่อน ดังนั้นจึงไม่กล้าลงมือ แต่ตอนนี้ไม่ง่ายเลยที่อีกฝ่ายจะได้รับน้ำใจจากเขา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเห็นอกเห็นใจกันได้ เดิมทีเขาตั้งใจใช้มันเป็นตัวแทนของซากหนูยักษ์ตัวนั้น ถ้าปล่อยไป เขาจะหาหุ่นเชิดอันล้ำค่าที่ได้มาโดยง่ายเช่นนี้ได้จากที่ไหนอีก?

มีหนูยักษ์ใต้ดินจำนวนมากในเมืองฉีง เดิมทีสมาคมราชาผีของเขาไม่สามารถยับยั้งราชาหนูยักษ์ได้เลย และเป็นไปไม่ได้ที่จะติดต่อกับผู้อาวุโสตระกูลไป๋ด้วย เพราะฉะนั้นหากต้องการทำภารกิจของอัศวิน A ให้สำเร็จ มีเพียงผีรองเท่านั้นที่ทำได้

ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “พี่รองทำไมท่านถึงระวังตัวเช่นนี้ล่ะ? สิ่งเล็กน้อยนี่อาจไม่เกี่ยวอะไรกับอัศวิน A ก็ได้ ครั้งสุดท้ายที่อัศวิน A บีบบังคับสองสามีภรรยาตระกูลไป๋ให้ฆ่าตัวตาย อาจเป็นเพราะบังเอิญเห็นฉากต่อสู้บางอย่างเข้า เลยกุเรื่องโกหกขึ้นมา ไม่ได้มีความความสัมพันธ์ใดด้วย?”

“อัศวิน A เป็นจอมยุทธ์ไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เมื่อเราใส่ร้ายเขาลับหลังเหมือนคราวที่แล้ว เขาได้ยินอย่างชัดเจนแน่นอน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาอาจจัดการเราก็ได้ ราชาหนูภูเขาตัวน้อยนี้ เราจะอ้างว่าในเวลานั้นจำเป็นต้องกำจัดภัยพิบัติของหนูยักษ์ในเมืองฉี แม้ว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับเขาก็จริง แต่เกรงว่าเขาจะต้องยอมเสียสละชีวิตของสิ่งเล็กน้อยนี้เพื่อแลกกับผู้คนในเมือง”

ดูเหมือนว่าหนูสีเทาจะเข้าใจโดยสมบูรณ์แล้ว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังอีกครั้ง

กุ่ยชีอธิบายไปมากมาย แต่ผีรองกลับไม่ได้กล่าวอะไร เพียงขยิบตาให้เขาทีหนึ่ง ฉับพลันร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+