Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย 489

Now you are reading Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย Chapter 489 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไอ้หัวล้านนั่นเหรอ ฉันไม่เคยเจอ” เจิ้งเย้าส่ายหัวอย่างไว “พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านที่แค่มาบังเอิญเจอพวกนี้ แล้ว—–“

 

พ้ะ!

อู๋หยูเฉียงเป็นคนใจร้อน เขาให้รางวัลตอบแทนแก่เจิ้งเย้าด้วยลูกตบเข้าที่หน้า “กูรู้ทันมึง อย่ามาตอแหลกับกู กูถามว่าพวกมันใช่ทหารมั้ย?”

 

“ชะ ใช่ ใช่พวกมันเป็นทหาร” เจิ้งเย้ารีบเอามือประกบหน้าด้านที่ถูกตบด้วยความเจ็บ และในขณะเดียวกันในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าจริงๆแล้วอีกฝ่ายต้องการอะไร

 

“โง่เง่า!” อู๋หยูเฉียงไม่คิดปิงบังคำพูดถากถางของเขาและยังคงถามต่อ “แสดงว่านี้ก็คือกองทัพทหารจริงๆ? แล้วชูฮันที่พวกนั้นพูดถึงก็คือหัวหน้าของกลุ่มทหารพวกนั้น?”

 

“ชะ ใช่” อีกครั้งที่เจิ้งเย้าพยักหน้ารัวๆและไม่กล้าจะพูดอะไรอีก

 

“แล้วแกได้เห็นคนที่ชื่อว่าชูฮันนั่นมั้ย?” อู๋หยูเฉียงถามต่อ

 

“แล้วความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น ก็แค่เพราะมีตำแหน่งสูงส่งอย่างพลเอกค้ำคอเท่านั้นแหละ” เจิ้งเย้าที่เมื่อเห็นช่องทางก็รีบคว้าโอกาสพูดอย่างใจคิด

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น อู๋หยูเฉียงก็หลุบตาลงคิด ยังไงอันดับของชูฮันก็ยังคงค้างอยู่ที่อันดับที่หนึ่งของรายชื่อระยะ 3 อยู่ ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้ความจริงแล้วชูฮันจะเป็นวิวัฒนาการะยะ 4 แต่ความคิดของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเพราะถึงอย่างไรตัวเขาก็อยู่ในรายชื่อของวิวัฒนาการระยะ 5 แต่ชูฮันกลับอยู่แค่ในรายชื่อของระยะ 3 เท่านั้นแต่กลับได้เป็นถึงพลเอก นี่มันหยามกันชัดๆ ใครในซางจิงเป็นคนทำการตัดสินใจเรื่องนี้กัน น่าสมเพช! นี้มันกลุ่มคนที่ไม่มีตัวตนหรือความสามารถอะไร มีแต่พวกขยะทั้งนั้น!

 

“ฉันได้เห็นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัวของเจิ้งเย้าดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ขัดจังหวะอู๋หยูเฉียงที่กำลังใช้ความคิดอยู่ข้ึนมา

 

“อะไร?” อู๋หยูเฉียงไม่ได้ยินว่าเจิ้งเย้าพูดอะไร แววตาของอู๋หยูเฉียงแข็งกร้าว ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น “แกเคยเจอชูฮันมั้ย?”

 

“ใช่ ฉันเคยเจอเขา” เจิ้งเย้าตกใจและเมื่อได้สติเธอก็รีบตอบคำถามอย่างรวดเร็ว “เขาพากองทัพมาที่นี้”

 

ชูฮันมากับกองทัพจริงๆด้วย!

 

อู๋หยูเฉียงประหลาดใจอยู่ในอก หากไม่นานจังหวะหัวใจของอู๋หยูเฉียงก็กลับมาเต้นที่จังหวะเดิมและค่อยๆเดินเข้าไปก้มลงบีบคางของเจิ้งเย้าไว้ “เอาแบบเนื้อๆ มีคนทั้งหมดกี่คนในกองทัพ? ใครคือที่เป็นทหารระดับสูงบ้าง? พลังการต่อสู้ของพวกมันคือเท่าไหร่? ประเด็นก็คือพวกมันมาทำอะไรในหลิงเฉิง?”

 

พลันแววตาของเจิ้งเย้าก็เปลี่ยนพร้อมกับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้า “ถ้าฉันบอก นายจะให้รางวัลฉันได้มั้ย?”

 

อู๋หยูเฉียงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะดึงตัวเองกลับมา เขาหันไปจ้องเขม็งใส่เจิ้งเย้า “แล้วแกอยากได้รางวัลอะไร?”

 

“ไม่มาก ไม่มากอะไร” แววตาของเจิ้งเย้าเป็นประกาย “ขออาหารให้ฉัน มีน้ำ โอ๊ะใช่ มีคริสตัล ฉันอยากได้คริสตัลของซอมบี้ระยะ 3”

 

หลังจากพูดไปเจิ้งเย้าก็มองไปที่อู๋หยูเฉียงด้วยสายตาคาดหวัง ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าคริสตัลพวกนี้จะเอาไปทำอะไรได้ แต่เธอเห็นกูเหลียงเฉินและคนอื่นๆเก็บซอมบี้เมื่อฆ่าซอมบี้ได้ เพราะงั้นเธอเดาเอาว่ามันคงเป็นของที่มีมูลค่ามากแน่นอน!

 

อู๋หยูเฉียงแสยะยิ้ม “ถ้าแกบอกความจริงกับฉัน ฉันจะให้คริสตัลซอมบี้ระยะ 4 ด้วยซ้ำ”

 

ขณะพูดอู๋หยูเฉียงก็หยิบคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ออกมาจากกระเป๋าเป้ข้างหลังและโยนคริสตัลสองสามชิ้นไปตรงหน้าเจิ้งเย้า

 

เจิ้งเย้ารีบมองตามไปทันที มันคือคริสตัลที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีขนาดใหญ่กว่าคริสตัลของซอมบี้ระยะ 3 ถึงสีจะดำแต่มันกลับเปล่งประกายแววเหมือนกับเพชร หัวใจของเจิ้งเย้าลิงโลดด้วยความดีใจเหมือนกับเธอพึ่งได้ลาภก้อนใหญ่เข้าปาก กูเหลียงเฉินและคนอื่นๆสามารถฆ่าได้แค่ซอมบี้ระยะ 3 เท่านั้น แถมยังต้องใช้กำลังจากทั้งกองทัพเพื่อจัดการกับซอมบี้ระยะ 3 อีก ทั้งต้องล่อหลอกและคอยป้องกัน ใช้เวลาตั้งครึ่งวันกว่าจะฆ่าซอมบี้ระยะ 3 ได้ แต่ผู้ชายคนตรงหน้ากลับสามารถหยิบคริสตัลซอมบี้ระยะ 4 ออกมาให้เธอได้!

 

“เย้” สีหน้าของเจิ้งเย้าแสดงออกชัดเจนถึงความโลภและการประจบสอพลอ เธอลืมลูกตบที่โดนไปก่อนหน้านี้แล้วสิ้นเชิง “เดิมทีกองทัพพวกมันมีกัน 100 คน แล้วพวกเราที่พลัดถิ่นมาก็เข้าร่วมกับพวกมัน ตอนนี้ทั้งกองทัพมีทั้งหมด 160 คน ส่วนเรื่องพลังต่อสู้นั้นฉันไม่รู้เลย แต่ฉันเห็นพวกมัน 100 คนสามารถฆ่าซอมบี้ได้ 1,000 ตัวต่อหน้าต่อตา มันเป็นภาพที่น่าสยองขวัยมาก มีแต่ซากศพ ซอมบี้หัวขาดเต็มไปหมด ตอนแรกฉันคิดว่าพวกซอมบี้มันตายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าความจริงจะเป็นฝีมือของทหาร 100 คนที่ฆ่าเอง”

 

“เข้าเรื่องซะที!” อู๋หยูเฉียงกัดฟันพูด พยายามอดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เขามองไปที่เจิ้งเย้าด้วยสายตาเย็นชาจนเจิ้งเย้าที่เห็นก็ได้แต่หวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

 

“คะ ค่ะ!” เจิ้งเย้าที่พึ่งได้สติกลับมารีบพูดต่อ “คนที่ชื่อชูฮันนั่น? ใช่ เขาเป็นพลเอกที่โด่งดังคนนั้น เขาเอาแต่โอ้อวดไม่หยุดปาก ส่วนคนอื่นๆฉันไม่รู้เรื่องอะไร มันมีพวกมียศมีตำแหน่งเต็มไปหมด ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่ามีพลตรีที่ชื่อว่าหลิวยู่ติงอยู่ด้วย”

 

หลังจากพูดจบเจิ้งเย้าก็หยุดมองดูปฏิกิริยาของอู๋หยูเฉียง เธอกลัวว่าเธอจะพูดอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจออกไป เพราะเธอต้องการอาหารและคริสตัล เพราะเช่นนั้นเธอต้องทำให้อีกฝ่ายพอใจให้มากที่สุด

 

อู๋หยูเฉียงตกอยู่ในภวังค์ความคิด จีนมีพลเอกทั้งหมดสิบห้าคน ชูฮันนั้นโด่งดังไปไกลทั่วทั้งจีน เป็นไปได้อย่างไรที่กองทัพเขาจะมีทหารแค่ 100 คนเท่านั้น? แถมยังมีแค่พลตรีคนเดียวในกองทัพ ไม่ใช่แม้แต่พลโทด้วยซ้ำ? หลิวยู่ติงคนนี้คือใคร เขาไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อน คาดว่าน่าจะไม่ใช่พวกเก่งกล้าอะไร

 

“หึ!” เขาคงประเมิณพลังของชูฮันนี่สูงเกินไป

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้นอู๋หยูเฉียงก็ยิ้มออกมา พลันเขาก็หยิบเอาอาหารและน้ำเล็กน้อยออกมาจากกระเป๋า “ดี กินแล้วก็พูดต่อซะ พวกมันมาทำอะไรในหลิงเฉิง”

 

“ขอบคุณนะคนหล่อ!” เจิ้งเย้ารับของเข้ามาในอ้อมแขนอย่างตื่นเต้น เธอเพียงจิบน้ำแค่เล็กน้อยหากยังไม่ได้เปิดอาหารกิน

 

ในกลุ่มของกูเหลียงเฉิน ถึงแม้ตลอดที่ผ่านมามันจะไม่ดีอย่างที่เธอคิดไว้ แต่เธอก็ไม่เคยถูกควบคุมอาหาร ตั้งแต่เกิดการปะทุของโลกาวินาศขึ้น ตลอดสองวันที่ผ่านมาในกองทัพเขี้ยวหมาป่าคือสองวันแห่งการกินของเจิ้งเย้า

 

แต่เจิ้งเย้าก็ยังไม่พอใจ ในเมื่ออาหารไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนพวกนั้น เพราะคนพวกนั้นมักจะได้ของอาหารจากคนอื่นที่หยิบยื่นให้เป็นของตอบแทนในการฆ่าซอมบี้ แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงไม่ออกมาแบ่งอาหารให้เธอตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา?

 

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้น้ำเสียงของเจิ้งเย้าก็พลันแข็งกระด้างขึ้นมา “พวกมันมาทำอะไรในหลิงเฉิงงั้นเหรอ? หึ! มันเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะคนที่ชื่อว่าชูฮัน มันว่ามีซุปเปอร์ซอมบี้อยู่ที่นี้ มันให้เรามาที่นี้สามวัน นายว่ามันบ้ามั้ย มันซอมบี้มหาศาลอยู่ในเมืองนี้แล้วพวกเราส่วนใหญ่ก็เป็นแค่คนธรรมดากัน มันให้เรามาตามหาซุปเปอร์ซอมบี้ นี้มันจงใจมาปล่อยพวกเราให้ตายอยู่ที่นี้ชัดๆ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด