ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า 532 เรียกขานเป็นพี่น้อง
ตอนที่ 532 เรียกขานเป็นพี่น้อง
ความกลัวที่เคยมีเมื่อในอดีตเอ่อล้นขึ้นมาในใจอีกครั้ง นางทราบดีกว่าใครว่าราชินีปีศาจตนนี้น่ากลัวมากเพียงใด เป็นปีศาจที่สามารถทะลวงผ่านแรงโจมตีอันทรงพลังของยันต์กระบี่สวรรค์ได้อย่างง่ายดาย!
หนิวโหย่วเต้าที่สัมผัสถึงความไม่เป็นมิตรจากตัวอิ๋นเอ๋อร์ได้เริ่มถอยหลังไป ถอยกลับไปอยู่ข้างกายหยวนกัง เอ่ยถามเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสับสน “นี่น่ะเหรอปัญหานิดหน่อยที่นายพูดถึง?”
ก่อนหน้านี้หยวนกังส่งข่าวไปแจ้งสถานการณ์ทางนี้แล้ว แต่รู้ดีว่าเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าต้องจัดการมีความสำคัญใหญ่หลวง เกรงว่าจะกระทบถึงการทำงานของหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในเมือง จึงไม่ได้เล่าว่าเรื่องนี้ตึงเครียดมากเพียงใด
“ตอนที่บังคับให้นางติดตามคนของสำนักเบญจคีรีกลับไป เธอไม่ยอมไป จะอยู่รอคุณให้ได้ ผมคิดจะลงมือควบคุมตัวนาง พอใช้กำลังบังคับพาเธอกลับไป เธอก็กลายเป็นแบบนี้ไป ก็ไม่มีอะไรมากจริงๆ หลังจากผมเลิกยุ่งกับเธอ เธอก็ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรอีก” หยวนกังอธิบายเล็กน้อย แต่จากนั้นก็เอ่ยเตือนอีกนิดหน่อย “เต้าเหยี่ย เรื่องที่พวกเราวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวเธอก่อนหน้านี้อาจจะผิดพลาดไป หากถูกกระตุ้นขึ้นมาก็ดูเหมือนจะกลับสู่ร่างราชินีปีศาจได้ทุกเมื่อ”
แววตาหนิวโหย่วเต้าวูบไหว มองพินิจอิ๋นเอ๋อร์ ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน จึงไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไร
ก่วนฟางอี๋ก็ถอยกลับอยู่ข้างกายหยวนฟางเช่นกัน กระซิบถาม “เจ้าหมี เกิดอะไรขึ้น?”
หยวนฟางตอบเสียงแผ่ว “หยวนเหยี่ยจะให้นางตามคนสำนักเบญจคีรีกลับไป แต่นางไม่ยอมไป หยวนเหยี่ยเป็นคนเช่นไรเจ้ายังไม่รู้อีกหรือ ดุดันมาตลอด แต่พอเขาใช้กำลังบังคับนางก็เริ่มออกอาการ โชคดีที่หยวนเหยี่ยหยุดมือทันเวลา มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคือหายนะ”
เขาก็ยังหวาดหวั่นใจอยู่เช่นกัน ก่อนหน้านี้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมาระยะหนึ่ง เริ่มคิดว่าราชินีปีศาจตนนี้อยู่ด้วยง่ายนัก ซ้ำยังหลอกง่ายอย่างยิ่ง โง่งมว่าง่าย ค่อยๆ ลดกำแพงที่มีต่ออิ๋นเอ๋อร์ลง แต่พออิ๋นเอ๋อร์โมโหขึ้นมาครานี้ ความประมาทเลินเล่อที่เขาทำลงไปก่อนหน้านี้ทำให้เขานึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ
“ดุดันหรือ? ข้าว่าโง่เง่ามากกว่า!” ก่วนฟางอี๋จ้องมองแผ่นหลังของหยวนกังแล้วด่าออกมา ทั้งตกใจทั้งโมโห ไม่รู้ว่าเจ้าลิงตัวนี้สมองมีปัญหาหรืออย่างไร รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของราชินีปีศาจตนนี้ดี แต่ก็ยังกล้าลงมืออีก มีคนโง่เง่าขนาดนี้เชียวหรือ?
หนิวโหย่วเต้ากำลังใคร่ครวญอยู่ว่าควรจะสื่อสารกับอิ๋นเอ๋อร์ในตอนนี้อย่างไรถึงจะเหมาะสม
แต่จู่ๆ อินเอ๋อร์ก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนจะตอบสนองล่าช้าไปพอสมควร อีกทั้งดูเหมือนเพิ่งจะจำหนิวโหย่วเต้าได้ นางกระโดดลงมาจากก้อนหินแล้ววิ่งเข้ามา คว้าแขนเสื้อหนิวโหย่วเต้าพลางเอ่ยเรียก “เต้าเต้า!”
นางพูดจาได้เพียงคำง่ายๆ เต้าเหยี่ยที่คนอื่นเรียกกัน พอมาถึงปากนางก็กลายเป็นเต้าเต้าไปแล้ว นับว่าเป็นคำเรีบกขานเฉพาะสำหรับนางด้วย
หนิวโหย่วเต้าคิดจะถอยหลบไปเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย แต่พอเห็นว่าไม่เป็นไรถึงได้ฝืนทนไว้
เขาสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายอย่างละเอียด เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นไร เขาถึงได้เบาใจลง
อิ๋นเอ๋อร์แย้มยิ้มสดใส ดีใจเพราะในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว แต่ลวดลายสีเงินชั่วร้ายบนใบหน้ากลับทำให้รอยยิ้มของนางดูค่อนข้างแปลกประหลาด นางชี้ไปที่หยวนกังแล้วเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ “เจ้าลิง คนเลว!”
พอเจอหน้าก็เริ่มฟ้องทันที 艾琳小說
ก่วนฟางอี๋ชมอยู่ในใจ พูดได้ดี!
หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองเล็กน้อย หยวนกังยังคงมีสีหน้าเย็นชา
สายตาของหนิวโหย่วเต้ากวาดมองสีหน้าของลุงเฉินและสวี่เหล่าลิ่วต่อ ไม่ได้พูดมากอีก คว้ามืออิ๋นเอ๋อร์แล้วจูงออกไป
พอไปถึงจุดอับลับตา ทั้งสองหยุดยืนหันหน้าเข้าหาหัน
อิ๋นเอ๋อร์มองเขาด้วยสีหน้าฉงน ไม่ทราบว่าเขาจะทำอะไรจึงเอ่ยเรียกเพียงว่า “เต้าเต้า?”
หนิวโหย่วเต้าเริ่มแผ่ลมปราณข้าสู่มือนาง ถ่ายเทพลังเข้าไปในร่างนาง ตรวจสอบสถานการณ์ภายในร่างกายของนาง
ผลจากการตรวจสอบยืนยันข้อสงสัยของเขาแล้ว พลังปีศาจในร่างอิ๋นเอ๋อร์เพิ่มขึ้นไม่น้อยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ก็รู้อยู่แล้ว ถึงแม้จะขจัดพลังปีศาจในร่างอิ๋นเอ๋อร์ทิ้งตอนอยู่ในแดนความฝันแล้ว แต่ร่างกายของอิ๋นเอ๋อร์จะค่อยๆ สะสมพลังปีศาจเพิ่มขึ้นมาเองอยู่ดี ทว่าจะไม่ได้เพิ่มพรวดขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่หยวนกังว่าไว้ เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังถูกกระตุ้นอารมณ์
สังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าพลังปีศาจของอิ๋นเอ๋อร์ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะมีผลลัพธ์ตามมาเช่นไร
พอเกิดเรื่องครั้งนี้ขึ้น เขาก็แน่ใจแล้วว่าหากพลังปีศาจในร่างอิ๋นเอ๋อร์สะสมไปถึงจุดหนึ่ง นางจะกลายไปเป็นราชินีปีศาจอีกครั้ง มีแนวโน้วสูงว่าร่างจริงในฐานะอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่น่าหวาดกลัวจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
เขากระตุ้นเคล็ดวิชามหาจักรวาลขึ้นมาแล้วขจัดพลังปีศาจในร่างอิ๋นเอ๋อร์ทิ้งอีกครั้ง พลังปีศาจพยายามต่อต้านแต่เหมือนจะเผชิญหน้ากับดาวข่มชะตา ไม่อาจหนีรอดได้
อิ๋นเอ๋อร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หลับตาลงไป แสดงสีหน้าผ่อนคลายนิดๆ
เมื่อพลังปีศาจค่อยๆ สลายไป ลวดลายสีเงินชั่วร้ายบนใบหน้าของอิ๋นเอ๋อร์ก็เริ่มเจือจางลง จนกระทั่งเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์
หนิวโหย่วเต้าดึงพลังกลับมาแล้วปล่อยมือนาง อิ๋นเอ๋อร์ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา กลายเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาคนเดิมอีกครั้ง มองเขาด้วยนัยน์ตากลมโตใสซื่อพราวระยับ
หนิวโหย่วเต้ายิ้มให้แล้วหันหลังเดินออกไป
อิ๋นเอ๋อร์วิ่งตามมา ร้องเรียกอย่างร่าเริง “เต้าเต้า”
วิหคยักษ์ทั้งสามตัวโผขึ้นจากป่าเขา เหินสู่นภา
พอมีอิ๋นเอ๋อร์อยู่หนิวโหย่วเต้าก็สบายหูแล้ว ก่วนฟางอี๋ไม่กล้าบ่นจู้จี้เรื่องขายวิหคไม่รู้จบอีก
“จะไปไหน?” หยวนกังคำนวณพิกัดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามขึ้นมา
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เมืองหลวงแคว้นฉี เซ่าผิงปออาจจะไปหลบอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉี…” เขาเล่าถึงจดหมายจากเฮ่าเจินเล็กน้อย
หยวนกังเอ่ยว่า “น้องสาวเขาอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉี เบาะแสนี้ชัดเจนเกินไปหน่อยแล้วกระมัง ถ้าหากเขาไม่อยู่ มิใช่ไปเสียเที่ยวหรอกหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ก็เพราะชัดเจนเกินไป ตอนแรกข้าจึงมองข้ามไป คิดว่าเซ่าผิงปอที่หนีเอาชีวิตรอดคงไม่มีทางมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าเด่นชัดเช่นนี้ ภายหลังมาลองคิดๆ ดู เซ่าผิงปออาจจะใช้ประโยชน์จากในข้อนี้อยู่ ไม่ว่าจะไปเสียเที่ยวหรือไม่ก็ต้องไปสักรอบ…ข้าอาจจะทำพลาดซ้ำเดิมก็ได้!” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เขาบ่งชี้ถึงจดหมายที่ตนส่งกลับไปหาเฮ่าเจิน
ก่อนหน้านี้เพราะสั่งให้หวงเลี่ยส่งจดหมายกลับไปที่มณฑลเป่ยโจวจึงทำให้เซ่าผิงปอไหวตัวทันหลบหนีไปได้ ครั้งนี้หากเซ่าผิงปออยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉีจริง ไม่แน่ว่าอาจจะแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกก็ได้
พอลงมือไปแล้วถึงตระหนักขึ้นมาได้จึงไปกล่าวอำลาหวงเลี่ยเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงแคว้นฉีทันที
หากเป็นแต่ก่อนคงไม่มีความสามารถเช่นนี้ แต่ตอนนี้มีวิหคพาหนะแล้ว เดินทางได้สะดวก พอตระหนักถึงปัญหาขึ้นมาย่อมต้องไปอุดช่องโหว่โดยเร็ว
หยวนกังเข้าใจแล้ว เช่นนี้คือต้องการสังหารเซ่าผิงปอให้ได้ ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสผงาดขึ้นมาอีก โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์ของมณฑลเป่ยโจวเป็นเช่นในปัจจุบันนี้ ไม่อาจปล่อยให้เซ่าผิงปอกลับไปที่มณฑลเป่ยโจวในภายภาคหน้าได้อีก ส่วนตัวเซ่าผิงปอในขณะนี้ไม่มีทางกลับไปได้แน่…
….
ณ จวนครองฟ้า เสวียนเวยที่ไม่ไยดีการแต่งองค์ทรงโฉมเผยหน้าสดไร้การแต่งแต้มสวมชุดบุรุษเช่นเคย ยืนอยู่หน้าแผนที่ฉบับหนึ่งพลางมองพินิจ
ถังอี๋เดินผ่านเข้าประตูมาได้โดยไม่ต้องมีการขานแจ้งใดๆ
เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าเสวียนเวยมอบความไว้วางให้ใจถังอี๋อย่างมาก เสวียนเวยถ่ายทอดคำสั่งลงไป อีกทั้งมอบป้ายคำสั่งชิ้นหนึ่งให้ถังอี๋ไว้ อนุญาตให้ถังอี๋ผ่านเข้าออกได้โดยไม่ต้องมาแจ้ง เข้าออกจวนครองฟ้าได้ตลอดเวลา
แน่นอน มีฝ่าซือติดตามอย่างซีเหมินฉิงคงอยู่ทั้งคน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องถังอี๋จะปองร้ายเสวียนเวยเลย
“ท่านมหาเสนาบดี!” ถังอี๋เดินเข้ามาหาแล้วคารวะ
เสวียนเวยละสายตาจากแผนที่ มองไปที่ใบหน้าของนาง “น้องถัง ข้าบอกแล้ว ต่อไปพวกเราจะเรียกขานกันเป็นพี่เป็นน้อง ไม่จำเป็นต้องขีดเส้นบาง ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนน้องสาวแท้ๆ”
ซีเหมินฉิงคงที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองถังอี๋เล็กน้อย
ถังอี๋ค่อนข้างอับจนหนทาง จะตอบรับก็ไม่ได้ ไม่ตอบรับก็ไม่ดี
นางไม่ทราบเลยว่าควรจะตระหนกหรือไม่ที่ได้รับความเอ็นดูเช่นนี้ เพิ่งเข้ามาอยู่กับทางนี้ก็ได้เรียกขานมหาเสนาบดีหญิงแคว้นเว่ยที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นพี่เป็นน้องแล้ว รู้สึกรับไว้ไม่ค่อยไหวเท่าไร แต่อีกฝ่ายดึงดันจะทำเช่นนี้ นางมีสิทธิ์จะปฏิเสธได้หรือ?
อีกฝ่ายปฏิบัติต่อนางอย่างดีจริงๆ แต่งตั้งนางเป็นฝ่าซือประจำตัวทันที เหตุผลคือต่างเป็นสตรีเช่นกัน ข้างกายนางกำลังขาดฝ่าซือหญิงอยู่พอดี มีฝ่าซือหญิงติดตามข้างกาย จัดการเรื่องราวได้สะดวกกว่า บอกว่าเป็นโชคชะตานำพา
ไม่เพียงแต่มอบป้ายคำสั่งผ่านเข้าออกจวนมหาเสนาบดีให้นางเท่านั้น แต่ยังอนุญาตให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปคัดเลือกสถานที่ตั้งสำนักจากที่ดินศักดินาประจำฐานันดรองค์หญิงใหญ่ของตนที่อยู่ในเขตนอกเมืองได้ตามใจชอบด้วย ซ้ำยังช่วยสนับหนุนด้านกำลังทรัพย์อีก สั่งให้มีการระดมแรงงานช่างเข้ามาช่วยสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก่อตั้งสำนักขึ้นในเร็ววัน
การทำงานของมหาเสนาบดีหญิงท่านนี้มีประสิทธิภาพนัก แรงสนับสนุนที่มอให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มิใช่น้อยๆ เลย การสนับสนุนในส่วนนี้เป็นสิ่งที่เซ่าผิงปอไม่อาจมอบให้ได้
แน่นอนอยู่แล้ว มณฑลเป่ยโจวเล็กๆ แห่งหนึ่งไม่มีทางเทียบกับแคว้นเว่ยที่มั่งคั่งที่สุดในใต้หล้าได้ อำนาจของเซ่าผิงปอก็อยู่กันคนละชั้นกับเสวียนเวยด้วย
เสวียนเวยมองไปยังแผนที่อีกครั้ง เอ่ยขึ้นมา “เพิ่งได้รับข่าวมาว่าเซ่าผิงปออยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉี”
ถังอี๋ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร เซ่าผิงปออยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉีแล้วอย่างไร ไม่อยู่ที่เมืองหลวงแคว้นฉีแล้วอย่างไร เจ้าศักดินาคนหนึ่งออกไปเจริญสัมพันธไมตรีกับดินแดนแห่งหนึ่งแล้วมีปัญหาใดกัน?
เสวียนเวยหันกลับมามองนาง เอ่ยเสริมอย่างมีนัยยะแอบแฝง “หากการวิเคราะห์ของข้าไม่พลาดไป หนิวโหย่วเต้าอดีตสามีคนนั้นของเจ้าคงลงมือแล้ว บีบให้เซ่าผิงปอต้องหนีออกจากเป่ยโจวไป ทำให้เขาลี้ภัยไปยังเมืองหลวงแคว้นฉี”
คำว่าอดีตสามีทำให้ถังอี๋อึดอัดไปหมด แต่ก็ตกใจมากด้วย “เซ่าผิงปอหนีออกจากเป่ยโจวเพื่อเอาชีวิตรอดหรือ?”
นางพอจะรู้จักเซ่าผิงปอพอสมควร ในเขตพื้นที่มณฑลเป่ยโจว หากไม่มีการกดดันจากกลุ่มอิทธิพลยิ่งใหญ่หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงขึ้นก็เรียกได้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนตำแหน่งเซ่าผิงปอได้ เหตุใดหนิวโหย่วเต้าถึงมีความสามารถมากมายปานนั้นได้? ต่อให้ทุ่มกำลังของทั้งมณฑลหนานโจวก็ไม่มีทางทำได้!
“มองจากช่วงเวลาแล้ว” เสวียนเวยชี้ลงบนหลายตำแหน่งในแผนที่ “ว่ากันตามหลักแล้วหลังจากเซ่าผิงปอหนีออกจากเป่ยโจวไป เขาไม่น่าจะไปถึงเมืองหลวงแคว้นฉีได้เร็วขนาดนั้น น่าจะมีวิหคพาหนะอันใดมารับไป ส่วนหนิวโหย่วเต้าก็โดยสารวิหคพาหนะเดินทางจากสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว ช่วงเวลาที่ผู้หลบหนีไปปรากฏอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีกับช่วงเวลาที่หนิวโหย่วเต้าไปถึงเป่ยโจวนั้นแทบจะต่อกันพอดีเลย เห็นได้ว่าฝ่ายที่หลบหนีกับฝ่ายที่ไล่ตามนั้นคลาดกันพอดี หนิวโหย่วเต้าตั้งใจจะกัดเซ่าผิงปอไม่ยอมปล่อย เจ้าเคยคลุกคลีกับทั้งคู่ ตามความเห็นของเจ้า เจ้าว่าหนิวโหย่วเต้าจะไล่ตามไปสังหารเซ่าผิงปอที่เมืองหลวงแคว้นฉีหรือไม่?”
ถังอี๋ผงะไปเล็กน้อยถึงจะเข้าใจเรื่องราวขึ้นมา เซ่าผิงปอมีวิหคพาหนะสำหรับหลบหนีหรือ? แล้วหนิวโหย่วเต้ามีวิหคพาหนะด้วยตั้งแต่เมื่อไร? เหตุใดถึงรู้สึกว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งสองเริ่มยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้วล่ะ?
ตนเพิ่งพาสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ออกจากเป่ยโจวได้ไม่นาน พริบตาเดียวเซ่าผิงปอก็ถูกบีบให้ต้องหลบหนีออกจากเป่ยโจวเช่นกัน หากมิใช่เพราะทราบว่าเสวียนเวยไม่มีทางพูดเหลวไหล นางคงจะนึกสงสัยจริงๆ ว่าจะใช่ความจริงหรือไม่
เวลานี้นางพอจะเข้าใจแล้ว หนิวโหย่วเต้าที่ได้ครองมณฑลหนานโจวไปนั้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ความสามารถในการต่อสู้ยกระดับขึ้นแล้วจริงๆ มีคุณสมบัติพอจะปะทะกับเซ่าผิงปอซึ่งๆ หน้าแล้ว!
นางรู้ว่าหนิวโหย่วเต้ามีความสามารถ อันที่จริงนางเองก็แค่ได้ยินมาเท่านั้น อันว่าข่าวลือมักจะมีการเติมแต่งเสริมอยู่เสมอ
แต่สมัยอยู่ที่มณฑลเป่ยโจว นางกลับได้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของเซ่าผิงปอมากับตาแล้ว เขตพื้นที่อย่างมณฑลเป่ยโจวแห่งเดียวกลับต่อต้านแคว้นหาน ขัดขืนแคว้นเยี่ยนได้ สยบศึกในรับมือกับศึกนอกตัดสินใจเด็ดขาด เรียกได้ว่าเป็นผู้ปกครองที่กล้าหาญและเจ้าแผนการอย่างแท้จริง เรื่องจริงบางอย่างที่พบเห็นมากับตาน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าข่าวลือทั้งหมดเสียอีก
หากมิใช่เพราะชะตาชีวิตตนถูกลิขิตไว้แล้ว ตัวนางเองก็นึกสงสัยเช่นกันว่าตนจะสามารถต้านทานการพิชิตจากบุรุษอย่างเซ่าผิงปอได้หรือไม่
อันที่จริงแล้วความรู้และความเข้าใจที่นางมีต่อหนิวโหย่วเต้าไม่ได้มากมายนัก จากการพบหน้าหนิวโหย่วเต้าครั้งล่าสุดยิ่งทำให้สังเกตเห็นปัญหาข้อหนึ่งของหนิวโหย่วเต้า นิสัยดูเจ้าอารมณ์ฉุนเฉียว เอะอะก็ชักสีหน้า ดูไม่คล้ายคนที่จะทำการใหญ่ได้เลย ไม่อาจนำไปเทียบกับเซ่าผิงปอที่องอาจทรงความสามารถคำนึงถึงดินแดนอยู่เสมอได้ รู้สึกว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
หลงนึกมาตลอดว่าความสามารถของหนิวโหย่วเต้าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญไปเสียมาก ไม่อาจนำมาโอ้อวดได้
สรุปแล้วคือนางไม่คิดว่าหนิวโหย่วเต้าจะเป็นคู่ต่อสู้เซ่าผิงปอได้จริงๆ
เซ่าผิงปอที่มีภาพลักษณ์สูงส่งเลิศล้ำในใจตนกลับสู้หนิวโหย่วเต้าไม่ได้ ซ้ำยังถูกหนิวโหย่วเต้าบีบจนต้องสละมณฑลเป่ยโจวเพื่อหนีเอาชีวิตรอดอีก
จู่ๆ ก็ปรากฏผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้น ทำให้นางรู้สึกแปลกใจจนตั้งตัวไม่ทันจริงๆ
………………………………………………………………………………..
Comments