ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า 377 พี่หญิงสมควรต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำถึงจะถูก!

Now you are reading ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า Chapter 377 พี่หญิงสมควรต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำถึงจะถูก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 377 พี่หญิงสมควรต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำถึงจะถูก!

พอได้ยินคำพูดนี้ หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้วทันที เริ่มใช้ความคิดขึ้นมา

กุ่ยหมู่เอ่ยต่อว่า “ข้าอยู่ในแคว้นฉีมาร้อยกว่าปี เรื่องราวภายในบางอย่างข้าทราบกระจ่างแจ้ง หากราชสำนักไม่คิดจะปล่อยให้ส่งออกไป ม้าศึกชุดใหญ่เช่นนี้ก็ไม่มีทางขนออกไปได้ เฮ่าอวิ๋นเซิ่งรู้ความลับของข้า อีกทั้งยินดีจ่ายเงินให้ ข้าก็แค่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้แต่แรกแล้ว หากเขาสามารถขนส่งม้าศึกออกมาได้ ข้าถึงจะยอมช่วย ดังนั้นเจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเฮ่าอวิ๋นถูหรือเฮ่าอวิ๋นเซิ่ง ก็ล้วนมาสืบสาวเอาความข้าไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามากังวล ตอนนี้เจ้าเพียงต้องคืนตัวคนให้ข้าตามที่รับปากไว้!”

มือของนางตบลงบนปึกตั๋วเงินบนโต๊ะ “เห็นแก่เงินจำนวนนี้ ข้าจะรับประกันกับเจ้าว่าขอเพียงคนยังปลอดภัยไม่บุบสลาย ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่เล่นงานเจ้า!”

พอเห็นว่าอีกฝ่ายมองความคิดในใจของนางออก แต่กลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด ยังคงพูดคุยยิ้มแย้มได้สบายๆ ทำให้นางไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมา หากว่าอีกฝ่ายทำตามที่รับปากเอาไว้ นางก็คิดจะรับเงินจำนวนนี้เอาไว้เช่นกัน ไม่คิดจะหาเรื่องเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือแคว้นเยี่ยน

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าช้าๆ เอ่ยไปว่า “ขอบคุณสำหรับความใจกว้างของกุ่ยหมู่ เพียงแต่ถึงแม้กุ่ยหมู่จะยินยอมปล่อยข้าไป แต่เกรงว่าคงมีคนที่ไม่คิดจะปล่อยกุ่ยหมู่ไป!”

แววตากุ่ยหมู่เยียบเย็น “เจ้าคิดจะลองดีหรือ?”

“ไม่ๆ ไม่เลย! กุ่ยหมู่เข้าใจผิดแล้ว หาใช่ข้าไม่” หนิวโหย่วเต้าโบกมือไปมา “คนที่ไม่คิดจะละเว้นท่านมิใช่ข้า แต่เป็นเฮ่าอวิ๋นถูจักรพรรดิแคว้นฉี!”

ก่วนฟางอี๋ที่โบกพัดกลมยืนอยู่ด้านข้างมองหนิวโหย่วเต้าอย่างสนอกสนใจเป็นอย่างมาก อยากเห็นนักว่าเจ้าคนผู้นี้จะเล่นลูกไม้อะไรอีก

พอเห็นหนิวโหย่วเต้ามีท่าทีคล้ายจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเลย นางก็เบาใจลงไม่น้อยเช่นกัน รู้จักกันมานานขนาดนี้ นางรู้ถึงความสามารถของหนิวโหย่วเต้ามาพอสมควรแล้ว ความเชื่อใจในตัวเขาก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน

แต่แน่นอน นางยังคงซ่อนยันต์อาคมไว้ในแขนเสื้ออยู่ เตรียมพร้อมจะนำออกมาใช้ตลอดเวลา

กุ่ยหมู่เอ่ยถาม “เจ้ากังวลใจมากเกินไปหน่อยแล้วกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “หรือท่านคิดว่าอำนาจของเฮ่าอวิ๋นถูจะไม่สามารถทำลายล้างเขาลับแลของท่านได้?”

กุ่ยหมู่เอ่ยว่า “หากมีศัตรูเข้ารุกรานแคว้น เขาลับแลของข้ายินดีจะช่วยเป็นกำลังหนุนให้เขา เฮ่าอวิ๋นถูมิใช่คนโง่ ย่อมชั่งผลดีผลเสียได้ชัดเจน”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเรื่องใด หากเขาลับแลคุกคามไปถึงราชบัลลังก์ของเขา เกรงว่าเขาคงเรียกระดมกำลังผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากเพื่อกวาดล้างเขาลับแลให้พังราบคาบ!”

กุ่ยหมู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน “เขาลับแลของข้าจะเป็นภัยคุกคามราชบัลลังก์ของเขาอย่างนั้นหรือ? เจ้ากำลังหมายถึงเฮ่าอวิ๋นเซิ่งกระมัง? แค่ส่งคนมาช่วยคุ้มกันขบวนเรือให้เฮ่าอวิ๋นเซิ่งก็เป็นภัยคุกคามราชบัลลังก์เขาแล้วหรือ? ช่างเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี!”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ควบม้าท่องทั่วหล้า ทุกแห่งหนคือเส้นทาง ผู้พบพานคือสหาย หากว่ากุ่ยหมู่ไม่รังเกียจ ข้าอยากจะสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับกุ่ยหมู่ ไม่ทราบว่าท่านคิดเห็นประการใด?”

จู่ๆ เขาก็เอ่ยออกมาเช่นนี้ หลายคนที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วตกตะลึง

กุ่ยหมู่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยเย้ยหยัน “เจ้าจะสาบานเป็นพี่น้องกับข้าหรือ? ตอนที่ชื่อเสียงข้าเลื่องลือ เกรงว่าปู่ของเจ้าคงยังไม่เกิดด้วยซ้ำ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสาบานเป็นพี่น้องกับข้า?”

“คิก…” ก่วนฟางอี๋ยกมือปิดปาก หัวเราะคิกคัก

กุ่ยหมู่เงยหน้ามอง “คำพูดของข้าน่าขบขันมากหรือ?”

“เปล่าๆ” ก่วนฟางอี๋พยายามกลั้นหัวเราะพลางโบกพัดกลมไปมา นางเพียงแต่อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ นางนึกถึงลิ่งหูชิวพี่ชายร่วมสาบานคนนั้นของหนิวโหย่วเต้าขึ้นมา นางทราบดีว่าลิ่งหูชิวถูกจับตัวไปคุมขังเพราะใคร

สีหน้าของกงซุนปู้ก็ดูตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน เขาพบว่าเต้าเหยี่ยชมชอบสาบานเป็นพี่น้องกับคนอื่นเหลือเกิน

หนิวโหย่วเต้าหันไปจ้องก่วนฟางอี๋อย่างเย็นชาเล็กน่อย แอบตำหนิในใจว่าสตรีนางนี้ไม่รู้จักให้ความร่วมมือเสียบ้างเลย จากนั้นก็หันกลับมาพลางเอ่ยว่า “เอาเถิด ในเมื่อกุ่ยหมู่ดูแคลนผู้น้อย เช่นนั้นข้าก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเรื่องบางอย่างของทางแคว้นฉีโดยไม่จำเป็นแล้ว” เขาผายมือไปทางตั๋วแลกทองบนโต๊ะเล็กน้อย “โปรดเก็บตั๋วแลกทองไปเถิด จางสิงรุ่ยเองก็จะถูกส่งตัวกลับไปอย่างปลอดภัยเช่นกัน ท่านน่าจะได้รับข่าวภายในไม่กี่วันนี้ หากว่าท่านไม่ไว้วางใจก็สามารถอยู่จับตามองข้าได้ตลอด”

กล่าวจบก็ลุกขึ้นแล้วประสานมือคำนับ

ขณะที่กำลังหันหลังไป กุ่ยหมู่ที่แววตาวูบไหวไปมาพลันถามขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าการร่วมสาบานจอมปลอมเช่นนี้มันมีประโยชน์อย่างนั้นหรือ?”

ก่วนฟางอี๋บ่นในใจว่าจบเห่แล้ว การที่ถามออกมาเช่นนี้ก็แปลว่ากุ่ยหมู่ผู้นี้ติดกับดักคำพูดของหนิวโหย่วเต้าแล้ว เห็นได้ชัดว่ายังคงกังวลเรื่องที่เฮ่าอวิ๋นถูจะคิดเล่นงานเขาลับแลอยู่พอสมควร หากไม่ได้ทราบเรื่องอย่างชัดเจนก็เกรงว่าคงจะวางใจไม่ลงจริงๆ

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “จะมีประโยชน์หรือไม่ก็ต้องลองดู ให้กาลเวลาพิสูจน์ใจคน! ต่อให้ไม่มีประโยชน์ แต่สำหรับพวกเรามันก็ไม่ได้มีความเสียหายใดๆ อย่างมากก็แค่ไม่ติดต่อคบค้ากันอีกจนกว่าจะตายจากกันไป”

กุ่ยหมู่เอ่ยว่า “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่าได้หลอกลวงข้าจะเป็นการดีที่สุด!”

วาจาสื่อความหมายชัดเจนว่าหากเรื่องราวไม่เป็นไปตามที่เจ้าพูดมา สิ่งที่เรียกว่าการร่วมสาบานก็ไม่มีทางผูกมัดข้าได้

หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “จะหลอกได้หรือ?”

พอกล่าวมาถึงตรงนี้กุ่ยหมู่ก็เอ่ยไปตรงๆ ว่า “เช่นนั้นก็เริ่มเลย!”

หนิวโหย่วเต้าหันไปสั่งการ “กงซุน ตั้งโต๊ะพิธี!”

มุมปากกงซุนปู้กระตุกเล็กน้อย พยักหน้าตอบ “ขอรับ!” หันหลังเดินออกไป

ก่วนฟางอี๋โบกพัดกลมในมือ เงยหน้ามองเพดาน มองซ้ายทีขวาที ไม่รู้ว่ากำลังมองหาอะไร

ลู่หลีจวินที่ติดตามอยู่ข้างกายกุ่ยหมู่ก็มีสีหน้าแปลกใจอย่างมากเช่นกัน ชำเลืองมองหนิวโหย่วเต้าที่ท่าทางขึงขังจริงจังอยู่เป็นระยะ

…..

โต๊ะพิธีถูกตั้งขึ้นนอกจุดพักม้า ผู้ร่วมสาบานทั้งสองยืนเคียงข้างกัน ธูปหอมอย่างดีถูกยื่นส่งให้ทั้งสองคน

หนิวโหย่วเต้ารับไปอย่างว่าง่าย ยกชายชุดขึ้นเล็กน้อยแล้วคุกเข่าลงไป

กุ่ยหมู่เหลียวมองเขาอยู่เงียบๆ พักหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างลังเล

หนิวโหย่วเต้าถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไป?”

กุ่ยหมู่ถามว่า “ได้ยินว่าลิ่งหูชิวอะไรนั่น รวมถึงผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักหยกสวรรค์ก็ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้าด้วยมิใช่หรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ไม่กระทบกันหรอก”

หลังจากกุ่ยหมู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงคุกเข่าลงไป เอ่ยคำปฏิญาณสาบานควบคู่กัน

ในตอนนี้หนิวโหย่วเต้าถึงได้ทราบว่านามที่แท้จริงของกุ่ยหมู่ก็คืออู๋เสวี่ยจิน

พิธีใหญ่โตของทางนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากที่เฝ้าระวังภัยเรื่องม้าศึกให้ล้อมวงเข้ามาดู ซางเฉาจง หลานรั่วถิงและพวกเหมิงซานหมิงก็มาด้วย เฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาก็มาด้วยเช่นกัน กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรผีของเขาลับแลก็ฉงนมากเช่นกัน คนส่วนใหญ่ล้วนไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่

สามเจ้าสำนักที่เคยได้เห็นฉากร่วมสาบานระหว่างหนิวโหย่วเต้าและลิ่งหูชิวมาแล้วต่างรู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมาก ครั้งนี้ร่วมสาบานกับผู้ใดอีกเล่า? ซ้ำยังเป็นผู้บำเพ็ญเพียรผีเพศหญิงรายหนึ่งอีก

หลังปักธูปลงไปก็นับว่าพิธีเสร็จสมบูรณ์แล้ว หนิวโหย่วเต้าประสานมือคำนับกุ่ยหมู่อย่างเคร่งขรึมพลางเอ่ยเรียก “พี่หญิง!”

กุ่ยหมู่หันหลังเดินออกไป กลับเข้าไปในจุดพักม้า

สามเจ้าสำนักเดินเข้ามารั้งตัวหนิวโหย่วเต้าที่กำลังจะเข้าไปในจุดพักม้าไว้ เซี่ยฮวาถามขึ้นว่า “นี่เต้าเหยี่ย นี่ท่านไปเอาใครมาอีกแล้ว คนผู้นี้ที่ร่วมสาบานกับท่านเป็นใครกันแน่?”

“อ่อ กุ่ยหมู่น่ะ!” หนิวโหย่วเต้าตอบเสร็จก็เดินจากไป

“กุ่ยหมู่?”

“กุ่ยหมู่แห่งเขาลับแลในแคว้นฉีน่ะหรือ?”

“ดูเหมือนในโลกบำเพ็ญเพียรจะไม่มีกุ่ยหมู่คนอื่นแล้วกระมัง?”

ทั้งสามคนถามกันไปถามกันมา ล้วนตกใจเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร เหตุใดกุ่ยหมู่แห่งเขาลับแลถึงมาสาบานเป็นพี่น้องกับหนิวโหย่วเต้าได้เล่า?

สามเจ้าสำนักอยากจะเข้าไปสอบถามให้แน่ชัด ทว่าถูกผู้บำเพ็ญเพียรผีที่อยู่นอกจุดพักม้าขวางไว้ ไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนได้เข้าไป

หลังจากสามเจ้าสำนักกลับมาทางนี้ซางเฉาจงก็เอ่ยถาม “สตรีที่ร่วมสาบานกับเต้าเหยี่ยเป็นใครกัน?”

เฟ่ยฉางหลิวตอบว่า “ท่านอ๋อง นั่นมิใช่มนุษย์พ่ะย่ะค่ะ เป็นผู้บำเพ็ญเพียรผีที่คงร่างมนุษย์ไว้ได้แล้ว นางคือกุ่ยหมู่แห่งเขาลับแลแคว้นฉี ลำดับบนทำเนียบโอสถทองสูงกว่าจั๋วเชาที่ถูกหนิวโหย่วเต้าสังหารทิ้งคนนั้นสียอีกพ่ะย่ะค่ะ”

“สตรีนางนี้ก็คือกุ่ยหมู่อย่างนั้นหรือ?” หลานรั่วถิงตกใจ

รายชื่อที่ปรากฏบนทำเนียบโอสถ หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งก็คือชื่อที่มีไว้ให้ผู้มีอำนาจอย่างพวกเขาได้ดู บุคคลที่มีความพิเศษอย่างกุ่ยหมู่ ไม่ว่าจะใครได้เคยเห็นชื่อแล้วย่อมจำได้เป็นอย่างดี

ท้ายที่สุดซางเฉาจง หลานรั่วถิงและเหมิงซานหมิงต่างมองหน้ากันด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าบุคคลระดับกุ่ยหมู่มาร่วมสาบานกับหนิวโหย่วเจ้าได้อย่างไร ไม่เข้าใจเลยว่าหนิวโหย่วเต้ากำลังจะทำอะไร

“เต้าเหยี่ยคนนี้ของพวกเราชมชอบร่วมสาบานเสียจริง!” เซี่ยฮวาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ไป๋เหยาที่รับผิดชอบติดตามคุ้มกันซางเฉาจงขมวดคิ้วนิดๆ คิดไม่ถึงว่ากุ่ยหมู่จะร่วมสาบานกับหนิวโหย่วเต้า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

แต่ความจริงแล้วในมุมมองของกุ่ยหมู่ การร่วมสาบานครั้งนี้ไม่ได้มีความหมายอันใดสำหรับนางเลย นางไม่ได้เตรียมตัวจะแบกรับภาระใดๆ จากการร่วมสาบานทั้งสิ้น ดังนั้นในตอนแรกถึงได้ถามว่าการร่วมสาบานจอมปลอมเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร?

ในจุดนี้หนิวโหย่วเต้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ

แน่นอน มีเรื่องหนึ่งที่กุ่ยหมู่ทราบดีคือ ในเมื่อหนิวโหย่วเต้ายื่นข้อเสนอให้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันก็หมายความเขามีความต้องการในด้านผลประโยชน์ อย่างน้อยก็สามารถหยิบยืมใช้บารมีของนางได้ ซึ่งนี่คือราคาที่นางต้องจ่ายสำหรับเรื่องราวที่นางอยากรู้

พอกลับเข้ามานั่งในห้องพักจุดพักม้า กุ่ยหมู่ถามอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้พูดได้แล้วกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้าก็กลับไปนั่งตรงข้ามกับนาง ถามออกไปว่า “พี่หญิงรู้หรือไม่ว่าม้าศึกชุดนี้จะถูกจัดส่งให้ผู้ใด?”

กุ่ยหมู่ตอบว่า “ไม่รู้ มันเกี่ยวกับข้าหรือไง?”

“ถูกต้อง ไม่เกี่ยวเลย” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า ก่อนจะถามไปอีกว่า “คาดว่าพี่หญิงก็คงไม่รู้เช่นกันกระมังว่าเป็นผู้ใดที่จัดหาม้าศึกชุดนี้?”

กุ่ยหมู่ถามกลับ “มิใช่ซีย่วนต้าอ๋องหรอกหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มออกมา ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคาดเดาไว้เช่นนี้ คาดว่าทางเขาลับแลคงไม่ทราบเรื่องด้วย

ตอนแรกที่เขาได้ฟังเรื่องราวจากก่วนฟางอี๋ก็นึกว่าซูจ้าวกับจางสิงรุ่ยมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ภายหลังพอสืบสถานการณ์ของทางกุ่ยหมู่มาได้ เขาก็พบเห็นความผิดปกติ

เขาลับแลมีสัญญาร่วมกับทางราชสำนักแคว้นฉี ดำรงอยู่โดยไม่เป็นภัยคุกคามกัน ด้วยเงื่อนไขของโลกนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรผีไม่ได้รับอนุญาตให้มีอำนาจมากเกินไป ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วหล้าไม่มีทางยอมให้ผู้บำเพ็ญเพียรผีได้โลดแล่นในโลกบำเพ็ญเพียร ต่อให้กุ่ยหมู่จะโง่แค่ไหนก็ยังเข้าใจดี ด้วยกำลังของตัวนางยามนี้ ไม่เหมาะจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่สมควรเกี่ยวข้อง สถานการณ์ในปัจจุบันของเขาลับแลนี้ดีที่สุดแล้ว หากค่อยๆ ขยับขยายอำนาจของเขาลับแลออกไป นั่นจะไม่กลายเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวแทนหรอกหรือ?

ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีข้อสงสัยว่ากุ่ยหมู่จะไม่รู้ถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างซีย่วนต้าอ๋องและหอจันทร์กระจ่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือหากว่ากันตามหลักแล้ว หอจันทร์กระจ่างไม่มีทางเปิดเผยฐานะของตนต่อโลกภายนอกง่ายๆ การขนส่งม้าศึกจำนวนมากเช่นนี้มีปัจจัยเสี่ยงมากเกินไป จะทำให้ความแตกได้ง่ายๆ หากว่าเขาลับแลรู้เรื่องมากเกินไป พอความแตกขึ้นมา ฐานะของซูจ้าวอาจจะเปิดเผยออกมาได้ง่ายๆ จึงดูไม่คล้ายกับรูปแบบในการดำเนินการของหอจันทร์กระจ่างเลย

การลองหยั่งเชิงเล็กน้อยก่อนหน้านี้ทำให้เขามั่นใจแล้ว หาไม่แล้วกุ่ยหมู่คงไม่มีทางร่วมสาบานกับตน ตอนนี้พอได้ฟังคำพูดของกุ่ยหมู่ ในใจย่อมกระจ่างแจ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิม

หนิวโหย่วเต้าพลันไปเอ่ยกับคนรอบข้างว่า “รบกวนทุกคนช่วยหลบออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะสนทนากับพี่หญิงเป็นการส่วนตัว”

พวกก่วนฟางอี๋และกงซุนปู้สบตากันเล็กน้อย ต่างหันหลังเดินออกไป

เมื่อเขาไม่กลัวที่จะต้องอยู่กันตามลำพัง กุ่ยหมู่ก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องกลัว นางเอียงคอส่งสัญญาณให้พวกลู่หลีจวินเช่นกัน

พอในห้องเหลือกันอยู่แค่สองคน หนิวโหย่วเต่าถึงเอ่ยเตือนว่า “ความจริงแล้วม้าศึกชุดนี้อยู่ในการควบคุมของหอจันทร์กระจ่าง!”

คราวนี้กุ่ยหมู่เรียกได้ว่าตกใจเป็นอย่างมากจริงๆ “เจ้าจะบอกว่าซีย่วนต้าอ๋องเกี่ยวข้องกับหอจันทร์กระจ่างอย่างนั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่หญิงรู้หรือไม่ว่าช่วงที่ข้าอยู่ในแคว้นฉี เฮ่าอวิ๋นถูเคยส่งผู้ดูแลหลวงปู้สวินมาติดต่อกับข้า? พี่หญิงรู้หรือไม่ว่าลิ่งหูชิวพี่ชายร่วมสาบานคนนั้นของข้าถูกเฮ่าอวิ๋นถูจับตัวไปแล้ว? เพราะว่าลิ่งหูชิวก็คือคนของหอจันทร์กระจ่าง! พี่หญิงรู้หรือไม่ว่าซูจ้าวที่เถ้าแก่ของเรือนเมฆาขาว และเป็นนางห้ามของซีย่วนต้าอ๋องผู้นี้เป็นใคร? ซูจ้าวก็เป็นคนของหอจันทร์กระจ่างเช่นกัน! คนมีปัญญามองเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจแล้วว่าซีย่วนต้าอ๋องไม่ได้ต้องการจะอยู่อย่างสงบ!”

“พี่หญิง ท่านเข้าไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้แล้ว ท่านคิดว่าท่านแค่ส่งคนมาคุ้มกันขบวนเรือแล้วจะไม่มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ? ต่อให้ท่านยกเหตุผลมาอธิบายมากเพียงใด แต่ท่านจะแก้ตัวได้หมดจดหรือ? ท่านคิดว่าเฮ่าอวิ๋นถูจะยอมเชื่อง่ายๆ หรือ? พี่หญิง ท่านจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องใดก็ได้ ไยต้องเข้าไปพัวพันกับศึกชิงบัลลังก์ด้วย? ท่านอย่าได้กล่าวเด็ดขาดว่าท่านไม่รู้เรื่อง เรื่องอื่นยังพอว่ากันได้ แต่สำหรับคนที่เป็นภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของเฮ่าอวิ๋นถูแล้ว ทันทีที่ความแตกขึ้นมา จุดจบจะเป็นอย่างไรท่านก็คงทราบดี! ข้าลักพาตัวจางสิงรุ่ย ปล้นม้าศึกชุดนี้มา ไหนเลยจะเป็นผลร้ายต่อพี่หญิงไปได้? พี่หญิงสามารถอาศัยเรื่องในครั้งนี้แก้ตัวได้หมดจดพอดี ถือโอกาสนี้ขีดเส้นแบ่งแยกกับเฮ่าอวิ๋นเซิ่งให้ชัดเจนเสียถึงจะดี พี่หญิงสมควรต้องขอบคุณข้าด้วยซ้ำถึงจะถูก!”

…………………………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด