ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า 183 กักบริเวณไว้ทั้งหมด

Now you are reading ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า Chapter 183 กักบริเวณไว้ทั้งหมด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 183 กักบริเวณไว้ทั้งหมด

คนของสำนักเซียนสถิตไม่รู้จักเขา จู่ๆ ก็พูดถึง ‘เต้าเหยี่ย’ ใครจะไปรู้ได้ว่าเป็นผู้ใด แต่เมื่อเห็นพวกต้วนหู่ที่อยู่ด้านหลังเขา เซียวเถี่ยก็เข้าใจทันที หนิวโหย่วเต้า!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชุยหย่วนที่เดินตามคนอื่นๆ ออกมาด้วยเลย ตอนอยู่เมืองไจซิงเขารู้จักพวกต้วนหู่ทุกคน หากว่าเป็นเมื่อก่อน เวลาอยู่ต่อหน้าพวกต้วนหู่เขาคงจะมีความรู้สึกดูแคลนอีกฝ่าย ทว่าตอนนี้กลับไร้ซึ่งความมั่นใจ ภายในใจรู้สึกหวาดกลัว ถ้าคิดจะฆ่าคนปิดปาก ฆ่าหนิวโหย่วเต้าเพียงคนเดียวยังไม่พอ ยังมีคนพวกนี้ด้วย!

“เกิดอะไรขึ้น?”

อูเซ่าฮวนที่เดินออกมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายเอ่ยตะคอกถาม ปรายตามองไปทางโต๊ะเก็บเงินที่ล้มคว่ำ แล้วก็ยังมีลูกศิษย์ที่มีเลือดกบปากที่กำลังถูกคนพยุงขึ้นมาในสภาพกึ่งหมดสติคนนั้นอีก ใบหน้าฉายแววโกรธเกรี้ยว

เซียวเถี่ยรีบเดินเข้าไป เอ่ยกระซิบกระซาบอยู่ข้างกายสองผู้อาวุโสอูเซ่าฮวนและลี่กวง

สีหน้าโกรธเกรี้ยวของอูเซ่าฮวนค่อยๆ คลายตัวลง จู่ๆ บรรยากาศตึงเครียดที่พลันก่อตัวขึ้นมาภายในร้านก็ถูกสะกดลงไปอีกครั้ง

“พวกเราไม่รู้จักเต้าเหยี่ยอันใดนั่น” อูเซ่าฮวนก้าวออกมาจากกลุ่มคนพลางกล่าว

หยวนกังเอ่ยไปห้วนๆ “หนิวโหย่วเต้า!”

อูเซ่าฮวนถาม “เจ้าเป็นใคร?” เขาสงสัยอยู่บ้างว่าอีกฝ่ายใช่คนของหอหิมะเหมันต์หรือไม่ ไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงได้ทำตัวเหิมเกริมเช่นนี้

หยวนกังตอบว่า “ให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจออกมาคุย คนที่ไม่เกี่ยวข้องจงไปยืนอยู่ด้านข้าง”

อูเซ่าฮวนมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ที่นี่ ข้าคือคนที่มีอำนาจตัดสินใจ”

หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ ตามพวกเราไปที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งหน่อย”

ภายในใจอูเซ่าฮวนเองก็รู้สึกลังเลเช่นกัน ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้ามีความสัมพันธ์กับหอหิมะเหมันต์อย่างไรกันแน่ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไร แต่ถ้าหากอ่อนข้อให้มากเกินไป ก็มีศิษย์มากมายขนาดนี้มองดูอยู่ เขาเอ่ยด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “แล้วเรื่องที่เจ้าทำร้ายศิษย์ของสำนักข้าจะว่าอย่างไร?”

หยวนกังกล่าวว่า “ไปกับพวกเราก่อน กลับมาแล้วเจ้าจะว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ข้าจะรับไว้เอง”

วาจานี้นับว่าเป็นการมอบคำอธิบายให้อูเซ่าฮวน อย่างน้อยก็ทำให้เขามีทางลงต่อหน้าศิษย์มากมาย

หยวนกังรู้ดีว่าเวลาไหนควรใช้ไม้แข็ง เวลาไหนควรใช้ไม้อ่อน ไม่มีทางทำให้งานที่หนิวโหย่วเต้ามอบหมายมาเกิดความเสียหาย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่หนิวโหย่วเต้าเลือกให้หยวนกังมาจัดการด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นแค่เรื่องมาเชิญคนคงไม่ต้องให้ถึงมือหยวนกัง ใช่ว่าจะขาดแคลนลูกน้องเสียหน่อย ให้พวกเฮยหมู่ตานมาจัดการก็ได้

ทว่าพวกเฮยหมู่ตานไม่เคยออกโรงมาก่อน ยังขาดประสบการณ์ ในอดีตถูกสำนักนิกายเหล่านี้กดขี่มาเป็นเวลานาน หากเผชิญหน้าจะลนลานได้ง่าย และจะขาดความมั่นใจ ถูกคนเขาดูแคลนได้ง่าย เรื่องบางเรื่องแม้จะห่างชั้นกันเพียงเล็กน้อย แต่นั่นกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

แต่หยวนกังกลับต่างออกไป เขาคุมสถานการณ์ได้!

ผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งกลุ่มออกมา อู๋ซานเหลี่ยงนำทางอูเซ่าฮวนไปที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง หยวนกังพาคนที่เหลือไปยังร้านต่อไป

“ท่านลูกค้า…”

ณ ร้านค้าสำนักเมฆาล่อง พนักงานเข้ามาต้อนรับ ถูกหยวนกังเตะปลิวออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง

ตูม! พนักงานที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มถูกเตะปลิวออกไปโดยไม่ทันตั้งตัว เรื่องกระอักเลือดนั้นไม่ต้องพูดถึง คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในร้านโผล่หน้าออกมาด้วยความตกใจ

ต้วนหู่และเว่ยตัวเหงื่อตกเล็กน้อย คนผู้นี้ดุร้ายเหลือเกิน นี่จะไล่ทุบตีไปทุกร้านเลยหรือ!

แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าที่หยวนกังทำแบบนี้ เป็นเพราะเขารู้เรื่องที่คนของสามสำนักนี้ไล่ล่าสังหารหนิวโหย่วเต้า

“ผู้ใดกัน?”

“เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ!”

เมื่อออกจากร้านค้าสำนักเมฆาล่อง หยวนกังมุ่งหน้าสู่ร้านต่อไป ต้วนหู่พาเฉาเฟิงผู้เป็นเถ้าแก่ร้านไปที่โรงเตี๊ยม

….

ณ โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง ภายใต้การนำทางของเหลยจงคัง ในที่สุดเหมยสือไคผู้เป็นเถ้าแก่ร้านค้าของสำนักเขามหาญาณก็มีวาสนาได้มาเยือนชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง หากเป็นเวลาปกติเขาเองก็ไม่มีทางได้ขึ้นมา เขาทราบเช่นกันว่าที่นี่มิใช่สถานที่ที่ผู้ใดนึกจะมาก็มาได้ นี่เป็นสถานที่รับรองแขกคนสำคัญของหอหิมะเหมันต์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้มาเยือน

ประตูไม่ได้ปิดไว้ เฮยหมู่ตานเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าประตู หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในห้องนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่หลังโต๊ะ ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เหลยจงคังมาหาเฮยหมู่ตานพลางแนะนำเหมยสือไคเล็กน้อย

“รอสักครู่!” เฮยหมู่ตานยิ้มพลางพยักหน้าทักทายเหมยสือไคเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า ก้มกระซิบรายงานที่ข้างหูหนิวโหย่วเต้าว่า “เต้าเหยี่ย เหมยสือไคเถ้าแก่ร้านของสำนักเขามหาญาณมาแล้วเจ้าค่ะ”

หนิวโหย่วเต้าตอบ “อืม” คำหนึ่ง เฮยหมู่ตานถึงได้กวักมือไปทางประตู เหลยจงคังผายมือเชิญเหมยสือไคทันที

ทั้งสองคนเดินเข้ามา เหลยจงคังไปยืนหลบอยู่ด้านข้าง เหมยสือไคประสานมือทักทายหนิวโหย่วเต้าที่อยู่หลังโต๊ะ “น้องหนิวต้องการพบข้าด้วยเรื่องใดหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น “ได้ยินว่าสำนักเขามหาญาณต้องการสังหารข้าหรือ?”

เหมยสือไคผงะไป แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่ยังคงรู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาตรงๆ โดยไม่ถามไถ่ถึงต้นสายปลายเหตุเลย จึงรีบโบกมือกล่าวว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร สำนักเขามหาญาณไร้ซึ่งความแค้นกับน้องหนิว น้องหนิวไปเอาคำพูดเช่นนี้มาจากไหนกัน?”

หนิวโหย่วเต้าถาม “เรื่องของสำนักเขามหาญาณ เถ้าแก่เหมยมีอำนาจตัดสินใจหรือไม่”

เหมยสือไคหัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “ข้าเพียงรับผิดชอบดูแลร้านค้าทางนี้เท่านั้น จะมีอำนาจตัดสินใจเรื่องในสำนักได้อย่างไร” คำถามประเภทนี้เขาต้องผลักความรับผิดชอบออกไปอยู่แล้ว

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนจะมีอีกหลายเรื่องที่เถ้าแก่เหมยไม่ทราบ เอาอย่างนี้แล้วกัน รบกวนเถ้าแก่เหมยส่งข้อความกลับไปที เชิญเจ้าสำนักของสำนักเขามหาญาณมาที่หอหิมะเหมันต์สักครา”

รอยยิ้มของเหมยสือไคค่อยๆ หดลง “ข้อความข้าส่งให้ได้ ส่วนเจ้าสำนักจะมาหรือไม่ เรื่องนั้นข้าไม่กล้ารับปาก”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ไม่เป็นไร เถ้าแก่เหมยพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมกับข้าก่อน เจ้าสำนักของท่านมาเมื่อไร ข้าค่อยปล่อยท่านไปเมื่อนั้น”

สีหน้าเหมยสือไคพลันคร่ำเคร่ง “หมายความว่าอย่างไร?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ย “ก็ไม่ได้มีอะไร เพียงแค่อยากคุยกับทางสำนักของท่านให้ชัดเจน ในเมื่อเรื่องนี้ท่านไม่มีอำนาจตัดสินใจ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไร”

เหมยสือไคเอ่ยเสียงเข้ม “หากข้าไม่ยอมอยู่เล่า?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ข้าก็ได้แต่หวังว่าท่านจะฝ่าออกไปจากโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งได้!”

มุมปากเหมยสือไคกระตุกเล็กน้อย ทั้งสองจ้องตากัน

“ในเมื่อไม่ใช่เรื่องของท่าน ก็อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวเลย ให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจมาจัดการเถอะ” หนิวโหย่วเต้ายกชาขึ้นมา หันไปเอ่ยกับเหลยจงคัง “เชิญเถ้าแก่เหมยไปพักที่ห้องของเจ้า แล้วกลับไปเชิญคนในร้านของพวกเขามาช่วยส่งข้อความแทนเถ้าแก่เหมยสักคน”

“ขอรับ!” เหลยจงคังรับคำสั่ง เดินเข้าไปตรงหน้าเหมยสือไค เชิญอีกฝ่ายให้ไปกับตน

เฮยหมู่ตานเหงื่อตกเล็กน้อย จับเถ้าแก่ร้านของสำนักหยกสวรรค์และวังสวรรค์หมื่นวิมานไว้แล้ว นี่ยังมาจับเถ้าแก่ร้านของสำนักเขามหาญาณอีกหรือ คิดจะทำอะไรกันแน่?

ไม่นานนัก อู๋ซานเหลี่ยงพาอูเซ่าฮวนมาถึง สถานการณ์ซ้ำรอยเดิม ต่อให้แน่มาจากไหน เมื่อเจอกับอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งก็ไม่กล้าแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา

จากนั้น เฉาเหิงเถ้าแก่ร้านสำนักเมฆาล่อง หลี่หั่วอวิ๋นเถ้าแก่ร้านสำนักคีรีพิลาสต่างทยอยเดินทางมาถึง พอมาถึงก็เจอเหมือนกับคนอื่นๆ ก่อนหน้า หนิวโหย่วเต้าไม่ปล่อยออกไปแม้แต่คนเดียว กักบริเวณเอาไว้ทุกคน

เฮยหมู่ตานมองว่าหนิวโหย่วเต้าบ้าไปแล้ว ถึงจะใช้กลยุทธ์จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือก็ไม่ควรทำเช่นนี้ เห็นสำนักเหล่านี้เป็นคนโง่กันหมดหรืออย่างไร? ท่านสั่งให้เจ้าสำนักของอีกฝ่ายมา เจ้าสำนักของอีกฝ่ายก็ต้องมาพบท่านอย่างนั้นหรือ?

“เต้าเหยี่ย ท่านจับตัวคนของหลายสำนักไว้ อีกเดี๋ยวพวกเขาต้องไปเจรจากับทางโรงเตี๊ยมแน่”

หนิวโหย่วเต้านั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ มองท้องนภาด้านนอกหน้าต่างที่ค่อยๆ มืดสลัวลง เฮยหมู่ตานยกน้ำชามาให้เขา กล่าวเตือนประโยคหนึ่ง บอกว่าหากกลยุทธ์จิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือเช่นนี้ถูกมองออกล่ะก็ อีกประเดี๋ยวคงยากจะเอาตัวรอดได้

“อืม ข้ารู้” หนิวโหย่วเต้าตอบ ยังคงทอดมองนอกหน้าต่างต่อไป ท่าทางดูใจลอยเล็กน้อย

ร่างของหยวนกังเคลื่อนเข้ามา บดบังสายตาเขาไว้ ยืนมองท้องฟ้าอยู่ตรงหน้าต่าง หันกลับมาเอ่ยว่า “สภาพอากาศของที่นี่แปรปรวน เกรงว่าคืนนี้จะมีหิมะตกหนัก”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ต้องยอมรับเลยว่าการมีเจ้าลิงอยู่ข้างตัวทำให้เขาเบาแรงลงไปได้หลายเรื่อง เจ้าลิงเชี่ยวชาญการรวบรวมข้อมูล สำหรับผู้คนและเรื่องราวที่ไม่เป็นผลดีต่อเขา เจ้าลิงล้วนจะจับตามองเป็นพิเศษ ระหว่างที่เดินทางมานี้มีหลายเรื่องที่เขาไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัด ซึ่งทันทีที่เจ้าลิงเดินทางมาถึงที่นี่ เขาก็เที่ยวสืบข่าวไปทั่ว อย่างเช่นสถานการณ์ของตระกูลซ่งในเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน

เฮยหมู่ตานพูดไม่ออก สองคนนี้คล้ายไม่รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นตนเองที่ดูเหมือนคนโง่เขลาไม่รู้ความ

นางเดินออกมาจากห้องด้วยความห่อเหี่ยว ทันทีที่ก้าวพ้นประตูออกไปก็เห็นพวกต้วนหู่เดินเข้ามา

“เป็นอย่างไรบ้าง” ต้วนหู่ถาม

เฮยหมู่ตานตอบว่า “เป็นอย่างไรอะไร ก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละ ยังจะเป็นอะไรได้อีก?”

อู๋ซานเหลี่ยงเอ่ยขึ้นว่า “หมู่ตาน หยวนกังคนนั้นบ้าดีเดือดมาก เจ้ารู้หรือเปล่า เมื่อครู่ตอนที่ไปเยือนร้านค้าสำนักต่างๆ เขาแทบจะไล่ทุบตีคนไปทีละร้านเลย”

“ทุบตี?” เฮยหมู่ตานมึนงง

ต้วนหู่ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “เต้าเหยี่ยฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนอยู่ในร้านค้าเข้าไปปล้นร้านค้าของคนอื่น แต่คนผู้นี้ดุร้ายยิ่งกว่าเต้าเหยี่ยเสียอีก ทันทีที่เข้าไปในร้านก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมืออย่างรุนแรง เตะต่อยคนของอีกฝ่ายจนกระอักเลือด ไปทุบตีคนอื่นถึงที่ตอนกลางวันแสกๆ เล่นงานจนอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส…”

ทั้งสามพูดคุยซุบซิบถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เฮยหมู่ตานมึนงงเล็กน้อย อีกฝ่ายไหนเลยจะกลัวเรื่องที่ไปล่วงเกินจับคนเอาไว้? ลงมือไปแล้วเนี่ย!

เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสามคน นางเองก็มองเห็นอะไรบางอย่างแล้วเช่นกัน ก่อนหน้านี้ทั้งสามคนยังแอบบ่นไม่พอใจหยวนกังลับหลังอยู่เลย ตอนนี้ท่าทีที่มีต่อหยวนกังเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

……

“เถ้าแก่ฉู่ โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งต้องมีคำอธิบายเรื่องที่จับคนเอาไว้หรือเปล่า?”

ทางด้านหนึ่งของโถงโรงเตี๊ยม พอได้ยินว่าอูเซ่าฮวนถูกจับตัวไว้ ลี่กวงผู้อาวุโสของสำนักเซียนสถิตก็มาที่โรงเตี๊ยมทันที มาขอคำอธิบายจากฉู่อันโหลว

ฉู่อันโหลวพูดไม่ออก ไม่ใช่แค่สำนักเซียนสถิตเท่านั้น แต่ทั้งสำนักหยกสวรรค์ วังสวรรค์หมื่นวิมาน รวมถึงสำนักเขามหาญาณ สำนักเหล่านี้พากันแห่มาที่นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เซวียนหยวนเต้าคือหนิวโหย่วเต้าที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนคนนั้นน่ะหรือ?

ก่อนหน้านี้เขาได้รับรายงานมาจากลูกน้อง แจ้งว่าทางชั้นบนสุดมีคนเข้าๆ ออกๆ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

“เถ้าแก่ฉู่ ข้าคือศิษย์ของสำนักเมฆาล่อง”

ศิษย์สำนักเมฆาล่องคนหนึ่งเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม กวาดตามองไปรอบโถงโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นฉู่อันโหลวที่อยู่ทางด้านหนึ่งของโถงโรงเตี๊ยม ก็ปรี่เข้าไปหาแล้วแจ้งว่าตนเป็นใครมาจากไหนทันที

อีกแล้วเหรอ? ยังไม่หมดอีกหรือ ฉู่อันโหลวยกมือปรามทันที เอ่ยว่า “ทุกท่านโปรดรอสักครู่ ให้ข้าไปสอบถามก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

กล่าวจบก็รีบเดินออกไป ตรงไปหาหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ชั้นบน

เมื่อเห็นเขาเข้ามา หนิวโหย่วเต้าวางถ้วยชาลง ประสานมือทักทาย “เถ้าแก่ฉู่”

ฉู่อันโหลวถามเสียงเข้ม “เจ้าคือหนิวโหย่วเต้าที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนคนนั้นอย่างนั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หนิวโหย่วเต้ายอมรับอย่างตรงไปตรงมา ถอนใจพลางเอ่ยว่า “ขออภัยเถ้าแก่ฉู่ด้วย เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง จึงจำเป็นต้องปิดบังชื่อแซ่”

ฉู่อันโหลวถาม “เจ้าอ้างชื่อโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งจับตัวคนของสำนักเหล่านั้นเอาไว้ในโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าคล้ายดูกระอักกระอ่วน เอ่ยว่า “ข้าเห็นเถ้าแก่ฉู่เป็นมิตรถึงเพียงนี้ จึงคิดจะใช้โอกาสนี้สะสางปัญหา จึงเป็นฝ่ายไปเชิญพวกเขามาเอง ตอนนี้ดูแล้วเหมือนอิทธิพลของเถ้าแก่จะน่าเกรงขามเป็นอย่างมากจริงๆ”

เจ้าเป็นฝ่ายไปเชิญพวกเขามาเองด้วย? ฉู่อันโหลวยกมือปรามไว้ “เอาล่ะ! เจ้าจงรีบปล่อยคนเหล่านั้นซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น”

หนิวโหย่วเต้ายื่นนิ้วออกมานับพลางบอกเขาว่า “มิใช่ว่าข้าอยากจะไปทำอะไรพวกเขา หากแต่เป็นพวกเขาที่คอยมายุ่งวุ่นวายกับข้า สำนักหยกสวรรค์ต้องการสังหารข้า วังสวรรค์หมื่นวิมานต้องการสังหารข้า สำนักเขามหาญาณต้องการสังหารข้า สำนักเมฆาล่องต้องการสังหารข้า สำนักคีรีพิลาสต้องการสังหารข้า บางสำนักได้เรียกระดมกำลังมาแล้วด้วย เถ้าแก่ฉู่ เดิมทีพวกเขายังไม่พบตัวข้า แต่การรับรองอย่างเป็นมิตรของท่านทำให้ข้าสะดุดตาขึ้นมาในทันใด ทำให้ตัวตนข้าถูกเปิดเผย แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไร?”

นี่เจ้าไปล่วงเกินผู้คนไว้มากน้อยเท่าไรกัน? ฉู่อันโหลวสบถในใจ เอ่ยเสียงเข้ม “นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้า โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งไม่ข้องเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นของโลกภายนอก ยิ่งไม่อาจจับตัวคนไว้ในโรงเตี๊ยมโดยไม่มีเหตุผล เจ้าทำเช่นนี้ วันหน้าผู้ใดจะกล้าเข้ามาพักเล่า? ถือโอกาสที่ตอนนี้ยังไม่เกิดเรื่องขึ้น รีบปล่อยคนซะ! เบื้องหลังของโรงเตี๊ยมเจ้าน่าจะทราบดี กล้าแอบอ้างโรงเตี๊ยมเช่นนี้ นั่นเท่ากับรนหาที่ตาย!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ในเมื่อเถ้าแก่ฉู่ว่ามาเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่กล้ากล่าวอันใดให้มากความอีก คงได้แต่ต้องคิดหาทางเอาตัวรอด เถ้าแก่ฉู่ให้การรับรองอย่างเป็นดี น้ำใจส่วนนี้ข้าจดจำไว้แล้ว ขอลา!”

ฉู่อันโหลวขมวดคิ้ว “เจ้าจะไปไหน?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าไหนเลยจะรู้ได้ว่าต้องไปที่ไหน? ที่ไหนหนีได้ก็ไปที่นั่น ต้องเร่งหาทางเอาชีวิตรอด หากไม่ฉวยโอกาสหนีไปตอนนี้ จะให้ข้าอยู่รอพวกเขามาสังหารข้าหรือ?”

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด