ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า 316 ผู้ดูแลหลวง

Now you are reading ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า Chapter 316 ผู้ดูแลหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 316 ผู้ดูแลหลวง

ไม่ง่ายเลยกว่าจะคุยกันมาถึงขั้นนี้ได้ แล้วจะไม่ให้เอ่ยถึงได้อย่างไร? ลิ่งหูชิวรู้สึกอึดอัดที่ถูกพูดดักทางเช่นนี้ ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ จึงซักไซ้ต่อว่า “ของที่ทำให้จ้าวสยงเกอสนใจได้ เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าคือสิ่งใด?”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “ถูกกักบริเวณไว้ในเรือนดอกท้อนานหลายปี ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้เรือนดอกท้อกลายเป็นฝันร้ายของข้า เป็นอดีตที่ไม่อยากหวนนึกถึง ข้าไม่อยากนึกถึงเรื่องเรือนดอกท้อไปมากกว่านี้แล้วจริงๆ เฮ้อ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้เหล่าเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าสำนักหยกสวรรค์จะปล่อยของในมือออกไปได้ทันเวลาหรือไม่ มิเช่นนั้นเกรงว่าเหล่าเฟิงคงต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”

ลิ่งหูชิวแทบจะถูกคำพูดเหล่านี้ทำให้อึดอัดตายแล้ว คำว่า ‘เหล่าเฟิ่ง’ ดักทางเขาไว้อย่างสมบูรณ์ ทำให้ยากจะซักถามต่อไปได้อีก

เหตุผลก็ง่ายมาก ไม่ว่าจะพูดกันอย่างไร ดีร้ายอย่างไรเฟิงเอินไท่ก็เป็นพี่ชายร่วมสาบานของทั้งคู่ หากไม่สนใจไยดีแม้แต่ความเป็นความตายของพี่ชายร่วมสาบาน ทว่าเอาแต่สนใจของต่างหน้าของคนที่ตายจากไปหลายปี มันเหมาะสมหรือ?

หารู้ไม่ว่าหนิวโหย่วเต้าแค่ต้องการจะรั้งเขาไว้

ตลอดทางมานี้ลิ่งหูชิวตามติดเขาเป็นเงาตามตัว ทำให้เขานึกสงสัยขึ้นมา ช่วงที่อยู่ทางหอไร้ขอบเขต มีคนล่อลิ่งหูชิวออกไปแล้วค่อยลงมือกับเขา แต่การเดินทางในช่วงหลังจนมาถึงตอนนี้ คนของหอจันทร์กระจ่างแทบจะไม่ลงมือกับเขาอีกเลย หอจันทร์กระจ่างจะใจดีขนาดนี้เชียวหรือ?

ปัญหาบางอย่างสำหรับคนทั่วอาจจะไม่เก็บมาคิด แต่สำหรับคนอย่างหนิวโหย่วเต้าแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่ระแวดระวังได้

เมื่อคนที่น่าสงสัยมาอยู่ร่วมกับคนอย่างหนิวโหย่วเต้าตลอดเวลาเช่นนี้ การจะหลบเลี่ยงประสาทสัมผัสอันเฉียบไวของหนิวโหย่วเต้านั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

อยู่ร่วมกันมาจนถึงตอนนี้ หนิวโหย่วเต้าพอจะคาดเดาถึงตัวตนของลิ่งหูชิวได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่สงสัยว่าลิ่งหูชิวเข้าหาเขาเพราะคันฉ่องของตงกัวเฮ่าหรานบานนั้น เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะเขารู้ว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตงกัวเฮ่าหรานที่เรียกได้ว่ามีความสำคัญจริงๆ ก็มีเพียงคันฉ่องบานนั้นเท่านั้น นอกเหนือไปจากนี้แล้ว เขาก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับตนและตงกัวเฮ่าหรานที่ควรค่าพอให้ลิ่งหูชิววางแผนเข้าใกล้ได้

ประกอบกับทราบข่าวลือบางอย่างมา เขาจึงสงสัยมานานแล้วว่าคันฉ่องบานนั้นจะใช่คันฉ่องแห่งซางที่เล่าขานกันหรือไม่ แต่ก็มีส่วนที่ขัดกับตำนานเล่าขานอยู่ ในตำนานกล่าวไว้ว่าคันฉ่องแห่งซางเป็นสมบัติชิ้นแรกในแปดของวิเศษครองพิภพ แต่คันฉ่องสัมฤทธิ์ที่เขาแก้กลไกได้ดูเหมือนจะเป็นเพียงอุปกรณ์บันทึกวิชาบำเพ็ญเพียรเท่านั้น แทบจะไม่เข้าข่ายที่เรียกว่าของวิเศษได้เลย

หากว่าเป็นคันฉ่องแห่งซางจริง ในอดีตคันฉ่องแห่งซางก็น่าจะเคยตกอยู่ในมือคนอื่นเป็นระยะเวลานานหลายปีเช่นกัน ไม่เคยมีผู้ใดถอดรหัสเนื้อหาภายในคันฉ่องได้เลยหรือ?

หรือว่าคันฉ่องแห่งซางยังมีวิธีใช้อย่างอื่นที่ตนยังไม่รู้อยู่?

ลิ่งหูชิวมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ น่ะหรือ?

จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ การหยั่งเชิงของลิ่งหูชิวทำให้เขามั่นใจเต็มที่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายจะมาเพราะคันฉ่องบานนั้นจริงๆ

หากว่าเป็นคนอื่น เมื่อตระหนักได้ว่าข้างกายมีตัวอันตรายเช่นนี้อยู่ คาดว่าคงหาวิธีสลัดทิ้ง ทว่าหนิวโหย่วเต้ากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม เขาต้องการรั้งลิ่งหูชิวเอาไว้ข้างกายตน ต้องการยึดโยงเขาไว้ ไม่ปล่อยให้ลิ่งหูชิวจากไปได้

เขาทราบชัดเจนดี หากปล่อยให้ลิ่งหูชิวทราบเรื่องราวกระจ่างแล้ว อีกฝ่ายต้องหาโอกาสหรือหาข้ออ้างเพื่อจากไปแน่ ไม่แน่ว่าอาจลงมือสังหารตนทิ้งด้วยก็เป็นได้ หอจันทร์กระจ่างมิใช่ว่าต้องการสังหารเขาอยู่แล้วหรอกหรือ?

ตอนนี้มีจ้าวสยงเกอที่ไม่รู้ข้อมูลชัดเจนปรากฏขึ้นมา หากต้องการยืนยันให้แน่ใจล่ะก็ อีกฝ่ายก็ไม่อาจไปจากเขาได้ จ้าวสยงเกอมิใช่คนที่จั๋วเชาจะเทียบชั้นได้ อีกทั้งเขาก็ไม่เชื่อว่าในสถานการณ์ที่ยังไม่ทราบเรื่องแน่ชัด หอจันทร์กระจ่างจะกล้าทำตัวโอหังใส่จ้าวสยงเกอ ยอดฝีมือที่เป็นรองเพียงขั้นจิตทารกไหนเลยจะหาเรื่องได้ง่ายปานนั้น?

ต่อให้หอจันทร์กระจ่างจะมีอำนาจยิ่งใหญ่ แต่ในสถานการณ์ที่ยังยืนยันแน่ชัดไม่ได้ว่าเป้าหมายคือจ้าวสยงเกอ เขาคาดการณ์ว่าหอจันทร์กระจ่างคงไม่กล้าลงมือกับจ้าวสยงเกอในทันที

เขาเองก็ไม่กลัวเช่นกันว่าจะไปยั่วยุจ้าวสยงเกอเข้า เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาล้วนไม่เคยบอกและไม่เคยยอมรับเลยว่าเป็นจ้าวสยงเกอ

ตอนนี้เรื่องเดียวที่เขากังวลคือข้างกายตนไม่มีคนอื่นเลย ด้านอาหารการกินล้วนเป็นทางลิ่งหูชิวที่ดูแลจัดการ เขากังวลว่าอีกฝ่ายอาจจะลอบเล่นลูกไม้ จากนั้นก็จับเขาไว้ บังคับให้เขาคายความจริงออกมา

ทว่าตัวเขาหนิวโหย่วเต้าคุ้นชินกับวิถีชีวิตที่ต้องเสี่ยงอันตรายทุกย่างก้าวมานานแล้ว พร้อมเผชิญหน้าเสมอ รู้ชัดเจนว่าลิ่งหูชิวอาจจะคุมคามถึงชีวิตเขาได้ แต่เขาก็ยังอยู่ร่วมกับตัวอันตราย ยังคงทำงานร่วมกันอยู่ดี

หากเขายังไม่หลุดพ้นจากอันตรายอย่างแท้จริงจนกลับไปถึงจังหวัดชิงซานได้ เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้ลิ่งหูชิวไปจากข้างกายเขาง่ายๆ

เช่นเดียวกับที่เขาเคยกล่าวกับเฮยหมู่ตานไว้ก่อนหน้านี้ ลิ่งหูชิวลงเรือลำเดียวกับเขาแล้ว ก็อย่าได้หวังเลยว่าจะลงจากเรือไปได้ง่ายๆ ในความเป็นจริงคือลิ่งหูชิวติดตามเขาออกหน้าอย่างเปิดเผย ค่อยๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของเขาแล้ว นี่ก็คือหนึ่งในวัตถุประสงค์ที่เขาค่อยๆ ดำเนินการไปทีละขั้นตอน

ใจร้อนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ต้องค่อยเป็นค่อยไป สักวันหนึ่งเขาจะทำให้ลิ่งหูชิวถอนตัวกลับไม่ได้อีก!

ลิ่งหูชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงระอา “เหล่าเฟิงหาใช่คนโง่ไม่ พูดกับเขาไปชัดเจนหมดแล้ว เขาน่าจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร น่าจะไม่มีอันตรายอะไรร้ายแรงหรอก” ปากพูดไป แต่ในหัวยังคงคิดอยู่ว่าจะวกกลับเข้าประเด็นอย่างไรดี

แต่ในเวลานี้เอง หงซิ่วเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา มือถือป้ายคำสั่งชิ้นหนึ่งมาด้วย เอ่ยรายงานว่า “เต้าเหยี่ย ผู้ดูแลหลวงปู้สวินมาเยือนเจ้าค่ะ รออยู่นอกประตู ต้องการพบท่านเจ้าค่ะ”

“ปู้สวินหรือ?” ลิ่งหูชิวแปลกใจ รีบยื่นมือไปหยิบป้ายคำสั่งมาตรวจสอบดู

หนิวโหย่วเต้าสงสัย “ผู้ดูแลหลวงหรือ? ผู้ดูแลหลวงไหน?”

ลิ่งหูชิวพลิกดูป้ายคำสั่งนี้พลางเอ่ยเสียงขรึม “หัวหน้าขันทีที่อยู่ข้างกายเฮ่าอวิ๋นถู รับผิดชอบดูแลจัดการทุกเรื่องภายในวังหลวง จะเรียกว่าเป็นพ่อบ้านของเฮ่าอวิ๋นถูก็ได้ แล้วก็เป็นคนสนิทที่ได้รับความไว้วางใจจากเฮ่าอวิ๋นถูเป็นที่สุด ได้ยินว่าเขายังรับผิดขอบดูแลหน่วยข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพที่สุดในแคว้นฉีด้วย ถึงแม้จะไม่มีอำนาจทางการทหาร แต่ก็กุมอำนาจไว้ไม่น้อยเลย! ร่ำลือกันว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเช่นกัน แต่ไม่มีผู้ใดทราบถึงระดับสภาวะของเขา มีข่าวลือว่าคนที่ทราบถึงระดับสภาวะของเขาล้วนตายไปหมดแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างแปลกใจ เอ่ยถามหงซิ่วว่า “ใช่เขาจริงๆ หรือ? คงมิใช่ว่าเป็นตัวปลอมกระมัง?”

หงซิ่วตอบว่า “คนผู้นี้อยู่ในวังหลวง ข้าก็ไม่เคยเห็นเขามาก่อนเช่นกันเจ้าค่ะ แต่เผยซานเหนียงก็มาด้วย มองออกเลยว่าเผยซานเหนียงนอบน้อมต่อเขาอย่างมาก”

ลิ่งหูชิวยื่นป้ายคำสั่งในมือให้เขา “ข้าไม่เคยเห็นป้ายคำสั่งประเภทนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนของเขาหรือไม่ แต่ป้ายคำสั่งชิ้นนี้สร้างขึ้นอย่างประณีต ฝีมือละเอียดลออ ยากจะปลอมแปลงได้ และไม่อาจสร้างเลียนแบบได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ”

หนิวโหย่วเต้ารับป้ายคำสั่งไปพินิจดู รูปแบบไม่ธรรมดา ต่อให้เชี่ยวชาญการปลอมแปลงแค่ไหน หากคิดจะเลียนแบบรูปแบบและเอกลักษณ์ของป้ายคำสั่งชิ้นนี้ก็นับว่าทำได้ยากมากจริงๆ

ยังไม่ต้องกล่าวถึงแง่อื่นเลย ลำพังแค่ดวงตาของมังกรดั้นเมฆที่อยู่บนป้ายคำสั่งตัวนั้นก็ดูมีชีวิตชีวาสมจริงแล้ว ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็คล้ายกำลังจ้องมองกดดันด้วยสายตาทรงอำนาจ ทำให้คนรู้สึกกดดันและหวาดหวั่น

เพียงแต่เขายังมีข้อสงสัยอยู่เล็กน้อย “ปู้สวินหรือ? ผู้ดูแลหลวงผู้มีตำแหน่งสูงส่งในแคว้นฉีมาขอพบข้าด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? มีจุดประสงค์ใดกัน?”

หงซิ่วสอดปากเอ่ยขึ้นว่า “หรือว่าจะมาเพื่อคิดบัญชีกับเต้าเหยี่ยเจ้าคะ?”

ลิ่งหูชิวแค่นเสียงเหอะพลางเอ่ยว่า “หากต้องการคิดบัญชีกับพวกเราจริง เขาจำเป็นต้องถ่อมาด้วยตัวเองเชียวหรือ?”

“ไป ไปต้อนรับเขาสักหน่อย” หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นพลางกวักมือเรียก อยากรู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใดกันแน่ ก็อย่างที่ลิ่งหูชิวบอก หากต้องการจัดการเขาล่ะก็ ไม่จำเป็นที่ผู้ดูแลหลวงอย่างปู้สวินต้องออกโรงด้วยตัวเองเลย

ระหว่างทาง หงซิ่วเห็นลิ่งหูชิวปรายตามองมาสายตาเจือแววติเตียนเล็กน้อย นางลอบแปลกใจ ไม่ทราบว่าตนทำผิดพลาดตรงไหน

อันที่จริงจะบอกว่าทำผิดพลาดก็ไม่ใช่ เพียงแต่การที่นางเข้ามารายงานข่าวในเวลานี้ดันทำให้ลิ่งหูชิวเสียเรื่อง

ไม่ง่ายเลยกว่าจะสบช่องพูดคุยเข้าประเด็นได้ ตอนที่กำลังจะถามถึงเรื่องสำคัญกลับถูกขัดจังหวะเข้า ประเดี๋ยวหากยังคิดจะพูดคุยถึงประเด็นนี้ต่อ มันก็จะดูมีพิรุธเด่นชัดเกินไป จะทำให้หนิวโหย่วเต้าเกิดความสงสัยได้ง่าย!

แต่ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน ปู้สวินมาเยือนด้วยตัวเอง เขาจะทนรอให้เจ้าค่อยๆ พูดคุยจนทราบเรื่องกระจ่างแล้วค่อยไปพบได้หรือ?

ทั้งกลุ่มมาถึงด้านนอกประตู เห็นเพียงว่ามีรถม้าที่ดูธรรมดาสามัญคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่หน้าประตู แต่เห็นได้ชัดว่าปากตรอกทั้งสองด้านมีคนคอยเฝ้าระวังอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามาสอดส่องเรื่องภายในตรอกได้

“พี่เผย” หนิวโหย่วเต้าประสานมือกล่าวทักทายเผยซานเหนียง

ยังไม่ได้ทันได้เอ่ยประโยคต่อไป ม่านรถม้าพลันแหวกเปิดออก ปู้สวินมุดออกมา ก้าวลงจากรถม้า มองพินิจหนิวโหย่วเต้าตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าน่ะหรือหนิวโหย่วเต้า?”

เผยซานเหนียงส่งสัญญาณให้หนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย สื่อว่าท่านนี้คือคนสำคัญ

หนิวโหย่วเต้าจึงหันไปมองคนผู้นี้อย่างรวดเร็ว เป็นชายชราผมขาวในชุดสีพื้น รูปร่างท้วมเล็กน้อย แย้มยิ้มน้อยๆ ทว่าแฝงความสูงส่งสำรวมตน เขายิ้มเล็กน้อยประสานมือเอ่ยทักทายว่า “เป็นผู้น้อยเอง หนิวโหย่วเต้าคารวะผู้ดูแลหลวง”

“เป็นคนหนุ่มมีความสามารถโดยแท้” ปู้สวินพยักหน้ากล่าวชมด้วยสีหน้าชื่นชมเล็กน้อย จากนั้นหันหลังเดินตรงขึ้นบันไดไปโดยไม่รอให้เจ้าบ้านอนุญาตก่อน ทำราวกับเป็นเจ้าบ้านเสียเอง

ซ้ายขวาพลันมีคนจำนวนหนึ่งเร่งเดินเข้าประตูหน้าไปก่อนเพื่อเปิดทาง

คนที่เปิดทางเดินนำปู้สวินตรงไปที่โถงหลักของเรือน นี่กลับช่วยประหยัดแรงหนิวโหย่วเต้าไปได้มากทีเดียว เพราะหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางรับรองแขกในเรือนที่เต็มไปด้วยดินโคลนเหล่านั้น มิเช่นนั้นเรื่องที่เขาลอบขุดอุโมงค์มิเท่ากับต้องถูกเปิดโปงหรอกหรือ

พอเข้าสู่โถงหลัก ผู้คุ้มกันยื่นมือออกมาทันที ขวางพวกลิ่งหูชิวและหงซิ่วไว้ มีแค่ปู้สวินและหนิวโหย่วเต้าที่ผ่านเข้าไปได้

ไม่เพียงแต่ขวางเอาไว้เท่านั้น แต่ยังไล่ให้พวกลิ่งหูชิวออกไปอยู่ห่างๆ หน่อย ไล่ให้ไปรออยู่ที่เรือน แม้แต่เผยซานเหนียงก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้โถงหลัก แต่เผยซานเหนียงก็คล้ายจะไม่มีท่าทีไม่สบอารมณ์ หากแต่ทำตามคำสั่งแต่โดยดี

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในโถงเหลียวกลับไปมองดูสถานการณ์ด้านนอกเล็กน้อย

ปู้สวินเดินดูรอบๆ ชื่นชมการตกแต่งภายในโถงหลักอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปยังตำแหน่งที่นั่งของเจ้าบ้าน ยกแขนเสื้อปัดเก้าอี้เล็กน้อยแล้วค่อยหันหลังนั่งลงไป จากนั้นผายมือเชิญหนิวโหย่วเต้าพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าก็นั่งลงเถอะ!” วาจานั้นราวกับว่าตัวเขาต่างหากที่เป็นเจ้าบ้านของเรือนหลังนี้

หนิวโหย่วเต้านั่งลงตามที่เขาบอก เอ่ยถามว่า “ผู้ดูแลหลวงมาเยือนด้วยตัวเองทั้งที ไม่ทราบว่ามีเรื่องใดจะสั่งการหรือ?”

จู่ๆ ปู้สวินที่มองพินิจเขาก็ถามขึ้นว่า “ได้ยินว่าเจ้าถูกคุนหลินซู่ท้าทายอยู่หลายต่อหลายครั้ง ยามนั้นล้วนวางตนอ่อนน้อมทั้งสิ้น แล้วเหตุใดพอพบข้าถึงวางตัวปกติไม่เย่อหยิ่งไม่อ่อนน้อมเล่า หรือคิดว่าข้ารับใช้ในวังอย่างข้าเทียบกับศิษย์ของสำนักเลื่องชื่อเหล่านั้นไม่ได้?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “สำหรับศิษย์ของสำนักเลื่องชื่อ ข้าเพียงเสแสร้งแสดงไปเท่านั้น อันว่าคนถ่อยโอหังพาลพาโล คุยกับคนถ่อยด้วยถ้อยคำของสุภาพชน คนถ่อยย่อมไม่รู้ความ จึงทำได้เพียงตอบโต้กลับไปในแบบของคนถ่อยเช่นเดียวกัน แต่ท่านผู้ดูแลหลวงเป็นสุภาพชนและเป็นคนปราดเปรื่อง ย่อมต้องปฏิบัติด้วยวิสัยของสุภาพชนที่สุภาพมีเกียรติ ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง”

“ดี ในเมื่อไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง เช่นนั้นก็มาคุยกันตรงๆ เถอะ ดูเหมือนการที่ยงผิงจวิ้นอ๋องเลือกส่งเจ้ามาก็ใช่ว่าจะไม่มีสาเหตุ!” ปู้สวินยิ้มออกมา จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเสียดาย “เป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมโดยแท้ ข้าอยากหาศิษย์ที่ยอดเยี่ยมสักคนมารับช่วงต่อจากข้ามาโดยตลอด ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจหรือไม่? ข้าสามารถให้ในสิ่งที่ซางเฉาจงไม่อาจหามาให้เจ้าได้นะ”

รับช่วงต่อจากเจ้าอย่างนั้นหรือ? หนิวโหย่วเต้าเหงื่อตกเล็กน้อย แทบจะขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง ตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ได้เรื่อง ไม่ชอบการถูกผูกมัด แต่ข้าแนะนำตัวเลือกที่เหมาะสมให้ท่านผู้ดูแลหลวงได้ เพียงแต่ไม่ทราบเช่นกันว่าท่านผู้ดูแลหลวงจะสามารถชักจูงเขามาได้หรือไม่”

ปู้สวินดูจะสนใจในความเห็นของเขามาก จึงเอ่ยไปว่า “โอ้ ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกันที่ทำให้เจ้าเห็นค่าได้ มิสู้ลองว่ามาหน่อย ”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เซ่าผิงปอ บุตรชายของเซ่าเติงอวิ๋นแห่งมณฑลเป่ยโจว ณ แคว้นเยี่ยน!”

……………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด