เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง
ค่ายกลกระบี่สี่สภาพเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่เทพแห่งระบบกำลังระเบิดพลังโกรธใส่ฝูงต่อยักษ์ในพื้นที่กักกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องมาจากข้างนอก

“ท่านพ่อช่วยด้วย!”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น สีหน้าของหม่าเถ้าฉ่างแห่งจื่อซานกวนพลันเปลี่ยนไปในทันใด

เขาหันศีรษะเพื่อดูว่าเสียงมาจากไหน แล้วเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไง? คนของสำนักสัจธรรมควรจะอยู่ใกล้ๆ เพื่อติดตามสถานการณ์การจู่โจม ถึงผิงเอ๋อร์จะไม่ได้ซ่อนตัวอย่างดีขนาดนั้นแต่เขาก็น่าจะได้รับการคุ้มครอง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้เด็กชายอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดเพิ่งจะถูกแมงป่องยักษ์บีบอัดและจับชูขึ้นไปกลางอากาศ หางของแมงป่องที่มีเข็มพิษเป็นประกายแวววาวนั้นกำลังเล็งไปที่หัวของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กชายจะกรีดร้องออกมา

ไม่เพียงแค่นั้น แมงป่องยังขู่เสียงดัง “หม่าฝูเทียน! ลูกชายของเจ้าอยู่ในมือของข้าแล้ว เห็นแบบนี้แล้วก็ออกมาจากค่ายกลกระบี่สี่สภาพซะ แล้วกลับไปที่จื่อซานกวนของเจ้า! อย่ามายุ่มย่ามเรื่องแมลงปีศาจของข้า แล้วข้าจะปล่อยลูกชายของเจ้าไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ลิ้มรสพลังของแมงป่องยักษ์เก้าพิษของข้าก่อน”

หม่าเถ้าฉ่างแววตาว่างเปล่า ไม่สามารถตัดสินใจได้ชั่วขณะ

แมงป่องเห็นท่าทีเช่นนั้นก็พูดอีกครั้ง “เจ้าวางใจได้ ข้าแค่ไม่พอใจที่มังกรตัวจริงแสร้งอยากจะทำเป็นมือปราบปีศาจ? ยอมรับข้อเสนอซะ แล้วข้าจะปล่อยฝูงแมลงให้บินออกจากเสินโจว ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีที่สำหรับข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าฝูงแมลงจะสร้างความหายนะอีก!”

หม่าเถ้าฉางมองสามคนที่เหลือ หลวงจีนเฒ่านิ่งเงียบ ส่วนพระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหัวเล็กน้อย

“สหายเต๋าทั้งสาม ข้าละอายใจจริงๆ…”

ทว่าตอนนั้นเองอัศวิน A ก็กล่าวขึ้น “ท่านไปเถอะ ข้าเคยพูดไปแล้วว่าผู้กระทำผิดทั้งหมดจะต้องถูกข้าสังหารที่นี่”

ใบหน้าของหม่าเถ้าฉ่างตื่นตะลึง เขายืนขึ้นและโค้งคำนับให้ทั้งสามคนอย่างสุดซึ้ง จากนั้นจึงกระโดดออกจากค่ายกล แล้วรีบเดินไปทางตอนเหนือโดยไม่หันหลังกลับมา

เมื่อเห็นดังนั้น แมงป่องยักษ์ก็บินโฉบลงบนพื้น คืนตัวหม่าผิงและหายตัวไปในทันที

หลังจากที่หม่าเถ้าฉ่างจากไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ พระโพธิสัตว์ปีศาจก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย

เขาส่ายหัวให้สหายเต๋าที่เหลืออีกสองคนและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจทำตามใจตนเองได้ คงจะขอล่าถอยไปด้วย”

หลวงจีนเฒ่าพยักหน้าตอบรับด้วยความเข้าใจ “พระโพธิสัตว์ไปเถอะ”

พระโพธิสัตว์ปีศาจหายตัวไปแล้ว แต่ลูกประคำกลับถูกทิ้งไว้ที่เดิมซึ่งเคยอยู่

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิง “เอาล่ะ อีกไม่นานหลวงจีนเฒ่าก็คงจะถอนตัวด้วย ฟังนะ ฉันพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ความสำคัญของการซ่อนตัวตนของแก ทุกครอบครัวมีอาชีพการงานที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขาทั้งหมดถูกเปิดเผยแก่ภายนอกและถูกผู้มีอำนาจมาพบเข้า พวกเขาก็จะถูกจับทันที และทันทีที่พวกเขาถูกจับได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่องค์กรที่เป็นทางการอย่างสำนักสัจธรรม และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมเรื่องใหญ่โตได้ เว้นแต่พวกเขาจะไปถึงจุดที่ปลาตายและแหขาด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงเลือกที่จะยอมแพ้ต่อหน้าผู้มีอำนาจเหล่านี้ ฟังจากคำพูดของปีศาจแมลงแล้ว เป้าหมายคือเรา ถ้าไม่มีทั้งสามคนคอยช่วยเหลือ พวกเราก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้น”

ระบบ “ถูกแล้วที่ให้พวกเขาจากไป…ระบบยังกังวลว่าพวกเขาจะไม่รักษาคำพูดแล้วหาจังหวะแย่งชิงบอสของฝูงแมลงไป”

ฟางหนิง “แต่ค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้ต้องการคนสี่คนในการควบคุมมันนะ ถ้าไม่มีการกักกันพื้นที่ สุดท้ายแล้วปีศาจแมลงนั่นก็จะหนีไปได้อยู่ดี แล้วเราก็จะไม่สามารถกำจัดมันได้”

ระบบ “ไม่ต้องเป็นห่วง ระบบเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว”

ฟางหนิงตกใจ เขาไม่อยากเชื่อสายตา “อะไรนะ ด้วยแขนและขาเล็กๆ ของฉัน แกยังมีแก่ใจให้ฉันต่อสู้อีกเหรอ?”

ระบบ “โฮสต์ไม่จำเป็นต้องสู้ แต่ต้องต้องเพิ่มความโกรธ หยิบนิยายที่ภรรยานั้นมีชู้ที่โฮสต์เตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ออกมาอ่านซะ…”

ฟางหนิง “ให้ตายเถอะ ให้ฉันกำจัดปีศาจต่อยักษ์สักสองสามตัวยังจะดีกว่า…”

ระบบ “โฮสต์ไม่กลัวบอสที่ซ่อนอยู่ในฝูงเหรอ?”

ตั้งแต่เกิดมาฟางหนิงไม่เคยเขินอายเท่านี้มาก่อน “อ่านก็อ่าน!”

ตามที่คาดไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าของหลวงจีนเฒ่าก็กระตุกสองสามครั้ง สลับเป็นสีแดงและขาว

ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็เห็นอัศวิน A พูดขึ้นก่อน “หลวงจีนเฒ่าท่านไปได้นะ ข้าคนนี้ถูกลิขิตให้เกิดมา จะขอทำมันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ไม่มีทางหลงกลอุบายของปีศาจหนุ่มสาวเหล่านี้หรอก!”

หลวงจีนเฒ่าถอนหายใจ “ข้าจนปัญญาจริงๆ น่าละอายใจยิ่งนัก ขอส่งต่อค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้แก่สหายมังกรเพื่อปราบปีศาจด้วย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ปลดปล่อยค่ายกล เคลื่อนไปด้านหน้าแล้วหายตัวไป

…………

ณ ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับ

ผู้เฒ่าไห่ “เซวียเฟิงรับคำสั่งจากฉัน มีอุบัติเหตุร้ายแรงในทางตอนเหนือ อันผิงและคนอื่นๆ ถูกย้ายไปแล้ว ฉันต้องรีบตามไป ยังไงก็ตาม อย่าลืมว่าห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม เว้นเสียแต่ว่าปีศาจแมลงจะทรยศต่อคำสัญญาของเขา ไม่อย่างนั้นก็อย่าออกคำสั่งปิดล้อมเด็ดขาด”

เซวียเฟิงดาบไร้ปรานีตอบกลับ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอัศวิน A ไม่สามารถออกแรงด้วยตัวคนเดียวได้?”

ผู้เฒ่าไห่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปที่สนามเพื่อช่วยเขา อย่าปล่อยให้พันธมิตรต้องผิดหวัง คุณเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ด้วยดาบของคุณใช่ไหม?”

เซวียเฟิงตอบกลับ “ตอนนี้ความเข้มข้นของปราณได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับใหม่ ผมได้ฝึกฝนไปเมื่อสองสามวันก่อนแล้วครับ”

ผู้เฒ่าไห่พยักหน้า เหลือบมองภาพบนหน้าจอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถอนหายใจแล้วจากไป

ผู้คนภายในห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับมองหน้ากัน

ใครสักคนกระซิบ “การต่อสู้แบบกลุ่มกลายเป็นตัวต่อตัว อัศวิน A จะทำได้ไหมนะ?”

“คุณคิดผิดแล้ว มันเคยเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวต่างหาก ตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มแล้ว…”

“เอฟเฟ็กต์ของพื้นที่กักกันน่าจะหายไปในไม่ช้านี้ใช่ไหม? เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงแมลง ไม่ว่าอัศวิน A จะแข็งแกร่งเพียงใด ฉันกลัวว่าสุดท้ายมันจะหนีไปได้ และทิ้งความอับอายไว้ให้เขา”

“ใช่ แต่ก็ยังมีหัวหน้าทีมเซวียนะ ฉันยังไม่เคยเห็นดาบไร้ปราณีเลย…”

เสียงของทุกคนดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเองก็มีเสียงตำหนิดังขึ้น “เงียบหน่อย ให้ความสงบกับฉันที ตอนนี้เราอยู่ในสนามรบนะ! พวกคุณคิดว่าตัวเองกำลังนั่งแทะเมล็ดแตงชมการแสดงอยู่เหรอ!”

ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับกลับสู่ความเงียบทันที มีเสียงแตะแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องตลอดจนเสียงเตือนต่างๆ และเสียงคำสั่งเท่านั้นที่ส่งเสียงดัง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านี่คือศูนย์บัญชาการในสภาวะบรรยากาศที่ตึงเครียด

เซวียเฟิงทำหูทวนลม เขาจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่และให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ความคืบหน้าตรงหน้า เขาได้เตรียมการสำหรับการช่วยเหลืออย่างลับๆ ไว้แล้ว ทั้งทักษะดาบก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หากฝึกฝนมันสำเร็จก็ย่อมมีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าทีมที่แท้จริง

…………

ณ ค่ายกลกระบี่สี่สภาพ

จากสี่คนจู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหลือแค่อัศวิน A เพียงคนเดียว

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงมาจากด้านล่าง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นยังไงบ้าง? มันเป็นแค่เคล็ดลับเล็กน้อยที่จะแบ่งปันเจ้า ขอบคุณสหายเก่าของข้าที่คอยเตือน ตอนแรกกะจะวางแผนหนึ่งรุมสาม แต่แบบนี้คงดีกว่ามาก หากปราศจากพื้นที่กักกันของค่ายกลกระบี่สี่สภาพแล้ว ฝูงแมลงของข้าคงสามารถเติมเต็มได้ตามต้องการ วันนี้แหละข้าจะสังหารเจ้ามังกรซะ!”

อัศวิน A มองลงไป

เมื่อเห็นฝูงแมลงด้านล่าง ทันใดนั้นใบหน้ามืดครึ้มของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น และตอนนี้กำลังแสยะยิ้มมาให้อัศวิน A

ฟางหนิง ‘โง่เง่าจริงๆ ระบบอยู่คนเดียวมาตลอด และไม่เคยกำจัดปีศาจร่วมกับใคร แกก็แค่ไปกระตุ้นความกังวลของมันเท่านั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สะทกสะท้านสักนิด’

ฟางหนิงพูดกับระบบทันที “แกเปิดเกลียวกลไกได้กี่อัน ทำไมไม่เคยบอกฉันเลย”

ระบบ “โฮสต์ฉลาดอีกแล้ว รู้ทันจริงๆ ว่าระบบจะทำอะไร จำนวนเกลียวกลไกที่เปิดก็เหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์ของมนุษย์ มันขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ด้วยกำลังของระบบ ก็น่าจะเปิดได้ห้าอัน”

ฟางหนิง “ฉันถามจริงๆ นะ แกดูสบายใจแบบนี้เพราะว่าแอบปิดบังอะไรเอาไว้ใช่ไหม”

หลังบทสนทนาจบลง ปราณรูปมังกรโกรธเกรี้ยวสามตัวก็พลันปรากฏขึ้นด้านหลังอัศวิน A พร้อมกัน ความเข้มข้นของปราณแท้เหมือนกันทุกประการกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่พวกมันปรากฏขึ้น พวกมันก็เข้าประจำทั้งสามทิศทาง เหนือ ใต้ และตก

ภายใต้ค่ายกลกระบี่สี่สภาพทั้งหมด รังสีแสงนับร้อยล้านซึ่งเดิมทำหน้าที่เป็นราวกรง ถูกแทนที่ด้วยปราณรูปมังกรที่วนเป็นวงกลมขึ้นลง ทว่ากลับดูสง่างามกว่าและไม่มีแมลงตัวไหนกล้าบินเข้าใกล้

“บ้าจริง เป็นไปไม่ได้! นี่เรียนรู้วิธีการผสานความบริสุทธิ์ทั้งสามให้เป็นปราณเดียวอันเป็นขั้นสูงสุดของลัทธิเต๋า แกทำได้ยังไงกัน?”

เสียงของปีศาจแมลงเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ฟางหนิงครุ่นคิด ‘ แค่เปิดสามไอดีเองไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ?’

ที่ศูนย์บัญชาการลับ ทุกคนตื่นตกใจอีกครั้ง ไม่คิดว่าอัศวิน A จะเปิดไอดีสำรองเพื่อช่วยเหลือ เรียกมังกรสามตัวออกมาสนับสนุนสถานการณ์

เพราะเพิ่งจะถูกเจ้านายตำหนิ ทุกคนจึงไม่ส่งเสียงฮือฮาออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ในใจกลับตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงสื่อสารความตื่นตกใจของตนเองได้ด้วยสายตา

เพียงแต่ว่าปีศาจแมลงนั้นยังคงยืนหยัด ราวกับเป็นผู้อยู่เหนือกว่า “เจ้าแค่คนเดียวจะทนรับความต้องการทั้งสี่ด้านได้นานแค่ไหนเชียว? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะพวกเราได้!”

ฟางหนิง ‘ประทานโทษนะ รอแกยืนหยัดได้ถึงสามปีห้าปีก่อนค่อยพูดเรื่องใหญ่โตแบบนี้เถอะ เทพแห่งระบบอาศัยการกินเพื่อฝึกฝนปราณแท้ เพราะฉะนั้นแค่มีอาหารใหม่เข้าไปในพื้นที่เก็บความสดของระบบก็ได้แล้ว…’

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง
ค่ายกลกระบี่สี่สภาพเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่เทพแห่งระบบกำลังระเบิดพลังโกรธใส่ฝูงต่อยักษ์ในพื้นที่กักกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องมาจากข้างนอก

“ท่านพ่อช่วยด้วย!”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น สีหน้าของหม่าเถ้าฉ่างแห่งจื่อซานกวนพลันเปลี่ยนไปในทันใด

เขาหันศีรษะเพื่อดูว่าเสียงมาจากไหน แล้วเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไง? คนของสำนักสัจธรรมควรจะอยู่ใกล้ๆ เพื่อติดตามสถานการณ์การจู่โจม ถึงผิงเอ๋อร์จะไม่ได้ซ่อนตัวอย่างดีขนาดนั้นแต่เขาก็น่าจะได้รับการคุ้มครอง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้เด็กชายอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดเพิ่งจะถูกแมงป่องยักษ์บีบอัดและจับชูขึ้นไปกลางอากาศ หางของแมงป่องที่มีเข็มพิษเป็นประกายแวววาวนั้นกำลังเล็งไปที่หัวของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กชายจะกรีดร้องออกมา

ไม่เพียงแค่นั้น แมงป่องยังขู่เสียงดัง “หม่าฝูเทียน! ลูกชายของเจ้าอยู่ในมือของข้าแล้ว เห็นแบบนี้แล้วก็ออกมาจากค่ายกลกระบี่สี่สภาพซะ แล้วกลับไปที่จื่อซานกวนของเจ้า! อย่ามายุ่มย่ามเรื่องแมลงปีศาจของข้า แล้วข้าจะปล่อยลูกชายของเจ้าไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ลิ้มรสพลังของแมงป่องยักษ์เก้าพิษของข้าก่อน”

หม่าเถ้าฉ่างแววตาว่างเปล่า ไม่สามารถตัดสินใจได้ชั่วขณะ

แมงป่องเห็นท่าทีเช่นนั้นก็พูดอีกครั้ง “เจ้าวางใจได้ ข้าแค่ไม่พอใจที่มังกรตัวจริงแสร้งอยากจะทำเป็นมือปราบปีศาจ? ยอมรับข้อเสนอซะ แล้วข้าจะปล่อยฝูงแมลงให้บินออกจากเสินโจว ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีที่สำหรับข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าฝูงแมลงจะสร้างความหายนะอีก!”

หม่าเถ้าฉางมองสามคนที่เหลือ หลวงจีนเฒ่านิ่งเงียบ ส่วนพระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหัวเล็กน้อย

“สหายเต๋าทั้งสาม ข้าละอายใจจริงๆ…”

ทว่าตอนนั้นเองอัศวิน A ก็กล่าวขึ้น “ท่านไปเถอะ ข้าเคยพูดไปแล้วว่าผู้กระทำผิดทั้งหมดจะต้องถูกข้าสังหารที่นี่”

ใบหน้าของหม่าเถ้าฉ่างตื่นตะลึง เขายืนขึ้นและโค้งคำนับให้ทั้งสามคนอย่างสุดซึ้ง จากนั้นจึงกระโดดออกจากค่ายกล แล้วรีบเดินไปทางตอนเหนือโดยไม่หันหลังกลับมา

เมื่อเห็นดังนั้น แมงป่องยักษ์ก็บินโฉบลงบนพื้น คืนตัวหม่าผิงและหายตัวไปในทันที

หลังจากที่หม่าเถ้าฉ่างจากไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ พระโพธิสัตว์ปีศาจก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย

เขาส่ายหัวให้สหายเต๋าที่เหลืออีกสองคนและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจทำตามใจตนเองได้ คงจะขอล่าถอยไปด้วย”

หลวงจีนเฒ่าพยักหน้าตอบรับด้วยความเข้าใจ “พระโพธิสัตว์ไปเถอะ”

พระโพธิสัตว์ปีศาจหายตัวไปแล้ว แต่ลูกประคำกลับถูกทิ้งไว้ที่เดิมซึ่งเคยอยู่

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิง “เอาล่ะ อีกไม่นานหลวงจีนเฒ่าก็คงจะถอนตัวด้วย ฟังนะ ฉันพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ความสำคัญของการซ่อนตัวตนของแก ทุกครอบครัวมีอาชีพการงานที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขาทั้งหมดถูกเปิดเผยแก่ภายนอกและถูกผู้มีอำนาจมาพบเข้า พวกเขาก็จะถูกจับทันที และทันทีที่พวกเขาถูกจับได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่องค์กรที่เป็นทางการอย่างสำนักสัจธรรม และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมเรื่องใหญ่โตได้ เว้นแต่พวกเขาจะไปถึงจุดที่ปลาตายและแหขาด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงเลือกที่จะยอมแพ้ต่อหน้าผู้มีอำนาจเหล่านี้ ฟังจากคำพูดของปีศาจแมลงแล้ว เป้าหมายคือเรา ถ้าไม่มีทั้งสามคนคอยช่วยเหลือ พวกเราก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้น”

ระบบ “ถูกแล้วที่ให้พวกเขาจากไป…ระบบยังกังวลว่าพวกเขาจะไม่รักษาคำพูดแล้วหาจังหวะแย่งชิงบอสของฝูงแมลงไป”

ฟางหนิง “แต่ค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้ต้องการคนสี่คนในการควบคุมมันนะ ถ้าไม่มีการกักกันพื้นที่ สุดท้ายแล้วปีศาจแมลงนั่นก็จะหนีไปได้อยู่ดี แล้วเราก็จะไม่สามารถกำจัดมันได้”

ระบบ “ไม่ต้องเป็นห่วง ระบบเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว”

ฟางหนิงตกใจ เขาไม่อยากเชื่อสายตา “อะไรนะ ด้วยแขนและขาเล็กๆ ของฉัน แกยังมีแก่ใจให้ฉันต่อสู้อีกเหรอ?”

ระบบ “โฮสต์ไม่จำเป็นต้องสู้ แต่ต้องต้องเพิ่มความโกรธ หยิบนิยายที่ภรรยานั้นมีชู้ที่โฮสต์เตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ออกมาอ่านซะ…”

ฟางหนิง “ให้ตายเถอะ ให้ฉันกำจัดปีศาจต่อยักษ์สักสองสามตัวยังจะดีกว่า…”

ระบบ “โฮสต์ไม่กลัวบอสที่ซ่อนอยู่ในฝูงเหรอ?”

ตั้งแต่เกิดมาฟางหนิงไม่เคยเขินอายเท่านี้มาก่อน “อ่านก็อ่าน!”

ตามที่คาดไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าของหลวงจีนเฒ่าก็กระตุกสองสามครั้ง สลับเป็นสีแดงและขาว

ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็เห็นอัศวิน A พูดขึ้นก่อน “หลวงจีนเฒ่าท่านไปได้นะ ข้าคนนี้ถูกลิขิตให้เกิดมา จะขอทำมันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ไม่มีทางหลงกลอุบายของปีศาจหนุ่มสาวเหล่านี้หรอก!”

หลวงจีนเฒ่าถอนหายใจ “ข้าจนปัญญาจริงๆ น่าละอายใจยิ่งนัก ขอส่งต่อค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้แก่สหายมังกรเพื่อปราบปีศาจด้วย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ปลดปล่อยค่ายกล เคลื่อนไปด้านหน้าแล้วหายตัวไป

…………

ณ ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับ

ผู้เฒ่าไห่ “เซวียเฟิงรับคำสั่งจากฉัน มีอุบัติเหตุร้ายแรงในทางตอนเหนือ อันผิงและคนอื่นๆ ถูกย้ายไปแล้ว ฉันต้องรีบตามไป ยังไงก็ตาม อย่าลืมว่าห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม เว้นเสียแต่ว่าปีศาจแมลงจะทรยศต่อคำสัญญาของเขา ไม่อย่างนั้นก็อย่าออกคำสั่งปิดล้อมเด็ดขาด”

เซวียเฟิงดาบไร้ปรานีตอบกลับ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอัศวิน A ไม่สามารถออกแรงด้วยตัวคนเดียวได้?”

ผู้เฒ่าไห่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปที่สนามเพื่อช่วยเขา อย่าปล่อยให้พันธมิตรต้องผิดหวัง คุณเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ด้วยดาบของคุณใช่ไหม?”

เซวียเฟิงตอบกลับ “ตอนนี้ความเข้มข้นของปราณได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับใหม่ ผมได้ฝึกฝนไปเมื่อสองสามวันก่อนแล้วครับ”

ผู้เฒ่าไห่พยักหน้า เหลือบมองภาพบนหน้าจอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถอนหายใจแล้วจากไป

ผู้คนภายในห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับมองหน้ากัน

ใครสักคนกระซิบ “การต่อสู้แบบกลุ่มกลายเป็นตัวต่อตัว อัศวิน A จะทำได้ไหมนะ?”

“คุณคิดผิดแล้ว มันเคยเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวต่างหาก ตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มแล้ว…”

“เอฟเฟ็กต์ของพื้นที่กักกันน่าจะหายไปในไม่ช้านี้ใช่ไหม? เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงแมลง ไม่ว่าอัศวิน A จะแข็งแกร่งเพียงใด ฉันกลัวว่าสุดท้ายมันจะหนีไปได้ และทิ้งความอับอายไว้ให้เขา”

“ใช่ แต่ก็ยังมีหัวหน้าทีมเซวียนะ ฉันยังไม่เคยเห็นดาบไร้ปราณีเลย…”

เสียงของทุกคนดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเองก็มีเสียงตำหนิดังขึ้น “เงียบหน่อย ให้ความสงบกับฉันที ตอนนี้เราอยู่ในสนามรบนะ! พวกคุณคิดว่าตัวเองกำลังนั่งแทะเมล็ดแตงชมการแสดงอยู่เหรอ!”

ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับกลับสู่ความเงียบทันที มีเสียงแตะแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องตลอดจนเสียงเตือนต่างๆ และเสียงคำสั่งเท่านั้นที่ส่งเสียงดัง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านี่คือศูนย์บัญชาการในสภาวะบรรยากาศที่ตึงเครียด

เซวียเฟิงทำหูทวนลม เขาจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่และให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ความคืบหน้าตรงหน้า เขาได้เตรียมการสำหรับการช่วยเหลืออย่างลับๆ ไว้แล้ว ทั้งทักษะดาบก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หากฝึกฝนมันสำเร็จก็ย่อมมีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าทีมที่แท้จริง

…………

ณ ค่ายกลกระบี่สี่สภาพ

จากสี่คนจู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหลือแค่อัศวิน A เพียงคนเดียว

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงมาจากด้านล่าง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นยังไงบ้าง? มันเป็นแค่เคล็ดลับเล็กน้อยที่จะแบ่งปันเจ้า ขอบคุณสหายเก่าของข้าที่คอยเตือน ตอนแรกกะจะวางแผนหนึ่งรุมสาม แต่แบบนี้คงดีกว่ามาก หากปราศจากพื้นที่กักกันของค่ายกลกระบี่สี่สภาพแล้ว ฝูงแมลงของข้าคงสามารถเติมเต็มได้ตามต้องการ วันนี้แหละข้าจะสังหารเจ้ามังกรซะ!”

อัศวิน A มองลงไป

เมื่อเห็นฝูงแมลงด้านล่าง ทันใดนั้นใบหน้ามืดครึ้มของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น และตอนนี้กำลังแสยะยิ้มมาให้อัศวิน A

ฟางหนิง ‘โง่เง่าจริงๆ ระบบอยู่คนเดียวมาตลอด และไม่เคยกำจัดปีศาจร่วมกับใคร แกก็แค่ไปกระตุ้นความกังวลของมันเท่านั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สะทกสะท้านสักนิด’

ฟางหนิงพูดกับระบบทันที “แกเปิดเกลียวกลไกได้กี่อัน ทำไมไม่เคยบอกฉันเลย”

ระบบ “โฮสต์ฉลาดอีกแล้ว รู้ทันจริงๆ ว่าระบบจะทำอะไร จำนวนเกลียวกลไกที่เปิดก็เหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์ของมนุษย์ มันขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ด้วยกำลังของระบบ ก็น่าจะเปิดได้ห้าอัน”

ฟางหนิง “ฉันถามจริงๆ นะ แกดูสบายใจแบบนี้เพราะว่าแอบปิดบังอะไรเอาไว้ใช่ไหม”

หลังบทสนทนาจบลง ปราณรูปมังกรโกรธเกรี้ยวสามตัวก็พลันปรากฏขึ้นด้านหลังอัศวิน A พร้อมกัน ความเข้มข้นของปราณแท้เหมือนกันทุกประการกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่พวกมันปรากฏขึ้น พวกมันก็เข้าประจำทั้งสามทิศทาง เหนือ ใต้ และตก

ภายใต้ค่ายกลกระบี่สี่สภาพทั้งหมด รังสีแสงนับร้อยล้านซึ่งเดิมทำหน้าที่เป็นราวกรง ถูกแทนที่ด้วยปราณรูปมังกรที่วนเป็นวงกลมขึ้นลง ทว่ากลับดูสง่างามกว่าและไม่มีแมลงตัวไหนกล้าบินเข้าใกล้

“บ้าจริง เป็นไปไม่ได้! นี่เรียนรู้วิธีการผสานความบริสุทธิ์ทั้งสามให้เป็นปราณเดียวอันเป็นขั้นสูงสุดของลัทธิเต๋า แกทำได้ยังไงกัน?”

เสียงของปีศาจแมลงเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ฟางหนิงครุ่นคิด ‘ แค่เปิดสามไอดีเองไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ?’

ที่ศูนย์บัญชาการลับ ทุกคนตื่นตกใจอีกครั้ง ไม่คิดว่าอัศวิน A จะเปิดไอดีสำรองเพื่อช่วยเหลือ เรียกมังกรสามตัวออกมาสนับสนุนสถานการณ์

เพราะเพิ่งจะถูกเจ้านายตำหนิ ทุกคนจึงไม่ส่งเสียงฮือฮาออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ในใจกลับตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงสื่อสารความตื่นตกใจของตนเองได้ด้วยสายตา

เพียงแต่ว่าปีศาจแมลงนั้นยังคงยืนหยัด ราวกับเป็นผู้อยู่เหนือกว่า “เจ้าแค่คนเดียวจะทนรับความต้องการทั้งสี่ด้านได้นานแค่ไหนเชียว? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะพวกเราได้!”

ฟางหนิง ‘ประทานโทษนะ รอแกยืนหยัดได้ถึงสามปีห้าปีก่อนค่อยพูดเรื่องใหญ่โตแบบนี้เถอะ เทพแห่งระบบอาศัยการกินเพื่อฝึกฝนปราณแท้ เพราะฉะนั้นแค่มีอาหารใหม่เข้าไปในพื้นที่เก็บความสดของระบบก็ได้แล้ว…’

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง
ค่ายกลกระบี่สี่สภาพเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่เทพแห่งระบบกำลังระเบิดพลังโกรธใส่ฝูงต่อยักษ์ในพื้นที่กักกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องมาจากข้างนอก

“ท่านพ่อช่วยด้วย!”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น สีหน้าของหม่าเถ้าฉ่างแห่งจื่อซานกวนพลันเปลี่ยนไปในทันใด

เขาหันศีรษะเพื่อดูว่าเสียงมาจากไหน แล้วเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไง? คนของสำนักสัจธรรมควรจะอยู่ใกล้ๆ เพื่อติดตามสถานการณ์การจู่โจม ถึงผิงเอ๋อร์จะไม่ได้ซ่อนตัวอย่างดีขนาดนั้นแต่เขาก็น่าจะได้รับการคุ้มครอง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้เด็กชายอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดเพิ่งจะถูกแมงป่องยักษ์บีบอัดและจับชูขึ้นไปกลางอากาศ หางของแมงป่องที่มีเข็มพิษเป็นประกายแวววาวนั้นกำลังเล็งไปที่หัวของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กชายจะกรีดร้องออกมา

ไม่เพียงแค่นั้น แมงป่องยังขู่เสียงดัง “หม่าฝูเทียน! ลูกชายของเจ้าอยู่ในมือของข้าแล้ว เห็นแบบนี้แล้วก็ออกมาจากค่ายกลกระบี่สี่สภาพซะ แล้วกลับไปที่จื่อซานกวนของเจ้า! อย่ามายุ่มย่ามเรื่องแมลงปีศาจของข้า แล้วข้าจะปล่อยลูกชายของเจ้าไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ลิ้มรสพลังของแมงป่องยักษ์เก้าพิษของข้าก่อน”

หม่าเถ้าฉ่างแววตาว่างเปล่า ไม่สามารถตัดสินใจได้ชั่วขณะ

แมงป่องเห็นท่าทีเช่นนั้นก็พูดอีกครั้ง “เจ้าวางใจได้ ข้าแค่ไม่พอใจที่มังกรตัวจริงแสร้งอยากจะทำเป็นมือปราบปีศาจ? ยอมรับข้อเสนอซะ แล้วข้าจะปล่อยฝูงแมลงให้บินออกจากเสินโจว ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีที่สำหรับข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าฝูงแมลงจะสร้างความหายนะอีก!”

หม่าเถ้าฉางมองสามคนที่เหลือ หลวงจีนเฒ่านิ่งเงียบ ส่วนพระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหัวเล็กน้อย

“สหายเต๋าทั้งสาม ข้าละอายใจจริงๆ…”

ทว่าตอนนั้นเองอัศวิน A ก็กล่าวขึ้น “ท่านไปเถอะ ข้าเคยพูดไปแล้วว่าผู้กระทำผิดทั้งหมดจะต้องถูกข้าสังหารที่นี่”

ใบหน้าของหม่าเถ้าฉ่างตื่นตะลึง เขายืนขึ้นและโค้งคำนับให้ทั้งสามคนอย่างสุดซึ้ง จากนั้นจึงกระโดดออกจากค่ายกล แล้วรีบเดินไปทางตอนเหนือโดยไม่หันหลังกลับมา

เมื่อเห็นดังนั้น แมงป่องยักษ์ก็บินโฉบลงบนพื้น คืนตัวหม่าผิงและหายตัวไปในทันที

หลังจากที่หม่าเถ้าฉ่างจากไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ พระโพธิสัตว์ปีศาจก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย

เขาส่ายหัวให้สหายเต๋าที่เหลืออีกสองคนและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจทำตามใจตนเองได้ คงจะขอล่าถอยไปด้วย”

หลวงจีนเฒ่าพยักหน้าตอบรับด้วยความเข้าใจ “พระโพธิสัตว์ไปเถอะ”

พระโพธิสัตว์ปีศาจหายตัวไปแล้ว แต่ลูกประคำกลับถูกทิ้งไว้ที่เดิมซึ่งเคยอยู่

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิง “เอาล่ะ อีกไม่นานหลวงจีนเฒ่าก็คงจะถอนตัวด้วย ฟังนะ ฉันพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ความสำคัญของการซ่อนตัวตนของแก ทุกครอบครัวมีอาชีพการงานที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขาทั้งหมดถูกเปิดเผยแก่ภายนอกและถูกผู้มีอำนาจมาพบเข้า พวกเขาก็จะถูกจับทันที และทันทีที่พวกเขาถูกจับได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่องค์กรที่เป็นทางการอย่างสำนักสัจธรรม และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมเรื่องใหญ่โตได้ เว้นแต่พวกเขาจะไปถึงจุดที่ปลาตายและแหขาด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงเลือกที่จะยอมแพ้ต่อหน้าผู้มีอำนาจเหล่านี้ ฟังจากคำพูดของปีศาจแมลงแล้ว เป้าหมายคือเรา ถ้าไม่มีทั้งสามคนคอยช่วยเหลือ พวกเราก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้น”

ระบบ “ถูกแล้วที่ให้พวกเขาจากไป…ระบบยังกังวลว่าพวกเขาจะไม่รักษาคำพูดแล้วหาจังหวะแย่งชิงบอสของฝูงแมลงไป”

ฟางหนิง “แต่ค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้ต้องการคนสี่คนในการควบคุมมันนะ ถ้าไม่มีการกักกันพื้นที่ สุดท้ายแล้วปีศาจแมลงนั่นก็จะหนีไปได้อยู่ดี แล้วเราก็จะไม่สามารถกำจัดมันได้”

ระบบ “ไม่ต้องเป็นห่วง ระบบเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว”

ฟางหนิงตกใจ เขาไม่อยากเชื่อสายตา “อะไรนะ ด้วยแขนและขาเล็กๆ ของฉัน แกยังมีแก่ใจให้ฉันต่อสู้อีกเหรอ?”

ระบบ “โฮสต์ไม่จำเป็นต้องสู้ แต่ต้องต้องเพิ่มความโกรธ หยิบนิยายที่ภรรยานั้นมีชู้ที่โฮสต์เตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ออกมาอ่านซะ…”

ฟางหนิง “ให้ตายเถอะ ให้ฉันกำจัดปีศาจต่อยักษ์สักสองสามตัวยังจะดีกว่า…”

ระบบ “โฮสต์ไม่กลัวบอสที่ซ่อนอยู่ในฝูงเหรอ?”

ตั้งแต่เกิดมาฟางหนิงไม่เคยเขินอายเท่านี้มาก่อน “อ่านก็อ่าน!”

ตามที่คาดไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าของหลวงจีนเฒ่าก็กระตุกสองสามครั้ง สลับเป็นสีแดงและขาว

ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็เห็นอัศวิน A พูดขึ้นก่อน “หลวงจีนเฒ่าท่านไปได้นะ ข้าคนนี้ถูกลิขิตให้เกิดมา จะขอทำมันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ไม่มีทางหลงกลอุบายของปีศาจหนุ่มสาวเหล่านี้หรอก!”

หลวงจีนเฒ่าถอนหายใจ “ข้าจนปัญญาจริงๆ น่าละอายใจยิ่งนัก ขอส่งต่อค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้แก่สหายมังกรเพื่อปราบปีศาจด้วย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ปลดปล่อยค่ายกล เคลื่อนไปด้านหน้าแล้วหายตัวไป

…………

ณ ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับ

ผู้เฒ่าไห่ “เซวียเฟิงรับคำสั่งจากฉัน มีอุบัติเหตุร้ายแรงในทางตอนเหนือ อันผิงและคนอื่นๆ ถูกย้ายไปแล้ว ฉันต้องรีบตามไป ยังไงก็ตาม อย่าลืมว่าห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม เว้นเสียแต่ว่าปีศาจแมลงจะทรยศต่อคำสัญญาของเขา ไม่อย่างนั้นก็อย่าออกคำสั่งปิดล้อมเด็ดขาด”

เซวียเฟิงดาบไร้ปรานีตอบกลับ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอัศวิน A ไม่สามารถออกแรงด้วยตัวคนเดียวได้?”

ผู้เฒ่าไห่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปที่สนามเพื่อช่วยเขา อย่าปล่อยให้พันธมิตรต้องผิดหวัง คุณเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ด้วยดาบของคุณใช่ไหม?”

เซวียเฟิงตอบกลับ “ตอนนี้ความเข้มข้นของปราณได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับใหม่ ผมได้ฝึกฝนไปเมื่อสองสามวันก่อนแล้วครับ”

ผู้เฒ่าไห่พยักหน้า เหลือบมองภาพบนหน้าจอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถอนหายใจแล้วจากไป

ผู้คนภายในห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับมองหน้ากัน

ใครสักคนกระซิบ “การต่อสู้แบบกลุ่มกลายเป็นตัวต่อตัว อัศวิน A จะทำได้ไหมนะ?”

“คุณคิดผิดแล้ว มันเคยเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวต่างหาก ตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มแล้ว…”

“เอฟเฟ็กต์ของพื้นที่กักกันน่าจะหายไปในไม่ช้านี้ใช่ไหม? เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงแมลง ไม่ว่าอัศวิน A จะแข็งแกร่งเพียงใด ฉันกลัวว่าสุดท้ายมันจะหนีไปได้ และทิ้งความอับอายไว้ให้เขา”

“ใช่ แต่ก็ยังมีหัวหน้าทีมเซวียนะ ฉันยังไม่เคยเห็นดาบไร้ปราณีเลย…”

เสียงของทุกคนดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเองก็มีเสียงตำหนิดังขึ้น “เงียบหน่อย ให้ความสงบกับฉันที ตอนนี้เราอยู่ในสนามรบนะ! พวกคุณคิดว่าตัวเองกำลังนั่งแทะเมล็ดแตงชมการแสดงอยู่เหรอ!”

ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับกลับสู่ความเงียบทันที มีเสียงแตะแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องตลอดจนเสียงเตือนต่างๆ และเสียงคำสั่งเท่านั้นที่ส่งเสียงดัง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านี่คือศูนย์บัญชาการในสภาวะบรรยากาศที่ตึงเครียด

เซวียเฟิงทำหูทวนลม เขาจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่และให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ความคืบหน้าตรงหน้า เขาได้เตรียมการสำหรับการช่วยเหลืออย่างลับๆ ไว้แล้ว ทั้งทักษะดาบก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หากฝึกฝนมันสำเร็จก็ย่อมมีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าทีมที่แท้จริง

…………

ณ ค่ายกลกระบี่สี่สภาพ

จากสี่คนจู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหลือแค่อัศวิน A เพียงคนเดียว

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงมาจากด้านล่าง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นยังไงบ้าง? มันเป็นแค่เคล็ดลับเล็กน้อยที่จะแบ่งปันเจ้า ขอบคุณสหายเก่าของข้าที่คอยเตือน ตอนแรกกะจะวางแผนหนึ่งรุมสาม แต่แบบนี้คงดีกว่ามาก หากปราศจากพื้นที่กักกันของค่ายกลกระบี่สี่สภาพแล้ว ฝูงแมลงของข้าคงสามารถเติมเต็มได้ตามต้องการ วันนี้แหละข้าจะสังหารเจ้ามังกรซะ!”

อัศวิน A มองลงไป

เมื่อเห็นฝูงแมลงด้านล่าง ทันใดนั้นใบหน้ามืดครึ้มของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น และตอนนี้กำลังแสยะยิ้มมาให้อัศวิน A

ฟางหนิง ‘โง่เง่าจริงๆ ระบบอยู่คนเดียวมาตลอด และไม่เคยกำจัดปีศาจร่วมกับใคร แกก็แค่ไปกระตุ้นความกังวลของมันเท่านั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สะทกสะท้านสักนิด’

ฟางหนิงพูดกับระบบทันที “แกเปิดเกลียวกลไกได้กี่อัน ทำไมไม่เคยบอกฉันเลย”

ระบบ “โฮสต์ฉลาดอีกแล้ว รู้ทันจริงๆ ว่าระบบจะทำอะไร จำนวนเกลียวกลไกที่เปิดก็เหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์ของมนุษย์ มันขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ด้วยกำลังของระบบ ก็น่าจะเปิดได้ห้าอัน”

ฟางหนิง “ฉันถามจริงๆ นะ แกดูสบายใจแบบนี้เพราะว่าแอบปิดบังอะไรเอาไว้ใช่ไหม”

หลังบทสนทนาจบลง ปราณรูปมังกรโกรธเกรี้ยวสามตัวก็พลันปรากฏขึ้นด้านหลังอัศวิน A พร้อมกัน ความเข้มข้นของปราณแท้เหมือนกันทุกประการกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่พวกมันปรากฏขึ้น พวกมันก็เข้าประจำทั้งสามทิศทาง เหนือ ใต้ และตก

ภายใต้ค่ายกลกระบี่สี่สภาพทั้งหมด รังสีแสงนับร้อยล้านซึ่งเดิมทำหน้าที่เป็นราวกรง ถูกแทนที่ด้วยปราณรูปมังกรที่วนเป็นวงกลมขึ้นลง ทว่ากลับดูสง่างามกว่าและไม่มีแมลงตัวไหนกล้าบินเข้าใกล้

“บ้าจริง เป็นไปไม่ได้! นี่เรียนรู้วิธีการผสานความบริสุทธิ์ทั้งสามให้เป็นปราณเดียวอันเป็นขั้นสูงสุดของลัทธิเต๋า แกทำได้ยังไงกัน?”

เสียงของปีศาจแมลงเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ฟางหนิงครุ่นคิด ‘ แค่เปิดสามไอดีเองไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ?’

ที่ศูนย์บัญชาการลับ ทุกคนตื่นตกใจอีกครั้ง ไม่คิดว่าอัศวิน A จะเปิดไอดีสำรองเพื่อช่วยเหลือ เรียกมังกรสามตัวออกมาสนับสนุนสถานการณ์

เพราะเพิ่งจะถูกเจ้านายตำหนิ ทุกคนจึงไม่ส่งเสียงฮือฮาออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ในใจกลับตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงสื่อสารความตื่นตกใจของตนเองได้ด้วยสายตา

เพียงแต่ว่าปีศาจแมลงนั้นยังคงยืนหยัด ราวกับเป็นผู้อยู่เหนือกว่า “เจ้าแค่คนเดียวจะทนรับความต้องการทั้งสี่ด้านได้นานแค่ไหนเชียว? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะพวกเราได้!”

ฟางหนิง ‘ประทานโทษนะ รอแกยืนหยัดได้ถึงสามปีห้าปีก่อนค่อยพูดเรื่องใหญ่โตแบบนี้เถอะ เทพแห่งระบบอาศัยการกินเพื่อฝึกฝนปราณแท้ เพราะฉะนั้นแค่มีอาหารใหม่เข้าไปในพื้นที่เก็บความสดของระบบก็ได้แล้ว…’

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง

Now you are reading เมื่อผมโดนระบบครองร่าง (Seized by the System) Chapter 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 98 หนึ่งปราณสามบริสุทธิ์ ไม่นะ เพียงเปิดเกลียวกลไกไม่กี่ฝั่งเอง
ค่ายกลกระบี่สี่สภาพเสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่เทพแห่งระบบกำลังระเบิดพลังโกรธใส่ฝูงต่อยักษ์ในพื้นที่กักกัน ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องมาจากข้างนอก

“ท่านพ่อช่วยด้วย!”

เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น สีหน้าของหม่าเถ้าฉ่างแห่งจื่อซานกวนพลันเปลี่ยนไปในทันใด

เขาหันศีรษะเพื่อดูว่าเสียงมาจากไหน แล้วเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้ยังไง? คนของสำนักสัจธรรมควรจะอยู่ใกล้ๆ เพื่อติดตามสถานการณ์การจู่โจม ถึงผิงเอ๋อร์จะไม่ได้ซ่อนตัวอย่างดีขนาดนั้นแต่เขาก็น่าจะได้รับการคุ้มครอง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

ในเวลานี้เด็กชายอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดเพิ่งจะถูกแมงป่องยักษ์บีบอัดและจับชูขึ้นไปกลางอากาศ หางของแมงป่องที่มีเข็มพิษเป็นประกายแวววาวนั้นกำลังเล็งไปที่หัวของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กชายจะกรีดร้องออกมา

ไม่เพียงแค่นั้น แมงป่องยังขู่เสียงดัง “หม่าฝูเทียน! ลูกชายของเจ้าอยู่ในมือของข้าแล้ว เห็นแบบนี้แล้วก็ออกมาจากค่ายกลกระบี่สี่สภาพซะ แล้วกลับไปที่จื่อซานกวนของเจ้า! อย่ามายุ่มย่ามเรื่องแมลงปีศาจของข้า แล้วข้าจะปล่อยลูกชายของเจ้าไป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะได้ลิ้มรสพลังของแมงป่องยักษ์เก้าพิษของข้าก่อน”

หม่าเถ้าฉ่างแววตาว่างเปล่า ไม่สามารถตัดสินใจได้ชั่วขณะ

แมงป่องเห็นท่าทีเช่นนั้นก็พูดอีกครั้ง “เจ้าวางใจได้ ข้าแค่ไม่พอใจที่มังกรตัวจริงแสร้งอยากจะทำเป็นมือปราบปีศาจ? ยอมรับข้อเสนอซะ แล้วข้าจะปล่อยฝูงแมลงให้บินออกจากเสินโจว ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีที่สำหรับข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องกังวลว่าฝูงแมลงจะสร้างความหายนะอีก!”

หม่าเถ้าฉางมองสามคนที่เหลือ หลวงจีนเฒ่านิ่งเงียบ ส่วนพระโพธิสัตว์ปีศาจส่ายหัวเล็กน้อย

“สหายเต๋าทั้งสาม ข้าละอายใจจริงๆ…”

ทว่าตอนนั้นเองอัศวิน A ก็กล่าวขึ้น “ท่านไปเถอะ ข้าเคยพูดไปแล้วว่าผู้กระทำผิดทั้งหมดจะต้องถูกข้าสังหารที่นี่”

ใบหน้าของหม่าเถ้าฉ่างตื่นตะลึง เขายืนขึ้นและโค้งคำนับให้ทั้งสามคนอย่างสุดซึ้ง จากนั้นจึงกระโดดออกจากค่ายกล แล้วรีบเดินไปทางตอนเหนือโดยไม่หันหลังกลับมา

เมื่อเห็นดังนั้น แมงป่องยักษ์ก็บินโฉบลงบนพื้น คืนตัวหม่าผิงและหายตัวไปในทันที

หลังจากที่หม่าเถ้าฉ่างจากไปแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ พระโพธิสัตว์ปีศาจก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย

เขาส่ายหัวให้สหายเต๋าที่เหลืออีกสองคนและกล่าวว่า “ข้าไม่อาจทำตามใจตนเองได้ คงจะขอล่าถอยไปด้วย”

หลวงจีนเฒ่าพยักหน้าตอบรับด้วยความเข้าใจ “พระโพธิสัตว์ไปเถอะ”

พระโพธิสัตว์ปีศาจหายตัวไปแล้ว แต่ลูกประคำกลับถูกทิ้งไว้ที่เดิมซึ่งเคยอยู่

ภายในพื้นที่ของระบบ

ฟางหนิง “เอาล่ะ อีกไม่นานหลวงจีนเฒ่าก็คงจะถอนตัวด้วย ฟังนะ ฉันพูดไปแล้วก่อนหน้านี้ ความสำคัญของการซ่อนตัวตนของแก ทุกครอบครัวมีอาชีพการงานที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขาทั้งหมดถูกเปิดเผยแก่ภายนอกและถูกผู้มีอำนาจมาพบเข้า พวกเขาก็จะถูกจับทันที และทันทีที่พวกเขาถูกจับได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่องค์กรที่เป็นทางการอย่างสำนักสัจธรรม และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมเรื่องใหญ่โตได้ เว้นแต่พวกเขาจะไปถึงจุดที่ปลาตายและแหขาด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงเลือกที่จะยอมแพ้ต่อหน้าผู้มีอำนาจเหล่านี้ ฟังจากคำพูดของปีศาจแมลงแล้ว เป้าหมายคือเรา ถ้าไม่มีทั้งสามคนคอยช่วยเหลือ พวกเราก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้น”

ระบบ “ถูกแล้วที่ให้พวกเขาจากไป…ระบบยังกังวลว่าพวกเขาจะไม่รักษาคำพูดแล้วหาจังหวะแย่งชิงบอสของฝูงแมลงไป”

ฟางหนิง “แต่ค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้ต้องการคนสี่คนในการควบคุมมันนะ ถ้าไม่มีการกักกันพื้นที่ สุดท้ายแล้วปีศาจแมลงนั่นก็จะหนีไปได้อยู่ดี แล้วเราก็จะไม่สามารถกำจัดมันได้”

ระบบ “ไม่ต้องเป็นห่วง ระบบเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว”

ฟางหนิงตกใจ เขาไม่อยากเชื่อสายตา “อะไรนะ ด้วยแขนและขาเล็กๆ ของฉัน แกยังมีแก่ใจให้ฉันต่อสู้อีกเหรอ?”

ระบบ “โฮสต์ไม่จำเป็นต้องสู้ แต่ต้องต้องเพิ่มความโกรธ หยิบนิยายที่ภรรยานั้นมีชู้ที่โฮสต์เตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ออกมาอ่านซะ…”

ฟางหนิง “ให้ตายเถอะ ให้ฉันกำจัดปีศาจต่อยักษ์สักสองสามตัวยังจะดีกว่า…”

ระบบ “โฮสต์ไม่กลัวบอสที่ซ่อนอยู่ในฝูงเหรอ?”

ตั้งแต่เกิดมาฟางหนิงไม่เคยเขินอายเท่านี้มาก่อน “อ่านก็อ่าน!”

ตามที่คาดไว้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ใบหน้าของหลวงจีนเฒ่าก็กระตุกสองสามครั้ง สลับเป็นสีแดงและขาว

ขณะที่เขากำลังจะพูด ก็เห็นอัศวิน A พูดขึ้นก่อน “หลวงจีนเฒ่าท่านไปได้นะ ข้าคนนี้ถูกลิขิตให้เกิดมา จะขอทำมันด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ไม่มีทางหลงกลอุบายของปีศาจหนุ่มสาวเหล่านี้หรอก!”

หลวงจีนเฒ่าถอนหายใจ “ข้าจนปัญญาจริงๆ น่าละอายใจยิ่งนัก ขอส่งต่อค่ายกลกระบี่สี่สภาพนี้แก่สหายมังกรเพื่อปราบปีศาจด้วย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ปลดปล่อยค่ายกล เคลื่อนไปด้านหน้าแล้วหายตัวไป

…………

ณ ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับ

ผู้เฒ่าไห่ “เซวียเฟิงรับคำสั่งจากฉัน มีอุบัติเหตุร้ายแรงในทางตอนเหนือ อันผิงและคนอื่นๆ ถูกย้ายไปแล้ว ฉันต้องรีบตามไป ยังไงก็ตาม อย่าลืมว่าห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม เว้นเสียแต่ว่าปีศาจแมลงจะทรยศต่อคำสัญญาของเขา ไม่อย่างนั้นก็อย่าออกคำสั่งปิดล้อมเด็ดขาด”

เซวียเฟิงดาบไร้ปรานีตอบกลับ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอัศวิน A ไม่สามารถออกแรงด้วยตัวคนเดียวได้?”

ผู้เฒ่าไห่ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปที่สนามเพื่อช่วยเขา อย่าปล่อยให้พันธมิตรต้องผิดหวัง คุณเชี่ยวชาญทักษะการต่อสู้ด้วยดาบของคุณใช่ไหม?”

เซวียเฟิงตอบกลับ “ตอนนี้ความเข้มข้นของปราณได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับใหม่ ผมได้ฝึกฝนไปเมื่อสองสามวันก่อนแล้วครับ”

ผู้เฒ่าไห่พยักหน้า เหลือบมองภาพบนหน้าจอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถอนหายใจแล้วจากไป

ผู้คนภายในห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับมองหน้ากัน

ใครสักคนกระซิบ “การต่อสู้แบบกลุ่มกลายเป็นตัวต่อตัว อัศวิน A จะทำได้ไหมนะ?”

“คุณคิดผิดแล้ว มันเคยเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวต่างหาก ตอนนี้กลายเป็นการต่อสู้แบบกลุ่มแล้ว…”

“เอฟเฟ็กต์ของพื้นที่กักกันน่าจะหายไปในไม่ช้านี้ใช่ไหม? เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงแมลง ไม่ว่าอัศวิน A จะแข็งแกร่งเพียงใด ฉันกลัวว่าสุดท้ายมันจะหนีไปได้ และทิ้งความอับอายไว้ให้เขา”

“ใช่ แต่ก็ยังมีหัวหน้าทีมเซวียนะ ฉันยังไม่เคยเห็นดาบไร้ปราณีเลย…”

เสียงของทุกคนดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเองก็มีเสียงตำหนิดังขึ้น “เงียบหน่อย ให้ความสงบกับฉันที ตอนนี้เราอยู่ในสนามรบนะ! พวกคุณคิดว่าตัวเองกำลังนั่งแทะเมล็ดแตงชมการแสดงอยู่เหรอ!”

ห้องเฝ้าสังเกตการณ์ศูนย์บัญชาการลับกลับสู่ความเงียบทันที มีเสียงแตะแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องตลอดจนเสียงเตือนต่างๆ และเสียงคำสั่งเท่านั้นที่ส่งเสียงดัง ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านี่คือศูนย์บัญชาการในสภาวะบรรยากาศที่ตึงเครียด

เซวียเฟิงทำหูทวนลม เขาจ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่และให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ความคืบหน้าตรงหน้า เขาได้เตรียมการสำหรับการช่วยเหลืออย่างลับๆ ไว้แล้ว ทั้งทักษะดาบก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว หากฝึกฝนมันสำเร็จก็ย่อมมีคุณสมบัติในการเป็นหัวหน้าทีมที่แท้จริง

…………

ณ ค่ายกลกระบี่สี่สภาพ

จากสี่คนจู่ๆ ก็กลับกลายเป็นเหลือแค่อัศวิน A เพียงคนเดียว

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงมาจากด้านล่าง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นยังไงบ้าง? มันเป็นแค่เคล็ดลับเล็กน้อยที่จะแบ่งปันเจ้า ขอบคุณสหายเก่าของข้าที่คอยเตือน ตอนแรกกะจะวางแผนหนึ่งรุมสาม แต่แบบนี้คงดีกว่ามาก หากปราศจากพื้นที่กักกันของค่ายกลกระบี่สี่สภาพแล้ว ฝูงแมลงของข้าคงสามารถเติมเต็มได้ตามต้องการ วันนี้แหละข้าจะสังหารเจ้ามังกรซะ!”

อัศวิน A มองลงไป

เมื่อเห็นฝูงแมลงด้านล่าง ทันใดนั้นใบหน้ามืดครึ้มของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้น และตอนนี้กำลังแสยะยิ้มมาให้อัศวิน A

ฟางหนิง ‘โง่เง่าจริงๆ ระบบอยู่คนเดียวมาตลอด และไม่เคยกำจัดปีศาจร่วมกับใคร แกก็แค่ไปกระตุ้นความกังวลของมันเท่านั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่สะทกสะท้านสักนิด’

ฟางหนิงพูดกับระบบทันที “แกเปิดเกลียวกลไกได้กี่อัน ทำไมไม่เคยบอกฉันเลย”

ระบบ “โฮสต์ฉลาดอีกแล้ว รู้ทันจริงๆ ว่าระบบจะทำอะไร จำนวนเกลียวกลไกที่เปิดก็เหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์ของมนุษย์ มันขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ด้วยกำลังของระบบ ก็น่าจะเปิดได้ห้าอัน”

ฟางหนิง “ฉันถามจริงๆ นะ แกดูสบายใจแบบนี้เพราะว่าแอบปิดบังอะไรเอาไว้ใช่ไหม”

หลังบทสนทนาจบลง ปราณรูปมังกรโกรธเกรี้ยวสามตัวก็พลันปรากฏขึ้นด้านหลังอัศวิน A พร้อมกัน ความเข้มข้นของปราณแท้เหมือนกันทุกประการกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่พวกมันปรากฏขึ้น พวกมันก็เข้าประจำทั้งสามทิศทาง เหนือ ใต้ และตก

ภายใต้ค่ายกลกระบี่สี่สภาพทั้งหมด รังสีแสงนับร้อยล้านซึ่งเดิมทำหน้าที่เป็นราวกรง ถูกแทนที่ด้วยปราณรูปมังกรที่วนเป็นวงกลมขึ้นลง ทว่ากลับดูสง่างามกว่าและไม่มีแมลงตัวไหนกล้าบินเข้าใกล้

“บ้าจริง เป็นไปไม่ได้! นี่เรียนรู้วิธีการผสานความบริสุทธิ์ทั้งสามให้เป็นปราณเดียวอันเป็นขั้นสูงสุดของลัทธิเต๋า แกทำได้ยังไงกัน?”

เสียงของปีศาจแมลงเต็มไปด้วยความเดือดดาล

ฟางหนิงครุ่นคิด ‘ แค่เปิดสามไอดีเองไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ?’

ที่ศูนย์บัญชาการลับ ทุกคนตื่นตกใจอีกครั้ง ไม่คิดว่าอัศวิน A จะเปิดไอดีสำรองเพื่อช่วยเหลือ เรียกมังกรสามตัวออกมาสนับสนุนสถานการณ์

เพราะเพิ่งจะถูกเจ้านายตำหนิ ทุกคนจึงไม่ส่งเสียงฮือฮาออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ในใจกลับตื่นเต้นไม่แพ้กัน ถึงอย่างนั้นก็ทำได้เพียงสื่อสารความตื่นตกใจของตนเองได้ด้วยสายตา

เพียงแต่ว่าปีศาจแมลงนั้นยังคงยืนหยัด ราวกับเป็นผู้อยู่เหนือกว่า “เจ้าแค่คนเดียวจะทนรับความต้องการทั้งสี่ด้านได้นานแค่ไหนเชียว? ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะพวกเราได้!”

ฟางหนิง ‘ประทานโทษนะ รอแกยืนหยัดได้ถึงสามปีห้าปีก่อนค่อยพูดเรื่องใหญ่โตแบบนี้เถอะ เทพแห่งระบบอาศัยการกินเพื่อฝึกฝนปราณแท้ เพราะฉะนั้นแค่มีอาหารใหม่เข้าไปในพื้นที่เก็บความสดของระบบก็ได้แล้ว…’

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+