ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า 480 ออกจากแดนความฝัน

Now you are reading ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า Chapter 480 ออกจากแดนความฝัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 480 ออกจากแดนความฝัน

เผือกร้อนลวกมือเป็นอย่างไรน่ะหรือ? เป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า

พอได้เงินก้อนนี้มา เฉาเซิ่งไหวรู้สึกว่าร้อนลวกมือจนยากจะรับไว้ได้ อีกทั้งเขาไม่ใช่คนโง่ เขาคิดสังหารอีกฝ่ายแต่อีกฝ่ายกลับให้เงินเขา มีเรื่องดีขนาดนี้ด้วยหรือ?

เฉาเซิ่งไหวกัดฟันเอ่ยถาม “เจ้าต้องการให้ข้าทำอะไรกันแน่?”

หนิวโหย่วเต้าไม่มีทางบอกคำตอบแก่เขาในตอนนี้ เนื่องจากยังไม่รู้ว่าเฉาจิ้งจะปกป้องหลานชายคนนี้จากเรื่องที่ก่อเหตุดึงดูดคลื่นอสูรหรือไม่ ในตอนที่ยังไม่อาจยืนยันความปลอดภัยของเฉาเซิ่งไหวได้ เขาไม่มีทางก่อเรื่องที่จะไม่เป็นผลดีต่อสำนักหมื่นสรรพสัตว์ขึ้น ต้องปล่อยให้เฉาเซิ่งไหวกลับไปก่อน รอดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดตอนนี้ถึงได้มอบเงินหนึ่งแสนเหรียญทองให้แก่เขา นี่ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับนิสัยละโมบของเฉาเซิ่งไหว

เงินหนึ่งแสนเหรียญทองสำหรับศิษย์ในสำนักแห่งหนึ่งแล้วมิใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย รายได้จากราชาหมีขนทองตัวเดียวต้องแบ่งกันหลายคน แต่ละคนจะได้ถึงมือแค่ไม่กี่แสนเหรียญทองเท่านั้น คนที่ยอมทำผิดกฎสำนักเพื่อเงินไม่กี่แสนเหรียญทองเป็นคนเช่นไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว

แรงดึงดูดจากเงินหนึ่งแสนเหรียญทอง แรงกดดันจากบทลงโทษของสำนัก มีทั้งแรงกดดันและแรงดึงดูด

แค่เพียงทำให้คนผู้นี้กลับไปครั้งนี้แล้วยากจะตัดสินใจได้ก็พอแล้ว ขอเพียงกลับไปครั้งนี้แล้วคนผู้นี้ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ผิดอยู่แล้วยังทำผิดเพิ่ม วันหน้าก็ยากจะหันหลังกลับได้

หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อย ลงมือจี้จุดตามร่างเขาสามสี่ครั้งเพื่อคลายผนึกให้อีกฝ่าย “เจ้าคิดมากไปแล้ว ลูกน้องข้ามีให้ใช้ถมเถ เงินทองก็มีมากมาย ลำพังตัวเจ้าจะมาช่วยอะไรข้าได้? ย่ำม้าท่องทั่วหล้า ถนนคือหนทาง ผู้พบพานคือสหาย ตัวข้าผู้นี้ไม่ชอบผูกแค้นแต่ชอบผูกมิตร ไปเถอะ อีกไม่กี่ชั่วยามแดนความฝันจะปิดลงแล้ว”

เมื่อพลังฟื้นฟูกลับมา เฉาเซิ่งไหวผ่อนลมหายใจออก โบกตั๋วแลกทองในมือ “เจ้ามีน้ำใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้ว “ดูเหมือนน้ำใจของข้าจะไม่ทำให้เจ้าซาบซึ้งเลย เอาเถอะ อย่างนั้นข้าจะไปขอคำอธิบายเรื่องนี้จากสำนักหมื่นสรรพสัตว์” กล่าวพลางยื่นมือจะไปดึงตั๋วแลกทองกลับมา

เฉาเซิ่งไหวรีบถอยกรูดไป ไม่ใช่ว่าเขาหักใจคืนเงินในมือไม่ลง หากแต่กลัวว่าหนิวโหย่วเต้าจะกลับคำไปร้องเรียนสำนักหมื่นสรรพสัตว์จริงๆ เขารีบชี้แจงว่า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น หากแต่ถ้าเรื่องในครั้งนี้ทราบไปถึงทางสำนักแล้ว ข้าเพียงกังวลว่ากลับไปอาจจะแก้ตัวไม่ได้”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “นั่นเป็นเรื่องภายในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเจ้า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า เจ้ามาบอกข้าก็ไม่มีประโยชน์ แดนความฝันใกล้จะปิดลงแล้ว มีเรื่องอะไรเดี๋ยวไว้คุยกัน เฉาซยง ฉวยโอกาสตอนที่ข้ายังไม่เปลี่ยนใจ ท่านรีบไปเสียจะดีกว่า ความอดทนของข้ามีขีดจำกัด!”

เฉาเซิ่งไหวลอบกัดฟัน ประสานมือคำนับ “ตกลง หวังว่าหนิวซยงจะรักษาคำพูด ลาก่อน!”

ผู้ใดจะทราบว่าขณะที่เพิ่งจะหันหลังไป หนิวโหย่วเต้าก็เอ่ยเตือนขึ้นมาอีกประโยคว่า “ข้าจะรอฟังข่าวดีจากเฉาซยงอยู่ที่โรงเตี๊ยมชะตาสวรรค์”

เฉาเซิ่งไหวชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะทะยานจากไปทันที

หนิวโหย่วเต้าเฝ้ามองตามไป หรี่ตาลงเล็กน้อย พอหันกลับมาก็สบตาเข้ากับแววตาใสซื่อของอิ๋นเอ๋อร์ทันที จากนั้นก็มองดูเสื้อที่ถูกดึงไว้ เขาถอนหายใจดัง “เฮ้อ! ไม่ลองทบทวนดูอีกทีหรือ จะไปกับข้าจริงๆ น่ะหรือ?”

อิ๋นเอ๋อร์พยักหน้าอย่างจริงจัง “ไป!”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “เช่นนั้นเจ้าปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่?”

อิ๋นเอ๋อร์หน้าบูดขึ้นมาทันที นางเบะปากพลางส่ายหน้า สื่อว่าไม่ยินยอม

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ!” หนิวโหย่วเต้ายิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก สีหน้าอับจนหนทาง ถูกอีกฝ่ายเกาะติดไม่ปล่อยเช่นนี้ จะหนีก็หนีไม่พ้น จะสู้ก็เอาชนะไม่ได้ ซ้ำยังไม่กล้ายั่วโทสะอีกฝ่ายด้วย ถูกคนเขาตามเกาะติดเช่นนี้จะวางแผนลับอันใดได้อีก นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…

ตอนที่ทั้งสองมาถึงปากทางเข้าออกแดนความฝันก็ยังไม่พบเหตุการณ์ผิดปกติอันใด มองเห็นผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ทยอยออกจากแดนความฝันไปเป็นกลุ่มๆ

ช่วงที่แดนความฝันเปิดตัว ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มต่างๆ เข้าออกได้อย่างอิสระเสรี สำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่มีฐานะเป็นเจ้าบ้านไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ ให้แก่แขกจากทั่วสารทิศ

พอเห็นว่ายังเข้าออกได้อย่างอิสระ ไม่มีท่าทีว่าจะตรวจคัดกรองคนที่ผ่านเข้าออก หัวคิ้วของหนิวโหย่วเต้าก็เลิกขึ้นมาเล็กน้อย

เขาเฝ้าสังเกตเฉาจิ้งมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางที่จะโผล่มาที่นี่อย่างกะทันหัน จากข้อมูลของเฉาจิ้งที่เขารวบรวมมาในช่วงหลายปีมานี้ทำให้เขาพอจะเข้าใจอุปนิสัยคร่าวๆ ของเฉาจิ้ง เมื่อรวมกับสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเองก็พอจะวิเคราะห์ความคิดของเฉาจิ้งได้คร่าวๆ จึงมีความมั่นใจในเรื่องของตนขึ้นมาหลายส่วน

ด้านข้างของปากทางเข้าออก เฉาเซิ่งไหวในสภาพกระเซอะกระเซิงติดอยู่ตรงนั้น ถูกศิษย์ในสายของเฉาจิ้งห้อมล้อมพลางสอบถาม ไม่รู้เหมือนกันว่าคุยอะไรบ้าง คาดว่าคงไม่พ้นไปจากเรื่องคลื่นอสูร

เฉาเซิ่งไหวสังเกตเห็นว่าหนิวโหย่วเต้ามาถึงแล้ว เขาหลบสายตาไปอย่างรวดเร็ว ทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน

มุมปากหนิวโหย่วเต้าผุดรอยยิ้มจางๆ ทำเป็นไม่รู้จักเช่นกัน พาอิ๋นเอ๋อร์เดินผ่านระลอกคลื่นของม่านวารีออกไป

พอออกมาจากแดนความฝัน ฟ้าดินพลันสว่างสดใส เขาเขียวขจีธาราใสกระจ่าง

ดูเหมือนอิ๋นเอ๋อร์จะไม่ชินกับแสงสว่างเช่นนี้ นางยกมือป้องแสงเบื้องหน้าทันที ส่วนมืออีกข้างยังคงจับเสื้อหนิวโหย่วเต้าเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

หลังจากสายตาปรับตัวได้เล็กน้อยแล้ว นางก็เพ่งพิศโลกแปลกใหม่ใบนี้ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่ว่านอนสอนง่าย เดินต้อยๆ ติดตามข้างกายหนิวโหย่วเต้า

พอพ้นจากปากทางไปได้เล็กน้อย สังเกตสถานการณ์รอบข้างครู่หนึ่ง พอเห็นว่าศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไม่มีท่าทีผิดปกติ หนิวโหย่วเต้าก็คว้าแขนของอิ๋นเอ๋อร์เอาไว้แล้วพาทะยานออกไป

ขณะที่เพิ่งทะยานผ่านป่าแถบหนึ่ง ก็มีเงาร่างหลายร่างเหินเข้ามารวมตัว เป็นพวกก่วนฟางอี๋นั่นเอง

“เต้าเหยี่ย เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” ก่วนฟางอี๋แจ้งข่าว

ทั้งกลุ่มร่อนลงในจุดลับตาคนแห่งหนึ่งทันทีทันที หนิวโหย่วเต้ากวาดตามองคนอื่นๆ เล็กน้อย นอกจากคนที่ออกมาจากแดนความฝันแล้ว คนที่เหลืออยู่มีเพียงสวี่เหล่าลิ่วเท่านั้น ลุงเฉินไม่อยู่

สวี่เหล่าลิ่วอดไม่ได้ที่จะมองอิ๋นเอ๋อร์ซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง รู้สึกสงสัยเช่นกัน ไม่ว่านางเป็นใคร

หนิวโหย่วเต้าถาม “เกิดเรื่องกับลุงเฉินหรือ?”ไอรีนโนเวล

“เกิดเรื่องกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ถังอี๋พาคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ติดตามพวกเราไปตลอดทาง ตามไปจนถึงหน้าผาที่เกิดเรื่องขึ้นแห่งนั้น…” ก่วนฟางอี๋เล่าสถานการณ์โดยละเอียดที่ฟังมาจากสวี่เหล่าลิ่ว “ลุงเฉินตามเว่ยตัวไปพบทางสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เพื่อหาวิธีจัดการ พวกเราจะช่วยจัดการเรื่องนี้หรือไม่?”

หยวนกังสังเกตดูปฏิกิริยาของหนิวโหย่วเต้า

สีหน้าของหนิวโหย่วเต้ามืดมนลง โทสะในท้องพลันพวยพุ่งขึ้นมา เตือนถังอี๋ไปตั้งแต่แรกแล้วว่าให้นางรีบพาคนออกไปเสีย แต่นางกลับไม่ฟัง ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ!

ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อเฉาจิ้ง สิ่งที่เฮยหมู่ตานเคยประสบนับเป็นบทเรียน เวลาผ่านไปเกือบสองวันแล้ว จุดจบของถังอี๋จะเป็นอย่างไรเขาไม่กล้าคิดเลย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยความโมโห “จัดการหรือ? จัดการอย่างไร? ผู้หญิงคนนี้รนหาที่ตายเอง จะโทษผู้ใดได้?”

เขาโมโหกับเรื่องนี้จริงๆ จะไม่ช่วยได้หรือ? แต่ทันทีที่ช่วย ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็ยากจะตัดกันให้ขาดได้ ต้องมีคนนำเรื่องนี้มาหาทางเล่นงาน ร่วมมือกับสำนักหยกสวรรค์ ตัดอำนาจของเขาที่มีในมณฑลหนานโจว

รากฐานที่เขาเพียรสร้างขึ้นมาอย่างลำบากลำบนในมณฑหนานโจวในช่วงหลายปีมานี้ไม่เพียงแต่จะทลายลงทันที แต่เกรงว่าพวกซางเฉาจงจะพลอยมีภัยคุกคามถึงชีวิตด้วย สำนักหยกสวรรค์ต้องหาโอกาสลิดรอดอำนาจในการควบคุมมณฑลหนานโจวแน่นอน

ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีปัญหาอยู่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เห็นเขาและพวกเฉาเซิ่วไหวอยู่ด้วยกัน หากอยู่ภายใต้แรงกดดันของสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้วพูดออกไป เกรงว่าเฉาเซิ่งไหวคงไม่อาจหลอกทางสำนักหมื่นสรรพสัตว์ได้แล้ว

ก่วนฟางอี๋พอจะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้ ตอนที่เฮยหมู่ตานสิ้นชีพนางก็อยู่บนเรือด้วย ตอนที่หนิวโหย่วเต้าซักถามถึงเรื่องเลวร้ายที่เฮยหมู่ตานเคยประสบมานางก็ได้ฟังมากับหูเช่นกัน ต่อให้ไม่พูดเรื่องนี้ แต่ตอนที่นางอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีก็เคยได้ยินข่าวฉาวในบางเรื่องของเฉาจิ้งมาแล้ว ด้วยความงามของถังอี๋ มันก็มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องได้จริงๆ

หากเกิดเรื่องประเภทนั้นขึ้นมา ไม่ว่าเต้าเหยี่ยผู้นี้จะมีความรู้สึกใดต่อถังอี๋หรือไม่ แต่สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงนี้ ในแง่หนึ่งแล้วมันก็คือเครื่องหมายรับประกันอย่างหนึ่งของสตรี คนสลัดทิ้งได้ง่าย แต่ชื่อเสียงสลัดทิ้งได้ยาก หากภรรยาตนถูกผู้อื่นขืนใจ จะให้เต้าเหยี่ยทนรับไหวได้อย่างไร? ยังจะยืนเชิดหน้าในโลกบำเพ็ญเพียรได้อีกหรือ?

จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าก็หันไปถามสวี่เหล่าลิ่ว “เจ้าบอกว่าลุงเฉินก็ไปหาวิธีจัดการหรือ?”

สวี่เหล่าลิ่วพยักหน้ารับ “ลุงเฉินไปกับเว่ยตัวขอรับ เขาบอกให้ข้ารออยู่ที่นี่”

เรื่องที่เขาพูดเป็นความจริง ไม่ว่าข่าวที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้จะเป็นอย่างไร หากไม่อยู่รอจนแดนความฝันปิดตัวลงแล้วไม่เห็นพวกก่วนฟางอี๋ออกมาจริงๆ พวกเขาก็ไม่มีทางยอมถอดใจง่ายๆ

การเฝ้ารอด้วยจิตใจกระวนกระวายของเขาไม่เสียเปล่าเลย ในที่สุดพวกก่วนฟางอี๋ก็กลับออกมาอย่างปลอดภัย ในที่สุดหัวใจที่ร้อนรนก็สงบลงแล้ว

“หวังว่าลุงเฉินจะคิดหาวิธีช่วยเหลือได้ทันท่วงที” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยกับก่วนฟางอี๋อย่างลุ่มลึกมีนัย

ก่วนฟางอี๋พยักหน้าเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด

สวี่เหล่าลิ่วไม่ค่อยเข้าใจนัก เผชิญหน้ากับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ยักษ์อย่างสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ลุงเฉินจะมีวิธีการอันใดได้

เรื่องบางอย่างเขาหาได้ทราบไม่

แต่ถึงแม้จะกล่าวเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้ายังคงไม่วางใจอยู่ดี “รีบไปสืบสถานการณ์ของลุงเฉินและคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มา ดูว่าไปถึงไหนแล้ว”

ขณะที่ทางนี้กำลังเร่งเดินทางออกไป จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งร่อนเข้ามาขวาง เป็นบุรุษคนหนึ่ง

ทั้งกลุ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด

ชายคนนั้นยกมือถอดใบหน้าปลอมออกจากใบหน้า หลังจากพวกหนิวโหย่วเต้าเห็นชัดเจนว่าเป็นผู้ใดก็ตะลึงไปทันที สตรีนางนี้ยังไม่ตาย ยังรอดชีวิตมาได้!

ผู้มามิใช่ใครอื่น เป็นอวิ๋นจีที่แต่งกายเยี่ยงบุรุษ

สีหน้าของอวิ๋นจีไม่สู้ดีนัก ถึงแม้จะโชคดีรอดมาได้ แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี

หลังหนีออกมาจากแดนความฝันได้ นางก็เฝ้ารออยู่ด้านนอก ด้วยอยากเห็นว่าก่อนแดนความฝันจะปิดตัวลงอสูรศักดิ์สิทธิ์จะโผล่ออกมาจากแดนความฝันหรือไม่ หากว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาจริง เรื่องที่มียอดฝีมือที่พลังเทียบเท่าระดับจิตทารกโผล่ออกมาอีกคนเช่นนั้นต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่สะท้านสะเทือนไปทั่วโลกบำเพ็ญเพียรแน่

ขอถามหน่อยเถิดว่าจะไม่ให้นางรอสังเกตการณ์ได้อย่างไร ในเมื่อมุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์อยู่ในมืออสูรศักดิ์สิทธิ์

ใครจะไปคิดล่ะว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์จะไม่โผล่มา แต่เป็นพวกหนิวโหย่วเต้าที่โผล่ออกมาแทน

ทางฝั่งหนิวโหย่วเต้าก็ตกใจมากจริงๆ ถูกอสูรศักดิ์สิทธิ์ตามไล่ล่าแล้วยังหนีรอดไปได้ ดูเหมือนวิชาดำดินของสตรีนางนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ

หนนี้นับว่าหนิวโหย่วเต้าได้รู้ซึ้งแล้วว่าเหตุใดสตรีนางนี้ถึงรอดพ้นจากการถูกผู้บำเพ็ญเพียรแคว้นจ้าวเข้าปิดล้อมเขาข้ามเมฆามาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า นางมีความสามารถในการป้องกันตัวเองที่ยอดเยี่ยมอย่างมากจริงๆ

ซึ่งความจริงก็เป็นเช่นนี้จริง หากมิใช่เพราะสภาพแวดล้อมใต้ดินเป็นอุปสรรคต่ออสูรศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าครั้งนี้อวิ๋นจีก็คงหนีไม่รอดแล้วเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้รับบาดเจ็บจากอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่ดีดฮณ๊ฯดฯฌซ,

“ผู้อาวุโสปลอดภัยก็ดีแล้ว” หนิวโหย่วเต้ามีท่าทางโล่งอก แต่ก็ยังไม่ลืมอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน เขาโบกมือสั่งสวี่เหล่าลิ่ว “ไปติดต่อลุงเฉินกับทางสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เดี๋ยวนี้”

ก่วนฟางอี๋ก็ส่งสัญญาณให้เขารีบไปเช่นกัน สวี่เหล่าลิ่วพยักหน้ารับ ทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว

อวิ๋นจีก็เอ่ยขึ้นมาแล้ว “พวกเจ้าก็หนีรอดเงื้อมมือราชินีปีศาจตนนั้นมาได้อย่างนั้นหรือ?”

นางไม่ทราบว่าสตรีที่จับเสื้อหนิวโหย่วเต้าอยู่ก็คืออสูรศักดิ์สิทธิ์ มิเช่นนั้นเกรงว่าตีให้ตายนางก็คงไม่กล้าเข้าใกล้

แต่มันก็มองไม่ออกจริงๆ อิ๋นเอ๋อร์ในยามนี้ดูน่ารักไร้เดียงสา ไม่ว่าใครก็คงจะนึกเชื่อมโยงไปถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้

พวกหนิวโหย่วเต้าล้วนหันไปสังเกตปฏิกิริยาของอิ๋นเอ๋อร์ทันที เพราะว่าอวิ๋นจีเคยลอบโจมตีนางมาก่อน หากนางลงมือ อวิ๋นจีจะรอดไปได้อีกครั้งหรือไม่ก็บอกได้ยากแล้ว นี่นับว่าพาตัวเองมาหาความตายโดยแท้ ทั้งกลุ่มล้วนเหงื่อตกแทนอวิ๋นจี

อิ๋นเอ๋อร์มีสีหน้าไร้พิษภัย ดวงตาใสกระจ่างกลมโต แววตาสดใส มองทุกคนเหมือนกันหมด ดูเหมือนจะจำอวิ๋นจีไม่ได้ ทำให้ทุกคนเบาใจขึ้นเล็กน้อย

………………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด